!! DOZEN สิบสองภูตศักดิ์สิทธิ์ ภาค 8 กลีกาล บทที่ 5 มันมากันแล้ว อสูรร้าย

กระทู้สนทนา
ตอนก่อนหน้า
บทที่ 1 บ่วงราคะ       http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี   http://ppantip.com/topic/30111106
บทที่ 3 อุบาย?          http://ppantip.com/topic/30133842
บทที่ 4 มันมากันแล้ว อสูรร้าย     http://ppantip.com/topic/30163625




บทที่ 5 ใยรัก



แสงดาวที่ติดอยู่ในหมอกหนาครุ่นคิดวางแผนใหม่  เนื่องจากไม่สามารถผ่านม่านละอองน้ำได้ จะขี่มังกรเข้าไปก็หายใจไม่ออก จะให้มังกรพาดำไปใต้ทะเลก็ว่ายน้ำไม่เป็น จึงคิดได้ว่าให้เสกสมุทรมุ่งหน้านำไปก่อนแล้วตนไปรับเมฆลิ่วมาดีกว่า เพื่อให้เจตภูตของเมฆลิ่วเคลียร์หมอกให้

ดังนั้นเสกสมุทรที่พร้อมในอาภรณ์แห่งสมุทรจึงจำต้องล่วงหน้าเดินทางกลับสยามไกลโดยใช้เส้นทางใต้น้ำคือห้วงอันดามัน ด้วยอำนาจของเขาที่มีนั้นสามารถหายใจได้ไม่ว่าจะดำน้ำลึกแค่ไหนก็ตาม เมื่อได้สัมผัสความเย็นฉ่ำของห้วงสมุทร โดยเฉพาะแปซิฟิกด้วยแล้ว เขารู้สึกไม่ต่างจากกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ความคนึงหาครั้งที่เคยพบบรรดาเพื่อนเงือกเก่าคือหนุงหนิงนิวต้อง อั๋นนี่ และโร้ป อีกทั้งราชาเงือกผุดขึ้นมาจับใจ (รวมไปถึงบรรดาสาวงามชาวเงือกทั้งหลายด้วย) แต่อย่างไรหน้าที่ก็มาก่อน เขารีบตรงไปยังทิศที่จะเข้าสู่สยามไกรอาจารย์เหนือกาลอาจตกในอันตรายจริง ๆ อย่างที่เมฆลิ่วบอก

....



เบื้องล่างใต้พิภพ จอนิลทัศน์ฉายภาพให้เห็นด้วยอำนาจของรูอิน เหล่ากิ้งก่าและอสูรหัวเราะกันสะใจที่เห็นผู้ชักจูงภูตศักดิ์สิทธิ์ปั่นป่วน อย่างไรก็กลับมาช่วยเหนือกาลได้ไม่ทันแน่แต่เมื่อรูอินหันมายิ้มให้ดิลุสซี่เขาก็ต้องตกใจ ภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ปรากฏขึ้น เมื่อนางนั้นคายดวงแก้วอสูรออกมา ทำให้ปีกผีเสื้อค่อย ๆ หลุดร่วงและสลายไป ผิวพรรณกลับสว่างไสวกว่าเดิม แต่เป็นร่างที่โปร่งแสง หาได้มีตัวตนเหมือนเดิมไม่

"เหวย! ตกใจ! เจ้าจะทำอะไร!" รูอินเหวอแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นร่างมนุษย์ทิพย์ของนางเต็มโฉม สว่างวาบ ๆ จนไล่ความมืดของลานประชุมหมดไป "รึว่า.. เจ้าจะทิ้งข้าไปแล้ว" น้ำเสียงเกรี้ยวกราดระคนผิดหวัง "เจ้า ๆ เจ้า! ทำงี้ได้ไง"

"เปล่า แต่ข้าไม่ค่อยไว้ใจ... แผนของอินทริเก้อาจจะไม่สำเร็จก็ได้" ดิลุสซี่ว่า "ข้าจะขึ้นไปจัดการเองจะขัดขวางอีโก้ไว้ เพราะนาง เอ้ย เพราะเขาสิ ...ดู ๆ แล้วเขาอาจจะไปช่วยจัสต์ได้ทัน" นางเกรงเสกสมุทรที่ตอนนี้เป็นอิสระอยู่ใต้สมุทรเพียงคนเดียวจะไปช่วยเหนือกาลได้ทันเวลา

"เสี่ยงไป! ข้าไม่ยอมหรอก!" รูอินถลนตา วิ่งเข้ากอด แต่ได้แค่อากาศเท่านั้น เหมือนว่าร่างนั้นละเอียดเกินจะคว้า

"ถ้าอีโก้ผ่านน่านน้ำนี้ไปได้ก็จะถึงเวิ้งเจ้าพระยาแล้ว แผนทุกอย่างเสียหมด เจ้าหยุดเรื่องส่วนตัวไว้ก่อนได้ไหมรูอิน" นางดุ "ข้าจะไปหาดวงแก้วอสูรใช้ข้างบนนั้น เจ้าติดต่อข้าได้ตลอดผ่านจอนิลทัศน์"

ราชาแห่งเผ่ากิ้งก่าหมดสิทธิ์เหนี่ยวรั้งเพราะทิพยสตรีแห่งโมหะซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งมลทิลอันแปดเปื้อนของจิตอสูรผีเสื้อ จึงสามารถรอดพ้นอาณาเขตมนตราที่ภูตศักดิสิทธิ์ปิดกั้นไว้ได้ นางลอยพรวดอย่างรวดเร็วด้วยอำนาจทิพย์ขึ้นไปในผิวดินทะลุไปยังก้นบึ้งแห่งมหานทีอันดามัน รี่เข้าไปหาอสูรปลาไหลไฟฟ้ายักษ์ แล้วดูดกลืนดวงจิตจนกลายเป็นร่างผสมของสตรีชาวกาลีดังที่มีหางเงือกเรียวยาว ก่อนใช้อำนาจอสูรแห่งน้ำลึก ดันกายให้พุ่งลิ่วไปยังทิศทางที่เสกสมุทรกำลังแหวกว่ายอยู่ เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ เห็นร่างที่หนาแน่นสมบูรณ์ด้วยวัยหนุ่ม ท่วงท่าเต็มไปด้วยความมั่นใจ อีกทั้งรัศมีที่เรืองรองจากดวงจิตแห่งกาลีดัง เขียวครามสว่างไสว แทนที่อยากจะกำจัด กลับหวั่นใจ เมื่อร่างบุรุษข้างบนนี้ชวนให้หลงใหลนัก



"ไม่น่าเชื่อ อีโก้จะดูสง่างามนัก เมื่ออยู่ในร่างบุรุษ" ดิลุสซี่เห็นร่างเสกสมุทรแล้วด้วยอำนาจดวงตาของอสูรกายใต้น้ำ มนตราความหลงของนางแทบจะมาทำร้ายตัวเองในบัดดล นางรีบบันดาลให้ละอองความหลงนั้นอาบกายราวน้ำหอม รัศมีชมพูอมม่วงของนางสุกสว่าง เจิดจรัสขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อดึงดูดใจอีกฝ่าย จนกระทั่งเสกสมุทรก้มลงมาเห็น

"เงือก... น้องเงือก! เจ้าหยุดก่อน!" น้ำเสียงอุทานในใจนั้นปรีดาไม่คิดว่าจะเจอนางมัจฉาใกล้ผิวน้ำเช่นนี้ เสกสมุทรไม่รอช้า ละจากหลังมังกรคู่ใจแล้วว่ายดิ่งลงมาหาทันที "เจ้ามาจากที่วังไหนกัน ทำไมมีรัศมีสีม่วงอมชมพู ข้าไม่เคยเห็นเงือกนางไหนสีสวยแบบนี้มาก่อนเลย"  

เสกสมุทรลืมเรื่องเหนือกาลไปครู่ เมื่อเจอเงือกสาวที่เปี่ยมด้วยความงาม

"ข้า เอ่อ ข้า..." ดิลุสซี่ตอบ "ข้าก็มาจากวังใต้บาดาลนี่แหละ" นางมั่วไป เพราะก็ไม่ค่อยรู้ข้อมูลเท่าไหร่ แล้วก็เพ้อเจ้ออย่างตะกุกตะกักว่านางเป็นเงือกกำพร้า กำลังหลงทางอยู่ จะให้เสกสมุทรไปส่งบ้าน เพื่อถ่วงเวลา

"ได้สิ เจ้าชื่ออะไรล่ะ?" ดวงตาสีครามเป็นประกาย ไอแห่งราคะนั้นคุกรุ่น เขาจับแขนขาวจั๊วะของดิลุสซี่ไว้ด้วยอารมณ์ปรารถนา "เดี๋ยวข้าพาไปส่งแล้วกันนะ บาดาลนี้ข้าคุ้นเคยดั่งบ้าน"

"ขอบใจนะ ข้าชื่อ.." นางตอบตะกุกตะกัก "ชื่อลูซี่"  ดิลุสซี่จ้องตาอีกฝ่ายไม่กระพริบ ไม่รู้ตอนนี้ใครหลงเสน่ห์ใคร

"ชื่อเจ้าเพราะ หน้าเจ้าคุ้น เหมือนเคยเจอเจ้าที่ไหนมาก่อนนะ หรือจะชาติปางก่อน" เสกสมุทรปากหวานว่าพลางรีบพาร่างดำดิ่งลงเกี้ยวพาราสี นางดิลุสซี่นั้นเห็นใบหน้าเสกสมุทรอย่างใกล้ชิด แม้จะมองทะลุถึงวิญญาณแห่งกาลีดังว่าเป็นทิพยสตรีชื่ออีโก้ แต่ในร่างนอกนั้นเป็นบุรุษที่งดงามนัก กลิ่นแห่งราคะนั้นครอบงำทั้งสองในบัดดล ยิ่งกอดยิ่งสัมผัสยิ่งเกิดอารมณ์หวั่นไหว ยิ่งอยู่ในบึ้งบาดาลที่มองไม่เห็นผู้คนนี้แล้วด้วย

เสกสมุทรไม่เข็ดหลาบครั้งเคยโดนพรายน้ำหลอกลวงเขาห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปจึงเริ่มต้นก่อการรักขึ้นด้วยการจุมพิต แล้วไล่ลามไปทั่วสรรพางค์ของผิวสีชมพูของดิลุสซี่ กระทั่งท่อนล่างที่เป็นเกล็ดปลามีเมือกลื่นมันก็รู้สึกเสียวซ่านขึ้นอีก ดิลุสซี่ตัวสั่นสะท้าน ตั้งแต่ครองคู่กับรูอินมาก็ไม่เคยเจอความอ่อนโยนของการพลอดรักมาก่อน... ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกเป็นของกันและกัน

"ข้า..." เมื่อเสร็จภารกิจ ดิลุสซี่ก็เกิดความขวยเขิน นางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประทับใจ ส่วนเสกสมุทรเมื่อสิ้นความไคร่เขาก็ได้สติและรู้สึกสะอิดสะเอียนกับสิ่งที่ตัวเองทำไป

"ข้าขอโทษ" เด็กหนุ่มเอ่ยไม่ยอมสบตา

"ไม่เป็นไร.. ๆ ข้าไม่เคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อนเลย" นางว่า

"ข้าจะพาเจ้าไปส่งบ้านแล้วกัน" เสกสมุทรยิ้มแหย แล้วออกว่ายนำ ไม่นานทั้งคู่ก็ลงมาถึงใต้บาดาล อันเป็นสะดือทะเลแห่งแปซิฟิก วังของพญาเงือกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาวังทั้งเจ็ดคาบสมุทร ครั้งนี้เสกสมุทรเพิ่งจะสังเกตว่าปราสาทเบื้องล่างที่ช่างอลังการนี้มี'ดวงแก้ว' สุกสว่างดุจดังดวงตะวันขนาดจิ๋ว แต่ส่องแสงไปทั่วนครใต้น้ำได้อย่างมหัศจรรย์ นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือเกิดจากอำนาจของใครกัน หากเขายังไม่มีเวลาสังเกตมากนัก

เมื่อใกล้ตัวเมือง เขาก็เบิกตาค้างตะลึงพรึงเพริด เช่นเดียวกับดิลุสซี่ ที่เห็นปฏิมากรรมอลังการใจกลางวังบาดาลที่โดดเด่ด กำลังล้อแสงระยิบระยับจากรัศมีสีเขียวครามที่แผ่ออกมาจากเสกสมุทร สิ่งนั้นเป็นรูปปั้นชายหนุ่มขนาดใหญ่เหยียบลูกกลม ๆ ในมือถือสามง่าม ร่างกายมีอาภรณ์ มณี และเกราะหุ้มห่ออย่างสง่างาม รอบข้างมีเงือกแกะสลักสี่ห้าตัวเป็นบริวาณ ไม่ใช่เงือกเจ้าสมุทรที่เคยพบแน่ ผู้ชักจูงแห่งมหาสมุทรว่ายลงมาพินิจในระดับสายตาให้เห็นใบหน้ารูปปั้นทองคำนั้นให้ชัดเจนแล้วเขาก็สะดุ้งโหยง ความงุนงงปรากฏพลัน

ใบหน้านี้มันละม้ายคล้ายเขานัก! อะไรกัน!

ดิลุสซี่หันซ้ายขวามองเทียบทั้งเสกสมุทรและรูปปั้นทองคำนั้นแล้วก็พยักหน้า ใช่จริง ๆ เสกสมุทรก้มมองสำรวจ เห็นป้ายจารึกข้อความจึงดิ่งลงไปอ่านตรงแท่นด้านล่าง

"แด่พี่หมุด เจ้าสมุทรคนใหม่..." ข้อความนั้นเด่น ก่อนมีบรรทัดต่อมาเป็นลายมือสลัก ตัวเล็กหน่อย "เรานึกแล้ว ว่าพี่ต้องกลับมา" เสกสมุทรสะอึก "พวกเราชาวบาดาลทุกคนยินดีต้อนรับพี่ ในฐานะเจ้าสมุทรคนใหม่ ผู้ผสานทะเลทั้งเจ็ดให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยรักและคิดถึง โร้ป อั๋นนี่ ต้องและหนุงหนิง" เด็กหนุ่มอ่านข้อความเสร็จ ก็นึกถึงในอดีตครั้งที่เคยลงมากู้วิกฤตเจ็ดคาบสมุทรทันที และรูปปั้นนี้คงเป็นฝีมือของโร้ป เด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านศิลปะ เขาคิดถึงมิตรภาพในครั้งนั้นมาก แต่ทุก ๆ อย่างคงมีแค่ของที่ระลึกถึงหนหลังเพราะด้วยเวลาก็ผ่านมา 2500 กว่าปี คงไม่มีใครมีชีวิตเหลือแล้ว

"ลูซี่...เจ้าน่าจะรู้ว่าผู้ที่หล่อรูปปั้นนี้ชื่อโร้ป เพื่อนของข้าในอดีต..." เสกสมุทรเอ่ยถามดิลุสซี่ "เจ้าเคยได้ยินชื่อนี้ไหม"

"มะ ไม่เคย" ดิลุสซี่ส่ายหน้า

"อั๋นนี่ ต้องและ...หนุงหนิงล่ะ?"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่