พรรคประชาชนยกโขยงช่วย คณิศร หาเสียง ปิดท้ายก่อนเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีพรุ่งนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4916070
 
 
พรรคประชาชนยกโขยงช่วย คณิศร หาเสียง ปิดท้ายก่อนเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีพรุ่งนี้
 
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ จ.อุดรธานี พรรคประชาชนระดมแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมกระจายกำลังปูพรมทั่วทั้ง จ.อุดรธานี ในการหาเสียงวันสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (24 พฤศจิกายน) โดยมีการแยกขบวนหาเสียงออกเป็น 6 สาย กระจายไปตามอำเภอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อ.หนองวัวซอ, อ.น้ำโสม, อ.หนองหาน, อ.บ้านดุง, อ.ไชยวาน, อ.วังสามหมอ, อ.เพ็ญ และ อ.เมืองอุดรธานี
ตลอดกิจกรรมการหาเสียงในวันนี้มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ พร้อมร่วมพบปะพูดคุยและส่งกำลังใจอย่างคึกคักตลอดเส้นทาง โดยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เบอร์ 1 จากพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียง ขึ้นรถแห่หาเสียงบนเส้นทาง อ.หนองหาน ไปจนถึง อ.เมืองอุดรธานี ช่วงหนึ่งนายพิธา แวะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง โดยแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นหนึ่งในมรดกโลกจากทั้งหมด 2 แห่งในจังหวัดอุดรธานี
 
นายพิธาได้เชิญชวนให้ประชาชนไปเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้และย้ำนโยบาย 8 เสาหลักรวมถึงนโยบาย 6 ด่วนที่นายคณิศรจะทำทันทีภายในปีแรกหากได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ. อุดรธานี พร้อมกับกล่าวว่าอยากมาเป็นทูตท่องเที่ยวที่อุดรธานี ขอให้ประชาชนเลือกนายคณิศรเป็นคำตอบสุดท้าย ตนจะได้กลับมาอุดรบ่อยๆ
 
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ขึ้นรถแห่หาเสียงในพื้นที่ อ.น้ำโสม และ อ.นายูง โดยได้ลงพบปะประชาชนระหว่างทาง นำแผ่นพับนโยบายไปประชาสัมพันธ์ พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนไปเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ นายธนาธรได้ขอบคุณประชาชนที่มอบดอกไม้และเครื่องดื่มเป็นกำลังใจ โดยกล่าวว่าเครื่องดื่มทุกขวด ดอกไม้ทุกดอก คือกำลังใจจากประชาชนที่ทำให้เราบอกตัวเองว่ายอมแพ้ไม่ได้ ยังมีคนอีกจำนวนมากฝากความหวังไว้กับเรา
 
สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกตนกล้าสัญญาว่าถ้าได้รับความไว้วางใจไปแล้ว จะทรยศประชาชนไม่ได้ ทรยศความคาดหวังของประชาชนไม่ได้ วันนี้ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ขอโอกาสให้นายคณิศรและพรรคประชาชนขับเคลื่อนความก้าวหน้าให้อุดรธานี มั่นใจนายคณิศรจะตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้ชาวอุดรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะไม่ทุจริตคอร์รัปชัน จะใช้งบประมาณที่มาจากภาษีหยาดเหงื่อแรงงานของทุกคนอย่างโปร่งใสมีประสิทธิภาพ นี่คือคำสัญญาของเรา

---

 
หน.พรรคประชาชนลงพื้นที่ช่วยว่าที่ผู้สมัคร'นายกอบจ.หนองคาย'หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร
https://siamrath.co.th/n/582580

วันที่  23 พ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาชนหลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ. หนองคาย โดยส่งนายอุรุยศ  เอียสกุล ลงสนามเพื่อขอ เปลี่ยนหนองคาย การเมืองท้องถิ่นโปร่งใส ประชาชนได้ประโยชน์ ให้โอกาสพรรคประชาชน โดย

นายอุรุยศ กล่าวว่า ได้สละตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองคาย เพื่อช่วยคนหนองคายให้ดีกว่าเดิม 4 ปีไม่เข้าท่า ไม่มีผลงาน สมัยหน้าผมไม่ลง ขอเป็นตัวแทนในนามว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.หนองคาย ไม่เสียดายกับตำแหน่งนายกฯที่เหลืออยู่หลายเดือน ขอโอกาสรับใช้ประชาชนชาวจังหวัดหนองคาย 

สำหรับ นายอุรุยศ  เอียสกุล ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ที่พร้อมทำงานให้ประชาชนได้ทันที ซึ่งพรรคฯ มีเจตนารมณ์ในการอาสาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยนโยบายผู้สมัครนายก อบจ.  5 ด้านหลัก คือ 1. เรื่องน้ำสะอาด 2. ยกระดับขนส่งมวลชน 3. การพัฒนาระบบสาธารณสุข, 4. การศึกษา และ 5. ความโปร่งใสในการใช้งบประมาณท้องถิ่นให้คุ้มค่า  

