เปิดตัว ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ชูนโยบายสวัสดิการครอบคลุม ชิงเลือกตั้งบอร์ดสปส.ครั้งประวัติศาสตร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4320377
เปิดตัว ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ชูนโยบายสวัสดิการครอบคลุม วางรากฐานสู่รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ธนาธร ชี้ตัวแทนครอบคลุมหลากหลายอาชีพ ลงเลือกตั้งครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า นำโดย นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวเปิดตัว “
ทีมประกันสังคมก้าวหน้า” ซึ่งมีตัวแทนผู้ใช้แรงงานจากทุกสาขาอาชีพ ในฐานะทีมพันธมิตรคณะก้าวหน้า เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ฝ่ายผู้ประกันตน ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
นาย
ธนาธรกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวมีความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมขยายใหญ่ขึ้นจนมีเงิน 2.2 ล้านล้านบาท จนกระทั่งการรัฐประหารปี 2557 ทำให้มีการยกเลิกตัวแทนลูกจ้างที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมผ่านระบบสหภาพ วันนี้จึงเป็นวันแรกในประวัติศาสตร์ ที่สัดส่วนของลูกจ้างในบอร์ดประกันสังคมจะมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาระบบประกันสังคมมีหลายมาตรฐานและไม่ครอบคลุมผู้ประกันตนที่ทำงานหลากหลาย โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนากองทุนและยกระดับสวัสดิการ วางรากฐานให้รัฐสวัสดิการต่อไป
นาย
ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนทีมประกันสังคมก้าวหน้า หนึ่งในผู้สมัคร กล่าวว่า ประกันสังคมคือสวัสดิการที่คนธรรมดาฝันถึง เมื่อก่อนนี้สวัสดิการเคยเป็นเรื่องของกลุ่มคนเล็กๆ แต่การต่อสู้ของชนชั้นแรงงานที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ทำให้คนงานโรงงานเย็บผ้า คนงานที่ขันนอตในโรงงาน แรงงานที่อพยพทิ้งนาจากบ้านเกิดคิดฝันเรื่องของการมีสวัสดิการที่ดีได้ ตลอด 33 ปีที่ผ่านมา ประกันสังคมมีปริมาณเงินสะสมจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยังเห็นคือแม่ยังต้องกู้นอกระบบมาจ่ายค่านม พ่อยังต้องทำโอทีมาเป็นค่าคลอด คนป่วยเป็นโรคไตต้องสำรองจ่ายเงิน คนรักษามะเร็งมีเพดานการรักษา 50,000 บาทต่อปี คนทำงานที่บาดเจ็บไม่สามารถรักษาฟื้นตัวระยะยาวได้ คนแก่เกษียณไม่ได้เพราะบำนาญไม่เพียงพอ
สาเหตุหลักคือประกันสังคมตกต่ำลงไปพร้อมกับประชาธิปไตยของประเทศนี้ การรัฐประหารทำให้ประกันสังคมมีลักษณะอำนาจนิยม และเป็นแหล่งทุนอุปถัมภ์เฉพาะกลุ่ม การลงทุนขาดความโปร่งใส แทนที่จะสามารถนำงบประมาณมาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของคนทั่วไปได้ นอกจากนี้ บอร์ดประกันสังคมถูกแต่งตั้งโดยฝั่งอำนาจนิยมยาวนานกว่า 9 ปี และก่อนหน้านี้ระบบการเลือกก็ผ่านระบบอุปถัมภ์มากมาย ประกันสังคมแปรสภาพจากกองทุนสวัสดิการที่ก้าวหน้าที่สุดเมื่อหลายสิบปีก่อน กลายเป็นกองทุนสวัสดิการที่ล้าหลังที่สุด
“
เราคือตัวแทนของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ผู้ปรารถนาสังคมที่เสมอภาค ไม่เคยคุกเข่าค้อมหัวประนีประนอมกับทุนผูกขาดและเผด็จการ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และการสร้างรัฐสวัสดิการ ประกันสังคมก้าวหน้าจะเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นถึงก้าวแรกของรัฐสวัสดิการ” นาย
ษัษฐรัมย์กล่าว
'กัณวีร์' เล็งตั้งกลุ่ม 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' รวม สส. 5 ประเทศ รับมือสงครามปฏิวัติ
