บทที่ 1 บ่วงราคะ
http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี
น้ำวนนั้นเคลิ้มหลับ แต่ยังไม่ได้หลับสนิท หากเพราะครู่หนึ่งที่ฝ่ามือเจ็บแปลบ ทำให้ตื่นขึ้นมาอีก หล่อนรู้สึกได้ว่าช่วงหน้าท้องร้อนอุ่นกว่าปกติ
"หรือเป็นเพราะเราท้องผูกนะ เราป่วยหรือเปล่านะ" เด็กสาวพึมพำ พยายามสำรวมจิตเอ่ยถามพญางู หากแต่หาได้มีเสียงตอบกลับมาไม่ เด็กสาวจึงลุกเข้าห้องน้ำ และเดินกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง
"เมฆลิ่วและแสงดาว พยายามจะบอกอะไรเรากันแน่ แล้วพี่ป๊อปหายไปไหนล่ะ"
หน้าขาวซีดในยามราตรีของน้ำวนหันซ้ายขวา ก่อนเห็นเงาดำหลังม่านระเบียง จึงก้าวออกไปเพ่งมองให้ชัด
....
"น้ำวนเริ่มจะสงสัยในตัวเจ้ามากขึ้นทุกที ๆ แล้วนะ ดิสทรอย" พญางูเอ่ย "มีทางให้เลือกไม่มาก หากเจ้าทำให้นางรักและภักดี นางก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับเรา แต่หากนางรู้ความจริงแล้วเปลี่ยนไปละก็ นางควรตายไปเสีย เจ้าต้องยอมรับในข้อนี้โดยไม่โศกเศร้าเสียใจให้ได้นะ"
"เจ้าทำอะไรกับนาง?" ดิสทรอยหันขวับ
"ในร่างของนาง มีพิษของข้าไหลเวียน ข้าจะให้มันสำแดงฤทธิ์เมื่อไหร่ก็ย่อมได้" อสูรงูตอบเย็นชา ทำเอาร่างของดิสทรอยสั่นระริกด้วยความโกรธ
"แต่ในร่างของนางมีลูกข้าอยู่นะ"
"โอ้ว นั่นยิ่งดี" อสูรงูส่ายหัวแสยะยิ้ม"นางยิ่งไม่มีทางทรยศเรา เพราะลำพังตัวนางไม่เท่าไหร่ แต่ถ้านางรู้ว่านางมีลูกด้วย นางคงไม่ยอมให้ลูกตายด้วยพิษข้าแน่"
"เจ้ามันงูพิษ"
"ใช่ ข้างูพิษไง"
"เจ้า..คิดจะฆ่าลูกเมียข้าหรือไง" ดิสทรอยกัดฟันกรอด ทำท่าหมายจะเข้ามาบีบคองูใส แต่ดวงแก้วอสูรสิงห์เข้ามาลอยขวางแล้วบอกดิสทรอยว่า อสูรงูวางแผนไว้รอบคอบแล้ว จิ้งจกก็เช่นกันร้องจุ๊ ๆ เห็นด้วย ก่อนดวงตามันจะขยายใหญ่เป็นลูกบอลกลมดำ ให้เห็นใบหน้าของดิลุสซี่ รูอิน จากบัลลังก์ใต้พิภพ
"เกมของเราเดินมาใกล้สุดทางแล้ว" เสียงกรีดร้องของรูอินดังก้อง กระแทกห้วงจิตของทุกผู้ที่กำลังสนทนา ก่อนเสียงหวานเฉียบของดิลุสซี่จะแทรกขึ้น
"ไม่ต้องใช้ละอองแห่งความหลงเลย.." หล่อนมองสหายแห่งกาลีดังอย่างชื่นชม "เก่งมากนะดิสทรอย เจ้านี่มันสุดยอดจริง ๆ ขโมยร่างของจอมภพมาได้ แล้วขโมยหัวใจของมันได้อีก ทั้งยังทิ้งหมากไม่ให้นังน้ำวนร้อยเล่ห์นั่นคายพิษสงได้เลย"
"พวกเจ้า..!" ดิสทรอยกอดอก "จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าได้แตะต้องนางกับลูกข้าเป็นอันขาด"
"ชิ! เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก เราและเจ้าต่างรอคอยอวาโร่ นายที่แท้จริงให้กลับมา" ดิลุสซี่เอ่ย ดิสทรอยยิ่งไม่พอใจหนัก
"อีกไม่นาน พวกว่านแก้ว ไต้ฝุ่น เปลวฟ้า ก็คงจะกลับมาจากอดีต เมื่อมากันครบ เหนือกาลต้องใช้พลังจากเจตภูตทุกตัว เปิดประตูเวลาครั้งสุดท้ายไปช่วยลูกที่ตายไป ซึ่งก็คืออวาโร่ เวลานั้นอสูรจากใต้พิภพทั้งมวลจะขึ้นมาบนโลก...นั่นเป็นเวลาจบสิ้นของพวกครีเอเทอร์ และมนุษย์โลกทุกคน"
"เราช่วยกันคิดต่อดีกว่า ว่าอวาโร่และราชันรูอินจะแบ่งการปกครองโลกอย่างไร?"
....
"ลูก อะไรกัน...เราท้อง...แต่ไม่ใช่กับพี่ป๊อป...เขาเป็นใคร ใครในร่างพี่ป๊อป" น้ำวนช๊อคร่างสั่นระริกแทบล้มทั้งยืน หล่อนต้องรีบโยกตัวเดินกลับมาล้มลงบนเตียง มือกุมท้องน้อยไว้ เด็กสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้ไหลโฮออกมา อยากจะร้องอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องเข็มแข็ง ตอนนี้มีหล่อนที่รู้ความเป็นไปทุกอย่างเพียงคนเดียว ที่สำคัญ..หากภูตอสูรงูนั่นกลับเข้ามาในร่างตนอีก อาจจะอ่านความคิดตนออกว่าคิดอะไร..ทุกอย่างคงจบสิ้น ขณะเหมือนทุกอย่างกำลังลางเลือน น้ำวนก็มองไปเห็นบัตรแสงของตน และใบหน้าของแสงดาวที่เคยปรากฏเมื่อครู่ก็เหมือนแสงสว่างที่ส่องทางมืดมน เด็กสาวสูดลมหายใจยาว แล้วทิ้งตัวนอน มือกุมประสานไว้กลางอก ตั้งสมาธิด้วยการนอนหลับ บางทีหนทางที่สับสนขณะนี้ อาจมีทางรอดของตนรออยู่ ทางรอดที่อาจจะไม่ต้องสูญเสียทุกอย่างไป
....
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมความเย็นสดชื่นและกลิ่นไอดิน
"ตื่นแล้วหรือ..." ดิสทรอยเอ่ยถาม เมื่อน้ำวนลุกขึ้นจากเตียง หล่อนเดินออกไปเปิดผ้าม่านและสูดอากาศภายนอก สีหน้านั้นดูสดชื่นขึ้น
"ฝนตกอีกแล้วล่ะค่ะ" รอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจเปรยมาให้ร่างหนาที่ยังนอนเหยียดใต้ผ้าห่มอุ่น
"วันนี้ก็หยุดเรียนเถอะนะ อยู่ด้วยกัน" เสียงออดอ้อนดังครวญ "พี่รู้สึกอยากกอดน้องน้ำไปตลอดเวลา อยู่กับพี่นะ"
"น้ำต้องทำอะไรบางอย่างน่ะค่ะ" เสียงเรียบเอ่ยตอบ ใบหน้าก็เช่นกัน ยากที่จะอ่านความคิดออก ดิสทรอยรู้สึกประหลาดใจ "บางอย่าง" คืออะไร ทำไมน้ำวนถึงแลดูมีความลับกับตน
....
!! DOZEN สิบสองภูตศักดิ์สิทธิ์ ภาค 8 กลีกาล บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี !!
http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี
น้ำวนนั้นเคลิ้มหลับ แต่ยังไม่ได้หลับสนิท หากเพราะครู่หนึ่งที่ฝ่ามือเจ็บแปลบ ทำให้ตื่นขึ้นมาอีก หล่อนรู้สึกได้ว่าช่วงหน้าท้องร้อนอุ่นกว่าปกติ
"หรือเป็นเพราะเราท้องผูกนะ เราป่วยหรือเปล่านะ" เด็กสาวพึมพำ พยายามสำรวมจิตเอ่ยถามพญางู หากแต่หาได้มีเสียงตอบกลับมาไม่ เด็กสาวจึงลุกเข้าห้องน้ำ และเดินกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง
"เมฆลิ่วและแสงดาว พยายามจะบอกอะไรเรากันแน่ แล้วพี่ป๊อปหายไปไหนล่ะ"
หน้าขาวซีดในยามราตรีของน้ำวนหันซ้ายขวา ก่อนเห็นเงาดำหลังม่านระเบียง จึงก้าวออกไปเพ่งมองให้ชัด
....
"น้ำวนเริ่มจะสงสัยในตัวเจ้ามากขึ้นทุกที ๆ แล้วนะ ดิสทรอย" พญางูเอ่ย "มีทางให้เลือกไม่มาก หากเจ้าทำให้นางรักและภักดี นางก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับเรา แต่หากนางรู้ความจริงแล้วเปลี่ยนไปละก็ นางควรตายไปเสีย เจ้าต้องยอมรับในข้อนี้โดยไม่โศกเศร้าเสียใจให้ได้นะ"
"เจ้าทำอะไรกับนาง?" ดิสทรอยหันขวับ
"ในร่างของนาง มีพิษของข้าไหลเวียน ข้าจะให้มันสำแดงฤทธิ์เมื่อไหร่ก็ย่อมได้" อสูรงูตอบเย็นชา ทำเอาร่างของดิสทรอยสั่นระริกด้วยความโกรธ
"แต่ในร่างของนางมีลูกข้าอยู่นะ"
"โอ้ว นั่นยิ่งดี" อสูรงูส่ายหัวแสยะยิ้ม"นางยิ่งไม่มีทางทรยศเรา เพราะลำพังตัวนางไม่เท่าไหร่ แต่ถ้านางรู้ว่านางมีลูกด้วย นางคงไม่ยอมให้ลูกตายด้วยพิษข้าแน่"
"เจ้ามันงูพิษ"
"ใช่ ข้างูพิษไง"
"เจ้า..คิดจะฆ่าลูกเมียข้าหรือไง" ดิสทรอยกัดฟันกรอด ทำท่าหมายจะเข้ามาบีบคองูใส แต่ดวงแก้วอสูรสิงห์เข้ามาลอยขวางแล้วบอกดิสทรอยว่า อสูรงูวางแผนไว้รอบคอบแล้ว จิ้งจกก็เช่นกันร้องจุ๊ ๆ เห็นด้วย ก่อนดวงตามันจะขยายใหญ่เป็นลูกบอลกลมดำ ให้เห็นใบหน้าของดิลุสซี่ รูอิน จากบัลลังก์ใต้พิภพ
"เกมของเราเดินมาใกล้สุดทางแล้ว" เสียงกรีดร้องของรูอินดังก้อง กระแทกห้วงจิตของทุกผู้ที่กำลังสนทนา ก่อนเสียงหวานเฉียบของดิลุสซี่จะแทรกขึ้น
"ไม่ต้องใช้ละอองแห่งความหลงเลย.." หล่อนมองสหายแห่งกาลีดังอย่างชื่นชม "เก่งมากนะดิสทรอย เจ้านี่มันสุดยอดจริง ๆ ขโมยร่างของจอมภพมาได้ แล้วขโมยหัวใจของมันได้อีก ทั้งยังทิ้งหมากไม่ให้นังน้ำวนร้อยเล่ห์นั่นคายพิษสงได้เลย"
"พวกเจ้า..!" ดิสทรอยกอดอก "จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าได้แตะต้องนางกับลูกข้าเป็นอันขาด"
"ชิ! เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก เราและเจ้าต่างรอคอยอวาโร่ นายที่แท้จริงให้กลับมา" ดิลุสซี่เอ่ย ดิสทรอยยิ่งไม่พอใจหนัก
"อีกไม่นาน พวกว่านแก้ว ไต้ฝุ่น เปลวฟ้า ก็คงจะกลับมาจากอดีต เมื่อมากันครบ เหนือกาลต้องใช้พลังจากเจตภูตทุกตัว เปิดประตูเวลาครั้งสุดท้ายไปช่วยลูกที่ตายไป ซึ่งก็คืออวาโร่ เวลานั้นอสูรจากใต้พิภพทั้งมวลจะขึ้นมาบนโลก...นั่นเป็นเวลาจบสิ้นของพวกครีเอเทอร์ และมนุษย์โลกทุกคน"
"เราช่วยกันคิดต่อดีกว่า ว่าอวาโร่และราชันรูอินจะแบ่งการปกครองโลกอย่างไร?"
....
"ลูก อะไรกัน...เราท้อง...แต่ไม่ใช่กับพี่ป๊อป...เขาเป็นใคร ใครในร่างพี่ป๊อป" น้ำวนช๊อคร่างสั่นระริกแทบล้มทั้งยืน หล่อนต้องรีบโยกตัวเดินกลับมาล้มลงบนเตียง มือกุมท้องน้อยไว้ เด็กสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้ไหลโฮออกมา อยากจะร้องอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องเข็มแข็ง ตอนนี้มีหล่อนที่รู้ความเป็นไปทุกอย่างเพียงคนเดียว ที่สำคัญ..หากภูตอสูรงูนั่นกลับเข้ามาในร่างตนอีก อาจจะอ่านความคิดตนออกว่าคิดอะไร..ทุกอย่างคงจบสิ้น ขณะเหมือนทุกอย่างกำลังลางเลือน น้ำวนก็มองไปเห็นบัตรแสงของตน และใบหน้าของแสงดาวที่เคยปรากฏเมื่อครู่ก็เหมือนแสงสว่างที่ส่องทางมืดมน เด็กสาวสูดลมหายใจยาว แล้วทิ้งตัวนอน มือกุมประสานไว้กลางอก ตั้งสมาธิด้วยการนอนหลับ บางทีหนทางที่สับสนขณะนี้ อาจมีทางรอดของตนรออยู่ ทางรอดที่อาจจะไม่ต้องสูญเสียทุกอย่างไป
....
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมความเย็นสดชื่นและกลิ่นไอดิน
"ตื่นแล้วหรือ..." ดิสทรอยเอ่ยถาม เมื่อน้ำวนลุกขึ้นจากเตียง หล่อนเดินออกไปเปิดผ้าม่านและสูดอากาศภายนอก สีหน้านั้นดูสดชื่นขึ้น
"ฝนตกอีกแล้วล่ะค่ะ" รอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจเปรยมาให้ร่างหนาที่ยังนอนเหยียดใต้ผ้าห่มอุ่น
"วันนี้ก็หยุดเรียนเถอะนะ อยู่ด้วยกัน" เสียงออดอ้อนดังครวญ "พี่รู้สึกอยากกอดน้องน้ำไปตลอดเวลา อยู่กับพี่นะ"
"น้ำต้องทำอะไรบางอย่างน่ะค่ะ" เสียงเรียบเอ่ยตอบ ใบหน้าก็เช่นกัน ยากที่จะอ่านความคิดออก ดิสทรอยรู้สึกประหลาดใจ "บางอย่าง" คืออะไร ทำไมน้ำวนถึงแลดูมีความลับกับตน
....