โดยในวันที่ 24 พ.ย.67 นายณัฐพงษ์  เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จะเดินทางมารับฟังปัญหาจากประชาชน พื้นที่ จ.หนองคาย จุดแรก ที่ บริเวณตลาดสด อ.ท่าบ่อ,บ้านไทยสามัคคี ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่,ศูนย์วัฒนธรรมไทยพวน อ.โพธิ์ตาก และบริเวณวัดหายโศก  อ.เมืองหนองคายตามลำดับ  

---

วิกฤติลำตะคองเหลือน้ำ28% หวั่นแล้งน้ำไม่พอ
https://www.innnews.co.th/news/local/news_806341/

โคราช-วิกฤติลำตะคอง เหลือน้ำใช้การ 28เปอร์เซ็นต์ กว่าจะฝนหน้า หวั่นไม่มีน้ำใช้
 
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ยังอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อยวิกฤติ” โดยปริมาณน้ำเก็บกักล่าสุดวันนี้ อยู่ที่ 105.01 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 33.39 % ของความจุกักเก็บทั้งหมด 314.49 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นน้ำใช้การได้เพียง 82.29 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 28.21 %
 เท่านั้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เพราะต้องส่งจ่ายน้ำไป ห้ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ

ได้ใช้ผลิตประปาเพื่อการอุปโภค-บริโภคมาเป็นอันดับแรก และให้เพียงพอใช้จนกว่าจะถึงฤดูฝนปีหน้า โดยสาเหตุหลักที่มีปริมาณน้ำเก็บกักเหลือน้อยจนถึงขั้นวิกฤติ เนื่องจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำลำตะคองน้อย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน มีมวลน้ำไหลมาเติมลงอ่างฯ สะสมแค่ 80.87 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ31.10 % เท่านั้น แต่ต้องส่งจ่ายระบายน้ำออก 95.46 ล้านลูกบาศก์เมตร ไปให้ 5 อำเภอได้ใช้ผลิตประปา , รักษาระบบนิเวศน์ลำน้ำ และอื่นๆ จึงต้องดึงน้ำเก็บกักต้นทุนมาใช้ จนปัจจุบันเหลือน้ำใช้การได้แค่ 28.21 % ดังกล่าว
 
ซึ่งสภาพน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ถนนมิตรภาพสายเก่า บริเวณบ้านท่างอย ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นเป็นแนวยาว ขณะที่ชาวบ้านที่ทำประมงพื้นบ้าน อาศัยจับปลาในอ่างเก็บน้ำลำตะคองไปบริโภคและขายสร้างรายได้ ต่างบ่นว่า หาปลาไม่ค่อยได้ เพราะน้ำในอ่างฯ เหลือน้อย ส่งผลกระทบกับประมงพื้นบ้านเป็นอย่างมาก
  
นอกจากนี้ พ่อค้าแม่ค้าที่เคยมาตั้งแผงขายปลาสดๆ หรือปิ้งย่างปลาขาย ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน โดยนางหนูกาย ศรีนลา อายุ 56 ปี เป็นชาวบ้านหมู่ 12 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บอกว่า ตนและครอบครัวเคยทำประมงพื้นบ้านหาปลาในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง และตั้งแผงขายปลาสดๆ มาก่อน เพราะปริมาณน้ำในอ่างฯ ยังมีมาก ชาวบ้านหลายรายในพื้นที่จึงทำประมงกันอย่างคึกคัก เพราะหาปลาได้ง่าย สามีของตนก็มาหาปลาในอ่างฯ ไปขายสร้างรายได้เป็นประจำทุกปี รวมทั้งทำการเกษตร ปลูกผักสวนครัวขายด้วย แต่มาปีนี้ น้ำเหลือน้อยกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา
 

---

 
ปธ.สภาพัฒน์ฯ มองไทยเสี่ยงถูกตอบโต้การค้าจากสหรัฐฯ
https://tna.mcot.net/business-1451176 

ชลบุรี 23 พ.ย.-ประธานสภาพัฒน์ฯ มองไทยเสี่ยงถูกตอบโต้ทางการค้าจากสหรัฐฯ หลัง “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง คาดขึ้นภาษีก่อน เรียกเจรจารายประเทศ เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวกดดันผลิต-ส่งออกไทยด้วย ชี้หนี้ครัวเรือน-SMEs ยังพุ่ง
 
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย” ในการสัมมนา หอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ที่จังหวัดชลบุรี โดยระบุว่าความมั่นคงของเศรษฐกิจไทย ต้องได้มาจากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศและต้องจัดการกับ ความท้าทายที่เข้ามากระทบภายในประเทศ ประกอบด้วย 3 ข้อ คือ 
1) ต้องบริหารความเสี่ยงจากความมั่นคงของประเทศที่สั่นคอนโดยเห็นได้จากสงครามระหว่างประเทศ 
2) นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ 
และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เสื่อมลงในช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขของประเทศไทย 6 ปัญหาหลัก ได้แก่
 
1. หนี้ครัวเรือนและหนี้ SMEs ที่มีระดับสูง ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลง เพิ่มความเหลื่อมล้ำในประเทศ
 
2. ประชาชนไทย เข้าสู่สังคมสูงอายุทำให้ GDP มีแนวโน้มขยายตัวช้าลง 0.8-1% ต่อปี และขาดแคลนแรงงานมากเกิน ภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
 
3. คุณภาพของการศึกษาถดถอยลงมาโดยตลอด
 
4. ภาคเกษตรขาดประสิทธิภาพ ผลผลิตต่ำคิดเป็น 9% ของ GDP
 
5. ราคาพลังงานแพงกว่าประเทศคู่แข่ง และการพึ่งพาการนำเข้าแก๊สธรรมชาติและน้ำมันดิบเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 9% ของ GDP ส่งผลให้ประเทศไทยจะเผชิญความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
 
6. การขาดดุลงบประมาณ สัดส่วนการจัดเก็บภาษีลดลง 15% ของ GDP แต่รายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังประสบความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย
 
ทั้งนี้ ปัญหาใหม่ที่ประเทศไทยต้องประสบจาก 2 มหาอำนาจระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในส่วนของประเทศจีน กำลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยการเร่งส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องรอง โดยมุ่งเน้นส่วนแบ่งตลาดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของทุกประเทศ ส่งผลให้กดดันกำลังการผลิตและการส่งออกสินค้าของประเทศไทยด้วย 
 
นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีนโยบายและมาตรการกีดกันทางการค้าที่ชัดเจน ซึ่งประเทศไทยจะอยู่ในประเทศที่เกินดุลของสหรัฐฯ ถึง 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 10% ของ GDP ซึ่ง ทรัมป์ มองว่าจากการที่ประเทศต่าง ๆ เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นการที่สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบ ถูกโกงจากประเทศต่าง ๆ โดยจะมีนโยบายการปรับภาษีนำเข้าจากประเทศเกินดุล 10-20% และจะเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศจีนสูงถึง 60% รองลงมา คือสหภาพยุโรปเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 
โดย ประเทศไทย เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 12 และขึ้นบัญชีประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 10-20% และจะมีการเจรจากับประเทศต่าง ๆ เป็นกรณีไป นอกจากนี้ ประเทศไทย เก็บภาษีศุลกากรนำเข้าเฉลี่ยจากสหรัฐฯ ประมาณ 9.7% โดยจะถูกจับตามองเป็นพิเศษโดยเฉพาะสินค้าเกษตรของประเทศไทยที่เก็บภาษีผักผลไม้นำเข้าจากสหรัฐฯ สูงเป็นพิเศษ 20-30% อีกทั้ง ประเทศไทยได้มีการห้ามนำเข้าเนื้อหมู เนื้อวัว โดยอ้างถึงสารเนื้อแดง ทำให้สหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไทยเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเป้า จากนโยบายการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ นายสก็อตต์ เบสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่านโยบายการเก็บภาษีศุลกากรจะสร้างอำนาจต่อรองของสหรัฐฯ กับนานาประเทศซึ่งจะสอดคล้องและส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
อีกทั้ง ความเสี่ยงที่จะการเกิดสงครามการค้าโดยรวมของทั่วโลกจะทำให้การค้าหดตัวลง โดยหากเกิดขึ้น จะกระทบกับประเทศไทย เนื่องจากพึ่งพาการส่งออกถึง 50% ของ GDP ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของสหรัฐฯ คือ ผลกระทบด้านความมั่นคงและด้านดอกเบี้ยกับประเทศไทย ในส่วนด้านความมั่นคงนั้น สหรัฐฯ ต้องการให้ประเทศพันธมิตรจ่ายเงินสนับสนุนการป้องกันประเทศของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระทางทหารของสหรัฐฯ ตลอดจนนโยบายการเพิ่มภาษี และนโยบายการเนรเทศคนต่างด้าว 11 ล้านคน ของ ทรัมป์ จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เงินเฟ้อลดลงช้า ดอกเบี้ยสูงขึ้น และนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลและการลดภาษีคนรวยจะส่งผลให้ขาดดุลงบประมาณและดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้กระทบประเทศไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม