#ธรรมจากพระโอษฐ์
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ปุถุชนในโลกนี้ผู้ยังไม่ได้สดับ
ไม่ได้พบพระอริยะทั้งหลาย
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของพระอริยะ
ไม่พบสัตบุรุษทั้งหลาย
ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ
๑. จึงพิจารณาเห็นรูปว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๒. จึงพิจารณาเห็นเวทนาว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๓. จึงพิจารณาเห็นสัญญาว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๔. จึงพิจารณาเห็นสังขารทั้งหลายว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๕. จึงพิจารณาเห็นรูปที่เห็นแล้ว เสียงที่ฟังแล้ว
อารมณ์ที่ทราบแล้ว ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งแล้ว
ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๖. จึงพิจารณาเห็นทิฏฐิฏฐานที่เป็นไปว่า
‘นั้นโลก นั้นอัตตา เรานั้นตายแล้วจักเป็นผู้เที่ยง
ยั่งยืน คงที่ ไม่มีความแปรผันเป็นธรรมดา จักดำรง
อยู่เทียบเท่าสิ่งคงที่อย่างนั้นแลว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา”
พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ (ภาษาไทย)
เล่มที่ ๑๒ ข้อ ๒๔๑ หน้า ๒๕๖-๒๕๗
การเห็นว่า “นั่นของเรา” เป็นอาการของตัณหา,
การเห็นว่า “เราเป็นนั่น” เป็นอาการของมานะ,
การเห็นว่า “นั่นเป็นอัตตาของเรา” เป็นอาการของทิฏฐิ
#ธรรมะจากนิรวาณฯ
#นิรวาณสถานโพธิกำจร
ธรรมจากพระโอษฐ์
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ปุถุชนในโลกนี้ผู้ยังไม่ได้สดับ
ไม่ได้พบพระอริยะทั้งหลาย
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของพระอริยะ
ไม่พบสัตบุรุษทั้งหลาย
ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ
๑. จึงพิจารณาเห็นรูปว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๒. จึงพิจารณาเห็นเวทนาว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๓. จึงพิจารณาเห็นสัญญาว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๔. จึงพิจารณาเห็นสังขารทั้งหลายว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๕. จึงพิจารณาเห็นรูปที่เห็นแล้ว เสียงที่ฟังแล้ว
อารมณ์ที่ทราบแล้ว ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งแล้ว
ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’
๖. จึงพิจารณาเห็นทิฏฐิฏฐานที่เป็นไปว่า
‘นั้นโลก นั้นอัตตา เรานั้นตายแล้วจักเป็นผู้เที่ยง
ยั่งยืน คงที่ ไม่มีความแปรผันเป็นธรรมดา จักดำรง
อยู่เทียบเท่าสิ่งคงที่อย่างนั้นแลว่า
‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา”
พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ (ภาษาไทย)
เล่มที่ ๑๒ ข้อ ๒๔๑ หน้า ๒๕๖-๒๕๗
การเห็นว่า “นั่นของเรา” เป็นอาการของตัณหา,
การเห็นว่า “เราเป็นนั่น” เป็นอาการของมานะ,
การเห็นว่า “นั่นเป็นอัตตาของเรา” เป็นอาการของทิฏฐิ
#ธรรมะจากนิรวาณฯ
#นิรวาณสถานโพธิกำจร