ALONE: โรดทริปรอบประเทศมอนเตเนโกร วันที่ 2 (4)

ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30235563
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30364395
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30401020

ตอน โรงพยาบาล



สิ่งแรกที่ทำก่อนกินอาหารเช้า คือ ส่งข้อความ
    ‘หม่าม้า เมื่อคืนนอนอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเจ้าของโฮสเทลมา กับข้าวอร่อยมว้าาาก วันนี้จะกลับโคทอร์ละ คงถึงตอนเย็นๆ ไว้เดี๋ยวโทรหานะ’
    วืบบบบ เป็นเสียงยืนยันว่าข้อความถูกส่งไปหาผู้รับเรียบร้อย
    
    อาหารเช้านานาชาติ
    จิตเข้าร่าง ร่างเดินไปอาบน้ำ แต่งตัว แปรงฟัน จิตพาร่างเดินออกไปที่ห้องอาหาร  ฉันพยายามมองออกไปดูวิวข้างนอกแต่หยดน้ำที่เกาะอยู่เต็มกระจกหน้าต่างทุกบานกลับบดบังทุกอย่างไว้หมด ฉันมองเลยไปที่ครัวก็เห็น ‘แม่’ ยืนหันหลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง
    “Zdravo” ฉันกับสเตฟานี่พูดขึ้นพร้อมกัน เหมือนนัดกันมา    
    ‘แม่’ หันมายิ้ม แล้วบทสนทนาเดิมๆก็เริ่มต้นอีกครั้ง
    “Hungry? Breakfast. Here.” อาหารเช้าถูกเตรียมไว้อยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อย
    “Hvala” “Hvala” คำขอบคุณแบบไม่ขอไปที แบบหมายความตามนั้นหรือมากกว่านั้นถูกเปล่งออกไปซ้ำไปซ้ำมา
    จะมีอะไรดีไปกว่าการตื่นขึ้นมาแล้วมีอาหารเช้ารอ? ขอตอบแบบไม่ต้องคิดว่า ไม่มี
    อาหารเช้าวันนี้ คือ
1. โยเกิร์ตรสธรรมชาติเต็มแก้วกาแฟ
2. กาแฟ
3. เบคอน
4. ไข่ดาว 2 ฟอง
5. Burek หรือ ขนมอบใส้ชีส อารมณ์เหมือนโรตียังไงไม่รู้ สเตฟานี่บอกว่านางกินบ่อยตอนเที่ยวอยู่ที่เซอร์เบีย ฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า Burek แพร่หลายมากในบริเวณคาบสมุทรบอลข่าน
    พวกเรากินหมดทุกอย่าง! เรียบง่าย อิ่มท้อง อุ่นใจ เหมือนเดิม
    เวลา 8 โมงครึ่ง ได้เวลาร่ำลา ‘แม่’ และบ้านไม้หลังใหญ่นี้ไป คิดแล้วใจมันโหวงเหวงบอกไม่ถูก ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกหรือไม่ ทุกการพบเจอย่อมมีการจากลา ฉันเข้าใจดี เข้าใจแต่ก็อดใจหายไม่ได้ ทุกๆวันมีคนผ่านเข้ามาในชีวิตและผ่านไป มีน้อยคนเท่านั้นที่จะได้พื้นที่ในความทรงจำของเราไป เธอคนนี้และบ้านไม้หลังนี้เป็นหนึ่งในน้อยคนนั้น
    “Thank you so much for everything.” ฉันกับสเตฟานี่กล่าว
    ‘แม่’ กอดพวกเราทีละคน
    “Bye bye.” เธอกล่าวสั้นๆ
    พวกเราขับรถจากมา เสียงเพลงของสเตฟานี่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ฉันก้มลงดูแผนที่ จุดหมายต่อไปคือ Skadar Lake National Park
    หันหลังกลับไปมอง ภาพบ้านหลังใหญ่กับผู้หญิงตัวเล็กๆลับหายไปจากสายตาแล้ว

