JJNY : 5in1 สิบล้อจ่อแถลง│‘บอร์ดประกันสังคม’ตีกลับ│ครูจวงจี้ศธ.│"พิชาย" ประเมินเสถียรภาพรบ.│ไต้หวันกักเรือจีนต้องสงสัย

สิบล้อ จ่อแถลงข่าวพรุ่งนี้ หลังส่งหนังสือไป 3 เดือน ยังไร้การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งจากรัฐ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5065781
สิบล้อ ชี้ 3 เดือนแล้วยังไม่ได้รับการตอบรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งจากรัฐ-จ่อแถลงข่าวพรุ่งนี้
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ รายงานจาก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เรื่อง ขอเข้าพบเพื่อหารือประเด็น ข้อกฎหมายที่จะสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการขนส่งและประชาชน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ความทราบนั้น
 
บัดนี้ ระยะเวลาได้ล่วงเลยผ่านมากว่า 3 เดือนแล้วนับจากที่ได้ยื่นหนังสือ ทางสหพันธ์การขนส่งฯ ยังไม่ได้รับการตอบสนองในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จากรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรมแต่ประการใด
 
ดังนั้น ทางสหพันธ์การขนส่งฯ จึงได้กำหนดจัดแถลงข่าว ในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 โดยจะร่วมกันแถลงข่าวภายใต้หัวข้อ “วิกฤติท่าเรือแหลมฉบัง และการกลับมาของพฤติกรรมการทุจริตเรียกรับเงิน (ส่วย)”
 


บอร์ดประกันสังคมตีกลับ ‘สูตรบำนาญ’ ใหม่ ‘ษัษฐรัมย์’ ขอโทษผู้ประกันตน ม.39 กว่า3แสนคน เก้อ!
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5065418

บอร์ดประกันสังคมตีกลับ ‘สูตรบำนาญ’ ใหม่ ‘ษัษฐรัมย์’ ขอโทษผู้ประกันตน ม.39 กว่า3แสนคน เก้อ!
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ชุดที่ 14 ครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดประกันสังคม เป็นประธาน ทั้งนี้มีวาระการพิจารณาการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39 รวมถึงเรื่องการบริหารอื่นๆ แต่ปรากฎว่าที่ประชุมได้ขอเลื่อนวาระดังกล่าวออกไปก่อน
 
นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน ในบอร์ดประกันสังคม เปิดเผยหลังการประชุมว่า วันนี้ต้องขอโทษต่อผู้ประกันตน ตามวาระที่ได้แจ้งไว้เรื่องการปรับสูตรคำนวณบำนาญใหม่ ที่เราพยายามอย่างเต็มที่ ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาในบอร์ดฯ และจะยกไปพิจารณาในการประชุมครั้งหน้าในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคม 2568 เนื่องจากยังไม่สามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจโดยรวมได้ ส่วนจะมีผลบังคับใช้เมื่อไรนั้น ขอให้ประชาชนให้ความสนใจและติดตามต่อไป
 
โดยผลการประชุมในวันนี้ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนมาตรา 39 กว่า 3 แสนคน ที่เราเคยคำนวณไว้ว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนนี้เพิ่มโดยตรง ส่วนนี้ผมขออภัยผู้ประกันตนที่ติดตามทีมประกันสังคมก้าวหน้า” นายษัษฐรัมย์ กล่าว
 
นายษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ทีมประกันสังคมก้าวหน้าพยายามสื่อสารเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ โดยมีประชาชนมาตรา 39 ที่ได้รับความเจ็บปวด เมื่อต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม 432 บาทต่อเดือน แต่จะได้รับเงินบำนาญเพียงแค่กว่า 1,000 บาท ดังนั้น เงินกองทุนมหาศาลแบบนี้ ต้องอยู่ในที่สว่าง ต้องส่งสารให้ทุกคนได้ยิน
 
“การคำนวณสูตรนี้ ได้นำเสนอผ่านอนุกรรมการฯตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นสูตรคำนวณที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพ และไม่ได้มีความซับซ้อนมากขนาดนั้น คุณเคยได้รับเงิน 5,000 บาท เมื่อ 20 ปีก่อน สูตรตัวนี้จะถูกเอามาคำนวณใหม่ว่า เทียบเท่ากับได้เงินเดือน 7,000 บาท ในปีปัจจุบัน
เพราะค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไป และจะใช้การคำนวณเงินเดือนตลอดอายุทำงาน แน่นอนว่า ประกันสังคมจะต้องใช้เงินเยอะขึ้น แต่ทางฝ่ายวิจัยได้คำนวณมาว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของกองทุนฯ ซึ่งในระยะ 10 ปี จะใช้เงินราว 6 หมื่นล้านบาท จากสถานะกองทุนฯ ที่มีเงินจำนวน 2.6 ล้านล้านบาท แต่จะช่วยผู้ประกันตนได้มากกว่า 3 แสนคน ที่ได้รับประโยชน์โดยตรง พร้อมกับการชดเชยผู้ที่ได้รับเงินบำนาญน้อยลงภายใต้เงื่อนไขสูตรบำนาญใหม่” นายษัษฐรัมย์ กล่าว
 