https://voicetv.co.th/read/zHpmUZD7a
'กัณวีร์' เล็งตั้งกลุ่ม 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' รวม สส. 5 ประเทศ รับมือสงครามปฏิวัติ เชื่อส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศเพื่อนบ้านรอบเมียนมา
กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์สงครามปฏิวัติในเมียนมา ระหว่าง กองทัพเมียนมา และ กองกำลังชาติพันธุ์ ที่รวมตัวกันเป็น Ethnic Revolution Organization (ERO) เพื่อเรียกร้องการปกครองแบบสหพันธรัฐ Federal State ที่กำลังรุนแรง และน่าเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศเพื่อนบ้านรอบเมียนมา โดยเฉพาะประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"
ผลกระทบแรงที่สุดในประเทศไทยคือผู้ลี้ภัยและความมั่นคงชายแดน ต้องยอมรับว่า กระทบกับไทยโดยตรง ไม่ว่าจะผู้ลี้ภัย ผู้หนีภัยการสู้รบ และคนไทยชายแดน จะมีผลกระทบทางทหารกับประชาชนไทยด้วย"
กัณวีร์ เปิดเผยว่า จากการทำงานด้านมนุษยธรรมและผู้ลี้ภัย จนมาทำงานการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร จึงอยากใช้บทบาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.ประสานความร่วมมือกับ สส. 5 ประเทศ รอบเมียนมา ทั้งไทย จีน อินเดีย ลาว และบังคลาเทศ ตั้งกลุ่ม สส. สร้างความร่วมมือ 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' Inter-parliamentarian for Myanmar Peace Corridor (IPMPC)
"
ถ้าเกิดสถานการณ์ในเมียนมา จะปิดหูปิดตาไม่ได้แล้ว เราสามารถจับมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ทำให้เมียนมา เปลี่ยนจุดยืน ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือ Safety zone ต้องคุยกับทหารเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธว่าต้องไม่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน เพราะจะมีผู้พลัดถิ่นตามชายแดน พร้อมลี้ภัยจำนวนมาก อย่างบังคลาเทศก็มีชาวโรฮิงญากว่า 1 ล้านคน อินเดียมีคนเข้าไปแต่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องภายในของเมียนมา จีนมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ก็ไม่อยากเกี่ยว แต่จากกรณีในเมืองเล่าก์ก่าย มีปฏิบัติการทหารระหว่างเมียนมากับกลุ่มโกก้างก็กระทบ ทำให้จีนเริ่มเรียกร้องให้ยุติทางการทหารของเมียนมาด้วย"
กัณวีร์ กล่าวว่า ในจำนวน 5 ประเทศที่มีชายแดนติดเมียนมา อย่างอินเดีย มีชายแดน 1,643 กม. กับไทย 2,416 กม. กับจีน 2,129 กม. กับลาว 238 กม.และกับบังคลาเทศ 271 กม. รวมแล้ว 6,697 กม. ที่ต้องกระทบแน่นอน จึงอยากริเริ่มในการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ในเมียนมานำไปสู่สันติภาพได้ เพราะกว่า 2 ปีหลังการรัฐประหารในเมียนมา เมื่อ 1 ก.พ.2564 องค์กรระหว่างประเทศ ทั้งองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และอาเซียน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานในด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา เพื่อทำให้สถานการณ์ภายในเมียนมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
"
ผมหวังว่าความร่วมมือ ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา ผ่าน สส. 5 ประเทศ ทั้ง ไทย จีน อินเดีย บังคลาเทศ และลาว เป็นการทำงานในระดับสภาผู้แทนราษฏร เราสามารถเสนอกฎหมายและนโยบายได้ จะใช้กลไก ตรงนี้ ผลักดันนโยบายของประเทศเพื่อนบ้าน ต้องมุ่งเน้นงานมนุษยธรรม และการสร้างสันติภาพ กำลังหารือกับจีน และอินเดีย 2 ประเทศแล้ว"
กัณวีร์ เปิดเผยว่า ได้คุยกับ 2 ประเทศแล้ว ตั้งใจที่จะผลักดัน กลุ่มระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา ให้เห็นผลในสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนี้ หากได้ครบ 5 ประเทศ ก็จะนัดหารือ เพราะสถานการณ์ในเมียนมา คุกรุ่น ไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้มากที่สุด
“โรม” เชิญนายกฯ เข้า กมธ.มั่นคงฯ ตอบ “ตั๋วตำรวจ” หรือให้ไปทำเนียบฯ ก็ได้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2746307
“โรม” เชิญนายกฯ เข้า กมธ.ความมั่นคงฯ ตอบประเด็นหลุดปาก “ตั๋วตำรวจ” ในวงประชุม พท. สุดท้ายได้คุยแค่ “สมศักดิ์” แต่ไร้คำตอบเกี่ยวกับคำพูดนายกฯ เสียดายโอกาสชี้แจง หวังนายกฯ พร้อมเมื่อไหร่ขอให้บอก จะไปหาที่ทำเนียบฯ ก็ได้
วันที่ 7 ธ.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวหลัง กมธ. ได้นัดหมายเชิญ
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงต่อ กมธ. ในกรณีที่ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ที่อาจตีความได้ว่ามีการใช้อำนาจแทรกแซงการแต่งตั้ง โดยในการประชุม กมธ. วันนี้ นายกฯ ไม่ได้เข้าชี้แจงด้วยตัวเองแต่ส่งตัวแทนมาชี้แจงแทน คือรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
นาย
รังสิมันต์ ระบุว่า จากการพูดคุยร่วมกันในวันนี้ ตนรู้สึกเห็นใจรองนายกฯ เนื่องจากไม่ได้รับรู้หรือมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นายกฯ ได้พูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย อีกทั้งโดยโครงสร้างแล้ว กิจการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด
ทั้งนี้ ตนและสมาชิก กมธ. คนอื่นๆ ได้พยายามถามรองนายกฯ ว่านายกฯ ได้ฝากคำชี้แจงมาว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งคำตอบก็คือไม่ได้มีการฝากคำชี้แจงอะไรมา การพูดคุยจึงมีแต่ประเด็นที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์กติกาที่มีอยู่ใน พ.ร.บ.ตำรวจ อยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นวัตถุสำคัญที่ กมธ. ต้องการคำชี้แจง นอกจากนี้ กมธ.ได้พยายามขอคำอธิบายแบบคำต่อคำ ต่อคำพูดที่ว่า “คนในห้องนี้คงจะมีคนที่สมหวังกันบ้าง” แต่ก็ไม่ได้รับคำอธิบายใดๆ จากรองนายกฯ
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อไป ว่า กมธ. เข้าใจดีว่ารองนายกฯ คงตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ได้ และได้รับคำชี้แจงเพียงว่านายกฯ มาตอบคำถาม กมธ. ด้วยตัวเองไม่ได้ ก็เพราะติดสัมมนากับทางพรรค ดังนั้น ก็คงจะต้องมีการพูดคุยกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร ทำให้การประชุมในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่กระนั้นทาง กมธ. ยังมีเวลาให้พิจารณาเรื่องนี้ได้อยู่ และคงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีข้อมูลที่เพียบพร้อมกว่านี้ในอนาคตหรือไม่
แต่หากนายกฯ พร้อมที่จะชี้แจง ทาง กมธ. พร้อมที่จะดำเนินการตามที่นายกฯ สะดวก ถ้าอยากให้ไปที่ทำเนียบรัฐบาลก็ไม่ได้ติดใจอะไร ถ้ารัฐบาลจะทำหนังสือเชิญทาง กมธ. ก็ยินดี เพราะมีเรื่องที่เราอยากสอบถามในหลายเรื่องเหมือนกัน
“
น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีอาจไม่ได้มอบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้รองนายกรัฐมนตรี ทำให้แม้บรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราได้รายละเอียดในหลายเรื่องที่สงสัย แต่ถ้าในอนาคตนายกรัฐมนตรีอยากให้มีการพูดคุยกัน จะเป็นที่ไหนก็ได้ที่นายกรัฐมนตรีสะดวก ทางกรรมาธิการก็ยินดี และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” นาย
รังสิมันต์ กล่าว...
