กัณวีร์พร้อมให้ตรวจสอบจดหมายชาวอุยกูร์เป็นของจริง ย้ำภาครัฐต้องเร่งเปิดหลักฐานสมัครใจส่งกลับ
https://thestandard.co/kanviee-uyghur-letter-verification/
วันนี้ (3 มีนาคม)
กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหาว่าจดหมายชาวอุยกูร์ที่มีตราเรือนจำคลองเปรมว่าเป็นจดหมายปลอมนั้น โดยระบุว่า ไม่คิดว่าเรื่องจดหมายชาวอุยกูร์จะนำไปผูกโยงอย่างไร้สาระ
“
ผมทราบว่าหลายท่านยังคงมีข้อสงสัยในจดหมายที่ผมนำมาเปิดเผย จนเป็นประเด็นใหญ่โตเพราะกังวลว่าจะไม่ใช่จดหมายจริง ในเมื่อผมเป็นคนแชร์จดหมาย ผมก็เป็นคนที่รับผิดชอบต่อข้อมูลในส่วนนี้ ดังนี้ครับ”
1. จดหมายไม่ได้มาจากคนที่ถูกคุมขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีศาลพระพรหมฯ ทั้งสองคนไม่ได้อยู่เรือนจำคลองเปรมครับ และเขาเป็นคนละกลุ่มกับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้
2. จดหมายมาจากในห้องกักสวนพลู ตนเองไม่เคยบอกว่าจดหมายมาจากเรือนจำคลองเปรม ถ้าจะปลอม จะเอากระดาษลายนี้ให้เรื่องยืดยาวขนาดนี้ทำไม
3. ไม่มีใครปลอมจดหมายขึ้นมา เพราะไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาถูกส่งกลับไปแล้ว แต่ในฐานะที่ต่อสู้เรื่องการส่งกลับ ตนเองก็ต้องยันหลักฐานที่มีว่า เขามิได้สมัครใจกลับ ถ้าอยากจะตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริง ยินดีเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริง ฟ้องได้เลย ประชาชนหรือทางรัฐบาลเอง เพราะคิดว่าประเด็นนี้ถูกยืดเยื้อเกินกว่าเหตุไปแล้ว
4. หากทางรัฐไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันว่าเขาสมัครใจกลับไป ท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายให้เปิดเผยออกมา
5. จดหมายจากประเทศจีนที่ส่งมาขอตัวกลุ่มนี้ เขียนมาว่า ถ้าจีนเชิญ เราถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมได้ (as invited by Chinese side)
6. เข้าใจว่าต่อจากนี้จะมีประเด็นใหม่ๆ มาอีก แต่ขออนุญาตไม่ตอบที่ซ้ำแล้ว จะพยายามลดข้อกังขาให้มากที่สุด แต่อย่าลืมไปตรวจสอบรัฐบาลด้วย เพราะตนเองไม่มีอำนาจบริหาร ไม่ได้เป็น 1 ในคนที่ตัดสินใจทำกระบวนการนี้
กัณวีร์กล่าวว่า หรือที่มารุมกันเรื่องนี้ เพราะแค่อยากบิดเบือนปกปิดไม่ให้รู้ว่า จดหมายของพวกเขาถูกปิดกั้น และไปไม่เคยถึงปลายทาง
“
สำหรับผมเปิดเผยอะไรออกไป ผมรับผิดชอบในข้อมูลของผม พร้อมให้ตรวจสอบและมีหลักฐานยืนยัน สุดท้ายแทนที่เรามาช่วยกันสร้างความโปร่งใส เอามาสิครับ หลักฐานที่ยืนยันว่าพวกเขาสมัครใจกลับจีน อย่าช้าครับ ทุกคนรออยู่” กัณวีร์กล่าว
เท้ง ลงพื้นที่นครสวรรค์ แฉส่วยรถบรรทุก ยันไม่หมด ลามถึงอัยการฮึ่มยึดรถ รีดเงิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5073982
เท้ง ลงพื้นที่นครสวรรค์ แฉส่วยรถบรรทุก ยันไม่หมด ลามถึงอัยการฮึ่มยึดรถ รีดเงิน
วันที่ 3 มีนาคม นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
วานนี้ช่วงบ่าย (2มีนาคม) ผมได้มาที่จังหวัดนครสวรรค์เพื่อศึกษาการเลี้ยงโค และพูดคุยกับสมาคมขนส่งแห่งประเทศไทย
เริ่มต้นด้วยการมาศึกษาดูงานที่วิสาหกิจชุมชนเพียวพลัส ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพที่เลี้ยงโคด้วยเปลือกทุเรียนผ่านการหมักด้วยจุลินทรีย์ ทำให้สามารถลดค่าอาหารและลดต้นทุนได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมชั้นดีที่ภาครัฐควรสนับสนุน นอกจากนั้น ยังทำการแปรรูปเนื้อโคอย่างครบวงจร นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการส่งเสริมให้ธุรกิจโคไทยเพิ่มมูลค่า และมีศักยภาพสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้
,
ต่อมาผมได้มาที่สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาคมของผู้ประกอบการภาคขนส่ง ผู้ประกอบการน้ำมันเครื่อง โดยสมาคมมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตัวกลางในการรับฟังปัญหาด้านการขนส่งแล้วนำประเด็นไปผลักดันกับภาครัฐต่อ โดยสมาคมได้มีการทำงานร่วมกับพรรคมาโดยตลอด ในการเดินทางมาพูดคุยครั้งนี้จึงได้มารับฟังปัญหาที่เกี่ยวกับการขนส่ง 4 ปัญหาด้วยกันประกอบด้วย
1. ส่วยรถบรรทุก ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงหลังจากทำงานร่วมกันมาตั้งแต่พรรคก้าวไกลมาพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ สมาคมจึงอยากให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป
2. การนำเข้ารถมือสอง หรืออุปกรณ์นำเข้ามาประกอบเอง โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องยนต์และการปล่อยมลพิษ ทำให้เกิด pm.2.5 สูงขึ้น
3. ส่วยอัยการ ที่พบว่า มีการอาศัยช่องทางกฎหมายในการยึดรถบรรทุกจากการกระทำผิดโดยไม่เจตนา มาเรียกร้องรับผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี
และ 4. ธุรกิจจีนเทา และไทยเทาที่เข้ามาประกอบกิจการโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย และนำเงินทุจริตเข้ามาฟอกเงิน โดยมีพฤติกรรมร่วมประมูลงานแบบต่ำกว่าทุนทุกครั้ง แต่บริษัทเองกลับมีกำไรทุกปี
ถึงแม้ว่าสมาคมจะทำงานร่วมกับทางพรรคประชาชนตลอด แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทลายส่วยให้หมดไป พรรคประชาชนจึงตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมดำเนินการกับสมาคมต่อไป
https://www.facebook.com/natthaphong.ruengpanyawut/posts/pfbid0ZRFDDiLWBbAFKASdmRJe8LsP4uDtyNstSG4AGXhpJYM5vXx7nzD73ujDRjbB5LwHl
ส.ว.สำรอง แฉโพยฮั้วอยู่หลังใบ สว.3 ชี้ ‘แสวง’ อนุญาตพกโพยเข้าไปได้ คนทำสำเร็จรับเงินแสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5074039
‘ส.ว.สำรอง’ แฉมีโพยอยู่หลัง สว.3 ทั้ง 20 กลุ่ม ทำสำเร็จได้เงินเป็นแสน ซัดวางแผนตั้งแต่ละดับอำเภอแล้ว ชี้ ‘แสวง’ อนุญาตผู้สมัคร ส.ว.นำโพยเข้าห้องได้ ยันหลักฐานทุกอย่างอยู่ที่ ‘ดีเอสไอ’ แล้วมัดคนทำผิด ยันไม่ต้องการเป็นโมฆะ แต่ขอให้เอาคนผิดมาลงโทษ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่รัฐสภา นาย
อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม ส.ว.สำรอง กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุญาตให้ผู้สมัคร ส.ว.นำโพยเข้าไปในวันเลือกได้ว่า เรื่องนี้มีโพยหลุดออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ละกลุ่มที่ได้รับเอกสารมาก่อนจะเดินเข้าห้องเลือกที่เมืองทองธานี มีการเขียนไว้ที่ สว.3 และเขียนใส่กระดาษเพื่อให้ติดตัวไว้ เมื่อมีการตรวจสอบ และประกาศว่าห้ามเอาเอกสารเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ตรวจการเลือกตั้งพบพฤติกรรมการอนุญาตให้นำโพยเข้าไปหน่วยเลือกตั้งได้ โดยที่ กกต.บอกว่าให้เอาเอกสารเข้าไปได้ ทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งสงสัยว่าถ้าปล่อยให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ในคืนวันเลือกตั้งไปร้องต่อ กกต.แต่ไม่ได้เป็นผลอะไร จนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ผู้ตรวจการเลือกตั้งจึงได้ไปแจ้งความต่อผู้ตรวจการแผ่นดินและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่ กกต.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องโพยกลับกลายเป็นว่าคณะกรรมการเป็นลูกน้องของผู้ที่ถูกร้องคือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่แต่งตั้งลูกน้องขึ้นมาให้ตรวจสอบตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องได้มีการให้ปากคำต่อดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่านายแสวงให้เอาโพยเข้าไปใช่หรือไม่ นาย
อัครวัฒน์กล่าวว่า จากที่ผู้ตรวจไปให้ปากคำต่อดีเอสไอแจ้งว่านายแสวงเป็นคนอนุญาตให้เอาโพยเข้าไปได้ ซึ่งมีในใบ สว.3 และกระดาษจะถูกเขียนด้วยโพยอยู่ด้านหลัง เป็นตารางทั้ง 20 กลุ่ม มีตัวเลขระบุให้เลือกตามช่อง ซึ่งเรามีหลักฐานเป็น สว.3 ที่ยึดมาได้ อยู่ที่ดีเอสไอจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.
เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ระบุว่า เขาให้เขียนโพยเข้าไปได้ เพราะผู้สมัครอาจจะจำได้ไม่หมด นายอัครวัฒน์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาโพยเข้าไป เพราะเป็นการทุจริต แต่ สว.3 ที่เขาแจกมาให้เพื่อทุกคนได้ศึกษาว่ากลุ่มต่างๆ ชอบใคร หากมีโอกาสได้ไขว้กันเราสมควรจะเลือกใคร ซึ่งคนที่เลือกก็ต้องเปิดดูประวัติใน สว.3 แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือการเขียนโพยเป็นร้อยๆ โพยอยู่หลัง สว.3 แล้วเลือกตรงกันทั้งหมดทั้งประเทศ
“
ยกตัวอย่างจากเอกสารตัวจริงที่อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นการเขียนด้วยลายมือของแต่ละคน เขาบอกว่าทุกคนต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง และมีเทรนเนอร์ไปสอนว่าต้องเขียนโพยอย่างไร และเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการเลือกตั้งเขามีข้อกำหนดว่าห้ามเปิดดู สว.3 เป็นอันขาด ถ้าใครเปิดดู สว.3 เขาจะหักเงิน จะไม่จ่ายเท่าที่ตกลงกันไว้ คือก่อนเดินทางมาจ่าย 2 หมื่นบาท ขากลับจากเมืองทองให้อีก 3 หมื่นบาท ถ้าได้เกิน 120 คน จ่ายให้อีกเป็นแสน” นาย
อัครวัฒน์กล่าว
นาย
อัครวัฒน์กล่าวด้วยว่า การต้องยื่นให้มีการตรวจสอบการฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.เพราะเห็นว่าเป็นขบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นขบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการคือการแข่งขันกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายจัดตั้ง ฝ่ายฮั้ว ฝ่ายบล็อกโหวต และอีกฝ่ายคือมาสมัครด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เป็นอิสระ ทั้งนี้ พวกตนไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้การเลือกตั้ง ส.ว.เป็นโมฆะ เพราะกฎหมายและระเบียบออกมาดีแล้ว แต่มีคนที่ใช้ช่องว่างเอาชนะด้วยเทคนิคต่างๆ เราจึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะหลักฐานที่ กกต.ไม่ยอมเปิด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทั้งจากกล้องวงจรปิด กระบวนการจัดการเลือกตั้ง
“
ทำไมผู้สมัครที่มาจากสายบล็อกโหวตหรือฮั้วต้องแต่งตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ กกต. และคะแนนที่อยู่ในหีบเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ตรงกับในโพย ซึ่งหลักฐานที่จะทำให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้คือการจ่ายเงินโอนเงิน เส้นทางการเงินเรามีหมด การพูดคุยทางโทรศัพท์ การนัดหมาย รวมถึงการเข้าไปพักในโรงแรมต่างๆ ในเขตปริมณฑลถูกจัดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งใช้คนเป็นจำนวนมากในการสอนให้ผู้เลือกแต่ละคนทำตามที่บอก ถือเป็นพยานหลักฐานที่จะมัดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ได้” นาย
อัครวัฒน์กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าการตรวจสอบครั้งนี้จะไม่ล้มทั้งกระดาษ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วตั้งแต่ระดับอำเภอ นาย
อัครวัฒน์กล่าวว่า เราคัดค้านที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความผิดของขบวนการ ซึ่งมีการนี้ฮั้วกันมาตั้งแต่ยังไม่ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญแล้วว่าจะทำอย่างไรจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีการรวบรวมกลุ่มและใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอำเภอมา โดยมีการออกเงินให้ขนคนมาเลือกตั้ง ส.ว.มาจนถึงระดับจังหวัดและประเทศ คือขวนการต่อเนื่องกันมาจนได้ ส.ว.ตามโพยที่เขาวางไว้ ดังนั้น จะต้องหาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ว.ที่ถูกยื่นให้สอบจริยธรรม อาทิ พล.ต.ต.
ฉัตรวรรษ แสงเพชร, น.ส.
อมร ศรีบุญนาค, น.ส
.อัจฉรพรรณ หอมรส, นาย
เอนก วีระพจนานันท์, นาย
อภิชา เศรษฐวราธร, นาย
ชวภณ วัธนเวคิน, นาย
ชีวะภาพ ชีวะธรรม, นาย
วิวัฒน์ รุ้งแก้ว, พล.อ.ส
วัสดิ์ ทัศนา, นาย
อภิชาติ งามกมล, นาย
พรเพิ่ม ทองศรี ซึ่งเป็นกลุ่ม ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติต่อวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
JJNY : กัณวีร์พร้อมให้ตรวจสอบจม.อุยกูร์│เท้งลงนครสวรรค์ แฉส่วยรถบรรทุก│ส.ว.สำรอง แฉโพยฮั้ว│ยุโรปผนึกกำลังช่วยเหลือยูเครน
https://thestandard.co/kanviee-uyghur-letter-verification/
วันนี้ (3 มีนาคม) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหาว่าจดหมายชาวอุยกูร์ที่มีตราเรือนจำคลองเปรมว่าเป็นจดหมายปลอมนั้น โดยระบุว่า ไม่คิดว่าเรื่องจดหมายชาวอุยกูร์จะนำไปผูกโยงอย่างไร้สาระ
“ผมทราบว่าหลายท่านยังคงมีข้อสงสัยในจดหมายที่ผมนำมาเปิดเผย จนเป็นประเด็นใหญ่โตเพราะกังวลว่าจะไม่ใช่จดหมายจริง ในเมื่อผมเป็นคนแชร์จดหมาย ผมก็เป็นคนที่รับผิดชอบต่อข้อมูลในส่วนนี้ ดังนี้ครับ”
1. จดหมายไม่ได้มาจากคนที่ถูกคุมขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีศาลพระพรหมฯ ทั้งสองคนไม่ได้อยู่เรือนจำคลองเปรมครับ และเขาเป็นคนละกลุ่มกับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้
2. จดหมายมาจากในห้องกักสวนพลู ตนเองไม่เคยบอกว่าจดหมายมาจากเรือนจำคลองเปรม ถ้าจะปลอม จะเอากระดาษลายนี้ให้เรื่องยืดยาวขนาดนี้ทำไม
3. ไม่มีใครปลอมจดหมายขึ้นมา เพราะไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาถูกส่งกลับไปแล้ว แต่ในฐานะที่ต่อสู้เรื่องการส่งกลับ ตนเองก็ต้องยันหลักฐานที่มีว่า เขามิได้สมัครใจกลับ ถ้าอยากจะตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริง ยินดีเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริง ฟ้องได้เลย ประชาชนหรือทางรัฐบาลเอง เพราะคิดว่าประเด็นนี้ถูกยืดเยื้อเกินกว่าเหตุไปแล้ว
4. หากทางรัฐไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันว่าเขาสมัครใจกลับไป ท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายให้เปิดเผยออกมา
