หุ้นไทย ยืนไม่อยู่ หลุด 1200 จุด อีกครั้ง ร่วง 9.81 จุด ไม่มีปัจจัยหนุนชัดเจน
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1169191
หุ้นไทย ยืนไม่อยู่หลุด 1,193.91 จุด ร่วง 9.81 จุด หรือลบ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 12,068.80 ล้านบาทไม่มีปัจจัยสนับสนุนชัดเจน แนวรับ ต้านที่ 1170 -1235 จุด
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" วันนี้ ณ วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลา 10.40 น. อยู่ที่ 1,193.91 จุด ร่วง 9.81 จุด หรือลบ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 12,068.80 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ยังคงเป็นภาพเดิมที่มีการระบุถึงกองทุน Thai ESG จะเป็นอย่างไร ทำให้มีความเชื่อมั่นขึ้นมาได้แต่ แต่ทว่าหุ้นไทยยังไม่สามารถขึ้นมาเป็นทางได้ ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน ที่เหมือนประเทศจีน ที่มี DeepSeek เข้ามาเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจึงให้กรอบไว้ที่ 1170 -1235 จุด และสำคัญไม่ควรหลุด 1180 จุด จากที่ผ่านในช่วงวันศุกร์ (28 ก.พ.2568) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาแรงมาก หลุด 1200 จุด และก็กลับขึ้นมายืน 1200 จุดได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ เนื่องจากนักลงทุนที่ซื้อต่ำกว่า 1200 จุด พอขึ้นมาเกิน 1200 จุด นักลงทุนก็ทำการเทขายออกมา จึงทำให้หุ้นยังขึ้นเป็นทางไม่ได้ เพราะนักลงทุนซื้อปุ๊บและขายทันที
เพราะฉะนั้นการที่จะให้หุ้นไทยขึ้นเป็นทางได้ ต้องเคลียร์ให้หมด หรือทำการรีเซตกันใหม่ แต่เรายังไม่เห็นภาพนั้น เนื่องจากพัฒนาการเชิงบวกอย่างประเทศจีนที่มี DeepSeek ยังไม่มี และคาดว่า จบไตรมาส 1/68 หุ้นไทยก็ยังคงอยู่ในกรอบดังกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนอาจจะต้องเลือกหุ้นที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ แต่เป็นต่างประเทศที่มีบริการ เช่นหุ้น MINT หากเป็นหุ้นส่งออกยังคงโดนเรื่องนโยบายภาษีทรัมป์ รวมถึงหุ้นที่มีความแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม เช่น CPAXT ที่งบออกมาดี และ หุ้น PIN ที่ไม่ลง หลังจากที่ WHA มีปัจจัยเฉพาะปรับตัวลงไป
เงินบาทอ่อนค่า 34.21 บาท จับตาปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐ ราคาทองโลก
https://www.dailynews.co.th/news/4454785/
ค่าเงินบาท 3 มี.ค. อ่อนค่าลงเล็กน้อย เปิดตลาดแตะระดับ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ จับตาปัจจัยสำคัญต้องติดตาม สงครามการค้าสหรัฐกับจีนและประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำตลาดโลก
วันที่ 3 มี.ค. น.ส.
กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.19-34.21 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.17 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่ เงินดอลลาร์ มีแรงหนุนต่อเนื่องบางส่วนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดที่อาจไม่ถูกปรับลดลงในเร็ว ๆ นี้ หลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ชะลอลงตามที่ตลาดคาด [US PCE +2.5% YoY ในเดือน ม.ค. ส่วน Core PCE +2.6% YoY ในเดือน ม.ค.]
อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วน เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกทยอยรีบาวด์กลับ (จากที่ร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อน) ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามข่าวเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐกับประเทศอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.10-34.35 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและประเทศคู่ค้าอื่น ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสัญญาณฟันด์โฟลว์ในตลาดการเงินไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของยูโรโซน
ชาวไร่มันสำปะหลังน้อยใจ รัฐบาลไม่เหลียวแลเหมือนชาวนา
https://www.amarintv.com/news/social/507860
ชาวไร่มันสำปะหลัง ทุกข์ระทมราคาร่วงตกต่ำที่สุดเหลือกก.ละ 1.50 บาท น้อยใจรัฐบาลไม่เหลียวแลเหมือนชาวนา ลั่นเป็นเกษตรกรเหมือนกัน
วันนี้ (3มี.ค.68) เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง บ้านชุมเห็ด หมู่ที่ 5 ตำบลพลวงสองนาง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เร่งจ้างรถไถและแรงงานจำนวนมากมาขุดมันที่ได้อายุเก็บเกี่ยวมานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากรอราคามันที่คิดว่าจะมีราคาสูงขึ้นอีก แต่เนื่องจากราคามันสำปะหลังยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขึ้นมากว่านี้ จึงจำเป็นต้องเร่งขุดมันสดไปขาย เพราะหากปล่อยไว้ มีฝนตกลงมาในช่วงนี้ ผลผลิตก็จะเน่าเสียหาย จึงมีความจำเป็นต้องขุดไปขายซึ่งชาวไร่มันต่างทุกระทมกับราคามันสำปะหลัง ถ้าเป็นหัวมันสดจะขายไดเพียงกิโลกรัมละ 1.50 บาท หรือตันละ 1,500 บาทเท่านั้น และหากเป็นมันตากแห้ง จะขายได้เพียงกิโลกรัมละ 5–5.50 บาท หรือตันละ 5,000–5,500 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่มีกำไร แถมขาดทุนอีกต่างหาก แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือชาวไร่มันสำปะหลัง เหมือนช่วยชาวนา ทั้งๆที่ทำนานได้ปีละหลายครั้ง ซึ่งเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลั งก็เป็นเกษตรกรของประเทศไทยเหมือนกัน
นาย
เฉลิม เนียมฉิม อายุ 58 ปี และนาย
สำราญ กัณหา อายุ 35 ปีเป็นตัวแทนเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง ออกมาสะท้อนถึงการช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ไม่เคยเหลียวแลให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเงินยาเงินชดเชยเมื่อเกษตรการได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะราคามันสำปะหลังตกต่ำมากที่สุดในขณะนี้
อีกทั้งเกษตรกรที่ต้องเช่าที่ทำไร่มันสำปะหลัง ซึ่งการปลูกมันต้องใช้เวลา 8เดือน ถึง 1 ปี จึงจะเก็บเกี่ยวได้และทำได้เพียงปีละครั้งเดียว
และเมื่อเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนราคามันตกต่ำ รัฐบาลไม่เคยให้การเหลียวแล และให้การเยียวยาหรือมีการชดเชนแต่อย่างใดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกษตรกรจำนวนไม่น้อยถึงกับร้องไห้ไม่มีความเป็นธรรม ไม่เหมือนเกษตรกรชาวนาทำนาได้ปีละ 2–3 ครั้ง แต่รัฐบาลให้การช่วยเหลือตลอดทั้งค่าเก็บเก็บเกี่ยว หากเจอกับภัยแล้งได้รับความเสียหายก็ได้รับการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท มาโดยตลอดและถึงราคาตกต่ำเกษตรกรชาวนาลงถนนประท้วง ล่าสุดรัฐบาลก็มีมาตรการเยียวให้การช่วยเหลืออีกแต่ก็ดีใจกับเกษตรกรชาวนา ที่ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนเกษตรกรชาวไร่มันสำหลังมีแต่เสียใจ และน้อยใจที่รัฐบาลไม่เคยออกมาพูดถึงการช่วยเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง จึงขอวอนให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง เพราะเป็นเกษตรกรของประเทศไทยเหมือนกัน อย่างน้อยให้การเยียวยาไร่ละ 500 บาท ก็ยังดีไม่ต้องถึงไร่ละ1,000 บาท เหมือนชาวนา
JJNY : หุ้นไทย ยืนไม่อยู่│จับตาปัจจัยสงครามการค้า│ชาวไร่มันน้อยใจ รัฐบาลไม่เหลียวแล│ม็อบป่วน ทริปครอบครัว เจ.ดี. แวนซ์
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1169191
หุ้นไทย ยืนไม่อยู่หลุด 1,193.91 จุด ร่วง 9.81 จุด หรือลบ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 12,068.80 ล้านบาทไม่มีปัจจัยสนับสนุนชัดเจน แนวรับ ต้านที่ 1170 -1235 จุด
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" วันนี้ ณ วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลา 10.40 น. อยู่ที่ 1,193.91 จุด ร่วง 9.81 จุด หรือลบ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 12,068.80 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ยังคงเป็นภาพเดิมที่มีการระบุถึงกองทุน Thai ESG จะเป็นอย่างไร ทำให้มีความเชื่อมั่นขึ้นมาได้แต่ แต่ทว่าหุ้นไทยยังไม่สามารถขึ้นมาเป็นทางได้ ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน ที่เหมือนประเทศจีน ที่มี DeepSeek เข้ามาเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจึงให้กรอบไว้ที่ 1170 -1235 จุด และสำคัญไม่ควรหลุด 1180 จุด จากที่ผ่านในช่วงวันศุกร์ (28 ก.พ.2568) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาแรงมาก หลุด 1200 จุด และก็กลับขึ้นมายืน 1200 จุดได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ เนื่องจากนักลงทุนที่ซื้อต่ำกว่า 1200 จุด พอขึ้นมาเกิน 1200 จุด นักลงทุนก็ทำการเทขายออกมา จึงทำให้หุ้นยังขึ้นเป็นทางไม่ได้ เพราะนักลงทุนซื้อปุ๊บและขายทันที
เพราะฉะนั้นการที่จะให้หุ้นไทยขึ้นเป็นทางได้ ต้องเคลียร์ให้หมด หรือทำการรีเซตกันใหม่ แต่เรายังไม่เห็นภาพนั้น เนื่องจากพัฒนาการเชิงบวกอย่างประเทศจีนที่มี DeepSeek ยังไม่มี และคาดว่า จบไตรมาส 1/68 หุ้นไทยก็ยังคงอยู่ในกรอบดังกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนอาจจะต้องเลือกหุ้นที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ แต่เป็นต่างประเทศที่มีบริการ เช่นหุ้น MINT หากเป็นหุ้นส่งออกยังคงโดนเรื่องนโยบายภาษีทรัมป์ รวมถึงหุ้นที่มีความแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม เช่น CPAXT ที่งบออกมาดี และ หุ้น PIN ที่ไม่ลง หลังจากที่ WHA มีปัจจัยเฉพาะปรับตัวลงไป
เงินบาทอ่อนค่า 34.21 บาท จับตาปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐ ราคาทองโลก
https://www.dailynews.co.th/news/4454785/
ค่าเงินบาท 3 มี.ค. อ่อนค่าลงเล็กน้อย เปิดตลาดแตะระดับ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ จับตาปัจจัยสำคัญต้องติดตาม สงครามการค้าสหรัฐกับจีนและประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำตลาดโลก
วันที่ 3 มี.ค. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.19-34.21 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.17 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่ เงินดอลลาร์ มีแรงหนุนต่อเนื่องบางส่วนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดที่อาจไม่ถูกปรับลดลงในเร็ว ๆ นี้ หลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ชะลอลงตามที่ตลาดคาด [US PCE +2.5% YoY ในเดือน ม.ค. ส่วน Core PCE +2.6% YoY ในเดือน ม.ค.]
อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วน เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกทยอยรีบาวด์กลับ (จากที่ร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อน) ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามข่าวเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐกับประเทศอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.10-34.35 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและประเทศคู่ค้าอื่น ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสัญญาณฟันด์โฟลว์ในตลาดการเงินไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของยูโรโซน
ชาวไร่มันสำปะหลังน้อยใจ รัฐบาลไม่เหลียวแลเหมือนชาวนา
https://www.amarintv.com/news/social/507860
ชาวไร่มันสำปะหลัง ทุกข์ระทมราคาร่วงตกต่ำที่สุดเหลือกก.ละ 1.50 บาท น้อยใจรัฐบาลไม่เหลียวแลเหมือนชาวนา ลั่นเป็นเกษตรกรเหมือนกัน
วันนี้ (3มี.ค.68) เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง บ้านชุมเห็ด หมู่ที่ 5 ตำบลพลวงสองนาง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เร่งจ้างรถไถและแรงงานจำนวนมากมาขุดมันที่ได้อายุเก็บเกี่ยวมานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากรอราคามันที่คิดว่าจะมีราคาสูงขึ้นอีก แต่เนื่องจากราคามันสำปะหลังยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขึ้นมากว่านี้ จึงจำเป็นต้องเร่งขุดมันสดไปขาย เพราะหากปล่อยไว้ มีฝนตกลงมาในช่วงนี้ ผลผลิตก็จะเน่าเสียหาย จึงมีความจำเป็นต้องขุดไปขายซึ่งชาวไร่มันต่างทุกระทมกับราคามันสำปะหลัง ถ้าเป็นหัวมันสดจะขายไดเพียงกิโลกรัมละ 1.50 บาท หรือตันละ 1,500 บาทเท่านั้น และหากเป็นมันตากแห้ง จะขายได้เพียงกิโลกรัมละ 5–5.50 บาท หรือตันละ 5,000–5,500 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่มีกำไร แถมขาดทุนอีกต่างหาก แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือชาวไร่มันสำปะหลัง เหมือนช่วยชาวนา ทั้งๆที่ทำนานได้ปีละหลายครั้ง ซึ่งเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลั งก็เป็นเกษตรกรของประเทศไทยเหมือนกัน
นายเฉลิม เนียมฉิม อายุ 58 ปี และนายสำราญ กัณหา อายุ 35 ปีเป็นตัวแทนเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง ออกมาสะท้อนถึงการช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ไม่เคยเหลียวแลให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเงินยาเงินชดเชยเมื่อเกษตรการได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะราคามันสำปะหลังตกต่ำมากที่สุดในขณะนี้
อีกทั้งเกษตรกรที่ต้องเช่าที่ทำไร่มันสำปะหลัง ซึ่งการปลูกมันต้องใช้เวลา 8เดือน ถึง 1 ปี จึงจะเก็บเกี่ยวได้และทำได้เพียงปีละครั้งเดียว
และเมื่อเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนราคามันตกต่ำ รัฐบาลไม่เคยให้การเหลียวแล และให้การเยียวยาหรือมีการชดเชนแต่อย่างใดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกษตรกรจำนวนไม่น้อยถึงกับร้องไห้ไม่มีความเป็นธรรม ไม่เหมือนเกษตรกรชาวนาทำนาได้ปีละ 2–3 ครั้ง แต่รัฐบาลให้การช่วยเหลือตลอดทั้งค่าเก็บเก็บเกี่ยว หากเจอกับภัยแล้งได้รับความเสียหายก็ได้รับการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท มาโดยตลอดและถึงราคาตกต่ำเกษตรกรชาวนาลงถนนประท้วง ล่าสุดรัฐบาลก็มีมาตรการเยียวให้การช่วยเหลืออีกแต่ก็ดีใจกับเกษตรกรชาวนา ที่ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนเกษตรกรชาวไร่มันสำหลังมีแต่เสียใจ และน้อยใจที่รัฐบาลไม่เคยออกมาพูดถึงการช่วยเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง จึงขอวอนให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง เพราะเป็นเกษตรกรของประเทศไทยเหมือนกัน อย่างน้อยให้การเยียวยาไร่ละ 500 บาท ก็ยังดีไม่ต้องถึงไร่ละ1,000 บาท เหมือนชาวนา