เช้าของวันใหม่ ภคพรลืมตาตื่นขึ้นเหมือนทุกๆวัน แต่ทว่าวันนี้กลับรู้สึกแปลกๆเมื่อได้เห็นหน้าประพนธ์ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ
เธอ เพราะคำพูดแปลกๆของเขาเมื่อคืนทำให้เธอกังวลใจ
“พูดบ้าอะไรของนาย ไอ้บ้า”
ภคพรงึมงำกับตัวเอง และลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี และต้องอารมณ์เปลี่ยนกะทันหัน
ในทันทีเมื่อเจอกางเกงในขาสั้นของประพนธ์ที่แขวนอยู่ที่ราวผ้าในห้องน้ำ แทนที่จะถูกใส่ไว้อย่างเรียบร้อยในตะกร้าผ้า
“สกปรก ซกมก อี๋”
หญิงสาวเบ้ปาก ใช้ไม้แขวนเสื้อเขี่ยกางเกงในของประพนธ์อย่างรังเกียจ
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
ประพนธ์ยืนมองด้วยความงงงัน ภคพรร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ผงะหันหลังมาหาประพนธ์หน้าเหวอ
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกอกตกใจหมด”
ภคพรโวยใส่ประพนธ์
“หน้าอย่างเธอตกใจเป็นด้วยหรอ นึกว่าเป็นแต่หาเรื่องกัดคนอื่น”
ประพนธ์กัดกลับ ทันกัน
“นี่นายกำลังกัดฉันอยู่หรอ”
ภคพรมองจ้องหน้าประพนธ์
“ก็แล้วแต่จะคิด”
ประพนธ์ลอยหน้าลอยตากวนประสาท
“อุ๊ยตาย หลุดมือ”
ภคพรทิ้งกางเกงในขาสั้นประพนธ์ลงกับพื้นหน้าตาเฉย
“เก็บเองนะ มือไม่ว่าง กำลังเกาแขนอยู่”
ภคพรอมยิ้มกวนประสาท เดินออกจากห้องน้ำไปหน้าตาเฉย ประพนธ์ยืนมองหน้างอหงิกด้วยความโมโห แต่ก็พยายามระงับเอาไว้เพื่อ
ผ่อนคลายสถานการณ์
ภคพรร่วมทานอาหารเช้ากับครอบครัวของประพนธ์อย่างมีความสุข ความไม่สงบสุขเดียวของเธอก็คือประพนธ์ที่เอาแต่นั่งมองจ้อง
หน้าเธอไม่วางสายตา
“มองหน้าเมียแกทำไม สวยใช่ไหมล่ะ”
ประไพรหยอกล้อ ประพนธ์ท่าทางลำบากใจ
“เอ่อ สวยครับสวย”
ประพนธ์ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาภคพรด้วยซ้ำ ภคพรมองจ้องชายหนุ่มแปลกใจ
“ตั้งแต่วันนี้ไป ตาพล ลูกต้องไปส่งแล้วก็ไปรับหนูภคพรที่บริษัททุกวัน ตามประสาคู่สามีภรรยา ทำได้หรือเปล่า”
ประไพรเริ่มจัดการ ประพนธ์กระอักกระอ่วนแต่ก็จำใจพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไปกลับเองได้ ไม่รบกวนลูกชายคุณแม่ดีกว่า”
ภคพรออกความคิดเห็น
“ไม่ได้ ลูกสองคนจะได้ใช้ช่วงเวลาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ เผื่อบางทีแม่อาจจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้”
ประไพรยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“นั่นสิ พยายามเข้านะลูก”
อิทธิพลกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง ใจดี
“ผมจะพยายามครับพ่อ”
ประพนธ์ตกปากรับคำ ภคพรเงยหน้าเหลือบตามองเขาประหลาดใจ
“เป็นบ้าอะไรของเขา”
ภคพรงึมงำกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไป
ประพนธ์ขับรถมาส่งภคพรที่บริษัทแต่เช้าตรู่ตามคำขอร้องของแม่เขา และเมื่อรถจอดสนิทภคพรก็ปลดเข็มขัดเตรียมลงทันที
“นี่คุณ เย็นนี้ผมจะมารับ กลับบ้านกี่โมงคุณน่ะ”
ประพนธ์เอ่ยปากถามด้วยทีท่าแปลกๆไป
“นี่คุณ ฉันไม่ใจอ่อนเพราะไอ้เรื่องบ้าๆที่คุณพยายามทำอยู่หรอกนะ อย่าปัญญาอ่อนหน่อยเลย มันลำบากมากก็ไม่ต้องพยายาม
มันน่าสมเพช”
หญิงสาวพูดจา-ดันประพนธ์อย่างรู้ทัน
“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมก็จะมา ถ้าไม่เริ่มแล้วเมื่อไหร่ผมจะเข้าใกล้หัวใจของคุณได้ซักทีล่ะ”