5. จดหมายจากประเทศจีนที่ส่งมาขอตัวกลุ่มนี้ เขียนมาว่า ถ้าจีนเชิญ เราถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมได้ (as invited by Chinese side)
6. เข้าใจว่าต่อจากนี้จะมีประเด็นใหม่ๆ มาอีก แต่ขออนุญาตไม่ตอบที่ซ้ำแล้ว จะพยายามลดข้อกังขาให้มากที่สุด แต่อย่าลืมไปตรวจสอบรัฐบาลด้วย เพราะตนเองไม่มีอำนาจบริหาร ไม่ได้เป็น 1 ในคนที่ตัดสินใจทำกระบวนการนี้
กัณวีร์กล่าวว่า หรือที่มารุมกันเรื่องนี้ เพราะแค่อยากบิดเบือนปกปิดไม่ให้รู้ว่า จดหมายของพวกเขาถูกปิดกั้น และไปไม่เคยถึงปลายทาง
“สำหรับผมเปิดเผยอะไรออกไป ผมรับผิดชอบในข้อมูลของผม พร้อมให้ตรวจสอบและมีหลักฐานยืนยัน สุดท้ายแทนที่เรามาช่วยกันสร้างความโปร่งใส เอามาสิครับ หลักฐานที่ยืนยันว่าพวกเขาสมัครใจกลับจีน อย่าช้าครับ ทุกคนรออยู่” กัณวีร์กล่าว
เท้ง ลงพื้นที่นครสวรรค์ แฉส่วยรถบรรทุก ยันไม่หมด ลามถึงอัยการฮึ่มยึดรถ รีดเงิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5073982
เท้ง ลงพื้นที่นครสวรรค์ แฉส่วยรถบรรทุก ยันไม่หมด ลามถึงอัยการฮึ่มยึดรถ รีดเงิน
วันที่ 3 มีนาคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
วานนี้ช่วงบ่าย (2มีนาคม) ผมได้มาที่จังหวัดนครสวรรค์เพื่อศึกษาการเลี้ยงโค และพูดคุยกับสมาคมขนส่งแห่งประเทศไทย
เริ่มต้นด้วยการมาศึกษาดูงานที่วิสาหกิจชุมชนเพียวพลัส ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพที่เลี้ยงโคด้วยเปลือกทุเรียนผ่านการหมักด้วยจุลินทรีย์ ทำให้สามารถลดค่าอาหารและลดต้นทุนได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมชั้นดีที่ภาครัฐควรสนับสนุน นอกจากนั้น ยังทำการแปรรูปเนื้อโคอย่างครบวงจร นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการส่งเสริมให้ธุรกิจโคไทยเพิ่มมูลค่า และมีศักยภาพสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้
,
ต่อมาผมได้มาที่สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาคมของผู้ประกอบการภาคขนส่ง ผู้ประกอบการน้ำมันเครื่อง โดยสมาคมมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตัวกลางในการรับฟังปัญหาด้านการขนส่งแล้วนำประเด็นไปผลักดันกับภาครัฐต่อ โดยสมาคมได้มีการทำงานร่วมกับพรรคมาโดยตลอด ในการเดินทางมาพูดคุยครั้งนี้จึงได้มารับฟังปัญหาที่เกี่ยวกับการขนส่ง 4 ปัญหาด้วยกันประกอบด้วย
1. ส่วยรถบรรทุก ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงหลังจากทำงานร่วมกันมาตั้งแต่พรรคก้าวไกลมาพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ สมาคมจึงอยากให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป
2. การนำเข้ารถมือสอง หรืออุปกรณ์นำเข้ามาประกอบเอง โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องยนต์และการปล่อยมลพิษ ทำให้เกิด pm.2.5 สูงขึ้น
3. ส่วยอัยการ ที่พบว่า มีการอาศัยช่องทางกฎหมายในการยึดรถบรรทุกจากการกระทำผิดโดยไม่เจตนา มาเรียกร้องรับผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี
และ 4. ธุรกิจจีนเทา และไทยเทาที่เข้ามาประกอบกิจการโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย และนำเงินทุจริตเข้ามาฟอกเงิน โดยมีพฤติกรรมร่วมประมูลงานแบบต่ำกว่าทุนทุกครั้ง แต่บริษัทเองกลับมีกำไรทุกปี
ถึงแม้ว่าสมาคมจะทำงานร่วมกับทางพรรคประชาชนตลอด แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทลายส่วยให้หมดไป พรรคประชาชนจึงตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมดำเนินการกับสมาคมต่อไป
https://www.facebook.com/natthaphong.ruengpanyawut/posts/pfbid0ZRFDDiLWBbAFKASdmRJe8LsP4uDtyNstSG4AGXhpJYM5vXx7nzD73ujDRjbB5LwHl
ส.ว.สำรอง แฉโพยฮั้วอยู่หลังใบ สว.3 ชี้ ‘แสวง’ อนุญาตพกโพยเข้าไปได้ คนทำสำเร็จรับเงินแสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5074039
‘ส.ว.สำรอง’ แฉมีโพยอยู่หลัง สว.3 ทั้ง 20 กลุ่ม ทำสำเร็จได้เงินเป็นแสน ซัดวางแผนตั้งแต่ละดับอำเภอแล้ว ชี้ ‘แสวง’ อนุญาตผู้สมัคร ส.ว.นำโพยเข้าห้องได้ ยันหลักฐานทุกอย่างอยู่ที่ ‘ดีเอสไอ’ แล้วมัดคนทำผิด ยันไม่ต้องการเป็นโมฆะ แต่ขอให้เอาคนผิดมาลงโทษ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่รัฐสภา นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม ส.ว.สำรอง กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุญาตให้ผู้สมัคร ส.ว.นำโพยเข้าไปในวันเลือกได้ว่า เรื่องนี้มีโพยหลุดออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ละกลุ่มที่ได้รับเอกสารมาก่อนจะเดินเข้าห้องเลือกที่เมืองทองธานี มีการเขียนไว้ที่ สว.3 และเขียนใส่กระดาษเพื่อให้ติดตัวไว้ เมื่อมีการตรวจสอบ และประกาศว่าห้ามเอาเอกสารเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ตรวจการเลือกตั้งพบพฤติกรรมการอนุญาตให้นำโพยเข้าไปหน่วยเลือกตั้งได้ โดยที่ กกต.บอกว่าให้เอาเอกสารเข้าไปได้ ทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งสงสัยว่าถ้าปล่อยให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ในคืนวันเลือกตั้งไปร้องต่อ กกต.แต่ไม่ได้เป็นผลอะไร จนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ผู้ตรวจการเลือกตั้งจึงได้ไปแจ้งความต่อผู้ตรวจการแผ่นดินและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่ กกต.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องโพยกลับกลายเป็นว่าคณะกรรมการเป็นลูกน้องของผู้ที่ถูกร้องคือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่แต่งตั้งลูกน้องขึ้นมาให้ตรวจสอบตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องได้มีการให้ปากคำต่อดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่านายแสวงให้เอาโพยเข้าไปใช่หรือไม่ นายอัครวัฒน์กล่าวว่า จากที่ผู้ตรวจไปให้ปากคำต่อดีเอสไอแจ้งว่านายแสวงเป็นคนอนุญาตให้เอาโพยเข้าไปได้ ซึ่งมีในใบ สว.3 และกระดาษจะถูกเขียนด้วยโพยอยู่ด้านหลัง เป็นตารางทั้ง 20 กลุ่ม มีตัวเลขระบุให้เลือกตามช่อง ซึ่งเรามีหลักฐานเป็น สว.3 ที่ยึดมาได้ อยู่ที่ดีเอสไอจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ระบุว่า เขาให้เขียนโพยเข้าไปได้ เพราะผู้สมัครอาจจะจำได้ไม่หมด นายอัครวัฒน์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาโพยเข้าไป เพราะเป็นการทุจริต แต่ สว.3 ที่เขาแจกมาให้เพื่อทุกคนได้ศึกษาว่ากลุ่มต่างๆ ชอบใคร หากมีโอกาสได้ไขว้กันเราสมควรจะเลือกใคร ซึ่งคนที่เลือกก็ต้องเปิดดูประวัติใน สว.3 แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือการเขียนโพยเป็นร้อยๆ โพยอยู่หลัง สว.3 แล้วเลือกตรงกันทั้งหมดทั้งประเทศ
“ยกตัวอย่างจากเอกสารตัวจริงที่อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นการเขียนด้วยลายมือของแต่ละคน เขาบอกว่าทุกคนต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง และมีเทรนเนอร์ไปสอนว่าต้องเขียนโพยอย่างไร และเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการเลือกตั้งเขามีข้อกำหนดว่าห้ามเปิดดู สว.3 เป็นอันขาด ถ้าใครเปิดดู สว.3 เขาจะหักเงิน จะไม่จ่ายเท่าที่ตกลงกันไว้ คือก่อนเดินทางมาจ่าย 2 หมื่นบาท ขากลับจากเมืองทองให้อีก 3 หมื่นบาท ถ้าได้เกิน 120 คน จ่ายให้อีกเป็นแสน” นายอัครวัฒน์กล่าว
