นักรบจันทรา ตอนที่ 11

กระทู้สนทนา
ไซเรน่ากำลังครุ่นคิด คนส่วนใหญ่เชื่อว่านางไม่เคยหยุดคิดอะไรนานเกินครึ่งนาทีเลย  ผิดแค่นางชอบคิดตอนทำอย่างอื่นอยู่เท่านั้น เช่นตอนนี้ นางกำลังดวลดาบอย่างเคร่งเครียดกับแม่ทัพคนสำคัญของเพียรซ์อย่างดุเดือด

    “มัวคิดอะไรอยู่ ความเร็วตกแล้วย่ะ” แม่ทัพสาวเย้ยหยันเมื่อไซเรน่าหยุดดาบช้าเกินไป

    “หนวกหู!” ไซเรน่าสวน แม้จะถูกรายล้อมด้วยทหารของเพียรซ์ก็ตาม

    ตอนนี้นางกำลังคิดถึงเรื่องของเขาคนนั้น ความรู้สึกที่มีให้มันเริ่มก่อรูปร่างตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่พบกันครั้งแรกหรือ ตั้งแต่ได้รับความช่วยเหลือหรือ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันวิเศษจนยากบรรยาย

    ไซเรน่าถอนหายใจเบาๆขณะเอี้ยวตัวหลบดาบจริงของอีกฝ่าย ใช่แล้ว ตอนนี้พวกนางกำลังประลองกันด้วยดาบจริง! ตามวิถีทางของอัศวินหญิง!

    ตอนนี้นางก็ได้ใกล้เขาแล้ว แม้ต้องแสร้งทำเป็นสืบว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ใจจริงของนางก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาคนนั้นคิดจะทำอะไรต่อ อยากรู้ว่าเมื่อวันก่อนที่หายไปนั้นแอบไปทำอะไร อยากรู้ว่าใจจริงเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่

    ไซเรน่าหน้าแดงฉานปัดดาบของอีกฝ่ายทิ้งก่อนพุ่งเข้าใช้ร่างกายปะทะโดยตรง

    “เอาจริงสักทีสิยะหล่อน!” แม่ทัพของเพียรซ์ตวาด นางต้องถอยกรูดเพราะปลายดาบของไซเรน่าไล่ตามกระชั้นชิด “เจ้าเป็นฝ่ายขอข้าประลองเองนะ!”

    “มันคนละเรื่องกันนี่” นางอัศวินมังกรหมุนตัวใช้ด้ามดาบรับดาบอีกฝ่าย “ข้าอยากสู้กับคนเก่งๆ อย่างท่านที่เป็นหนึ่งในสามทหารเสือเช่นเดียวกับข้า คริสทาร่าแห่งเพียรซ์”

    “อย่างนั้นมัวคิดอะไรอยู่เล่า ปกติเวลาแกว่งดาบต้องจดต่อกับคู่ต่อสู้สิ!” คู่ต่อสู้ของไซเรน่าเรียกร้องความสนใจกันดื้อๆ

    “เรื่องของข้า” ไซเรน่าเลิกคิ้ว นางเป็นฝ่ายถอยบ้างเมื่อเห็นว่าตั้งรับไม่ทันแน่ “หากข้าชนะท่านตอนกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ได้ก็แสดงว่าข้าแข็งแกร่งจริงๆ ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเท่านั้น”

    “เจ้าเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!” แม่ทัพแห่งเพียรซ์บ่นอุบ

    แล้วไซเรน่าก็ดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงความคิด ปล่อยร่างกายให้ทำงานเองตามความเคยชิน

    เอาเท่าที่รู้ เขาคนนั้นเป็นเด็กกำพร้า เหมือนจะมีคนรู้จักเป็นผู้หญิงอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับเขากันแน่ จะเป็นแค่พี่น้อง หรือคนรัก ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กันเขาไม่พูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไรนัก

    อีตาปากหนักจอมบ้องตื้น! ไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าเลยหรือ! ไซเรน่าต่อว่าผู้กล้าแสงตะวันในใจ ใช้ปลอกแขนรับคมดาบอย่างทันท่วงทีสร้างความหงุดหงิดให้คู่ประลองไม่น้อย

    แล้วนางมังกรครึ่งมนุษย์นั่นเป็นอะไรกับท่านกันแน่ เหตุใดจึงต้องกันตัวไว้ไม่ให้ทางการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการไต่สวน ดูจากท่าทางแล้วต้องรู้จักกันแน่นอน ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านที่ข้าอยากรู้อีกมากมายจนต่อเป็นทางไปถึงดวงดาวได้

    แต่อย่างเขาคนนั้นไม่ลดตัวไปรักกับอมนุษย์แน่! ไซเรน่าลงดาบหนักเป็นพิเศษเมื่อจบประโยคในความคิด

    “คิดอะไรอยู่หรือ ลงดาบหนักขึ้นนะ” แม่ทัพคู่ประลองของไซเรน่าเอ่ยถาม เพราะนางอัศวินมังกรทุ่มแรงกับดาบมากเกินเหตุ

    “คิดจะไปสอบปากคำแม่มังกรครึ่งมนุษย์นั่นอย่างไรล่ะ” ไซเรน่าตอบ

    “ฝากคำถามไปได้ไหม ผู้กล้าแสงตะวันยื่นคำร้องทางข้าจึงเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้” แม่ทัพคริสทาร่าหยุดดาบคุย ทั้งคู่ต่างหอบเหนื่อยจากการประดาบอย่างจริงจังโดยเฉพาะคริสทาร่า!

    “ข้าจะถามเรื่องส่วนตัว แล้วก็อย่าหยุดดาบสิ เรายังประลองกันอยู่นะ”

    ในเมื่อรู้แล้วว่าตนจะทำอะไรต่อ นางอัศวินมังกรไซเรน่าก็รวบรวมสติจดจ่อกับการประลองจนได้ นางก้าวเข้ารุกไล่อีกฝ่ายที่หยุดดาบเพื่อเจรจา...


    นางแม่ทัพของจอมอสูรถูกคุมตัวในคุกหลวง แม้ผู้กล้าแสงตะวันจะยื่นคำร้องขอเป็นผู้สอบสวนเองก็ยังต้องถูกคุมขังไว้ในที่มั่นในราชวัง นางมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดลถูกกักอยู่ในอาณาเขตเวทมนตร์ที่สร้างโดยท่านหญิงโรเซลฯและผู้วิเศษประจำจักรวรรดิ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่านางจะไม่มีทางอาละวาด

    และไซเรน่าก็กำลังไปที่นั่น ในฐานะพวกพ้องของผู้กล้าแสงตะวันทำให้นางสามารถเข้าถึงนักโทษตนนี้ได้ผิดกับแม่ทัพของเพียรซ์

    “สวัสดี ท่านมังกรครึ่งมนุษย์”

    นางอัศวินมังกรไซเรน่ายืนอยู่หน้าคุกสี่เหลี่ยมขนาดย่อมๆ ทั้งด้านนอกและด้านในถูกสลักอาคมป้องกันไว้อย่างแน่นหนา ให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของนักโทษกึ่งตัวประกันจากสงครามที่ผ่านมา

    “สวัสดี อัศวินมังกร”

    นักโทษตอบห้วนๆผิดไปจากนักโทษธรรมดา คงถือว่าตัวเป็นมังกรครึ่งมนุษย์กระมัง ไซเรน่าคิด

    “อยากคุยด้วยหน่อย ได้ไหม”

    “ข้าจะคุยกับผู้กล้าแสงตะวันเท่านั้น!”

    ไซเรน่าลังเล แบบนี้กระมังเขาจึงกันนางไว้สอบเพียงผู้เดียว นางไม่ยอมให้ข้อมูลแก่ใครนอกจากเขา ทำให้นางอัศวินมังกรยิ่งสงสัยว่าทั้งคู่มีอะไรปิดบังกันแน่

    “ไม่ได้มาคุยเรื่องสงครามหรอก ข้ามาคุยตามประสาผู้หญิงต่างหาก” ไซเรน่าพยายามผูกไมตรีเต็มที่

    “เจ้าคือศัตรูของข้า เหตุใดต้องคุยกันเล่า!” นักโทษตอบสะบัดอย่างขุ่นเคือง

    “ผู้กล้าแสงตะวันก็เป็นศัตรูเหมือนกัน เจ้ายังคุยกับเขาได้เลย”

    “เขาไม่ใช่ศัตรู เจ้านั่นล่ะศัตรูของข้า”

    “ข้าไม่เข้าใจ ข้าเป็นพวกเดียวกับผู้กล้าแสงตะวัน แล้วเหตุใดมีแต่เขาที่ไม่ใช่ศัตรู”

    “ข้ากับเขารักกัน แค่นั้นก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ทำให้เจ้าเป็นศัตรูของข้า!”

    นักโทษหญิงทำให้หัวของไซเรน่าขาวโพลนในชั่วพริบตาเดียว ในเมื่อเป็นแบบนี้ไปแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า เป็นเรื่องสมควรปิดบังหากผู้กล้าจะไปรักกับอมนุษย์แบบนี้ ยิ่งเป็นศัตรูด้วยยิ่งแล้วใหญ่

    แต่ไซเรน่ายังคงยิ้มให้นักโทษ ยิ้มด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง

    “อย่างนั้นเราก็มีเรื่องคุยกันแล้วสินะ” ไซเรน่าฝืนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งคุยเป็นงานเป็นการ “

    “ทำแบบนี้ทำไม นึกว่าข้าไม่เห็นหรือที่เจ้าจูบเขาน่ะ” นางมังกรครึ่งมนุษย์กอดอกอย่างไม่ชอบใจ

    “เป็นการทักทายอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา อย่าถือสาข้าเลย” ไซเรน่าอธิบายอย่างผู้รู้ “บ้างก็กอด บ้างก็จูบ บ้างก็แลกหมัดกันตัวต่อตัว”

    “อย่างนั้นเรามาแลกหมัดกันไหม”

    “ก็แลกไปแล้วนี่ ถึงแผลข้าจะหายด้วยเวทมนตร์แต่ยังช้ำในอยู่ไม่น้อย สู้กับเจ้าข้าสนุกมากจริงๆ ข้าชอบสู้กับคนเก่งๆ”

    ไซเรน่ายิ้มอย่างเป็นกันเองแล้วมองดูคู่สนทนาอย่างพิจารณา โครงหน้ารูปไข่สวยจนเกินมนุษย์เหมือนกับมังกรครึ่งมนุษย์ทุกตน ผมเขียวสะอาดสีเดียวกับเกล็ดในร่างมังกร ครีบปลาที่อยู่ตำแหน่งใบหูทำให้รู้ว่าเป็นอมนุษย์ ทั้งที่อายุไม่ต่างกันนักแต่เป็นถึงแม่ทัพมังกรของจอมอสูร

    “เจ้ารู้จักกับผู้กล้าแสงตะวันตั้งแต่เมื่อไร”

    ไซเรน่าตั้งคำถามด้วยท่าทีสบายๆผิดกับในหัวที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง นางมีอะไรดีกว่านางมังกรครึ่งมนุษย์ตนนี้บ้าง ความงาม ความน่าทะนุถนอม แม้กระทั่งความแข็งแกร่งก็ยังเทียบไม่ได้ อยู่นานไปรังแต่จะสร้างปัญหาให้เขาเสียมากกว่า

    “ตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อของเขาช่วยข้าจากการถูกจับเป็นทาส” นางมังกรครึ่งมนุษย์ตอบอย่างเสียไม่ได้

    “เพื่อนสมัยเด็กหรือ รู้สึกคุ้นๆเหมือนเขาจะเคยเล่าเรื่องนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นมังกรครึ่งมนุษย์”

    “เรื่องของข้าคงสำคัญเกินกว่าจะเล่าให้เจ้าฟังกระมัง”

    “แล้วพวกเจ้า...คบกันมานานแล้วหรือ เหตุใดเจ้าไปอยู่ฝ่ายมืดเล่า” ไซเรน่าถามอย่างเพลิดเพลิน

    “ข้าเป็นครอบครัวเดียวกับเขาอย่างสมบูรณ์ กระทั่งวันหนึ่ง ภูเขาหิมะกลับปะทุขึ้นกลายเป็นภูเขาไฟในบัดดล น้ำหลากจากหิมะละลายบวกกับหินหลอมเหลวทำลายเมืองที่พวกเราอยู่จนหมดสิ้น ข้ากับเขาจึงแยกจากกันโดยจำใจ” นักโทษหญิงครุ่นคิดถึงอดีตที่เศร้าหมอง ท่าทางนางคงอยากได้เพื่อนคุยเหมือนกันแน่นอน “หลังจากนั้นข้าก็พลัดไปอยู่กับเหล่าสัตว์วิเศษในป่า จนไปเข้ากับฝ่ายมืดในที่สุด”

    “เขาบอกว่ามีสายอยู่ในฝ่ายมืดด้วย คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ” ไซเรน่าหัวเราะ นางเริ่มชอบนักโทษคนนี้ขึ้นมาแล้ว

    “ข้าอยากให้เขามาช่วยมากกว่า เป็นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว”

    “เจ้าเล่าเสียข้านึกภาพลำบาก หมอนั่นไม่เหมาะหรอก” ไซเรน่าหัวเราะได้นิดหนึ่งก่อน นักโทษใช้กรงเล็บมังกรข่วนลูกกรงจนเกิดประกายไฟ

    “ห้ามว่าร้ายเขาเด็ดขาด!” นางมังกรครึ่งมนุษย์ขู่ฟ่อ “ไม่ว่าใครก็ห้ามเด็ดขาด”

    ไซเรน่ายกมือปรามให้อีกฝ่ายสงบลง ก่อนเริ่มการสนทนาอีกครั้ง

    “เขาไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาวสำหรับทุกคนหรอกนะ เชื่อข้าสิ” ไซเรน่าหาทางออกสำหรับการปะทะไร้สาระนี้ “เขาเป็นเพื่อนรักของข้า ดังนั้นข้าจะเห็นเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวได้อย่างไรกัน”

    “ก็ใช่ สำหรับเขามีแค่ข้าก็พอแล้ว แค่เรามีกันและกัน”

    “ข้าก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นวางแผนอะไรเพื่อเจ้า แต่ต้องดีมากๆแน่นอน” ไซเรน่าปรบมืออย่างร่าเริง “เล่าเรื่องสมัยก่อนของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้ไหม” แล้วบทสนทนาของพวกนางก็ยาวยืดไปไม่รู้จบ...

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่