ทางไกลทำให้รู้กำลังม้า กาลเวลาทำให้รู้ใจคน เขียนดีมากอยากให้อ่านครับ

เดือนนี้ว่าจะตั้งแต่กระทู้ที่มีสาระ ไม่รู้จะทำได้ตลอดรอดฝั่งมั้ยนะครับ มีเพื่อนแซวว่าชอบตั้งกท.ฮาๆ ครับ

จขกท.เคยตั้งกระทู้ นี้ไว้หลายเดือนก่อน  ท่านใดยังไม่เคยอ่านลองตามไปอ่านได้นะครับ
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คุณเชื่อไหมครับ


สำหรับวันนี้ จะมาลงบทความ   ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน  ในสำนวนจีนเพิ่มให้ตามสัญญาครับ  
路遥知马力  日久见人心  ในสำนวนสุภาษิตจีนอาจจะแปลว่า 
ทางไกลทำให้รู้กำลังม้า  กาลเวลาทำให้รู้ใจคน


ระยะทางเมื่อยาวไกล จะสามารถรู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็นอย่างไร… คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนาน จะสามารถเห็นถึงธาตุแท้ หรือความจริงใจของเขา 
ลู่เหยากับหม่าลี่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน  ลู่เหยา”มีศักดิ์เป็นพี่ เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
 

หม่าลี่”เป็นผู้น้อง ยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหยา มีฐานะยากจน ขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวย ด้วยเหตุนี้ลู่เหยา จึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่เสมอ 
วันหนึ่งลู่เหยาบอกหม่าลี่ว่าตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง อยากจะฝากให้หม่าลี่ ช่วยดูแลภรรยาให้หม่าลี่รับปากบอกว่า เขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล  ตั้งแต่นั้นมาทุกครึ่งเดือนหม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้ นำของกินของใช้บรรทุก ใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรยาของลู่เหยา

ภรรยาของลู่เหยา จึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เลว ได้รับการโอบอุ้ม ดูแลยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเสียอีกไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ทำให้นางนึกขอบคุณสามี ที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้
 

ครึ่งปีผ่านไป 
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรยาของลู่เหยาอีกแล้ว
ครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรยาของลู่เหยา จึงต้องขายข้าวของ ที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่างถูกขายจนหมด  นางจึงคิดจะทำงาน เพื่อหาเลี้ยงตนเอง เนื่องจากนางเคยเรียน เย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็ก  นางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย อาจเพราะว่านางมีฝีมือดีหรือชาวบ้าน ต่างสงสารนาง ก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้านพากันแย่งซื้อรองเท้าของนาง  จนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ตาม พริบตาเดียว 
 
๑๐ ปีผ่านไป
ลู่เหยาก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่าตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรยาของตนและส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่งของกิน ของใช้มาให้ภรรย ของตนอีกเลย  เขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า “คนอยู่ น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”
เมื่อหม่าลี่ทราบข่าวว่า ลู่เหยากลับมาจึงส่งคนไปเชิญมาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหยาปิดประตูไม่รับแขก หม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหยาด้วยตนเอง เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหยาจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่
 

ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหยาต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรยาของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปาน  หม่าลี่จึงพาลู่เหยา เข้าไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออก และเชิญลู่เหยาเข้าไป…ลู่เหยาตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมด  ลู่เหยาเข้าใจทันที เขาจึงก้าวถอยออกจากประตู ด้วยความละอายใจและก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่  
 

หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหยาลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝัง ให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้น ข้าไม่เคยลืมเลย  แต่นึกไม่ถึงว่า ครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน จุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์ แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนางได้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย วันๆไม่ต้องทำอะไรอาจเป็นเหตุ ให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาให้นางเสียชื่อเสียง แล้วหากท่านกลับมา ข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อย่างไร แต่ก็น่านับถือที่พี่สะใภ้ รู้จักทำมาหากินด้วยความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้อรองเท้า ที่นางทำขายทุกครั้งไป    ลู่เหยาได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก
 
เขา ยืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นาน สักพักจึงกล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมา ว่า  ลู่เหยา(หนทางไกล) รู้ใจหม่าลี่(กำลังของม้า)
กาลเวลาพิสูจน์ใจคน  คำกล่าวจีนที่ว่า “หนทางไกลพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน” จึงได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยมาโดยเราใช้คำพรรณานี้ มองเห็นว่า 
“การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใครอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง” 
 

เมื่อได้อ่านแล้วรู้สึกชอบเรื่องราวของลู่เหยาและหม่าลี่
ทำให้มาคิดว่า…บางครั้งในชีวิตของคนเรานั้น การจะทำความดี ต้องทำอย่างอดทน ต้องทำอย่างลึกซึ้ง ต้องทำอย่างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ไม่ต้องหวังว่าทำดีกับคนอื่น แล้วเขาจะต้องดีตอบกับเรา มิเช่นนั้นเราจะทุกข์ใจหากไม่ได้การตอบแทน ตามที่หวังไว้ แม้คนอื่นอาจเข้าใจผิดว่า เราไม่ได้ทำอะไร
เปรียบเสมือนผู้ที่ปิดทองหลังพระ แม้ไม่มีใครมองเห็น แต่ตัวเรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำ…แค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจและมีความสุขแล้ว

Cr.
ขอขอบคุณ เพจ อยากให้รู้ 
ขอขอบคุณ ForwardLINE  
By. Forward LINE
11 กรกฎาคม 2565
ขอขอบคุณ
http://www.oknation.net/blog/chineseclub/2012/03/20/entry-1

ลาไปแล้วครับเดี๋ยวไว้จะนำบทความ เรื่อง มิตรและศัตรูที่รัก มาลงเพิ่มอีกครับ 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน และติดตาม หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
พาพันขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่