ประพนธ์จริงจัง ดวงตาคมกริบของเขามองจับจ้องดวงตากลมโตของเธอไม่ละสายตา
“ตามใจ”
ภคพรหลบสายตา เดินหนีลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นส่ำ เพราะทีท่าของประพนธ์นั้นบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นกับหัวใจของเธอ
อย่างแน่นอน
เพราะต้องต้อนรับแขกหนุ่มที่มาจากต่างประเทศทำให้ภคพรไม่สามากลับบ้านตรงเวลาได้ แต่ต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้าของเธอ
แทน
“ฉันส่งข้อความไปบอกคุณแล้วไม่ใช่หรอ ว่าฉันจะกลับช้า คุณมาทำอะไรที่นี่”
ภคพรโวยวายทันทีที่เห็นประพนธ์จอดรถยืนรอเธออยู่หน้าบริษัท
“คุณมีนัดทานข้าวกับลูกค้าหรอ ผมไปด้วยไม่ได้หรือไง”
ประพนธ์ดื้อดึง
“คุณจะบ้าหรือไง”
ภคพรมองจ้องชายหนุ่มตาเขียว แต่เขาไม่สนใจฟังที่เธอพูดเลยกลับตรงดิ่งไปหาลูกค้าของภคพรแทน
“เอ่อ...hello I am Prapon.Nice too meet you. I am Pakapon husband…..”
ประพนธ์ยังคงพูดยืดยาว จนในที่สุดก็ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารกับภคพรจนได้
“เป็นบ้าอะไรของนาย ทำแบบนี้ทำไม”
ภคพรหาโอกาสมาแยกเขี้ยวใส่ประพนธ์
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะรักเธอ ไปได้แล้ว”
ประพนธ์ฉวยโอกาสโอบบ่าภคพรแน่นหนา หญิงสาวพยายามขัดขืนแต่ก็ป่วยการ และต้องจำใจพาเขาไปทานอาหารด้วยกันในที่สุด
ภคพรเทคแคร์แลดูแลลูกค้าของเธออย่างดีจนสามารถตกลงพูดคุยทำสัญญากันได้ในที่สุด ตลอดเวลาข้างกายภคพรมีประพนธ์คอย
อยู่เคียงข้างและโอบกอดร่างบางของเธอไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“นี่คุณ ฉันร้อน เลิกทำแบบนี้ซะที แล้วก็ถอยออกไปห่างๆได้แล้ว”
ภคพรกระซิบด่าเขาพร้อมกับพยายามผลักไส แต่กลับกลายเป็นทำให้เขายิ่งโอบรัดเธอแน่นหนาเข้าไปกว่าเดิมอีก
“Both of you look very sweet”
ลูกค้าของภคพรกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“Yes. We do.”
ประพนธ์รีบตอบรับทันควัน ในขณะที่ภคพรก็ได้แต่อมยิ้มประหลาดๆ
“นี่คุณ..”
ภคพรหันขวับไปโวยใส่ประพนธ์ เมื่อเขาฉวยโอกาสหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“อะไรจ๊ะที่รัก มันน้อยเกินไปหรอ ได้สิ”
ประพนธ์ยื่นหน้าเข้ามาจูบปากหญิงสาวอย่างรวดเร็วและว่องไว ภคพรเบิ่งตากว้าง ตกอกตกใจ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ผู้ร่วมโต๊ะ
ได้อย่างดีทีเดียว
หลังจากส่งลูกค้าทุกคนกลับโรงแรมเสร็จเรียบร้อย ภคพรก็หันขวับมาหาประพนธ์เพื่อเล่นงานเขาทันที
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ กล้าดียังไงมาจูบปากฉัน”
ภคพรผลักอกชายหนุ่ม
“เราแต่งงานกันแล้ว คุณจำไม่ได้หรอ ความจริงผมน่าจะทำได้มากกว่าการจูบด้วยซ้ำ ไม่ถูกต้องหรอ”
ประพนธ์กล่าวอมยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาของเขามีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
“ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันยอมหรอก เลิกล้อเล่นกับฉันซะที ถ้าคุณกล้าจูบฉันอีกที ฉันจะชกให้หน้าหงายเลย”
ภคพรขู่เข็ญ ประพนธ์ยืนหัวเราะ
“หัวเราะอะไร”
หญิงสาวตะวาดใส่เขา
“ว้าย”
ภคพรร้องลั่น ถูกประพนธ์บรรจงจูบลงที่ริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม ก่อนจะรวบรวมกำลังผลักเขาเซถลาออกไป
“คุณ...”
ภคพรมองจ้องหน้าชายหนุ่ม ตกใจ งงงันกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ
“รู้ยังว่าผมหัวเราะอะไร เลิกขู่ผมในสิ่งที่คุณสู้ผมไม่ได้ซะทีเถอะ ถ้าผมอยากทำอะไรกับตัวคุณขึ้นมาจริงๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณ
จะมีปัญญาทำอะไรผมได้ นอกจากตกใจ หึหึ”
ประพนธ์ยังคงหัวเราะ ภคพรยืนหน้าชา ด้วยความโมโห
“ขึ้นรถเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า”
ประพนธ์อมยิ้มหวาน เดินเข้ารถหน้าตาเฉย หน้าแปลกเหลือเกินสำหรับความสนิทสนมที่เขามอบให้กับเธอ ผู้หญิงร้ายกาจที่สองสามวันก่อน
ยังเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เขาเกลียดชัง แต่วันนี้กลายเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เขาต้องพยายามที่จะรักและทำความรู้จักกับเธอ
ภคพรนอนคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอนเพื่อถามข่าวคราวเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของน้องสาวเธอ และนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าธาวินได้กลับบ้านของเขาไปแล้ว
“หมายความว่าไง ไม่อยู่ แล้วเขาหายไปไหน ทำไมปล่อยให้เมียที่ท้องตั้งหกเจ็ดเดือนต้องอยู่คนเดียว”
ภคพรโวยวาย
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้ามีเมย์ต้องบอกพี่นะ ถ้าปล่อยให้พี่รู้เองพี่จะเสียใจมาก”
ภคพรยังคงโวยวาย ประพนธ์แอบยืนฟัง สนอกสนใจ
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว งั้นหลับฝันดีนะ พี่รักเธอมากนะ บาย”
ภคพรวางโทรศัพท์ลงว้าวุ่นหัวใจ
“น้องสาวคุณ เธอสบายดีหรือเปล่า”
ประพนธ์ถามด้วยความห่วงใย
“นี่คุณแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์หรอ”
ภคพรลุกขึ้นมาโวยวาย
“หยุดเลย เสียงคุณดังขนาดนี้ ขนาดอยู่ข้างนอกห้องยังได้ยินเลยมั้ง น้องสาวคุณ ผมหวังว่าเธอจะสบายดี”
ประพนธ์กล่าวเสียงเรียบ ภคพรมองจ้องเขาตาเขม็ง
“ถ้าถามเพราะว่าห่วงใยจริงๆก็ขอบคุณ แต่ถ้าถามเพราะอยากจะเยาะเย้ยล่ะก็ หุบปากไปเลย”
ภคพรทำลายบรรยากาศ
“คุณนี่มัน…จะมีใครในโลกนี้อีกไหมที่คิดทุเรศได้แบบคุณ ผมหมดความอดทนกับคนอย่างคุณแล้วจริงๆ”
ประพนธ์ขึ้นเสียงอย่างปรี๊ดแตก
“มันเรื่องของคุณ ฉันไม่ได้เคยต้องการให้คุณมาทำอะไรเพื่อฉันซักหน่อย คุณทำของคุณเอง ไร้สมอง”
ภคพรยังคงหยาบคาย ก่อนจะล้มตัวลงนอนไม่สนใจใยดี ประพนธ์ยืนมองจ้องเธอหมั่นเขี้ยว
“หนาวจริงๆเล้ย”
ประพนธ์บ่นเสียงดัง นอนลงข้างๆภคพรและดึงผ้าห่มหนีเธออย่างจงใจ
“คุณ...”
ภคพรลุกพรวดขึ้นจากที่นอนหันมามองจ้องเขาเขม็ง ชายหนุ่มลุกขึ้นเผชิญหน้า ท้าทาย
“เอามานะ/ผมก็หนาวเหมือนกันนะ/เอามา/ไม่ให้ จะทำไม”
ทั้งประพนธ์และภคพรต่างเถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร และฉุดกันไปกันมาจนในที่สุดประพนธ์หงายหลังตกลงไปจากเตียง
เพราะแรงดึงผ้าห่ม ก่อนภคพรจะถูกดึงลงไปพร้อมๆกับผ้าห่มที่เธอจับเอาไว้ ร่างบางของหญิงสาวนอนแน่นิ่งอยู่บนอกของชายหนุ่ม
ปากสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณ...”
ภคพรถอนหน้าถอยห่าง ก่อนจะต้องตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งเมื่อประพนธ์จับจ้องมาที่เธอ สายตาของคนทั้งสองมองจับจ้องกันราวกับต้องมนต์สะกด ภคพรค่อยๆโน้มหน้าเธอลงมาหาประพนธ์อย่างตั้งใจ มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มโอบกอดเอวบางของหญิงสาวแน่นหนา เมื่อปาก
สัมผัสกันรอยจูบดูดดื่มของเขาทั้งสองคนจนเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ประพนธ์พลิกร่างหนาของเขาขึ้นคร่อมร่างบางของหญิงสาวเอาไว้
สัมผัสตัวเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธออย่างทะนุถนอม แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักลงเมื่อใบหน้า
ของเกตุแก้วที่ลอยเข้ามาในสมองของเขา
“ไม่ได้ ฉันทำแบบนี้ไม่ได้”
ประพนธ์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกสับสน ภคพรเองก็เช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับความคิดของเธอ เธอกำลังจะ
ดำดิ่งสู่วังวนแห่งความรักที่เธอรู้ดีว่าไม่ว่ายังไงจะไม่มีทางโผล่พ้นขึ้นมาได้เลย
คืนนั้นทั้งคืนประพนธ์ก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอีกเลย และดูเหมือนว่าหลังจากคืนนั้นตลอดเวลาที่เจอกันเขาจะพยายามหลบหน้าเธอ
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้”ภคพรโวยวาย เดินตรงดิ่งมาหาประพนธ์ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เตียงอย่างหมดความอดทน
“ผมไม่มีอะไรจะพูด”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นเพื่อพูดและปิดตาลงเมื่อเขาพูดจบ
“เลิกทำแบบนี้ซะที่ เรื่องคืนนั้นมันก็แค่อุบัติเหตุที่เราไม่ได้ตั้งใจ เลิกทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉันซะที ฉันอึดอัด ฉันเบื่อ ไม่อยากเห็น”
ภคพรยืนโวยวายอยู่ข้างเตียงนอน
“ผมรู้แล้ว”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นมาพูดอีกครั้ง ก่อนจะปิดตาลงนอนสงบเหมือนเดิม
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ”
ภคพรคว้าหมอนตีใส่เขาหลายที ก่อนจะนอนหันหลังใส่เขาอย่างหงุดหงิดหัวใจ เพราะประพนธ์คนเดียวที่กำลังจะทำให้เรื่องทุกอย่าง
สำหรับเธอนั้นกลายเป็นเรื่องยากไปหมด
ประพนธ์ตื่นนอนแต่เช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของภคพรที่ดังรบกวนประสาทของเขาอยู่หลายนาที โดยที่ไม่มีวี่แววของภคพรที่จะ
ขยับเขยื้อนมาปิดให้มันหยุดซักนิด
“ยายบ้านี่”
ประพนธ์บ่นงึมงำกับตัวเอง เอื้อมมือข้ามตัวภคพรที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆเขาเพื่อหยิบเจ้านาฬิกาปลุกเจ้าปัญหา แต่ก่อนที่มือของเขาจะหยิบถึงนาฬิกาปลุก ภคพรก็ลืมตาโพล่งขึ้นพร้อมกับหันหน้าขวับมาหาเขาอย่างตกอกตกใจ ประพนธ์อ้าปากจะอธิบายถึงสาเหตุของมือเขาที่
วางพาดผ่านอยู่บนตัวของหญิงสาว แต่ก็ช้าเกินไปสำหรับการแก้ตัว ทั้งมือทั้งเท้าของภคพรทั้งถีบทั้งดันเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย จนในที่สุดประพนธ์ก็กลิ้งตกไปนอนอยู่กับพื้นอย่างทุลักทุเล
“นายคิดจะทำอะไรฉันอีก”
ภคพรตะวาดถามเสียงแปร๋น ประพนธ์มองจ้องหน้าเธอบึ้งตึง เซ็งสุดขีด ก่อนที่หญิงสาวจะหันขวับไปที่หัวเตียงเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของเธอ
“ทีนี้เธอรู้หรือยังว่าฉันทำแบบนั้นทำไม วันนี้มันวันหยุด เธอตั้งนาฬิกาปลุกกวนประสาทฉันแต่เช้า แถมยังถีบฉันซะตกจากเตียง ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
