ตอนแรก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=himan&date=23-11-2012&group=6&gblog=1
คศ.1945
เสียงเหมือนนกหวีดทีไม่ว่าได้ยินกี่ครั้ง ก็ชวนให้ขนลุก ตามด้วยเสียงระเบิดดั่งสนั่น ฝุ่นเล็กร่วงหล่นจากเพดาน เขามองไปที่หลังคาในห้องนิรภัย กองทัพของเขาคงไม่อาจต้านทานไว้ได้นานนัก กองทัพสัมพันธมิตรกำลังตีจากด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งกองทัพแดงก็กำลังบุกเข้ามา ชั่วเวลาไม่ถึงวันคงจะบุกมาถึงที่นี่ได้
เขามองดูเหล่าสักขีพยานที่มีเพียงน้อยนิด แววตาที่เศร้าสร้อยถูกส่งผ่านมา แต่ยังความภักดียังคงมีในตัวเขาไม่เสื่อมคลาย ศรัทธาในตัวเขายังคงอยู่ ทำให้รู้ว่าหลังจากผ่านเวลานั้นไป ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ตั้งใจ
แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่ก็ยังยกนาฬิกาข้อมือที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วขึ้นดู
ฉับพลัน ประตูเหล็กก็เปิดออก เสียงเพลงบรรเลงในท่วงทำนองที่คุ้นเคย
เจ้าสาวแสนสวยของเขาในชุดเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ช่างงดงามเหมือนในภาพฝัน
ความฝันสวยงาม จบลงเมื่อบาทหลวงประกาศ ว่า
"ขอประกาศว่า ให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรรยากัน "
แล้วเขาก็มอบจุมพิตแก่เจ้าสาวแสนสวย
เขาและเธอจูงมือออกมาจาก ห้องนิรภัยที่ถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์
เขารักเธอเหลือเกิน
เขาไม่รู้ว่ารักปานจะกลืนกินเป็นยังไง จนกระทั่งได้พบเธอ
เขารักเธอทั้งหมด ดวงตาสีฟ้า จมูกอันงดงาม ผมสีทองนุ่มมือราวเส้นไหมชั้นดี
"คุณไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะ "
ในมือซ้ายข้างถนัดลูบคลำเจ้าสิ่งนั้น สัมผัสอันเย็นชืด ยังคงให้ความรู้สึกถึงความตาย
"ฉันเคยบอกแล้วนี่คะ ว่าฉันจะอยู่กับคุณเสมอ "
เธอเอานิ้วชี้เรียวนวดคลึงกลางหน้าผากของเขา เพื่อคลายปมที่ขมวดมุ่นอยู่เสมอ
เขากอดประคองเธอ ไว้ในอ้อมอกอย่างแสนรัก
ก่อนที่จะพยักหน้าให้องครักษ์
ชายผู้นั้นยกมือชูขึ้นเหนือหัวทำความเคารพเขา เป็นครั้งสุดท้ายด้วยท่าทีที่สง่างาม ก่อนจะเอ่ยด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"แล้วพบกันใหม่ครับท่าน "
"แล้วพบกันใหม่สหาย " เขาตอบกลับไป
ทันทีที่ประตูอันเย็นชืดปิดลง เสียงดังปัง!! สองนัดก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าปืนพกลูเกอร์ทำหน้าที่ของมันโดยการส่งกระสุนขนาด9มม.ผ่านรังเพลิง ผ่านขมับของคนทั้งคู่
ท่านผู้นำและท่านผู้หญิง ตายแล้ว
แต่ทุกอย่างยังไม่จบสิ้นหรอก องครักษ์คนนั้นมองกระเป๋าโลหะที่อยู่ในมือ
ก่อนจะออกไปทางอุโมงลับ ซึ่งจะพาเขาหลบหนีไปยังนอกกรุงเบอร์ลิน......
......................