    จากทะเลสาบถึงบัลลังก์เมฆ
    ฉันและสเตฟานี่ขับรถมุ่งหน้าลงใต้ไปเรื่อยๆ สเตฟานี่ขับรถดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเส้นทางวันนี้ไม่ค่อยคดเคี้ยววกวน หรือไม่ก็เพราะเธอเริ่มคุ้นเคยกับนางเชอรี่รถคู่ใจแล้ว ฉันรู้สึกปลอดภัย
    ขับไปเพียงชั่วโมงกว่าพวกเราก็ถึง Skadar Lake National Park ยังไม่ทันได้จอดรถดี ก็มีชายแก่ร่างผอมเกร็งโผล่มาที่กระจกรถพยายามเกลี้ยกล่อมให้พวกฉันซื้อทริปล่องเรือในทะเลสาบ ฉันกล่าวปฎิเสธไปอย่างนิ่มนวล จุดหมายของฉันไม่ใช่การล่องเรือ แต่เป็นการถ่ายรูป ฉันอยากถ่ายรูปมุมเดียวกับรูปที่ฉันเห็นแปะอยู่ที่ผนังโฮสเทลวันก่อน
    มุ่งมั่น ตั้งใจ ฉันเดินเข้าไปที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวของทะเลสาบแห่งนี้แล้วโชว์รูปที่ถ่ายมาจากผนังให้เจ้าหน้าที่ดู
    “You have to drive up to the mountain this way and then you will find the exact spot to take this particular photo.” เจ้าหน้าที่ชี้บอกเส้นทาง
    สเตฟานี่เดินนำไปที่รถ แล้วหันมาพูดปนหัวเราะกับฉันว่า
    “You are so Asian!”
    “Very funny!” ฉันตอบกลับไปพร้อมหัวเราะไปกับนาง
    พวกเราออกเดินทางไต่ระดับขึ้นเขาไปตามทางที่โค้งไปโค้งมา ขับไปได้ไม่นานฉันก็เจอจุดถ่ายรูป ถ้าถามว่าสวยมั้ย? อืม ก็สวยดี แต่ไม่รู้สิ รู้สึกเหมือนขาดเสน่ห์อะไรบางอย่างไป



    จุดหมายถัดไป คือ Lovćen National Park ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Cetinje หรือ เซตีเนีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศนี้ ไฮไลท์ของที่นี่ คือ อนุสาวรีย์บรรจุศพ Mausoleum of Njegoš  ฉันขอร้องและกราบวิงวอนว่าอย่าพลาด! การขึ้นไปถึงที่นั่นต้องขับรถจากตัวเมืองขึ้นเขาไปประมาณ 20 กิโลเมตร จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปอีก 461 ขั้น
    ทางเดินขึ้นไปเป็นอุโมงค์หินสีน้ำตาลทอง สเตฟานี่บ่นนู่นบ่นนี่ไปตลอดทาง ส่วนฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปเรื่อยๆ ฟังนางบ้างไม่ฟังนางบ้าง
    แสงที่ปลายอุโมงค์ปรากฎให้เห็นที่ปลายทาง จุดหมายอยู่แค่เอื้อม ฉันเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ อยากจะเห็นใจจะขาดว่าจะสวยขนาดไหน นาทีที่เราเดินพ้นอุโมงค์มา แสงแดดสว่างจ้า ตาสองข้างของฉันหรี่ลงโดยอัตโนมัติ พยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างนั้น
     “Oh my god!” เสียงสเตฟานี่ดังขึ้นมาจากข้างหลัง
    “Agree.” ฉันหันไปตอบ
    ภาพตรงหน้า คือ ทางเล็กๆทอดยาวไปสู่สิ่งปลูกสร้างที่สร้างจากหินปูนและหินแกรนิตขนาดไม่ใหญ่มากนัก เรียบง่าย ไม่มีสิ่งตกแต่งให้หนักตา ฉากด้านหลังคือท้องฟ้า แค่ท้องฟ้า!
    จากมุมนี้ก็ทำเอาผู้มาเยือนทั้งหลายต่างยืนนิ่งตกอยู่ในภวังค์กันหมดแล้ว แต่สลาเวนโก้เคยบอกฉันว่าวิวจากด้านในสวยกว่านี้อีก
    สวยกว่านี้อีก!?
    ไม่รอช้า ฉันกับสเตฟานี่เดินทะลุตัวตึกออกไปด้านหลัง จากตรงนี้จะมีทางเดินเล็กๆทอดออกไปยังจุดชมวิวซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทรงกลม ไม่มีหลังคา มีเพียงที่กั้นเตี้ยๆ ดูวิวได้ 360  องศา
    สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก มันยากที่จะใช้คำพูดมาอธิบายสิ่งที่ฉันรู้สึกตอนนี้ มันคือ ‘บัลลังก์เมฆ’ ทุกอย่างรอบตัวนิ่ง เงียบ สงบ เสียงเดียวที่ได้ยิน คือ เสียงหายใจของตัวเอง มันคล้ายๆกับว่าฉันก้าวเข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่ง ทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง


    สเตฟานี่นั่งลง หยิบมีดพกขึ้นมาปอกแอปเปิ้ลกินเงียบๆ
    ฉันยังยืนอยู่ หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาชักภาพ แล้วนั่งลง ปล่อยสายตาไปท่องเที่ยว
    พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่่สักพักหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าสเตฟานี่คิดอะไรอยู่ ตัวฉันไม่ได้คิดอะไรเลย
    พัก...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่