นายษัษฐรัมย์ กล่าวอีกว่า หากเราไม่สามารถทำให้เรื่องนี้ผ่านได้ จะเป็นปัญหาใหญ่ ไม่ได้เป็นปัญหาของความซับซ้อนของสูตร แต่เป็นปัญหาที่เรามาจากจักรวาลคนละชุด จักรวาลความเชื่อที่ว่าคนต้องมีคุณภาพชีวิตกับความเชื่อที่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อที่จะมีชีวิตธรรมดา ซึ่งมติในที่ประชุมคือ ให้กลับไปศึกษาและนำเสนอมาอีกครั้งหนึ่ง
 
สิ่งที่อยากสื่อสารคือ วิกฤตความเชื่อมั่นเมื่อช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา การบริหารงบประมาณมากกว่า 5 พันล้านบาทต่อปี ที่เกิดขึ้น เมื่อกองทุนฯไม่โปร่งใส จึงเกิดการตั้งคำถามเหล่านี้ สิ่งที่กำลังทำอยู่ตลอดเวลาคือทำให้กองทุนฯมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเราเห็นว่าการจัดทำแอพพลิเคชั่นมีงบประมาณที่ไม่เหมาะสม เราจึงตรวจสอบ สิ่งที่เรากำลังจะทำต่อไปในระยะ 1 ปีที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นบำนาญ การปรับเงินสงเคราะห์บุตร การเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด จึงต้องใช้แรงขับเคลื่อนของประชาชนเข้าช่วยผลักดันให้อยู่ในที่ที่มีแสงสว่าง เพื่อสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรมต่อผู้ประกันตนทุกคน” นายษัษฐรัมย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงคณะกรรมการการแพทย์ (บอร์ดแพทย์) กองทุนประกันสังคม ที่จะหมดวาระ นายษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ในวันนี้ยังไม่มีวาระบอร์ดแพทย์ แต่เป็นสัญญาณที่ดีจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน งบประมาณการแพทย์ของประกันสังคมที่มี 7-8 หมื่นล้านบาท ก็จะกลับมาสู่แสงสว่างและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า



ครูจวง จี้ ศธ. ตั้งศูนย์ รับแจ้งเหตุด่วน หลังครูแต่งแบทแมน ถ่ายคลิปสยิว ในร.ร.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5065177
 
“ครูจวง” จี้ ศธ. ตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุด่วน ป้องกันเกิดเหตุในอนาคต หลัง ครูอนาจารใส่หน้ากากแบทแมนถ่ายคลิปสยิวในโรงเรียน โวยเกิดมาตั้งหลายปี เพื่อนครูด้วยกันไม่ตักเตือนเลยหรือ ฉะผู้บริหารต้องสอดส่อง
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 นายปารมี ไวจงเจริญ หรือ ครูจวง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีครูหน้ากากแบทแมนถ่ายคลิปสยิวในโรงเรียน ว่า เรื่องนี้ โรงเรียนต้องมีศูนย์รับแจ้งเรื่องพวกนี้ เพราะจากกรณีนี้ได้ยิน เห็นว่าทำหลายครั้ง หลายรุ่น หลายปี มีนักเรียนที่โดนคุกคามหลายคน แล้วอยากให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุเรื่องนี้อย่างชัดเจนเป็นทางการ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวนี้เคยมีขึ้นแล้วในสมัยนางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรี ที่เรียกว่าศูนย์รับแจ้งเหตุความไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้มีปัญหา ไม่สามารถใช้ได้เลย
 
ครูจวง กล่าวอีกว่า แม้ต่อให้มีศูนย์นี้แล้ว สาเหตุมันก็คงอาจจะยังรุนแรง แต่ตนคิดว่ามันเป็นสิ่งแรกที่นักเรียนหรือแม้แต่คุณครูเองโดนคุกคามจะได้มีทางไป มีทางช่วยเหลือ ซึ่งตนเข้าไปดูในเพจเรื่องราวร้องทุกข์เมื่อวานนี้ ยังมีคนแสดงความเห็นว่ามีเหตุความไม่ปลอดภัยในโรงเรียน การแจ้งเหตุทำได้ยากมาก ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการต้องทำเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้ว
 
ครูจวง กล่าวเสริมว่า ตอนนี้พรรคประชาชนกำลังผลักดันเรื่องการแก้กฎหมายความคุ้มครองคดีอาญาให้เข้าถึงทุกกลุ่มมากขึ้น ยอมรับว่าทุกวันนี้บุคลากรทางการศึกษาตระหนักถึงการแตะเนื้อต้องตัวนักเรียนน้อยไป ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันด้วย เราจะได้ยินข่าวบ่อยๆ เรื่องครูถ่ายคลิปนักเรียนเอาไปลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่สามารถทำได้
 
กรณีนี้มันมากเกิน เข้าข่ายอนาจาร อยากให้ครูหรือบุคลากรทางการศึกษาตระหนักถึงสิทธิของนักเรียนให้มาก” นายปารมีกล่าว
 
ครูจวง กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ตอนแรกที่เห็นข่าวนี้รู้สึกตกใจมาก เพราะกรณีนี้น่าจะเกิดขึ้นหลายปีแล้ว ที่ตกใจอย่างหนึ่งก็คือโรงเรียนนั้น ทั้งผู้บริหารและเพื่อนครูด้วยกัน ทำไมไม่ช่วยกันสอดส่องดูแลหรือตักเตือน ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำซากได้อย่างไร
 
เป็นประเด็นที่ดิฉันเสียใจ โรงเรียนมันเป็นชุมชน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คอยดูแลซึ่งกันและกัน ครูต้องสอดส่องดูแลพฤติกรรมของนักเรียน และครูกับครูก็ต้องสอดส่องดูแลกันเอง รวมถึงผู้บริหารต้องสอดส่องดูแลบุคลากรภายในด้วย” นายปารมีกล่าว
 

 
"พิชาย" ประเมินเสถียรภาพรัฐบาล แตกหักดี หรือประนีประนอม?
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/243585

"พิชาย" วิเคราะห์ความขัดแย้งเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ชี้ เป็นการต่อรองเดือด เดิมพันเสถียรภาพรัฐบาล หากแตกหัก อาจยุบสภาสิ้นปี!
 
25 ก.พ. 68 นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า ให้ความเห็นประเด็นปมขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 โดยนายพิชาย กล่าวว่า เพื่อไทยกับภูมิใจไทยยังคงพยายามต่อรองกันอยู่ หากภูมิใจไทยยังคงอยู่ในรัฐบาลจะสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลและอยู่จนครบวาระ
 
ซึ่งถ้าจะประเมินความต้องการของแต่ละฝ่าย มองว่า เพื่อไทยในแง่ของรัฐมนตรีคงต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนเพราะเป็นจุดสำคัญ

ส่วนในแง่ของ สว. คงต้องการต่อรองให้ปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกับพรรค ด้านภูมิใจไทยหากยอมรับข้อต่อรองจากเพื่อไทยจะถือเป็นรองทันที แต่ยังสามารถอยู่ในรัฐบาลต่อได้ แต่สิ่งที่ภูมิใจไทยต้องการที่สุด คือ การนำ มท.1 กลับคืนมา

นายพิชาย มองว่า หากภูมิใจไทยไม่ยอมรับเรื่อง กระทรวงมหาดไทยและอื่น ๆ ก็จะไม่สามารถประนีประนอมได้ ซึ่งจะเป็นการทำให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกิดความเสี่ยงในด้านของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าหายไป 70 เสียงจะเหลือแค่ประมาณ 250 เสียง หากภูมิใจไทยดึง สส.พรรคต่าง ๆ มาได้ส่วนหนึ่ง นางสาวแพทองธารจะได้รับความเสี่ยงมาก
 
ซึ่งถ้าเพื่อไทยโต้กลับ ภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลแน่นอน หากเพื่อไทยคุม สว. ได้จะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางทางการเมืองได้อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ การขับเคลื่อนนโยบาย แก้กฎหมายต่าง ๆ จะสะดวกขึ้น และโอกาสในการเพิ่มคนไปเป็นคณะกรรมการองค์กรอิสระ
 
พิชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเพื่อไทยและภูมิใจไทยแตกหักกัน น่าจะมีการยุบสภาในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม และหากเพื่อไทยชนะ จะมีความหวังมากขึ้นในการมีเสียง 200 เสียงเพื่อบรรลุผล อำนาจจะมีการเปลี่ยนแปลง บ้านใหญ่ของภูมิใจไทยอาจจะแตกสลายกันไป
 
ซึ่งสิ่งที่เพื่อไทยทำ คือ ลดอิทธิพลของภูมิใจไทยและขยายอิทธิพลของตนเองเพื่อเตรียมการเลือกตั้งปี 70 เพราะถ้ากระทรวงยังอยู่กับภูมิใจไทยจนถึงเลือกตั้ง โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะดึงบ้านใหญ่คืนมาก็จะลดลง สนามในการเลือกตั้งก็ไม่สามารถสู้ภูมิใจภูมิใจไทยได้
 
อย่างไรก็ตาม นายพิชาย ทิ้งท้ายว่า ที่ภูมิใจไทยไม่กล้าเป็นฝ่ายค้าน เพราะอำนาจจะลดลง ดังนั้น การยอมอยู่จะเป็นผลดีกว่าการแตกหัก แต่ถ้าหากออกไป สว. จะเกิดการระส่ำระส่ายทันที และจะเป็นความสะดวกของทางเพื่อไทยที่จะสานสัมพันธ์ ซึ่งมีการเดินเกมกันอยู่ต่อเนื่อง โดยบ้านใหญ่ก็จะดูทิศทางลมว่าใครมีอำนาจการเมืองมากกว่ากันก็จะไปเกาะตรงนั้น ไม่มีใครจงรักภักดีอะไรในด้านการเมือง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่