เฮือก!!! แทนไทสะดุ้งสุดตัวจนเตียงสี่เสาที่นอนอยู่สั่นไหวไปตามแรง ฟ้าใสก็สะดุ้งตื่นจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ที่โต๊ะด้านข้างด้วยเช่นกัน เขายกมือบางเช็ดใบหน้าขาวซีด ที่เต็มชื้นไปด้วยเหงื่อ ฝันอีกแล้วงั้นเหรอ ฝันครั้งนี้แตกต่างออกไป
ทุกครั้งจะฝันว่าอยู่ในสนามรบ แต่คราวนี้เหมือนว่าอยู่หนังย้อนยุค ห่างไกลออกไปราวๆสมัยสงครามโลก ถึงอย่างไรมันก็เพียงแค่ฝัน ชั่วเสียแต่ว่าครั้งนี้ มันเหมือนจริง กลิ่นฝุ่นที่ร่วงหล่นยังคงฉุนอยู่ในจมูก เสียงระเบิดที่กึกก้อง ยังคงอื้ออึงอยู่ในหู และอ้อมกอดที่แสนหวาน ยังคงไม่จางหายไป
“ คุณเป็นยังไงบ้างคะ “ เสียงเล็กๆข้างเตียงทำให้เขาต้องหันไปดู ก็พบผู้หญิงที่มายังที่นี่พร้อมเขา ดวงหน้าเล็กคล้ายลูกแมวนั่น กำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วงออกมาทั้งแววตาและสีหน้า
“ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่...ที่มันที่ไหน “เขาลองมองรอบๆตัว ก็พบว่าเขากำลังอยู่ในห้องที่เพดานและพื้นทำจากหิน เตียงสี่เสาที่เขานอนอยู่นั้น เป็นเตียงราวกับที่อยู่ในหนังยุคกลางของยุโรป ที่เสาทั้งสี่ลวดลายสวยงามถูกสลักอย่างวิจิตรบรรจง ผ้าม่านถูกปักไว้เป็นรูปของการสู้รบของใครสักคน ที่กำลังนำกองทัพสู้กับเหล่าอมุษย์รูปร่างผิดแผกกันไป มีทั้ง วัวแต่มีตัวเป็นคนที่เขาเคยสู้ด้วย คนแต่เขาเหมือนกระทิง และสัตว์ต่างๆที่ไม่เคยเห็น
เขาพยามลุกลงจากเตียง แต่เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับเหมือนจะเหือดแห้ง ตามเวลาที่เขานอนหลับไป ขาของเขารับน้ำหนักของตัวเองไม่ได้ จนผู้หญิงคนนั้นต้องรีบเข้ามาประคอง
“คุณไหวรึเปล่าคะ “ แววตาและสีหน้าแสดงออกมาหมด
“ผมไหว..” เขาอาศัยเสาของเตียงประคองตัวเองก่อนจะเอ่ย
“ผมหลับไปนานเท่าไหร่ “
เธอทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“สักสามสี่วันน่ะค่ะ “
“งั้นเหรอ” เขาลอบมองใบหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นไยเขา นอกจากมารดา ไม่มีใครห่วงเขาอย่างนี้นานมากแล้ว
“ผมว่าเราคงอายุเท่าๆกัน เรียกคุณๆอยู่อย่างนี้ มันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ คุณชื่ออะไรครับ “
“ฟ้าใสค่ะ “เธอเงยหน้าสบตาเขา
“ผมแทนไท “เขาแนะนำตัวเองกลับบ้าง เธอประคองเขาไปที่หน้าต่างก่อนจะเปิดให้ลมเข้ามา
เป็นไปไม่ได้คือสิ่งแรกที่เขาคิด บ้านเรือนที่สร้างมาจากหินสีเทา ตัดกับถนนที่ปูไว้ด้วยหินสีขาว ท้องฟ้าสดใสไม่มีแม้เมฆสักก้อน สิ่งเหล่านี้ล้วนชวนให้ตรึงสายตาแต่แรกเห็น แต่สิ่งที่ดึงความสนใจมากกว่าความสวยงามของเขาคือ รถม้าขนาดยักษ์ที่ติดปีก มันถูกเทียมไว้ด้วยมังกรจำนวนสองตัว กำลังบินผ่านหน้าเขาไป อย่าว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ามีอยู่จริงเลย เจ้าสิ่งนั้น มันไม่หน้าที่จะบินได้ตามหลักพลศาสตร์ด้วยซ้ำ ถ้าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพหลอน แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแน่ๆ เผลอๆไม่ใช่โลกมนุษย์เสียด้วยซ้ำไป นี่เขาอยู่ทีไหนกันแน่
" มันสวยใช่ไหมล่ะ " คนข้างตัวเอ่ยด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ทำให้ชายหนุ่มมองด้วยความแปลกใจ
"ก...ก็ดูสิ สีตอนที่โดนแสงแดด มันเป็นสีรุ้งด้วยล่ะ " เธอละล่ำละลัก เมื่อเห็นคนข้างตัวมอง
"เธอไม่ตกใจเหรอ " แทนไทอดถามเธอไม่ได้
"ก็ตกใจตอนแรกล่ะ แต่แหม เราเคยคิดนะว่าของพวกนี้มีแต่ในนิทานซะอีก "
เรียกว่าความตื่นเต้น มีมากกว่าตกใจว่างั้นเถอะ ชายหนุ่มอดอมยิ้มที่ริมฝีปากไม่ได้ เมื่อคิดถึงข้อนี้
"ดูสิมาอีกตัวแล้ว " เธอชี้ให้เขาดูอย่างตื่นเต้น ประกายแววตาที่เหมือนเด็กๆ ทำให้เขาอดเอ็นดูไม่ได้
เมื่อเห็นสายตาของเขาเธอก็ทำแก้มป่องอย่างงอนๆ
"คงเห็นเราเป็นเด็กอีกคนล่ะสิ คุณเทอร่าก็บอกเราแบบนี้ ตอนเราเห็นมังกรน่ะ"
"เทอร่า ? " น้ำเสียงเด็กหนุ่มสูงขึ้นด้วยความแปลกใจ ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อ เสียงถกเถียงกันก็ลอยมาตามลม
" เจ้าหมายความว่าอะไร " เสียงทุ้มต่ำหนักแน่น เอ่ยด้วยความหงุดหงิด
"โอ๊ย!! ข้าก็บอกเจ้าแล้วไง ว่าข้าแค่ไปเก็บสมุนไพร " น้ำเสียงหวานแต่หงุดหงิดตอบโต้กลับ
“ เก็บสมุนไพร อย่านึกข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปซื้อขายอะไรๆ กับพวกนอกกฏหมาย แล้วทำไม เจ้าไม่เอาทหารไปด้วย” น้ำเสียงหงุดหงิดกว่าเดิมบ่งบอก โต้ตอบกลับไป อย่างไม่ยอมแพ้
“ คนเยอะน่ารำคาญจะตาย อีกอย่างข้าก็ไปประจำ ไม่เห็นเป็นอะไร “
“ว่าไงนะ!! ประจำ นี่เจ้าไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย “
“โอ๊ย!! อยู่ใกล้กันแค่นี้ จะตะโกนทำไม “ สิ้นเสียงร่างบอบบางที่สีหน้าดูหงุดหงิดก็โผล่พ้นประตู ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่ทำหน้ายุ่งไม่แพ้กัน ผู้หญิงคนนั้นแทนไทจำได้ในทันที เธอคือคนที่ช่วยแทนไทกับฟ้าใสเอาไว้ที่ชายป่า
ส่วนผู้ชายนั้นเขาไม่เคยเห็น ผู้ชายคนนั้นมีผมสีทองที่ยาวถึงต้นคอถูกมัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ฉายแววหงุดหงิดเล็กๆ ชุดสีขาวล้วนที่สวมใส่ทำให้ขับผิวที่ขาวอยู่แล้ว ดูส่องสว่างมากยิ่งขึ้น ดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวแกว่งไกวไปมา ส่วนผู้หญิงที่เดินมาด้วย เธออยู่ในชุดสีขาวล้วนเช่นกัน แต่เธอมีผ้าคลุมสีดำคลุมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
ใบหน้างดงามของฝ่ายหญิง บูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รำคาญอีกฝ่ายเต็มที
“ เจ้าอยู่ในหน้าที่ไม่ใช่รึไง มีอะไรก็ไปทำสิ ตัวข้าออกเวรแล้ว“ เธอโบกมือไล่อย่างรำคาญเต็มแก่
“ ข้าแค่แวะมาดู คนเจ็บที่อยู่ในอารักขาของข้าแค่นั้นล่ะ นี่ก็เป็นหน้าที่เหมือนกัน “ ชายหนุ่มผู้นั้นกอดออกเชิดหน้า อย่างไม่ยอมแพ้
"เอ่อ...." แทนไทอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกไป ทำให้ทั้งคู่หันมาสนใจ คนที่ยืนมองพวกเขาเถียงกันอย่างพร้อมเพรียง
“เอ่อ..สวัสดีครับ “ แทนไทเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน
ชายร่างสูงส่งยิ้มที่เป็นมิตรมาให้
“สวัสดี ข้าชื่อฟีเรียส เป็นหัวหน้าของที่นี่ “
หลังแนะนำตัวเขาจะผายมือไปด้านข้างที่มีหญิงสาวยืนอยู่
“ส่วนนี่ ชู้รักลับๆของข้า ชื่อเทอร่า “ สิ้นเสียง แสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
“ใครเป็นชู้ลับๆของเจ้ากัน หากขืนเจ้าพูดว่าข้า เป็นผู้หญิงอีกครั้งล่ะก็....“ ดาบที่อยู่ในมือของเทอร่าถูกชักออกมาจ่อจมูกฟีเรียส
“ใจเย็นๆ ดาบมันไม่มีตานะ ...ข้าแค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง “ ด้ามดาบของฟีเรียสยกขึ้นมา เบนสิ่งที่จ่อจมูกอยู่
“คุณเทอร่า สวัสดีค่ะ “ รอยยิ้มหวานถูกส่งมาจากฟ้าใส ทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึง คลายลงทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปหาฟ้าใส
“เป็นไงบ้างฟ้าใส “เธอหันไปพูดกับฟ้าใสก่อนจะหันมามองแทนไท ” แล้วนี่เจ้าตื่นนานแล้วรึ “
“ผมพึ่งตื่นเมื่อกี้ครับ “
“เจ้าหลับไปสามวันเชียวนะ เจ้าป่วยมาก่อนรึไง “
“ผม....ผมไม่รู้ “ แทนไทยกมือขึ้นเกาศรีษะ เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร ภาพที่เขาเห็นคืออะไร ใจเขาปวดหน่วงๆเหมือนหนักใจในอะไรบางอย่าง
เธอโบกมือสัญลัษณ์เชิงให้หยุด ก่อนหยิบดาบที่ถูกซ่อนไว้ในผ้าคลุมออกมา
“ ข้าขอถามหน่อย เจ้าเป็น... “ เธอค้างไว้ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากต่อ พร้อมๆกับส่งดาบให้แทนไท
“อัศวินเอ็นเดอร์ งั้นรึ “ แทนไทแอบเห็น มือบอบบางกำไว้แน่นเพื่อรอคำตอบ ที่เฝ้ารอ
“ อัศวินเอ็นดอร์ คืออะไรงั้นเหรอครับ “ แทนไทตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นมือข้างถนัดไปรับดาบ
ความหวังที่เผ้ารอ หายสาบสูญไปในทันที ตัวเธอดูเหมือนจะหดเล็กลง
“แปลว่าเจ้าไม่ใช่ “
ฟีเรียสเดินเข้ามาตบไหล่เธอเชิงปลอบใจ ก่อนจะเอ่ยกับแทนไท
“แต่ว่าเจ้ามีดาบ “ ฟีเรียสชี้ไปยังดาบที่อยู่บนมือของแทนไท
แทนไทมองสิ่งที่อยู่ในมือก่อนจะชักดาบออกมา ดาบนี่คือดาบที่ใช้สู้กับเจ้าลัมกอร์ สีแดงดั่งเลือดที่เขาไม่มีวันลืมเลือน เสียงแหลมเสียดหู ดังขึ้นเมื่อ ชักดาบออกมาจนสุด
“เอ่อ อัศวินเอ็นดอร์คืออะไรครับ “ สายตาของเขาไม่ยอมละจากดาบ แม้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ แต่รู้อยู่อย่างเดียว ว่ามัน ช่างเหมาะมือเหลือเกิน
“ อัศวินเอ็นดอร์ก็คือ ผู้ที่คอยเดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก สัญลักษณ์ดาบสีแดงที่คมกริบ ผ่าเหล็กได้เหมือนผ่าเนย เขาจะชูดาบสีแดงแล้วประกาศว่า อัศวินเอ็นเดอร์มาแล้ว " เทอร่าตอบกลับมมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย
"ฟังดูเหมือนไอ้มดแดงเลยนะครับ " แทนไทตอบกลับไปแบบยิ้มๆ
" ไอ้มดแดงคืออะไรรึ " คำถามที่ย้อนกลับมาจากเทอร่า แทนไทถึงกับเกาหัวเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี จะหาอะไรที่ใกล้เคียงก็ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีรึเปล่า
โชคยังดีที่ดูเหมือน ฟ้าใสจะเป็นฝ่ายช่วยเขาไว้ เธอเดินเข้าไปเกาะแขนเทอร่าก่อนจะกล่าว
" ว่าแต่ คุณเทอร่าว่างแล้วเหรอคะ "
รอยยิ้มจากอบอุ่นจากเทอร่าถูกส่งผ่านมาแทนคำตอบ
Avalon project( The new fuhrer) เสียงของกลองศึก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=himan&date=23-11-2012&group=6&gblog=1
คศ.1945
เสียงเหมือนนกหวีดทีไม่ว่าได้ยินกี่ครั้ง ก็ชวนให้ขนลุก ตามด้วยเสียงระเบิดดั่งสนั่น ฝุ่นเล็กร่วงหล่นจากเพดาน เขามองไปที่หลังคาในห้องนิรภัย กองทัพของเขาคงไม่อาจต้านทานไว้ได้นานนัก กองทัพสัมพันธมิตรกำลังตีจากด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งกองทัพแดงก็กำลังบุกเข้ามา ชั่วเวลาไม่ถึงวันคงจะบุกมาถึงที่นี่ได้
เขามองดูเหล่าสักขีพยานที่มีเพียงน้อยนิด แววตาที่เศร้าสร้อยถูกส่งผ่านมา แต่ยังความภักดียังคงมีในตัวเขาไม่เสื่อมคลาย ศรัทธาในตัวเขายังคงอยู่ ทำให้รู้ว่าหลังจากผ่านเวลานั้นไป ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ตั้งใจ
แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่ก็ยังยกนาฬิกาข้อมือที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วขึ้นดู
ฉับพลัน ประตูเหล็กก็เปิดออก เสียงเพลงบรรเลงในท่วงทำนองที่คุ้นเคย
เจ้าสาวแสนสวยของเขาในชุดเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ช่างงดงามเหมือนในภาพฝัน
ความฝันสวยงาม จบลงเมื่อบาทหลวงประกาศ ว่า
"ขอประกาศว่า ให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรรยากัน "
แล้วเขาก็มอบจุมพิตแก่เจ้าสาวแสนสวย
เขาและเธอจูงมือออกมาจาก ห้องนิรภัยที่ถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์
เขารักเธอเหลือเกิน
เขาไม่รู้ว่ารักปานจะกลืนกินเป็นยังไง จนกระทั่งได้พบเธอ
เขารักเธอทั้งหมด ดวงตาสีฟ้า จมูกอันงดงาม ผมสีทองนุ่มมือราวเส้นไหมชั้นดี
"คุณไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะ "
ในมือซ้ายข้างถนัดลูบคลำเจ้าสิ่งนั้น สัมผัสอันเย็นชืด ยังคงให้ความรู้สึกถึงความตาย
"ฉันเคยบอกแล้วนี่คะ ว่าฉันจะอยู่กับคุณเสมอ "
เธอเอานิ้วชี้เรียวนวดคลึงกลางหน้าผากของเขา เพื่อคลายปมที่ขมวดมุ่นอยู่เสมอ
เขากอดประคองเธอ ไว้ในอ้อมอกอย่างแสนรัก
ก่อนที่จะพยักหน้าให้องครักษ์
ชายผู้นั้นยกมือชูขึ้นเหนือหัวทำความเคารพเขา เป็นครั้งสุดท้ายด้วยท่าทีที่สง่างาม ก่อนจะเอ่ยด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"แล้วพบกันใหม่ครับท่าน "
"แล้วพบกันใหม่สหาย " เขาตอบกลับไป
ทันทีที่ประตูอันเย็นชืดปิดลง เสียงดังปัง!! สองนัดก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าปืนพกลูเกอร์ทำหน้าที่ของมันโดยการส่งกระสุนขนาด9มม.ผ่านรังเพลิง ผ่านขมับของคนทั้งคู่
ท่านผู้นำและท่านผู้หญิง ตายแล้ว
แต่ทุกอย่างยังไม่จบสิ้นหรอก องครักษ์คนนั้นมองกระเป๋าโลหะที่อยู่ในมือ
ก่อนจะออกไปทางอุโมงลับ ซึ่งจะพาเขาหลบหนีไปยังนอกกรุงเบอร์ลิน......
......................
เฮือก!!! แทนไทสะดุ้งสุดตัวจนเตียงสี่เสาที่นอนอยู่สั่นไหวไปตามแรง ฟ้าใสก็สะดุ้งตื่นจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ที่โต๊ะด้านข้างด้วยเช่นกัน เขายกมือบางเช็ดใบหน้าขาวซีด ที่เต็มชื้นไปด้วยเหงื่อ ฝันอีกแล้วงั้นเหรอ ฝันครั้งนี้แตกต่างออกไป
ทุกครั้งจะฝันว่าอยู่ในสนามรบ แต่คราวนี้เหมือนว่าอยู่หนังย้อนยุค ห่างไกลออกไปราวๆสมัยสงครามโลก ถึงอย่างไรมันก็เพียงแค่ฝัน ชั่วเสียแต่ว่าครั้งนี้ มันเหมือนจริง กลิ่นฝุ่นที่ร่วงหล่นยังคงฉุนอยู่ในจมูก เสียงระเบิดที่กึกก้อง ยังคงอื้ออึงอยู่ในหู และอ้อมกอดที่แสนหวาน ยังคงไม่จางหายไป
“ คุณเป็นยังไงบ้างคะ “ เสียงเล็กๆข้างเตียงทำให้เขาต้องหันไปดู ก็พบผู้หญิงที่มายังที่นี่พร้อมเขา ดวงหน้าเล็กคล้ายลูกแมวนั่น กำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วงออกมาทั้งแววตาและสีหน้า
“ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่...ที่มันที่ไหน “เขาลองมองรอบๆตัว ก็พบว่าเขากำลังอยู่ในห้องที่เพดานและพื้นทำจากหิน เตียงสี่เสาที่เขานอนอยู่นั้น เป็นเตียงราวกับที่อยู่ในหนังยุคกลางของยุโรป ที่เสาทั้งสี่ลวดลายสวยงามถูกสลักอย่างวิจิตรบรรจง ผ้าม่านถูกปักไว้เป็นรูปของการสู้รบของใครสักคน ที่กำลังนำกองทัพสู้กับเหล่าอมุษย์รูปร่างผิดแผกกันไป มีทั้ง วัวแต่มีตัวเป็นคนที่เขาเคยสู้ด้วย คนแต่เขาเหมือนกระทิง และสัตว์ต่างๆที่ไม่เคยเห็น
เขาพยามลุกลงจากเตียง แต่เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับเหมือนจะเหือดแห้ง ตามเวลาที่เขานอนหลับไป ขาของเขารับน้ำหนักของตัวเองไม่ได้ จนผู้หญิงคนนั้นต้องรีบเข้ามาประคอง
“คุณไหวรึเปล่าคะ “ แววตาและสีหน้าแสดงออกมาหมด
“ผมไหว..” เขาอาศัยเสาของเตียงประคองตัวเองก่อนจะเอ่ย
“ผมหลับไปนานเท่าไหร่ “
เธอทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“สักสามสี่วันน่ะค่ะ “
“งั้นเหรอ” เขาลอบมองใบหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นไยเขา นอกจากมารดา ไม่มีใครห่วงเขาอย่างนี้นานมากแล้ว
“ผมว่าเราคงอายุเท่าๆกัน เรียกคุณๆอยู่อย่างนี้ มันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ คุณชื่ออะไรครับ “
“ฟ้าใสค่ะ “เธอเงยหน้าสบตาเขา
“ผมแทนไท “เขาแนะนำตัวเองกลับบ้าง เธอประคองเขาไปที่หน้าต่างก่อนจะเปิดให้ลมเข้ามา
เป็นไปไม่ได้คือสิ่งแรกที่เขาคิด บ้านเรือนที่สร้างมาจากหินสีเทา ตัดกับถนนที่ปูไว้ด้วยหินสีขาว ท้องฟ้าสดใสไม่มีแม้เมฆสักก้อน สิ่งเหล่านี้ล้วนชวนให้ตรึงสายตาแต่แรกเห็น แต่สิ่งที่ดึงความสนใจมากกว่าความสวยงามของเขาคือ รถม้าขนาดยักษ์ที่ติดปีก มันถูกเทียมไว้ด้วยมังกรจำนวนสองตัว กำลังบินผ่านหน้าเขาไป อย่าว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ามีอยู่จริงเลย เจ้าสิ่งนั้น มันไม่หน้าที่จะบินได้ตามหลักพลศาสตร์ด้วยซ้ำ ถ้าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพหลอน แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแน่ๆ เผลอๆไม่ใช่โลกมนุษย์เสียด้วยซ้ำไป นี่เขาอยู่ทีไหนกันแน่
" มันสวยใช่ไหมล่ะ " คนข้างตัวเอ่ยด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ทำให้ชายหนุ่มมองด้วยความแปลกใจ
"ก...ก็ดูสิ สีตอนที่โดนแสงแดด มันเป็นสีรุ้งด้วยล่ะ " เธอละล่ำละลัก เมื่อเห็นคนข้างตัวมอง
"เธอไม่ตกใจเหรอ " แทนไทอดถามเธอไม่ได้
"ก็ตกใจตอนแรกล่ะ แต่แหม เราเคยคิดนะว่าของพวกนี้มีแต่ในนิทานซะอีก "
เรียกว่าความตื่นเต้น มีมากกว่าตกใจว่างั้นเถอะ ชายหนุ่มอดอมยิ้มที่ริมฝีปากไม่ได้ เมื่อคิดถึงข้อนี้
"ดูสิมาอีกตัวแล้ว " เธอชี้ให้เขาดูอย่างตื่นเต้น ประกายแววตาที่เหมือนเด็กๆ ทำให้เขาอดเอ็นดูไม่ได้
เมื่อเห็นสายตาของเขาเธอก็ทำแก้มป่องอย่างงอนๆ
"คงเห็นเราเป็นเด็กอีกคนล่ะสิ คุณเทอร่าก็บอกเราแบบนี้ ตอนเราเห็นมังกรน่ะ"
"เทอร่า ? " น้ำเสียงเด็กหนุ่มสูงขึ้นด้วยความแปลกใจ ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อ เสียงถกเถียงกันก็ลอยมาตามลม
" เจ้าหมายความว่าอะไร " เสียงทุ้มต่ำหนักแน่น เอ่ยด้วยความหงุดหงิด
"โอ๊ย!! ข้าก็บอกเจ้าแล้วไง ว่าข้าแค่ไปเก็บสมุนไพร " น้ำเสียงหวานแต่หงุดหงิดตอบโต้กลับ
“ เก็บสมุนไพร อย่านึกข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปซื้อขายอะไรๆ กับพวกนอกกฏหมาย แล้วทำไม เจ้าไม่เอาทหารไปด้วย” น้ำเสียงหงุดหงิดกว่าเดิมบ่งบอก โต้ตอบกลับไป อย่างไม่ยอมแพ้
“ คนเยอะน่ารำคาญจะตาย อีกอย่างข้าก็ไปประจำ ไม่เห็นเป็นอะไร “
“ว่าไงนะ!! ประจำ นี่เจ้าไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย “
“โอ๊ย!! อยู่ใกล้กันแค่นี้ จะตะโกนทำไม “ สิ้นเสียงร่างบอบบางที่สีหน้าดูหงุดหงิดก็โผล่พ้นประตู ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่ทำหน้ายุ่งไม่แพ้กัน ผู้หญิงคนนั้นแทนไทจำได้ในทันที เธอคือคนที่ช่วยแทนไทกับฟ้าใสเอาไว้ที่ชายป่า
ส่วนผู้ชายนั้นเขาไม่เคยเห็น ผู้ชายคนนั้นมีผมสีทองที่ยาวถึงต้นคอถูกมัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ฉายแววหงุดหงิดเล็กๆ ชุดสีขาวล้วนที่สวมใส่ทำให้ขับผิวที่ขาวอยู่แล้ว ดูส่องสว่างมากยิ่งขึ้น ดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวแกว่งไกวไปมา ส่วนผู้หญิงที่เดินมาด้วย เธออยู่ในชุดสีขาวล้วนเช่นกัน แต่เธอมีผ้าคลุมสีดำคลุมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
ใบหน้างดงามของฝ่ายหญิง บูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รำคาญอีกฝ่ายเต็มที
“ เจ้าอยู่ในหน้าที่ไม่ใช่รึไง มีอะไรก็ไปทำสิ ตัวข้าออกเวรแล้ว“ เธอโบกมือไล่อย่างรำคาญเต็มแก่
“ ข้าแค่แวะมาดู คนเจ็บที่อยู่ในอารักขาของข้าแค่นั้นล่ะ นี่ก็เป็นหน้าที่เหมือนกัน “ ชายหนุ่มผู้นั้นกอดออกเชิดหน้า อย่างไม่ยอมแพ้
"เอ่อ...." แทนไทอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกไป ทำให้ทั้งคู่หันมาสนใจ คนที่ยืนมองพวกเขาเถียงกันอย่างพร้อมเพรียง
“เอ่อ..สวัสดีครับ “ แทนไทเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน
ชายร่างสูงส่งยิ้มที่เป็นมิตรมาให้
“สวัสดี ข้าชื่อฟีเรียส เป็นหัวหน้าของที่นี่ “
หลังแนะนำตัวเขาจะผายมือไปด้านข้างที่มีหญิงสาวยืนอยู่
“ส่วนนี่ ชู้รักลับๆของข้า ชื่อเทอร่า “ สิ้นเสียง แสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
“ใครเป็นชู้ลับๆของเจ้ากัน หากขืนเจ้าพูดว่าข้า เป็นผู้หญิงอีกครั้งล่ะก็....“ ดาบที่อยู่ในมือของเทอร่าถูกชักออกมาจ่อจมูกฟีเรียส
“ใจเย็นๆ ดาบมันไม่มีตานะ ...ข้าแค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง “ ด้ามดาบของฟีเรียสยกขึ้นมา เบนสิ่งที่จ่อจมูกอยู่
“คุณเทอร่า สวัสดีค่ะ “ รอยยิ้มหวานถูกส่งมาจากฟ้าใส ทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึง คลายลงทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปหาฟ้าใส
“เป็นไงบ้างฟ้าใส “เธอหันไปพูดกับฟ้าใสก่อนจะหันมามองแทนไท ” แล้วนี่เจ้าตื่นนานแล้วรึ “
“ผมพึ่งตื่นเมื่อกี้ครับ “
“เจ้าหลับไปสามวันเชียวนะ เจ้าป่วยมาก่อนรึไง “
“ผม....ผมไม่รู้ “ แทนไทยกมือขึ้นเกาศรีษะ เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร ภาพที่เขาเห็นคืออะไร ใจเขาปวดหน่วงๆเหมือนหนักใจในอะไรบางอย่าง
เธอโบกมือสัญลัษณ์เชิงให้หยุด ก่อนหยิบดาบที่ถูกซ่อนไว้ในผ้าคลุมออกมา
“ ข้าขอถามหน่อย เจ้าเป็น... “ เธอค้างไว้ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากต่อ พร้อมๆกับส่งดาบให้แทนไท
“อัศวินเอ็นเดอร์ งั้นรึ “ แทนไทแอบเห็น มือบอบบางกำไว้แน่นเพื่อรอคำตอบ ที่เฝ้ารอ
“ อัศวินเอ็นดอร์ คืออะไรงั้นเหรอครับ “ แทนไทตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นมือข้างถนัดไปรับดาบ
ความหวังที่เผ้ารอ หายสาบสูญไปในทันที ตัวเธอดูเหมือนจะหดเล็กลง
“แปลว่าเจ้าไม่ใช่ “
ฟีเรียสเดินเข้ามาตบไหล่เธอเชิงปลอบใจ ก่อนจะเอ่ยกับแทนไท
“แต่ว่าเจ้ามีดาบ “ ฟีเรียสชี้ไปยังดาบที่อยู่บนมือของแทนไท
แทนไทมองสิ่งที่อยู่ในมือก่อนจะชักดาบออกมา ดาบนี่คือดาบที่ใช้สู้กับเจ้าลัมกอร์ สีแดงดั่งเลือดที่เขาไม่มีวันลืมเลือน เสียงแหลมเสียดหู ดังขึ้นเมื่อ ชักดาบออกมาจนสุด
“เอ่อ อัศวินเอ็นดอร์คืออะไรครับ “ สายตาของเขาไม่ยอมละจากดาบ แม้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ แต่รู้อยู่อย่างเดียว ว่ามัน ช่างเหมาะมือเหลือเกิน
“ อัศวินเอ็นดอร์ก็คือ ผู้ที่คอยเดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก สัญลักษณ์ดาบสีแดงที่คมกริบ ผ่าเหล็กได้เหมือนผ่าเนย เขาจะชูดาบสีแดงแล้วประกาศว่า อัศวินเอ็นเดอร์มาแล้ว " เทอร่าตอบกลับมมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย
"ฟังดูเหมือนไอ้มดแดงเลยนะครับ " แทนไทตอบกลับไปแบบยิ้มๆ
" ไอ้มดแดงคืออะไรรึ " คำถามที่ย้อนกลับมาจากเทอร่า แทนไทถึงกับเกาหัวเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี จะหาอะไรที่ใกล้เคียงก็ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีรึเปล่า
โชคยังดีที่ดูเหมือน ฟ้าใสจะเป็นฝ่ายช่วยเขาไว้ เธอเดินเข้าไปเกาะแขนเทอร่าก่อนจะกล่าว
" ว่าแต่ คุณเทอร่าว่างแล้วเหรอคะ "
รอยยิ้มจากอบอุ่นจากเทอร่าถูกส่งผ่านมาแทนคำตอบ