ประพนธ์ต่อว่าหญิงสาวเป็นชุด ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงข้างๆภคพร
“ฉัน ....ฉัน”
ภคพรนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตา
“ยายประสาท”
ประพนธ์บ่นงึมงำ อย่างประสาทเสีย และล้มตัวลงนอนต่อด้วยอารมณ์ที่พุล่งพล่าน
“นายสิประสาท”
ภคพรแอบบ่น ก่อนจะลุกออกจากเตียงนอนไปมึนๆ
ต่อด้านล่างนะจ๊ะ
ไร้หัวใจ ตอนที่ 23
เช้าของวันใหม่ ภคพรลืมตาตื่นขึ้นเหมือนทุกๆวัน แต่ทว่าวันนี้กลับรู้สึกแปลกๆเมื่อได้เห็นหน้าประพนธ์ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ
เธอ เพราะคำพูดแปลกๆของเขาเมื่อคืนทำให้เธอกังวลใจ
“พูดบ้าอะไรของนาย ไอ้บ้า”
ภคพรงึมงำกับตัวเอง และลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี และต้องอารมณ์เปลี่ยนกะทันหัน
ในทันทีเมื่อเจอกางเกงในขาสั้นของประพนธ์ที่แขวนอยู่ที่ราวผ้าในห้องน้ำ แทนที่จะถูกใส่ไว้อย่างเรียบร้อยในตะกร้าผ้า
“สกปรก ซกมก อี๋”
หญิงสาวเบ้ปาก ใช้ไม้แขวนเสื้อเขี่ยกางเกงในของประพนธ์อย่างรังเกียจ
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
ประพนธ์ยืนมองด้วยความงงงัน ภคพรร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ผงะหันหลังมาหาประพนธ์หน้าเหวอ
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกอกตกใจหมด”
ภคพรโวยใส่ประพนธ์
“หน้าอย่างเธอตกใจเป็นด้วยหรอ นึกว่าเป็นแต่หาเรื่องกัดคนอื่น”
ประพนธ์กัดกลับ ทันกัน
“นี่นายกำลังกัดฉันอยู่หรอ”
ภคพรมองจ้องหน้าประพนธ์
“ก็แล้วแต่จะคิด”
ประพนธ์ลอยหน้าลอยตากวนประสาท
“อุ๊ยตาย หลุดมือ”
ภคพรทิ้งกางเกงในขาสั้นประพนธ์ลงกับพื้นหน้าตาเฉย
“เก็บเองนะ มือไม่ว่าง กำลังเกาแขนอยู่”
ภคพรอมยิ้มกวนประสาท เดินออกจากห้องน้ำไปหน้าตาเฉย ประพนธ์ยืนมองหน้างอหงิกด้วยความโมโห แต่ก็พยายามระงับเอาไว้เพื่อ
ผ่อนคลายสถานการณ์
ภคพรร่วมทานอาหารเช้ากับครอบครัวของประพนธ์อย่างมีความสุข ความไม่สงบสุขเดียวของเธอก็คือประพนธ์ที่เอาแต่นั่งมองจ้อง
หน้าเธอไม่วางสายตา
“มองหน้าเมียแกทำไม สวยใช่ไหมล่ะ”
ประไพรหยอกล้อ ประพนธ์ท่าทางลำบากใจ
“เอ่อ สวยครับสวย”
ประพนธ์ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาภคพรด้วยซ้ำ ภคพรมองจ้องชายหนุ่มแปลกใจ
“ตั้งแต่วันนี้ไป ตาพล ลูกต้องไปส่งแล้วก็ไปรับหนูภคพรที่บริษัททุกวัน ตามประสาคู่สามีภรรยา ทำได้หรือเปล่า”
ประไพรเริ่มจัดการ ประพนธ์กระอักกระอ่วนแต่ก็จำใจพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไปกลับเองได้ ไม่รบกวนลูกชายคุณแม่ดีกว่า”
ภคพรออกความคิดเห็น
“ไม่ได้ ลูกสองคนจะได้ใช้ช่วงเวลาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ เผื่อบางทีแม่อาจจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้”
ประไพรยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“นั่นสิ พยายามเข้านะลูก”
อิทธิพลกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง ใจดี
“ผมจะพยายามครับพ่อ”
ประพนธ์ตกปากรับคำ ภคพรเงยหน้าเหลือบตามองเขาประหลาดใจ
“เป็นบ้าอะไรของเขา”
ภคพรงึมงำกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไป
ประพนธ์ขับรถมาส่งภคพรที่บริษัทแต่เช้าตรู่ตามคำขอร้องของแม่เขา และเมื่อรถจอดสนิทภคพรก็ปลดเข็มขัดเตรียมลงทันที
“นี่คุณ เย็นนี้ผมจะมารับ กลับบ้านกี่โมงคุณน่ะ”
ประพนธ์เอ่ยปากถามด้วยทีท่าแปลกๆไป
“นี่คุณ ฉันไม่ใจอ่อนเพราะไอ้เรื่องบ้าๆที่คุณพยายามทำอยู่หรอกนะ อย่าปัญญาอ่อนหน่อยเลย มันลำบากมากก็ไม่ต้องพยายาม
มันน่าสมเพช”
หญิงสาวพูดจา-ดันประพนธ์อย่างรู้ทัน
“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมก็จะมา ถ้าไม่เริ่มแล้วเมื่อไหร่ผมจะเข้าใกล้หัวใจของคุณได้ซักทีล่ะ”
ประพนธ์จริงจัง ดวงตาคมกริบของเขามองจับจ้องดวงตากลมโตของเธอไม่ละสายตา
“ตามใจ”
ภคพรหลบสายตา เดินหนีลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นส่ำ เพราะทีท่าของประพนธ์นั้นบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นกับหัวใจของเธอ
อย่างแน่นอน
เพราะต้องต้อนรับแขกหนุ่มที่มาจากต่างประเทศทำให้ภคพรไม่สามากลับบ้านตรงเวลาได้ แต่ต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้าของเธอ
แทน
“ฉันส่งข้อความไปบอกคุณแล้วไม่ใช่หรอ ว่าฉันจะกลับช้า คุณมาทำอะไรที่นี่”
ภคพรโวยวายทันทีที่เห็นประพนธ์จอดรถยืนรอเธออยู่หน้าบริษัท
“คุณมีนัดทานข้าวกับลูกค้าหรอ ผมไปด้วยไม่ได้หรือไง”
ประพนธ์ดื้อดึง
“คุณจะบ้าหรือไง”
ภคพรมองจ้องชายหนุ่มตาเขียว แต่เขาไม่สนใจฟังที่เธอพูดเลยกลับตรงดิ่งไปหาลูกค้าของภคพรแทน
“เอ่อ...hello I am Prapon.Nice too meet you. I am Pakapon husband…..”
ประพนธ์ยังคงพูดยืดยาว จนในที่สุดก็ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารกับภคพรจนได้
“เป็นบ้าอะไรของนาย ทำแบบนี้ทำไม”
ภคพรหาโอกาสมาแยกเขี้ยวใส่ประพนธ์
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะรักเธอ ไปได้แล้ว”
ประพนธ์ฉวยโอกาสโอบบ่าภคพรแน่นหนา หญิงสาวพยายามขัดขืนแต่ก็ป่วยการ และต้องจำใจพาเขาไปทานอาหารด้วยกันในที่สุด
ภคพรเทคแคร์แลดูแลลูกค้าของเธออย่างดีจนสามารถตกลงพูดคุยทำสัญญากันได้ในที่สุด ตลอดเวลาข้างกายภคพรมีประพนธ์คอย
อยู่เคียงข้างและโอบกอดร่างบางของเธอไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“นี่คุณ ฉันร้อน เลิกทำแบบนี้ซะที แล้วก็ถอยออกไปห่างๆได้แล้ว”
ภคพรกระซิบด่าเขาพร้อมกับพยายามผลักไส แต่กลับกลายเป็นทำให้เขายิ่งโอบรัดเธอแน่นหนาเข้าไปกว่าเดิมอีก
“Both of you look very sweet”
ลูกค้าของภคพรกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“Yes. We do.”
ประพนธ์รีบตอบรับทันควัน ในขณะที่ภคพรก็ได้แต่อมยิ้มประหลาดๆ
“นี่คุณ..”
ภคพรหันขวับไปโวยใส่ประพนธ์ เมื่อเขาฉวยโอกาสหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“อะไรจ๊ะที่รัก มันน้อยเกินไปหรอ ได้สิ”
ประพนธ์ยื่นหน้าเข้ามาจูบปากหญิงสาวอย่างรวดเร็วและว่องไว ภคพรเบิ่งตากว้าง ตกอกตกใจ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ผู้ร่วมโต๊ะ
ได้อย่างดีทีเดียว
หลังจากส่งลูกค้าทุกคนกลับโรงแรมเสร็จเรียบร้อย ภคพรก็หันขวับมาหาประพนธ์เพื่อเล่นงานเขาทันที
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ กล้าดียังไงมาจูบปากฉัน”
ภคพรผลักอกชายหนุ่ม
“เราแต่งงานกันแล้ว คุณจำไม่ได้หรอ ความจริงผมน่าจะทำได้มากกว่าการจูบด้วยซ้ำ ไม่ถูกต้องหรอ”
ประพนธ์กล่าวอมยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาของเขามีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
“ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันยอมหรอก เลิกล้อเล่นกับฉันซะที ถ้าคุณกล้าจูบฉันอีกที ฉันจะชกให้หน้าหงายเลย”
ภคพรขู่เข็ญ ประพนธ์ยืนหัวเราะ
“หัวเราะอะไร”
หญิงสาวตะวาดใส่เขา
“ว้าย”
ภคพรร้องลั่น ถูกประพนธ์บรรจงจูบลงที่ริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม ก่อนจะรวบรวมกำลังผลักเขาเซถลาออกไป
“คุณ...”
ภคพรมองจ้องหน้าชายหนุ่ม ตกใจ งงงันกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ
“รู้ยังว่าผมหัวเราะอะไร เลิกขู่ผมในสิ่งที่คุณสู้ผมไม่ได้ซะทีเถอะ ถ้าผมอยากทำอะไรกับตัวคุณขึ้นมาจริงๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณ
จะมีปัญญาทำอะไรผมได้ นอกจากตกใจ หึหึ”
ประพนธ์ยังคงหัวเราะ ภคพรยืนหน้าชา ด้วยความโมโห
“ขึ้นรถเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า”
ประพนธ์อมยิ้มหวาน เดินเข้ารถหน้าตาเฉย หน้าแปลกเหลือเกินสำหรับความสนิทสนมที่เขามอบให้กับเธอ ผู้หญิงร้ายกาจที่สองสามวันก่อน
ยังเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เขาเกลียดชัง แต่วันนี้กลายเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เขาต้องพยายามที่จะรักและทำความรู้จักกับเธอ
ภคพรนอนคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอนเพื่อถามข่าวคราวเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของน้องสาวเธอ และนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าธาวินได้กลับบ้านของเขาไปแล้ว
“หมายความว่าไง ไม่อยู่ แล้วเขาหายไปไหน ทำไมปล่อยให้เมียที่ท้องตั้งหกเจ็ดเดือนต้องอยู่คนเดียว”
ภคพรโวยวาย
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้ามีเมย์ต้องบอกพี่นะ ถ้าปล่อยให้พี่รู้เองพี่จะเสียใจมาก”
ภคพรยังคงโวยวาย ประพนธ์แอบยืนฟัง สนอกสนใจ
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว งั้นหลับฝันดีนะ พี่รักเธอมากนะ บาย”
ภคพรวางโทรศัพท์ลงว้าวุ่นหัวใจ
“น้องสาวคุณ เธอสบายดีหรือเปล่า”
ประพนธ์ถามด้วยความห่วงใย
“นี่คุณแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์หรอ”
ภคพรลุกขึ้นมาโวยวาย
“หยุดเลย เสียงคุณดังขนาดนี้ ขนาดอยู่ข้างนอกห้องยังได้ยินเลยมั้ง น้องสาวคุณ ผมหวังว่าเธอจะสบายดี”
ประพนธ์กล่าวเสียงเรียบ ภคพรมองจ้องเขาตาเขม็ง
“ถ้าถามเพราะว่าห่วงใยจริงๆก็ขอบคุณ แต่ถ้าถามเพราะอยากจะเยาะเย้ยล่ะก็ หุบปากไปเลย”
ภคพรทำลายบรรยากาศ
“คุณนี่มัน…จะมีใครในโลกนี้อีกไหมที่คิดทุเรศได้แบบคุณ ผมหมดความอดทนกับคนอย่างคุณแล้วจริงๆ”
ประพนธ์ขึ้นเสียงอย่างปรี๊ดแตก
“มันเรื่องของคุณ ฉันไม่ได้เคยต้องการให้คุณมาทำอะไรเพื่อฉันซักหน่อย คุณทำของคุณเอง ไร้สมอง”
ภคพรยังคงหยาบคาย ก่อนจะล้มตัวลงนอนไม่สนใจใยดี ประพนธ์ยืนมองจ้องเธอหมั่นเขี้ยว
“หนาวจริงๆเล้ย”
ประพนธ์บ่นเสียงดัง นอนลงข้างๆภคพรและดึงผ้าห่มหนีเธออย่างจงใจ
“คุณ...”
ภคพรลุกพรวดขึ้นจากที่นอนหันมามองจ้องเขาเขม็ง ชายหนุ่มลุกขึ้นเผชิญหน้า ท้าทาย
“เอามานะ/ผมก็หนาวเหมือนกันนะ/เอามา/ไม่ให้ จะทำไม”
ทั้งประพนธ์และภคพรต่างเถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร และฉุดกันไปกันมาจนในที่สุดประพนธ์หงายหลังตกลงไปจากเตียง
เพราะแรงดึงผ้าห่ม ก่อนภคพรจะถูกดึงลงไปพร้อมๆกับผ้าห่มที่เธอจับเอาไว้ ร่างบางของหญิงสาวนอนแน่นิ่งอยู่บนอกของชายหนุ่ม
ปากสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณ...”
ภคพรถอนหน้าถอยห่าง ก่อนจะต้องตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งเมื่อประพนธ์จับจ้องมาที่เธอ สายตาของคนทั้งสองมองจับจ้องกันราวกับต้องมนต์สะกด ภคพรค่อยๆโน้มหน้าเธอลงมาหาประพนธ์อย่างตั้งใจ มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มโอบกอดเอวบางของหญิงสาวแน่นหนา เมื่อปาก
สัมผัสกันรอยจูบดูดดื่มของเขาทั้งสองคนจนเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ประพนธ์พลิกร่างหนาของเขาขึ้นคร่อมร่างบางของหญิงสาวเอาไว้
สัมผัสตัวเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธออย่างทะนุถนอม แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักลงเมื่อใบหน้า
ของเกตุแก้วที่ลอยเข้ามาในสมองของเขา
“ไม่ได้ ฉันทำแบบนี้ไม่ได้”
ประพนธ์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกสับสน ภคพรเองก็เช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับความคิดของเธอ เธอกำลังจะ
ดำดิ่งสู่วังวนแห่งความรักที่เธอรู้ดีว่าไม่ว่ายังไงจะไม่มีทางโผล่พ้นขึ้นมาได้เลย
คืนนั้นทั้งคืนประพนธ์ก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอีกเลย และดูเหมือนว่าหลังจากคืนนั้นตลอดเวลาที่เจอกันเขาจะพยายามหลบหน้าเธอ
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้”ภคพรโวยวาย เดินตรงดิ่งมาหาประพนธ์ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เตียงอย่างหมดความอดทน
“ผมไม่มีอะไรจะพูด”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นเพื่อพูดและปิดตาลงเมื่อเขาพูดจบ
“เลิกทำแบบนี้ซะที่ เรื่องคืนนั้นมันก็แค่อุบัติเหตุที่เราไม่ได้ตั้งใจ เลิกทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉันซะที ฉันอึดอัด ฉันเบื่อ ไม่อยากเห็น”
ภคพรยืนโวยวายอยู่ข้างเตียงนอน
“ผมรู้แล้ว”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นมาพูดอีกครั้ง ก่อนจะปิดตาลงนอนสงบเหมือนเดิม
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ”
ภคพรคว้าหมอนตีใส่เขาหลายที ก่อนจะนอนหันหลังใส่เขาอย่างหงุดหงิดหัวใจ เพราะประพนธ์คนเดียวที่กำลังจะทำให้เรื่องทุกอย่าง
สำหรับเธอนั้นกลายเป็นเรื่องยากไปหมด
ประพนธ์ตื่นนอนแต่เช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของภคพรที่ดังรบกวนประสาทของเขาอยู่หลายนาที โดยที่ไม่มีวี่แววของภคพรที่จะ
ขยับเขยื้อนมาปิดให้มันหยุดซักนิด
“ยายบ้านี่”
ประพนธ์บ่นงึมงำกับตัวเอง เอื้อมมือข้ามตัวภคพรที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆเขาเพื่อหยิบเจ้านาฬิกาปลุกเจ้าปัญหา แต่ก่อนที่มือของเขาจะหยิบถึงนาฬิกาปลุก ภคพรก็ลืมตาโพล่งขึ้นพร้อมกับหันหน้าขวับมาหาเขาอย่างตกอกตกใจ ประพนธ์อ้าปากจะอธิบายถึงสาเหตุของมือเขาที่
วางพาดผ่านอยู่บนตัวของหญิงสาว แต่ก็ช้าเกินไปสำหรับการแก้ตัว ทั้งมือทั้งเท้าของภคพรทั้งถีบทั้งดันเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย จนในที่สุดประพนธ์ก็กลิ้งตกไปนอนอยู่กับพื้นอย่างทุลักทุเล
“นายคิดจะทำอะไรฉันอีก”
ภคพรตะวาดถามเสียงแปร๋น ประพนธ์มองจ้องหน้าเธอบึ้งตึง เซ็งสุดขีด ก่อนที่หญิงสาวจะหันขวับไปที่หัวเตียงเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของเธอ
“ทีนี้เธอรู้หรือยังว่าฉันทำแบบนั้นทำไม วันนี้มันวันหยุด เธอตั้งนาฬิกาปลุกกวนประสาทฉันแต่เช้า แถมยังถีบฉันซะตกจากเตียง ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
ประพนธ์ต่อว่าหญิงสาวเป็นชุด ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงข้างๆภคพร
“ฉัน ....ฉัน”
ภคพรนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตา
“ยายประสาท”
ประพนธ์บ่นงึมงำ อย่างประสาทเสีย และล้มตัวลงนอนต่อด้วยอารมณ์ที่พุล่งพล่าน
“นายสิประสาท”
ภคพรแอบบ่น ก่อนจะลุกออกจากเตียงนอนไปมึนๆ
ต่อด้านล่างนะจ๊ะ