นายอัครวัฒน์กล่าวด้วยว่า การต้องยื่นให้มีการตรวจสอบการฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.เพราะเห็นว่าเป็นขบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นขบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการคือการแข่งขันกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายจัดตั้ง ฝ่ายฮั้ว ฝ่ายบล็อกโหวต และอีกฝ่ายคือมาสมัครด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เป็นอิสระ ทั้งนี้ พวกตนไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้การเลือกตั้ง ส.ว.เป็นโมฆะ เพราะกฎหมายและระเบียบออกมาดีแล้ว แต่มีคนที่ใช้ช่องว่างเอาชนะด้วยเทคนิคต่างๆ เราจึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะหลักฐานที่ กกต.ไม่ยอมเปิด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทั้งจากกล้องวงจรปิด กระบวนการจัดการเลือกตั้ง
“ทำไมผู้สมัครที่มาจากสายบล็อกโหวตหรือฮั้วต้องแต่งตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ กกต. และคะแนนที่อยู่ในหีบเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ตรงกับในโพย ซึ่งหลักฐานที่จะทำให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้คือการจ่ายเงินโอนเงิน เส้นทางการเงินเรามีหมด การพูดคุยทางโทรศัพท์ การนัดหมาย รวมถึงการเข้าไปพักในโรงแรมต่างๆ ในเขตปริมณฑลถูกจัดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งใช้คนเป็นจำนวนมากในการสอนให้ผู้เลือกแต่ละคนทำตามที่บอก ถือเป็นพยานหลักฐานที่จะมัดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ได้” นายอัครวัฒน์กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าการตรวจสอบครั้งนี้จะไม่ล้มทั้งกระดาษ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วตั้งแต่ระดับอำเภอ นายอัครวัฒน์กล่าวว่า เราคัดค้านที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความผิดของขบวนการ ซึ่งมีการนี้ฮั้วกันมาตั้งแต่ยังไม่ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญแล้วว่าจะทำอย่างไรจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีการรวบรวมกลุ่มและใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอำเภอมา โดยมีการออกเงินให้ขนคนมาเลือกตั้ง ส.ว.มาจนถึงระดับจังหวัดและประเทศ คือขวนการต่อเนื่องกันมาจนได้ ส.ว.ตามโพยที่เขาวางไว้ ดังนั้น จะต้องหาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ว.ที่ถูกยื่นให้สอบจริยธรรม อาทิ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, น.ส.อมร ศรีบุญนาค, น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส, นายเอนก วีระพจนานันท์, นายอภิชา เศรษฐวราธร, นายชวภณ วัธนเวคิน, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม, นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว, พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา, นายอภิชาติ งามกมล, นายพรเพิ่ม ทองศรี ซึ่งเป็นกลุ่ม ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติต่อวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย