ตั้งแต่มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งมาเบรกเรื่องดังกล่าว
มีนักวิชาการหลายทั้งบอกให้โหวตวาระ 3 ไปเลย ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิก้าวก่าย ก้าวล่วง
จนเรื่องค้างเติ้งอยู่ในวาระ 3 และมาปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาแก้รายมาตรา เข้าสู่วันที่ 3 กลุ่ม40 สว.
นำโดย สว.สมชัย สว.แต่งตั้ง ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญกิน 6 พรรค ผมไม่ขอวิจาร์ณกลุ่มคนพวกนี้
แต่ผมจะขอวิจารณ์ บุคคลที่เป็นประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร์
คือประธานสมศักดิ์ ผมว่าบุคคลท่านนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานฯ ไม่เด็ดขาด โลเล
หรือไม่แม่นระเบียบข้อกฏหมายเลยทำให้โลเล สังเกตุหลายครั้งในการทำหน้าที่ประธาน
ควบคุมการอภิปราย จะทำตัวเสมือนเป็นกลางใจของประชาวิบัติ เกิดการโต้เถียงทุกครั้งทีไร
จะยืนข้างประชาวิบัติก้าวหนึ่งเสมอ และให้อีกฝ่ายยอมเพื่อให้การประชุมนั้นเดินหน้าต่อไป
โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง กฏระเบียบข้อบังคับการประชุม เพียงต้องการเรื่องมันผ่านๆไป จบๆไป
ทำให้พรรคประชาวิบัติ ได้ใจ และกระทำการทุกครั้งที่ไม่ได้ดังใจ
อีกคนคือรองประธานวิสุทธิ์ คนนี้เหมือนจะเด็ดขาด แต่เป็นเด็ดขาดกับพวกเดียวกัน แต่คนอื่นที่ไม่ใช่พวก
ไม่กล้าเด็ดขาด ผมเบื่อบุคคลทั้งสองนี้จริงๆครับ ที่อยากทำเหมือนว่าเป็นกลางเพื่อเอาใจฝ่ายประชาวิบัติ
ผมยกตัวอย่างประธานสภาที่ทำหน้าที่ได้ดีเด็ดขาดคือ อ.โภคิน พลกุล ฝ่ายประชาวิบัติพูดอะไรถ้าไม่เข้าข่าย ท่านยกระเบียบ
ยกข้อห้ามมาแย้งทันที ถ้าพรรคประชาวิบัติอ้างระเบียบ อ้างข้อบังคับ ท่านก็อ้างระเบียบอ้างข้อบังคับเช่นเดียวกัน
ผมเบื่อสองคนี้จริงๆครับ เปลี่ยนได้เปลี่ยนเถอะ บ้านเมืองจะได้เดินหน้า กฏก็เป็นกฏ ระเบียบก็เป็นระเบียบเสียที
คุณเบื่อไหม ที่จะต้องให้คนแบบประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ทำหน้าที่แบบกล้าๆกลัวๆ
มีนักวิชาการหลายทั้งบอกให้โหวตวาระ 3 ไปเลย ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิก้าวก่าย ก้าวล่วง
จนเรื่องค้างเติ้งอยู่ในวาระ 3 และมาปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาแก้รายมาตรา เข้าสู่วันที่ 3 กลุ่ม40 สว.
นำโดย สว.สมชัย สว.แต่งตั้ง ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญกิน 6 พรรค ผมไม่ขอวิจาร์ณกลุ่มคนพวกนี้
แต่ผมจะขอวิจารณ์ บุคคลที่เป็นประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร์
คือประธานสมศักดิ์ ผมว่าบุคคลท่านนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานฯ ไม่เด็ดขาด โลเล
หรือไม่แม่นระเบียบข้อกฏหมายเลยทำให้โลเล สังเกตุหลายครั้งในการทำหน้าที่ประธาน
ควบคุมการอภิปราย จะทำตัวเสมือนเป็นกลางใจของประชาวิบัติ เกิดการโต้เถียงทุกครั้งทีไร
จะยืนข้างประชาวิบัติก้าวหนึ่งเสมอ และให้อีกฝ่ายยอมเพื่อให้การประชุมนั้นเดินหน้าต่อไป
โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง กฏระเบียบข้อบังคับการประชุม เพียงต้องการเรื่องมันผ่านๆไป จบๆไป
ทำให้พรรคประชาวิบัติ ได้ใจ และกระทำการทุกครั้งที่ไม่ได้ดังใจ
อีกคนคือรองประธานวิสุทธิ์ คนนี้เหมือนจะเด็ดขาด แต่เป็นเด็ดขาดกับพวกเดียวกัน แต่คนอื่นที่ไม่ใช่พวก
ไม่กล้าเด็ดขาด ผมเบื่อบุคคลทั้งสองนี้จริงๆครับ ที่อยากทำเหมือนว่าเป็นกลางเพื่อเอาใจฝ่ายประชาวิบัติ
ผมยกตัวอย่างประธานสภาที่ทำหน้าที่ได้ดีเด็ดขาดคือ อ.โภคิน พลกุล ฝ่ายประชาวิบัติพูดอะไรถ้าไม่เข้าข่าย ท่านยกระเบียบ
ยกข้อห้ามมาแย้งทันที ถ้าพรรคประชาวิบัติอ้างระเบียบ อ้างข้อบังคับ ท่านก็อ้างระเบียบอ้างข้อบังคับเช่นเดียวกัน
ผมเบื่อสองคนี้จริงๆครับ เปลี่ยนได้เปลี่ยนเถอะ บ้านเมืองจะได้เดินหน้า กฏก็เป็นกฏ ระเบียบก็เป็นระเบียบเสียที