ก้าวไกล หวั่นแก้หนี้ล้มเหลว ชงนิรโทษ เจ้าหนี้เงินกู้ ที่ร่วมมือรัฐ ยอมไกล่เกลี่ย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7998649
ก้าวไกล ชี้รัฐบาลมีเวลาบรรจุเงินกู้ 5 แสนล้านในพ.ร.บ.งบฯปี 67 มองแก้หนี้นอกระบบส่อแววล้มเหลว แนะนิรโทษกรรมเจ้าหนี้เงินกู้ที่ให้ความร่วมมือรัฐไกล่เกลี่ยหนี้
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นาย
จุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการให้ความเห็นทางกฎหมาย ในการตอบคำถามของกระทรวงการคลัง ในการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่สำนักงบประมาณได้จัดทำและครม.อนุมัติก่อนหน้านี้ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่สำนักงบประมาณรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. และขั้นตอนต่อไปคือการจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณและเสนอต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในวันที่ 26 ธ.ค. 2566 และจะเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้สภาพิจารณาในวันที่ 3-4 ม.ค.2567
นาย
จุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง แถลงเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปจนถึงวันที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2567 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระแรก รัฐบาลมีเวลานำเงินกู้ 5 แสนล้านบาทเข้าไปใส่ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้ทัน
โดยเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มีเงื่อนไขสำคัญคือเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วน เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถตั้งงบรายจ่ายประจำปีได้ทัน ต้องครบองค์ประกอบทั้ง 2 ข้อนี้ จึงจะเป็นการกู้เงินตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง ดังนั้น การเสนอ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่แยกต่างหากจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี จึงไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
JJNY : 5in1 เปิดตัวทีมประกันสังคมก้าวหน้า│'กัณวีร์'เล็งตั้งกลุ่ม│“โรม”เชิญนายกฯ│ก้าวไกลหวั่นแก้หนี้ล้มเหลว│ผุด 'ศก.B1B2'
https://www.matichon.co.th/politics/news_4320377
เปิดตัว ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ชูนโยบายสวัสดิการครอบคลุม วางรากฐานสู่รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ธนาธร ชี้ตัวแทนครอบคลุมหลากหลายอาชีพ ลงเลือกตั้งครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวเปิดตัว “ทีมประกันสังคมก้าวหน้า” ซึ่งมีตัวแทนผู้ใช้แรงงานจากทุกสาขาอาชีพ ในฐานะทีมพันธมิตรคณะก้าวหน้า เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ฝ่ายผู้ประกันตน ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
นายธนาธรกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวมีความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมขยายใหญ่ขึ้นจนมีเงิน 2.2 ล้านล้านบาท จนกระทั่งการรัฐประหารปี 2557 ทำให้มีการยกเลิกตัวแทนลูกจ้างที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมผ่านระบบสหภาพ วันนี้จึงเป็นวันแรกในประวัติศาสตร์ ที่สัดส่วนของลูกจ้างในบอร์ดประกันสังคมจะมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาระบบประกันสังคมมีหลายมาตรฐานและไม่ครอบคลุมผู้ประกันตนที่ทำงานหลากหลาย โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนากองทุนและยกระดับสวัสดิการ วางรากฐานให้รัฐสวัสดิการต่อไป
นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนทีมประกันสังคมก้าวหน้า หนึ่งในผู้สมัคร กล่าวว่า ประกันสังคมคือสวัสดิการที่คนธรรมดาฝันถึง เมื่อก่อนนี้สวัสดิการเคยเป็นเรื่องของกลุ่มคนเล็กๆ แต่การต่อสู้ของชนชั้นแรงงานที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ทำให้คนงานโรงงานเย็บผ้า คนงานที่ขันนอตในโรงงาน แรงงานที่อพยพทิ้งนาจากบ้านเกิดคิดฝันเรื่องของการมีสวัสดิการที่ดีได้ ตลอด 33 ปีที่ผ่านมา ประกันสังคมมีปริมาณเงินสะสมจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยังเห็นคือแม่ยังต้องกู้นอกระบบมาจ่ายค่านม พ่อยังต้องทำโอทีมาเป็นค่าคลอด คนป่วยเป็นโรคไตต้องสำรองจ่ายเงิน คนรักษามะเร็งมีเพดานการรักษา 50,000 บาทต่อปี คนทำงานที่บาดเจ็บไม่สามารถรักษาฟื้นตัวระยะยาวได้ คนแก่เกษียณไม่ได้เพราะบำนาญไม่เพียงพอ
สาเหตุหลักคือประกันสังคมตกต่ำลงไปพร้อมกับประชาธิปไตยของประเทศนี้ การรัฐประหารทำให้ประกันสังคมมีลักษณะอำนาจนิยม และเป็นแหล่งทุนอุปถัมภ์เฉพาะกลุ่ม การลงทุนขาดความโปร่งใส แทนที่จะสามารถนำงบประมาณมาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของคนทั่วไปได้ นอกจากนี้ บอร์ดประกันสังคมถูกแต่งตั้งโดยฝั่งอำนาจนิยมยาวนานกว่า 9 ปี และก่อนหน้านี้ระบบการเลือกก็ผ่านระบบอุปถัมภ์มากมาย ประกันสังคมแปรสภาพจากกองทุนสวัสดิการที่ก้าวหน้าที่สุดเมื่อหลายสิบปีก่อน กลายเป็นกองทุนสวัสดิการที่ล้าหลังที่สุด
“เราคือตัวแทนของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ผู้ปรารถนาสังคมที่เสมอภาค ไม่เคยคุกเข่าค้อมหัวประนีประนอมกับทุนผูกขาดและเผด็จการ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และการสร้างรัฐสวัสดิการ ประกันสังคมก้าวหน้าจะเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นถึงก้าวแรกของรัฐสวัสดิการ” นายษัษฐรัมย์กล่าว
'กัณวีร์' เล็งตั้งกลุ่ม 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' รวม สส. 5 ประเทศ รับมือสงครามปฏิวัติ
https://voicetv.co.th/read/zHpmUZD7a
'กัณวีร์' เล็งตั้งกลุ่ม 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' รวม สส. 5 ประเทศ รับมือสงครามปฏิวัติ เชื่อส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศเพื่อนบ้านรอบเมียนมา
กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์สงครามปฏิวัติในเมียนมา ระหว่าง กองทัพเมียนมา และ กองกำลังชาติพันธุ์ ที่รวมตัวกันเป็น Ethnic Revolution Organization (ERO) เพื่อเรียกร้องการปกครองแบบสหพันธรัฐ Federal State ที่กำลังรุนแรง และน่าเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศเพื่อนบ้านรอบเมียนมา โดยเฉพาะประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ผลกระทบแรงที่สุดในประเทศไทยคือผู้ลี้ภัยและความมั่นคงชายแดน ต้องยอมรับว่า กระทบกับไทยโดยตรง ไม่ว่าจะผู้ลี้ภัย ผู้หนีภัยการสู้รบ และคนไทยชายแดน จะมีผลกระทบทางทหารกับประชาชนไทยด้วย"
กัณวีร์ เปิดเผยว่า จากการทำงานด้านมนุษยธรรมและผู้ลี้ภัย จนมาทำงานการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร จึงอยากใช้บทบาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.ประสานความร่วมมือกับ สส. 5 ประเทศ รอบเมียนมา ทั้งไทย จีน อินเดีย ลาว และบังคลาเทศ ตั้งกลุ่ม สส. สร้างความร่วมมือ 'ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา' Inter-parliamentarian for Myanmar Peace Corridor (IPMPC)
