เราจากบ้านมาเรียนมาทำงานและใช้ชีวิตอยู่เมลเบิร์น มีเพื่อนมีสังคม มีงานมีครอบครัวที่น่ารัก แต่ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงบ้านแม้จะกลับบ้านทุกๆ 6 เดือน

  คิดถึงตลาดเช้าที่ปากเกร็ดที่ไปเดินกับชวดตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยก หลายครั้งที่เดินไปก็เจอเพื่อนๆ เพราะโรงเรียนก็อยู่ไม่ห่างตลาดนัก (เราเด็กสวนกุหลาบนนท์ฯค่ะ) ตอนเช้าลงรถที่นี่ก็ต้องกินโจ๊กที่หัวถนนก่อนไปโรงเรียน คิดถึงเป็ดพะโล้เจ้าอร่อย คิดถึงภาพคุณยาย มาพร้อมกระจาดใบเดียวที่เต็มไปด้วยผักสวนครัวจากบ้านและมะม่วงตากล่ำหอมหวานจากต้น ทอดมันหน่อกะลา ปลากริมไข่เต่าในหม้อดิน ขนมฟักทองนึ่งใหม่ๆสดๆ ขนมต้มหอมๆใบเตยเข้มๆแท้ๆ

  ข้อดีของการอยู่ต่างประเทศคือเราได้ฝึกการใช้ชีวิต ต้องอดทน ขยันและหมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอไม่งั้นเราจะสู้คนที่นี่ไม่ได้ และที่สำคัญ ยังได้ฝึกการทำอาหารด้วย เพราะมันไม่มีขายเหมือนที่บ้านเรา อยากกินอะไรต้องทำเอง แม้แต่ขนมต้มที่ในชีวิตนี้ไม่คิดเลยว่าจะต้องทำกินเอง ชอบใบเตยเข้มๆหอมๆ เราเคยใช้น้ำกะหล่ำม่วงแทนน้ำอัญชัญด้วยนะคะ สีม่วงๆสวยดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำเปล่าได้ค่ะ ก็จะได้ขนมต้มขาว

  สูตรที่ใช้ทำขนมไทย คงไม่พ้นของน้องทรีเดย์มืองามไปได้ คนอะไร มือก็สวย ทำขนมไทยก็เก่ง น่ารักจริงๆ น้องเค้าขูดมะพร้าวเอง แต่ไกลบ้านอย่างเรา ขอใช้มะพร้าวขูดแช่แข็งแทนแล้วกัน จะว่าไปก็สะดวกดี มะพร้าวก็ไม่แก่เกินไป แต่ขูดเส้นหนาไปนิดนึง ใบเตยก็ใช้แบบแช่แข็งเหมือนกัน ไหนๆก็ต้องปั่นคั้นน้ำแล้วก็ทำมันเยอะๆแล้วเก็บใส่ช่องฟรีซไว้เผื่อทำขนมอย่างอื่นต่อ



ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเนียว 400 กรัม และ 100 กรัมไว้ทำแป้งนวล
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 2 ถ้วย

ส่วนผสมใส้
มะพร้าวทึนทึกขูด 2 ถ้วย
น้ำตาลมะพร้าว  1  ถ้วย (เรามีไม่พอเลยต้องใส่น้ำตาลอ้อยผสมไปด้วย)
เกลือ 1 ช้อนชา

ส่วนผสมมะพร้าวนึ่ง
มะพร้าวขูด
เกลือหยิบมือ

วิธีทำ
เริ่มจากนึ่งมะพร้าวที่ใช้คลุกก่อนนะคะ นึ่งประมาณ 10 นาทีโรยเกลือพอเค็มๆแล้วใส่ถาดพักไว้

จากนั้นเราค่อยมาผัดใส้กัน นำมะพร้าวทึนทึกที่ขูดแล้วกับน้ำตาลลงกระทะทองเหลืองหรือกระทะเคลือบ ผัดไฟแรงก่อนจนน้ำตาลละลายได้กลิ่นหอมๆแล้วก็ลดไฟลง กวนไฟอ่อนๆไปเรื่อยๆจนมะพร้าวเหนียวปั้นได้แล้วปิดไฟพักไว้



  พอใส้มะพร้าวอุ่นๆแล้วก็ปั้นเป็นลูกๆ เราชอบทำขนมคำเล็กคำน้อย กินง่ายๆน่ารักๆ เลยปั้นลูกเล็กๆเอาไว้ ใส้มะพร้าวนี้เราใช้ไม่หมดค่ะ เพราะจะทำกินเองแค่ไม่กี่ลูก เลยทำแป้งแค่ครึ่งสูตร เราปั้นเป็นลูกๆอย่างนี้แล้วเก็บใส่กล่องแช่ฟรีซไว้ อยากกินอีกเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมาใช้



ใส้เสร็จแล้ว มาทำตัวแป้งกันค่ะ ผสมแป้งกับน้ำใบเตยหรือน้ำเปล่าให้เข้ากัน นวดแป้งด้วยมือจนปั้นได้ ระวังอย่าให้แป้งแฉะเกินไป  





ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ กดให้แบนแล้วห่อใส้ให้มิด เบาๆมือนะคะ อย่าให้แป้งหนามาก เดี๋ยวกินไม่อร่อย ห่อใส้แล้วเอาคลุกแป้งนวลไว้ ทำต่อจนหมด







ตั้งน้ำเปล่าให้เดือดแล้วเอาขนมลงต้ม นี่ไง ขนม-ต้ม



ขนมที่สุกแล้วจะลอยขึ้นมา ตักขึ้นลงคลุกมะพร้าวนึ่งทันที ไม่งั้นขนมจะติดกัน







ได้แล้วขนมต้มอร่อยๆ ไว้กินกับน้ำชายามบ่าย เรากินกับชา Earl Grey หอมๆตามเคย เราว่ากลิ่นไซตรัสๆแบบชา Earl Grey หรือ Lady Grey นี่ช่วยตัดหวานเลี่ยน ไปได้ดีกับขนมหวานๆ แถมกลิ่นหอมๆทำให้สดชื่นขึ้น



เจ้า Lady Grey กลิ่นจะอ่อนหวานกว่า Earl Grey เพราะ Lady Grey จะมีกลิ่นส้มหวานๆมาเบรกไว้ เหมือน  Lady Grey เป็นมุตา และ Earl Grey เป็นมุนินท์ไงคะ (ละครจบคนไม่จบ)

  ชาแต่งกลิ่นแบบนี้ เราไม่ชอบใส่นม(แต่เคยเห็นบางคนใส่ ก็ตามชอบแล้วกันนะคะ) อาจใส่น้ำตาลได้แต่ไม่ชอบเพราะขนมก็หวานแล้ว ชาก็ไม่น่าจะหวานตีกันอีก ถ้าอากาศร้อนๆ เราชอบชงเข้มๆใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้งให้หวานนิดๆแล้วใส่น้ำแข็ง ฝานเลมอนลงไปหน่อย อืม...........ชื่นใจ

ความสุขหาได้จากทุกที่ ถ้าเราเข้าใจและรู้จักที่จะมอง
พิมพ์นารา