นโยบายของรัฐ กับการพัฒนาประเทศ
สังคมทุกๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม
จะแบ่งคนในชาติออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม
1. กลุ่มคนฐานะรวย
2. กลุ่มคนฐานะปานกลาง
3. กลุ่มคนฐานะจน (ผู้ที่มีรายได้น้อย)
สัดส่วนของ 3 กลุ่มนี้ ถ้าวาดเป็นกราฟ ก็จะเป็นแบบทรงปิรามิต
โดยที่กลุ่มคนจนนั้น มีมากกว่า กลุ่มผู้ที่มีฐานะปานกลาง
และกลุ่มคนที่มีฐานะปานกลางนั้น มีมากกว่า กลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวย
จน > ปานกลาง > ร่ำรวย
การที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญแบบยั่งยืน ก็ต้องเริ่มจากระดับล่างสุด
เป็นการกระตุ้นที่เป็นลำดับขั้นตอน กล่าวคือ
หากกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย นั้น มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
ก็จะไปกระตุ้นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางให้โตขึ้น
และเมื่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางโตขึ้น ก็จะไปกระตุ้นธุรกิจจนาดใหญ่
ทีนี้ การกระตุ้นให้คนจนมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขั้นต้น อาจจะต้องเป็นภาระของรัฐบาล
และผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการ จะต้องจ่ายค่าแรงงานเพิ่ม ของแพง เสียภาษีเพิ่ม
ความไม่สมดุล จะอยู่แค่เพียงระยะหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อคนจนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
ก็จะใช้เงินขับจ่ายซื้อของ สินค้า จากผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการจะขายสินค้า
ได้มากขึ้น และจะเป็นอย่างนี้จนกว่าเศษฐกิจจะอิ่มตัว
ผมคิดว่า นโยบายของรัฐบาลนั้น ได้มาถูกทางแล้ว
แต่การจะทำให้เป็นผลสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และทุกคนต้องช่วยกัน
การเปลี่ยนแปลง การพัฒนา มันไม่ใช่เรื่องง่าย
หากประเทศไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นก็แสดงว่า เรากำลังย่ำอยู่กับที่
และการย่ำอยู่กับที่ ก็จะทำให้ประเทศอื่นแซงหน้าเราไป จนดูเหมือนว่าเราเดินถอยหลัง
การพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน ต้องเริ่มจากตรงไหน?
สังคมทุกๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม
จะแบ่งคนในชาติออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม
1. กลุ่มคนฐานะรวย
2. กลุ่มคนฐานะปานกลาง
3. กลุ่มคนฐานะจน (ผู้ที่มีรายได้น้อย)
สัดส่วนของ 3 กลุ่มนี้ ถ้าวาดเป็นกราฟ ก็จะเป็นแบบทรงปิรามิต
โดยที่กลุ่มคนจนนั้น มีมากกว่า กลุ่มผู้ที่มีฐานะปานกลาง
และกลุ่มคนที่มีฐานะปานกลางนั้น มีมากกว่า กลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวย
จน > ปานกลาง > ร่ำรวย
การที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญแบบยั่งยืน ก็ต้องเริ่มจากระดับล่างสุด
เป็นการกระตุ้นที่เป็นลำดับขั้นตอน กล่าวคือ
หากกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย นั้น มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
ก็จะไปกระตุ้นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางให้โตขึ้น
และเมื่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางโตขึ้น ก็จะไปกระตุ้นธุรกิจจนาดใหญ่
ทีนี้ การกระตุ้นให้คนจนมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขั้นต้น อาจจะต้องเป็นภาระของรัฐบาล
และผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการ จะต้องจ่ายค่าแรงงานเพิ่ม ของแพง เสียภาษีเพิ่ม
ความไม่สมดุล จะอยู่แค่เพียงระยะหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อคนจนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
ก็จะใช้เงินขับจ่ายซื้อของ สินค้า จากผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการจะขายสินค้า
ได้มากขึ้น และจะเป็นอย่างนี้จนกว่าเศษฐกิจจะอิ่มตัว
ผมคิดว่า นโยบายของรัฐบาลนั้น ได้มาถูกทางแล้ว
แต่การจะทำให้เป็นผลสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และทุกคนต้องช่วยกัน
การเปลี่ยนแปลง การพัฒนา มันไม่ใช่เรื่องง่าย
หากประเทศไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นก็แสดงว่า เรากำลังย่ำอยู่กับที่
และการย่ำอยู่กับที่ ก็จะทำให้ประเทศอื่นแซงหน้าเราไป จนดูเหมือนว่าเราเดินถอยหลัง