"ถ้าเกิดสถานการณ์ในเมียนมา จะปิดหูปิดตาไม่ได้แล้ว เราสามารถจับมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ทำให้เมียนมา เปลี่ยนจุดยืน ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือ Safety zone ต้องคุยกับทหารเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธว่าต้องไม่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน เพราะจะมีผู้พลัดถิ่นตามชายแดน พร้อมลี้ภัยจำนวนมาก อย่างบังคลาเทศก็มีชาวโรฮิงญากว่า 1 ล้านคน อินเดียมีคนเข้าไปแต่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องภายในของเมียนมา จีนมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ก็ไม่อยากเกี่ยว แต่จากกรณีในเมืองเล่าก์ก่าย มีปฏิบัติการทหารระหว่างเมียนมากับกลุ่มโกก้างก็กระทบ ทำให้จีนเริ่มเรียกร้องให้ยุติทางการทหารของเมียนมาด้วย"
กัณวีร์ กล่าวว่า ในจำนวน 5 ประเทศที่มีชายแดนติดเมียนมา อย่างอินเดีย มีชายแดน 1,643 กม. กับไทย 2,416 กม. กับจีน 2,129 กม. กับลาว 238 กม.และกับบังคลาเทศ 271 กม. รวมแล้ว 6,697 กม. ที่ต้องกระทบแน่นอน จึงอยากริเริ่มในการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ในเมียนมานำไปสู่สันติภาพได้ เพราะกว่า 2 ปีหลังการรัฐประหารในเมียนมา เมื่อ 1 ก.พ.2564 องค์กรระหว่างประเทศ ทั้งองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และอาเซียน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานในด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา เพื่อทำให้สถานการณ์ภายในเมียนมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
"ผมหวังว่าความร่วมมือ ระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา ผ่าน สส. 5 ประเทศ ทั้ง ไทย จีน อินเดีย บังคลาเทศ และลาว เป็นการทำงานในระดับสภาผู้แทนราษฏร เราสามารถเสนอกฎหมายและนโยบายได้ จะใช้กลไก ตรงนี้ ผลักดันนโยบายของประเทศเพื่อนบ้าน ต้องมุ่งเน้นงานมนุษยธรรม และการสร้างสันติภาพ กำลังหารือกับจีน และอินเดีย 2 ประเทศแล้ว"
กัณวีร์ เปิดเผยว่า ได้คุยกับ 2 ประเทศแล้ว ตั้งใจที่จะผลักดัน กลุ่มระเบียงสันติภาพเพื่อเมียนมา ให้เห็นผลในสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนี้ หากได้ครบ 5 ประเทศ ก็จะนัดหารือ เพราะสถานการณ์ในเมียนมา คุกรุ่น ไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้มากที่สุด
“โรม” เชิญนายกฯ เข้า กมธ.มั่นคงฯ ตอบ “ตั๋วตำรวจ” หรือให้ไปทำเนียบฯ ก็ได้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2746307
“โรม” เชิญนายกฯ เข้า กมธ.ความมั่นคงฯ ตอบประเด็นหลุดปาก “ตั๋วตำรวจ” ในวงประชุม พท. สุดท้ายได้คุยแค่ “สมศักดิ์” แต่ไร้คำตอบเกี่ยวกับคำพูดนายกฯ เสียดายโอกาสชี้แจง หวังนายกฯ พร้อมเมื่อไหร่ขอให้บอก จะไปหาที่ทำเนียบฯ ก็ได้
วันที่ 7 ธ.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวหลัง กมธ. ได้นัดหมายเชิญ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงต่อ กมธ. ในกรณีที่ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ที่อาจตีความได้ว่ามีการใช้อำนาจแทรกแซงการแต่งตั้ง โดยในการประชุม กมธ. วันนี้ นายกฯ ไม่ได้เข้าชี้แจงด้วยตัวเองแต่ส่งตัวแทนมาชี้แจงแทน คือรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
นายรังสิมันต์ ระบุว่า จากการพูดคุยร่วมกันในวันนี้ ตนรู้สึกเห็นใจรองนายกฯ เนื่องจากไม่ได้รับรู้หรือมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นายกฯ ได้พูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย อีกทั้งโดยโครงสร้างแล้ว กิจการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด
ทั้งนี้ ตนและสมาชิก กมธ. คนอื่นๆ ได้พยายามถามรองนายกฯ ว่านายกฯ ได้ฝากคำชี้แจงมาว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งคำตอบก็คือไม่ได้มีการฝากคำชี้แจงอะไรมา การพูดคุยจึงมีแต่ประเด็นที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์กติกาที่มีอยู่ใน พ.ร.บ.ตำรวจ อยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นวัตถุสำคัญที่ กมธ. ต้องการคำชี้แจง นอกจากนี้ กมธ.ได้พยายามขอคำอธิบายแบบคำต่อคำ ต่อคำพูดที่ว่า “คนในห้องนี้คงจะมีคนที่สมหวังกันบ้าง” แต่ก็ไม่ได้รับคำอธิบายใดๆ จากรองนายกฯ
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไป ว่า กมธ. เข้าใจดีว่ารองนายกฯ คงตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ได้ และได้รับคำชี้แจงเพียงว่านายกฯ มาตอบคำถาม กมธ. ด้วยตัวเองไม่ได้ ก็เพราะติดสัมมนากับทางพรรค ดังนั้น ก็คงจะต้องมีการพูดคุยกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร ทำให้การประชุมในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่กระนั้นทาง กมธ. ยังมีเวลาให้พิจารณาเรื่องนี้ได้อยู่ และคงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีข้อมูลที่เพียบพร้อมกว่านี้ในอนาคตหรือไม่
แต่หากนายกฯ พร้อมที่จะชี้แจง ทาง กมธ. พร้อมที่จะดำเนินการตามที่นายกฯ สะดวก ถ้าอยากให้ไปที่ทำเนียบรัฐบาลก็ไม่ได้ติดใจอะไร ถ้ารัฐบาลจะทำหนังสือเชิญทาง กมธ. ก็ยินดี เพราะมีเรื่องที่เราอยากสอบถามในหลายเรื่องเหมือนกัน
“น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีอาจไม่ได้มอบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้รองนายกรัฐมนตรี ทำให้แม้บรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราได้รายละเอียดในหลายเรื่องที่สงสัย แต่ถ้าในอนาคตนายกรัฐมนตรีอยากให้มีการพูดคุยกัน จะเป็นที่ไหนก็ได้ที่นายกรัฐมนตรีสะดวก ทางกรรมาธิการก็ยินดี และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” นายรังสิมันต์ กล่าว...
ก้าวไกล หวั่นแก้หนี้ล้มเหลว ชงนิรโทษ เจ้าหนี้เงินกู้ ที่ร่วมมือรัฐ ยอมไกล่เกลี่ย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7998649
ก้าวไกล ชี้รัฐบาลมีเวลาบรรจุเงินกู้ 5 แสนล้านในพ.ร.บ.งบฯปี 67 มองแก้หนี้นอกระบบส่อแววล้มเหลว แนะนิรโทษกรรมเจ้าหนี้เงินกู้ที่ให้ความร่วมมือรัฐไกล่เกลี่ยหนี้
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการให้ความเห็นทางกฎหมาย ในการตอบคำถามของกระทรวงการคลัง ในการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่สำนักงบประมาณได้จัดทำและครม.อนุมัติก่อนหน้านี้ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่สำนักงบประมาณรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. และขั้นตอนต่อไปคือการจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณและเสนอต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในวันที่ 26 ธ.ค. 2566 และจะเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้สภาพิจารณาในวันที่ 3-4 ม.ค.2567
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง แถลงเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปจนถึงวันที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2567 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระแรก รัฐบาลมีเวลานำเงินกู้ 5 แสนล้านบาทเข้าไปใส่ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้ทัน
โดยเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มีเงื่อนไขสำคัญคือเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วน เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถตั้งงบรายจ่ายประจำปีได้ทัน ต้องครบองค์ประกอบทั้ง 2 ข้อนี้ จึงจะเป็นการกู้เงินตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง ดังนั้น การเสนอ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่แยกต่างหากจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี จึงไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง