เรื่องมันมีอยู่ว่าผมไปเซ้งโฮมสเตย์ที่นึงมา ระยะสัญญา 2 ปี แล้วมีปัญหากับเจ้าของเลยโดนฉีกสัญญาเหลือ 1 ปี
- ผมไปรู้จักกับพี่คนนึงคุยกันดีสนิทกัน เขาชอบให้ผมทำงานกราฟิกให้เขาโดนที่ไม่ได้จ่ายค่าจ้างอะไรเลย จะจ่ายเป็นเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำแทนซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเห็นเป็นพี่อะเนาะ (ให้ทำหลายงานเลย 555+) ต่อมาเขาก็มาเสนอจะจ้างเราเป็นผู้จัดการที่โฮมสเตย์เขา เราก็โอเคไม่ได้มีปัญหา แต่อีกไม่นานเขาก็เปลี่ยนใจปล่อยเซ้งให้เราแทน เราก็สนใจเพราะอยู่ในราคาที่พอจับต้องได้ เราก็หุ้นกับพี่ชายของเราเอง ทำสัญญา 2 ปี ปีละ 40,000 บาท
- ตัวโฮมสเตย์มันปิดช่วงโควิด หนู ตุ๊กแก มันก็มาทำรัง หนูกัดสายไฟขาด พอเราทำสัญญาอะไรเสร็จแล้วเราก็มาเดินสายไฟใหม่ และตัดหญ้าต้นไม้ และกำจัดรังหนู ในช่วงต้นปีจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่พอมากลางปีทางแม่ของเจ้าของก็เริ่มออกลายแล้ว ว่าเราทำไมไม่ตัดหญ้า ทำไมไม่ตัดต้นไม้ ซึ่งเราก็บอกเห็ดผลไปว่า เราทำการตลาดออนไลน์อยู่ เอาลงในแอพ booking, agoda และแอพอื่นๆอีกอะไรพวกนี้และโปรโมททางเพจ ซึ่งคนแก่อะเนาะ ไม่ได้เข้าใจในส่วนนี้ และอีกอย่างช่วงหน้าฝนเราพยายามเซฟรายจ่ายโดนการที่ นานๆทีจะจ่างคนมาตัดหญ้าหรือไม่ก็ตัดเอง เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ผมทำทุกหน้าที่อยู่คนเดียว เก็บห้อง ซักผ้า หาลูกค้า เพราะในมุมของเราคือเราต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าลูกค้าไม่มีเราก็ยังต้องจ่ายค่าเช่า แต่ในมุมของเจ้าของเขาไม่ได้เสียค่าเช่าไงลูกค้าไม่มีเขาก็ไม่ต้องเสีนค่าเช่า ซึ่งอยู่ๆทางเจ้าของจะมาเดือดร้อนได้ไงในเมื่อเราจ่ายตังเซ้งไปแล้ว มันเหมือนกับเราไปเช้าห้องพักแล้วอยู่ๆเจ้าของห้องจะมาบังคับให้เราล้างห้องน้ำอย่างงี้หรอ (บ้าไปแล้ว) หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหา ทางตัวลูกสาวเจ้าของ พี่ที่เราสนิทด้วยอะ ก็เริ่มห่างเราและเข้าขางทางแม่ของเขา เริ่มมาโว้ยวาย มันจะมีบ้านหล้งนึงซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแก ซึ่งมันเป็นแหลงอาศัยของหนู ผมกลัวลูกค้าเห็นแล้วรีวิวไม่ดีก็เลยตัดออกไปบางส่วน แต่ไม่ได้ตัดหมด และจู่ๆตัวลูกสาวก็มาโวยวายว่าจะตัดทำไม ผมเองก็บอกเหตุผลไปแกก็ไม่ฟัง จนมันเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็พูดเรื่องข้อกำหนดสัญญาที่บอกว่าจะต้องตัด ตกแต่งต้นไม้โดยรอบให้สวยงาม แม่ผมมาช่วยผมตัดต้นไม้ พอตัดไปก็มาว่าอีกหาว่าเราตัดสั้นไป บางวันอยู่ๆก็เอาของในโฮมสเตย์ย้ายไปไว้บ้านตัวเองอีกอยู่ๆก็มายกไปเลยโดยไม่บอกก่อนด้วย เหมือนเราเช่าห้องเช่าที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบแล้วอยู่มาวันนึงเจ้าของห้องมาเอาโซฟาไปโดนที่ไม่บอกอะไรเราเลย ซึ่งมันทำแบบนั้นไม่ถูก บางวันคุณลุงของเจ้าของบ้านก็เข้ามาขอเงินผมไปซื้อเหล้าอีก ซึ่งทุกอย่าเริ่มไม่โอเคแล้วก็ตกลงฉีกสัญญาจาก 2 ปี เหลือแค่ 1 ปี
- พอมาคิดดูดีๆแล้วผมมานั่งทบทวนเหมือนเขาแค่มาหาคนเฝ้าโฮมสเตย์ให้แทน ถ้าเขาจะจ้างผมเป็นผู้จัดการเขาจะต้องเสียงเงินจ้างผมเป็นรายเดือนแต่เขาคิดอีกแบบคือการปล่อยเซ้งได้ทั้งเงินและมีคนมาเฝ้าโอมสเตย์ให้ด้วย ซึ่งแบบนี้มันไม่ใช่ปล่อยเซ้งแล้วก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวเขาด้วยผมมาเซ้งทำธุรกิจต่อนะไม่ได้มาเฝ้า และล่าสุดเห็นผมทำดีมั้งฉีกสัญญาผมทิ้งแล้วเอากลับไปทำเองต่อ
ปล.สรุปแล้วเรามาเป็นผู้เช่าหรือมาเป็นผู้เฝ้ากันแน่ในเมื่อเราเป็นคนจ่ายตังนะ แต่ก็อย่างน้อยทำให้ได้รู้งานบริการมันสนุกจริงๆ 555+
จากผู้เช่า กลายเป็นผู้เฝ้า?
- ผมไปรู้จักกับพี่คนนึงคุยกันดีสนิทกัน เขาชอบให้ผมทำงานกราฟิกให้เขาโดนที่ไม่ได้จ่ายค่าจ้างอะไรเลย จะจ่ายเป็นเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำแทนซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเห็นเป็นพี่อะเนาะ (ให้ทำหลายงานเลย 555+) ต่อมาเขาก็มาเสนอจะจ้างเราเป็นผู้จัดการที่โฮมสเตย์เขา เราก็โอเคไม่ได้มีปัญหา แต่อีกไม่นานเขาก็เปลี่ยนใจปล่อยเซ้งให้เราแทน เราก็สนใจเพราะอยู่ในราคาที่พอจับต้องได้ เราก็หุ้นกับพี่ชายของเราเอง ทำสัญญา 2 ปี ปีละ 40,000 บาท
- ตัวโฮมสเตย์มันปิดช่วงโควิด หนู ตุ๊กแก มันก็มาทำรัง หนูกัดสายไฟขาด พอเราทำสัญญาอะไรเสร็จแล้วเราก็มาเดินสายไฟใหม่ และตัดหญ้าต้นไม้ และกำจัดรังหนู ในช่วงต้นปีจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่พอมากลางปีทางแม่ของเจ้าของก็เริ่มออกลายแล้ว ว่าเราทำไมไม่ตัดหญ้า ทำไมไม่ตัดต้นไม้ ซึ่งเราก็บอกเห็ดผลไปว่า เราทำการตลาดออนไลน์อยู่ เอาลงในแอพ booking, agoda และแอพอื่นๆอีกอะไรพวกนี้และโปรโมททางเพจ ซึ่งคนแก่อะเนาะ ไม่ได้เข้าใจในส่วนนี้ และอีกอย่างช่วงหน้าฝนเราพยายามเซฟรายจ่ายโดนการที่ นานๆทีจะจ่างคนมาตัดหญ้าหรือไม่ก็ตัดเอง เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ผมทำทุกหน้าที่อยู่คนเดียว เก็บห้อง ซักผ้า หาลูกค้า เพราะในมุมของเราคือเราต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าลูกค้าไม่มีเราก็ยังต้องจ่ายค่าเช่า แต่ในมุมของเจ้าของเขาไม่ได้เสียค่าเช่าไงลูกค้าไม่มีเขาก็ไม่ต้องเสีนค่าเช่า ซึ่งอยู่ๆทางเจ้าของจะมาเดือดร้อนได้ไงในเมื่อเราจ่ายตังเซ้งไปแล้ว มันเหมือนกับเราไปเช้าห้องพักแล้วอยู่ๆเจ้าของห้องจะมาบังคับให้เราล้างห้องน้ำอย่างงี้หรอ (บ้าไปแล้ว) หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหา ทางตัวลูกสาวเจ้าของ พี่ที่เราสนิทด้วยอะ ก็เริ่มห่างเราและเข้าขางทางแม่ของเขา เริ่มมาโว้ยวาย มันจะมีบ้านหล้งนึงซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแก ซึ่งมันเป็นแหลงอาศัยของหนู ผมกลัวลูกค้าเห็นแล้วรีวิวไม่ดีก็เลยตัดออกไปบางส่วน แต่ไม่ได้ตัดหมด และจู่ๆตัวลูกสาวก็มาโวยวายว่าจะตัดทำไม ผมเองก็บอกเหตุผลไปแกก็ไม่ฟัง จนมันเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็พูดเรื่องข้อกำหนดสัญญาที่บอกว่าจะต้องตัด ตกแต่งต้นไม้โดยรอบให้สวยงาม แม่ผมมาช่วยผมตัดต้นไม้ พอตัดไปก็มาว่าอีกหาว่าเราตัดสั้นไป บางวันอยู่ๆก็เอาของในโฮมสเตย์ย้ายไปไว้บ้านตัวเองอีกอยู่ๆก็มายกไปเลยโดยไม่บอกก่อนด้วย เหมือนเราเช่าห้องเช่าที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบแล้วอยู่มาวันนึงเจ้าของห้องมาเอาโซฟาไปโดนที่ไม่บอกอะไรเราเลย ซึ่งมันทำแบบนั้นไม่ถูก บางวันคุณลุงของเจ้าของบ้านก็เข้ามาขอเงินผมไปซื้อเหล้าอีก ซึ่งทุกอย่าเริ่มไม่โอเคแล้วก็ตกลงฉีกสัญญาจาก 2 ปี เหลือแค่ 1 ปี
- พอมาคิดดูดีๆแล้วผมมานั่งทบทวนเหมือนเขาแค่มาหาคนเฝ้าโฮมสเตย์ให้แทน ถ้าเขาจะจ้างผมเป็นผู้จัดการเขาจะต้องเสียงเงินจ้างผมเป็นรายเดือนแต่เขาคิดอีกแบบคือการปล่อยเซ้งได้ทั้งเงินและมีคนมาเฝ้าโอมสเตย์ให้ด้วย ซึ่งแบบนี้มันไม่ใช่ปล่อยเซ้งแล้วก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวเขาด้วยผมมาเซ้งทำธุรกิจต่อนะไม่ได้มาเฝ้า และล่าสุดเห็นผมทำดีมั้งฉีกสัญญาผมทิ้งแล้วเอากลับไปทำเองต่อ
ปล.สรุปแล้วเรามาเป็นผู้เช่าหรือมาเป็นผู้เฝ้ากันแน่ในเมื่อเราเป็นคนจ่ายตังนะ แต่ก็อย่างน้อยทำให้ได้รู้งานบริการมันสนุกจริงๆ 555+