พิธา เปิดเบื้องหลังวันโหวตนายกฯ แนะเช็กชื่อ 45 ส.ว.ขาดประชุม รับปากไว้ทุกคน สุดท้ายเท
https://www.matichon.co.th/politics/news_4909449
พิธา เปิดเบื้องหลังวันโหวตนายกฯ แนะกลับไปเช็กชื่อ 45 ส.ว.ขาดประชุมได้เลย ทุกคนเคยรับปากไว้หมดแล้ว สุดท้ายเบี้ยว
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ร่วมพูดคุยกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงประเด็นไม่คิดตัดใจไม่ยุ่งเรื่องการเมืองว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน อยากช่วยเหลือเพื่อนที่ร่วมงานกันมาตามที่กฎหมายอนุญาต นั่นคือเป็นผู้ช่วยหาเสียง ผมโดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไป 10 ปี คิดว่าตอนนี้ใช้เวลาเรียนรู้ แชร์ประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ สบายใจด้วย สนุกด้วย ได้ทำอะไรที่ได้ความรู้มากมาย เตรียมตัวไว้เผื่อ (ในอนาคต) ประชาชนต้องการ
ในช่วงหนึ่งมีการกล่าวถึงความห่างเหินกับพรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิธามองว่า บางทีก็คิดว่าผู้มีอำนาจกำลังหัวเราะพวกเราอยู่ พวกที่เคยเป็นอดีตพรรคฝ่ายค้าน ต่อสู้รัฐประหารด้วยกันมา เขาเห็นเราทะเลาะกัน เขามองอยู่ข้างบนคงสะใจที่สามารถทำแบบนี้ได้
“
บางทีก็คิดว่าคนที่เลือกเพื่อไทยมาตลอดอย่างผม ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน ผู้ว่าฯครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แล้วทำไมความสัมพันธ์ของ 2 พรรคถึงได้ห่างเหินขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตอนเป็นพรรคฝ่ายค้านยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้เห็นต่างกันบ้าง แต่ไม่ได้ไกลกันขนาดนี้
ไม่เป็นไร เป็นการเลือกตั้งแบบรัฐสภา ฝ่ายค้านอ่อนข้อไม่ได้ เรื่องในอดีตก็คือเรื่องอดีต เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว แต่การทำงานอ่อนข้อไม่ได้” นายพิธากล่าว
ในช่วงหนึ่ง นาย
พิธากล่าวด้วยว่า ผมยังรู้สึกดีมาก ตอนเป็นขบวนการเปลี่ยนผ่าน ไปประชุมที่เพื่อไทยหลายครั้ง ประชุมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็หลายครั้ง เรามีเป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีการต่างกันได้ เป็นสิ่งที่เรายินดียืดหยุ่น จากที่เรามีกำลังวังชา แต่คุณมีประสบการณ์ แล้วเอามารวมกัน ก็สามารถไปได้ไกลมากมาก เพียงแต่เวลาที่เราคุยกันมันสั้นไป
นาย
พิธากล่าวว่า ยืนยันว่าสิ่งที่ คุณ
ทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยบนเวทีว่าจะทำได้ หรือจะเกิดได้จริงเมื่อเป็นพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนเท่านั้น ถ้าอยู่กับพรรคอื่นไม่เชื่อว่าจะทำได้จริง
สรยุทธถามนาย
พิธาถึงความไม่เข้าใจเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยให้โอกาสนาย
พิธา 2 ครั้งแล้ว กับการไปหาเสียงหนุนจาก ส.ว.ก็ดี หรือพรรคการเมืองก็ดี แต่ทำไม่สำเร็จเอง
นาย
พิธาระบุว่า ผมไม่เอาเรื่องในห้องประชุมมาบอก เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ และเป็นมารยาทที่ไม่ดี จำได้ว่า นาย
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา เคยบอกว่า 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ในการรวมคะแนนเสียง ผมรู้ว่าตอนโหวตนายกฯครั้งแรก ถ้าไม่ได้ แผน 2 แผน 3 ผมเตรียมไว้หมดแล้ว สิ่งที่เป็น “
อุบัติเหตุทางการเมือง” จริงๆ ตามคำพูดของคุณ
ทักษิณ คือจำนวนการเลือกนายกฯของผมเหลืออยู่ครั้งเดียว เพราะครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องไอทีวี ซึ่งผมก็ชนะ แต่ครั้งที่ 1 ผมบอกว่ายอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ เพราะมีแผน 2 และ 3 ที่จะเดินเกมต่อ
นาย
พิธากล่าวว่า เลือกนายกฯครั้งแรก ที่ได้ไม่ถึงเพราะ ส.ว.ไม่มาโหวต 45 คน 45 เป๊ะๆ คนที่มาเลือกนายกฯคือ 205 เสียง หายไป 45 ซึ่ง 45 คนนั้นเคยสัญญาออกทีวีด้วยซ้ำไปว่าจะเลือกผม ซึ่งเรื่องนี้ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนเดินเกม เป็นคนไปคุย ผมจึงมีความรู้สึกได้ว่ายังมีเวลาเปลี่ยนใจในครั้งที่ 2 และ 3 หรือมากไปกว่านั้น ซึ่งเขาไมได้กำหนดว่าจะเลือก (นายกฯ) กี่ครั้ง
“
ครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้เป็นความผิดเพื่อไทย เพราะศาล รธน.ส่งหมายให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เลือกนายกฯได้แค่ครั้งเดียว ไม่ทันเกิดครั้งที่ 2 นี่เป็น ‘อุบัติเหตุ’ ที่ไม่สามารถเดินตามแผนงานของเราต่อได้ หรือพลิกสถานการณ์ได้ เพราะถูกตัดจบแล้ว ถ้าเป็นครั้งแรกที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาล รธน. คงไปกันต่อเรื่อยๆ” นาย
พิธากล่าว
นาย
พิธากล่าวถึงความพยายามรวมเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า ช่วงนั้นมีนักข่าวไปถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่าถ้าก้าวไกลถอยเรื่อง ม.112 มีเพื่อไทย ก้าวไกล ภูมิใจไทย จะได้ไหม ตอนนั้นคุณอนุทินบอกว่าไม่มีคำว่า “ถ้า” พท.เลือก ภท. ไม่เอาก้าวไกล
“
แต่ถ้าผมเป็นเขา จะบอกว่าเราสู้กันมาตั้งแต่เป็นอดีตฝ่ายค้าน เวลาดีเบตก็เห็นตรงกันหลายเรื่อง ปฏิบัติอาจไม่เหมือน แม้แคนดิเดตนายกฯคุณจะไปแล้ว แต่ยังมี ส.ส.อยู่อีก 150 คน ขอเอาคุณมาด้วย แต่เดี๋ยวเจรจากับ ภท. แล้วรอเวลาให้เกิดขึ้นได้ แม้ ภท.บอกว่าจะไม่เอา แต่จะหาวิธีให้เกิดรัฐบาลแบบนั้นให้ได้” นาย
พิธากล่าว
นายพิธากล่าวเพิ่มเติมว่า จำได้ว่าวันหนึ่งคุณอิ๊งค์เดินมาพร้อมคนอื่นๆ เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินจากตึกเพื่อไทยมาไทยซัมมิท มาอธิบายว่า “มันเป็นไปไม่ได้” ทั้งนี้ ให้รอไปอ่านในหนังสือที่ผมเขียน
“
เท่าทีจำได้คือไม่มีการพูดเรื่องโครงสร้าง หรือ ม.112 แต่บอกว่าข้าวต้มมัดไม่มีแล้ว” นายพิธากล่าว
สรยุทธพยายามถามว่า วันนั้นอิ๊งค์พูดเองใช่หรือไม่ นายพิธาบอกว่า จำไม่ได้ เดี๋ยวขอไปนั่งคิดก่อน แต่มันคือการบอกลาว่าคงให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน
ชายแดนใต้เดือด กลุ่มก่อความไม่สงบ วางเพลิง-พ่นสีสเปรย์ 10 จุด 2 จ. 5 อ.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9513216
ยะลา ชายแดนใต้เดือดระอุ กลุ่มก่อความไม่สงบ พ่นสีสเปรย์แดง ข้อความ ‘เอกราชปาตานี’ ซ้ำสร้างสถานการณ์ เผากล้องวงจรปิด วางเพลิง 10 จุดพื้นที่ 2 จังหวัด 5 อำเภอ
20 พ.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบจำนวน ก่อกวนสร้างสถานการณ์ ด้วยการลอบวางเพลิง ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอบันนังสตา และ อำเภอธารโต จังหวัดยะลา จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย
รวมทั้ง กลุ่มก่อความไม่สงบ ยัง พ้นสีสเปรย์ สีแดง “PATANI MERDEKA” ซึ่งหมายถึง “เอกราชปาตานี” บริเวณป้ายของโรงเรียนบ้านเตาปูน (ธนาคารกรุงเทพ 16) หมู่ที่ 3 (บ้านเงาะกาโปร์) ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
จุดที่ 1 เวลา 04.05 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงตู้ส่งสัญญาณโทรศัพท์ บริเวณหลังบ้านเลขที่ 75/2 หมู่ที่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
จุดที่ 2 เวลา 04.20 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้า บริเวณ สามแยกอามัน ก่อนถึง รร.อิสลามประสานวิทย์ หมู่ที่ 5 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา
จุดที่ 3 เวลา 04.30 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ จำนวน 2 เส้น บริเวณ วงเวียนบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา
จุดที่ 4 เวลา 05.10 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้ กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 2 ตัว บริเวณ หน้ามัสยิดอัลมูบารัก หมู่ที่ 3 ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา
จุดที่ 5 เวลา 05.00 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้า บริเวณ สามแยกทางเข้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ.กาลูปัง หมู่ที่ 2 ต.กาลูปัง อ.รามัน จ.ยะลา
จุดที่ 6 เวลา 04.30 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ สามแยกเงาะกาโป หมู่ที่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา
จุดที่ 7 เวลา 06.30 น.คนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ บริเวณ หน้าโรงเรียนบิสตารีวิทยา หมู่ที่ 5 บ.บ่อหิน ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา
จุดที่ 8 เวลา 06.30 น.คนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ สามแยกบ้านบัวทอง หมู่ที่ 2 บ.บัวทอง ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา
ส่วน พื้นที่ จ.ปัตตานี กลุ่มก่อความไม่สงบ ทราบจำนวน ก่อกวนสร้างสถานการณ์ด้วยการลอบวางเพลิง เผายางรถยนต์ จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ประกอบด้วย
จุดที่ 1 เวลา 04.55 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ บริเวณ ถนนหมายเลข 4157 บ.บางมะรวด หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
จุดที่ 2 เวลา 04.55 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ บริเวณ สามแยกทางเข้าหาดชลาลัย ถนนหมายเลข 4157 บ.นาพร้าว หมู่ที่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ร่วมตรวจสอบและกั้นจุดเกิดเหตุ เพื่อทำเพื่อที่ให้ปลอดภัยก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่
ราคาหอมแดงดิ่งหนัก เหลือโลละ 20 บาท เกษตรกรตัดใจแขวนเก็บ ไม่ขายพ่อค้าขาดทุน
https://www.matichon.co.th/region/news_4908921
เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง ระดมคนงานเก็บหอมแดง ตัดสินใจไม่ขายตามราคาพ่อค้า หลังตีราคาต่ำ ขาดทุนหนัก เพราะสภาพอากาศแปรปรวน
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากสภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ จ.ตาก ที่มีอากาศร้อน อากาศหนาวเย็น ฝนตก ไม่เป็นไปตามฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงที่ต้องเฝ้าระวังอากาศแปรปรวน และพ่นยาฆ่าเชื้อราบ่อยครั้ง ทำให้ต้นทุนการปลูกหอมแดงมีต้นทุนสูงมากปีนี้ ขณะเดียวกันราคาก็ไม่ดีเท่าที่ควร ผลผลิตก็ไม่ค่อยดีเสี่ยงต่อการขาดทุน โดยเฉพาะราคาหอมแดงช่วงนี้ราคา 20 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วขาดทุนมาก
นายเย้ง แซ่ยั้ง อายุ 50 ปี ชาวบ้านเก้ารวมไทย ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าปลูกหอมแดงในพื้นที่ 40 ไร่ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวส่งขายทุกปีขายง่ายขายที่ไร่เลย แต่ปีนี้ราคาไม่ดีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 กว่าบาท บางวันก็กิโลกรัมละ 22 บาท บางวันก็ 24-25 บาท บาท จึงตัดสินใจถอนหอมแดงแล้วเก็บไว้ขาย เพราะต้นทุนการปลูกทั้งกระบวนการไร่ละ 30,000 กว่าบาท แต่มีข้อดีที่ปลูกหอมแดงเพราะราคาไม่ดีก็เก็บไว้ได้
สำหรับการปลูกหอมแดง ตนเองก็ไปซื้อพันธุ์จากต่างจังหวัด กิโลกรัมละ 100 บาทเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อมาปลูก 1 ไร่ ถ้าพันธุ์หัวเล็กใช้กว่า 100 กิโลกรัม ถ้าเป็นพันธุ์หัวใหญ่ใช้ประมาณกว่า 200 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากการปลูก
JJNY : พิธาเปิดเบื้องหลังวันโหวตนายกฯ│คนร้ายป่วน! ยะลา ”เอกราชปาตานี” │ราคาหอมแดงดิ่งหนัก│“ไบเดน”ไฟเขียวจัดหาทุ่นระเบิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4909449
พิธา เปิดเบื้องหลังวันโหวตนายกฯ แนะกลับไปเช็กชื่อ 45 ส.ว.ขาดประชุมได้เลย ทุกคนเคยรับปากไว้หมดแล้ว สุดท้ายเบี้ยว
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ร่วมพูดคุยกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงประเด็นไม่คิดตัดใจไม่ยุ่งเรื่องการเมืองว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน อยากช่วยเหลือเพื่อนที่ร่วมงานกันมาตามที่กฎหมายอนุญาต นั่นคือเป็นผู้ช่วยหาเสียง ผมโดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไป 10 ปี คิดว่าตอนนี้ใช้เวลาเรียนรู้ แชร์ประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ สบายใจด้วย สนุกด้วย ได้ทำอะไรที่ได้ความรู้มากมาย เตรียมตัวไว้เผื่อ (ในอนาคต) ประชาชนต้องการ
ในช่วงหนึ่งมีการกล่าวถึงความห่างเหินกับพรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิธามองว่า บางทีก็คิดว่าผู้มีอำนาจกำลังหัวเราะพวกเราอยู่ พวกที่เคยเป็นอดีตพรรคฝ่ายค้าน ต่อสู้รัฐประหารด้วยกันมา เขาเห็นเราทะเลาะกัน เขามองอยู่ข้างบนคงสะใจที่สามารถทำแบบนี้ได้
“บางทีก็คิดว่าคนที่เลือกเพื่อไทยมาตลอดอย่างผม ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน ผู้ว่าฯครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แล้วทำไมความสัมพันธ์ของ 2 พรรคถึงได้ห่างเหินขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตอนเป็นพรรคฝ่ายค้านยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้เห็นต่างกันบ้าง แต่ไม่ได้ไกลกันขนาดนี้
ไม่เป็นไร เป็นการเลือกตั้งแบบรัฐสภา ฝ่ายค้านอ่อนข้อไม่ได้ เรื่องในอดีตก็คือเรื่องอดีต เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว แต่การทำงานอ่อนข้อไม่ได้” นายพิธากล่าว
ในช่วงหนึ่ง นายพิธากล่าวด้วยว่า ผมยังรู้สึกดีมาก ตอนเป็นขบวนการเปลี่ยนผ่าน ไปประชุมที่เพื่อไทยหลายครั้ง ประชุมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็หลายครั้ง เรามีเป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีการต่างกันได้ เป็นสิ่งที่เรายินดียืดหยุ่น จากที่เรามีกำลังวังชา แต่คุณมีประสบการณ์ แล้วเอามารวมกัน ก็สามารถไปได้ไกลมากมาก เพียงแต่เวลาที่เราคุยกันมันสั้นไป
นายพิธากล่าวว่า ยืนยันว่าสิ่งที่ คุณทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยบนเวทีว่าจะทำได้ หรือจะเกิดได้จริงเมื่อเป็นพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนเท่านั้น ถ้าอยู่กับพรรคอื่นไม่เชื่อว่าจะทำได้จริง
สรยุทธถามนายพิธาถึงความไม่เข้าใจเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยให้โอกาสนายพิธา 2 ครั้งแล้ว กับการไปหาเสียงหนุนจาก ส.ว.ก็ดี หรือพรรคการเมืองก็ดี แต่ทำไม่สำเร็จเอง
นายพิธาระบุว่า ผมไม่เอาเรื่องในห้องประชุมมาบอก เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ และเป็นมารยาทที่ไม่ดี จำได้ว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา เคยบอกว่า 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ในการรวมคะแนนเสียง ผมรู้ว่าตอนโหวตนายกฯครั้งแรก ถ้าไม่ได้ แผน 2 แผน 3 ผมเตรียมไว้หมดแล้ว สิ่งที่เป็น “อุบัติเหตุทางการเมือง” จริงๆ ตามคำพูดของคุณทักษิณ คือจำนวนการเลือกนายกฯของผมเหลืออยู่ครั้งเดียว เพราะครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องไอทีวี ซึ่งผมก็ชนะ แต่ครั้งที่ 1 ผมบอกว่ายอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ เพราะมีแผน 2 และ 3 ที่จะเดินเกมต่อ
นายพิธากล่าวว่า เลือกนายกฯครั้งแรก ที่ได้ไม่ถึงเพราะ ส.ว.ไม่มาโหวต 45 คน 45 เป๊ะๆ คนที่มาเลือกนายกฯคือ 205 เสียง หายไป 45 ซึ่ง 45 คนนั้นเคยสัญญาออกทีวีด้วยซ้ำไปว่าจะเลือกผม ซึ่งเรื่องนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนเดินเกม เป็นคนไปคุย ผมจึงมีความรู้สึกได้ว่ายังมีเวลาเปลี่ยนใจในครั้งที่ 2 และ 3 หรือมากไปกว่านั้น ซึ่งเขาไมได้กำหนดว่าจะเลือก (นายกฯ) กี่ครั้ง
“ครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้เป็นความผิดเพื่อไทย เพราะศาล รธน.ส่งหมายให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เลือกนายกฯได้แค่ครั้งเดียว ไม่ทันเกิดครั้งที่ 2 นี่เป็น ‘อุบัติเหตุ’ ที่ไม่สามารถเดินตามแผนงานของเราต่อได้ หรือพลิกสถานการณ์ได้ เพราะถูกตัดจบแล้ว ถ้าเป็นครั้งแรกที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาล รธน. คงไปกันต่อเรื่อยๆ” นายพิธากล่าว
นายพิธากล่าวถึงความพยายามรวมเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า ช่วงนั้นมีนักข่าวไปถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่าถ้าก้าวไกลถอยเรื่อง ม.112 มีเพื่อไทย ก้าวไกล ภูมิใจไทย จะได้ไหม ตอนนั้นคุณอนุทินบอกว่าไม่มีคำว่า “ถ้า” พท.เลือก ภท. ไม่เอาก้าวไกล
“แต่ถ้าผมเป็นเขา จะบอกว่าเราสู้กันมาตั้งแต่เป็นอดีตฝ่ายค้าน เวลาดีเบตก็เห็นตรงกันหลายเรื่อง ปฏิบัติอาจไม่เหมือน แม้แคนดิเดตนายกฯคุณจะไปแล้ว แต่ยังมี ส.ส.อยู่อีก 150 คน ขอเอาคุณมาด้วย แต่เดี๋ยวเจรจากับ ภท. แล้วรอเวลาให้เกิดขึ้นได้ แม้ ภท.บอกว่าจะไม่เอา แต่จะหาวิธีให้เกิดรัฐบาลแบบนั้นให้ได้” นายพิธากล่าว
นายพิธากล่าวเพิ่มเติมว่า จำได้ว่าวันหนึ่งคุณอิ๊งค์เดินมาพร้อมคนอื่นๆ เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินจากตึกเพื่อไทยมาไทยซัมมิท มาอธิบายว่า “มันเป็นไปไม่ได้” ทั้งนี้ ให้รอไปอ่านในหนังสือที่ผมเขียน
“เท่าทีจำได้คือไม่มีการพูดเรื่องโครงสร้าง หรือ ม.112 แต่บอกว่าข้าวต้มมัดไม่มีแล้ว” นายพิธากล่าว
สรยุทธพยายามถามว่า วันนั้นอิ๊งค์พูดเองใช่หรือไม่ นายพิธาบอกว่า จำไม่ได้ เดี๋ยวขอไปนั่งคิดก่อน แต่มันคือการบอกลาว่าคงให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน
ชายแดนใต้เดือด กลุ่มก่อความไม่สงบ วางเพลิง-พ่นสีสเปรย์ 10 จุด 2 จ. 5 อ.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9513216
ยะลา ชายแดนใต้เดือดระอุ กลุ่มก่อความไม่สงบ พ่นสีสเปรย์แดง ข้อความ ‘เอกราชปาตานี’ ซ้ำสร้างสถานการณ์ เผากล้องวงจรปิด วางเพลิง 10 จุดพื้นที่ 2 จังหวัด 5 อำเภอ
20 พ.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบจำนวน ก่อกวนสร้างสถานการณ์ ด้วยการลอบวางเพลิง ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอบันนังสตา และ อำเภอธารโต จังหวัดยะลา จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย
รวมทั้ง กลุ่มก่อความไม่สงบ ยัง พ้นสีสเปรย์ สีแดง “PATANI MERDEKA” ซึ่งหมายถึง “เอกราชปาตานี” บริเวณป้ายของโรงเรียนบ้านเตาปูน (ธนาคารกรุงเทพ 16) หมู่ที่ 3 (บ้านเงาะกาโปร์) ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
จุดที่ 1 เวลา 04.05 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงตู้ส่งสัญญาณโทรศัพท์ บริเวณหลังบ้านเลขที่ 75/2 หมู่ที่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
จุดที่ 2 เวลา 04.20 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้า บริเวณ สามแยกอามัน ก่อนถึง รร.อิสลามประสานวิทย์ หมู่ที่ 5 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา
จุดที่ 3 เวลา 04.30 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ จำนวน 2 เส้น บริเวณ วงเวียนบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา
จุดที่ 4 เวลา 05.10 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้ กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 2 ตัว บริเวณ หน้ามัสยิดอัลมูบารัก หมู่ที่ 3 ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา
จุดที่ 5 เวลา 05.00 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้า บริเวณ สามแยกทางเข้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ.กาลูปัง หมู่ที่ 2 ต.กาลูปัง อ.รามัน จ.ยะลา
จุดที่ 6 เวลา 04.30 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ สามแยกเงาะกาโป หมู่ที่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา
จุดที่ 7 เวลา 06.30 น.คนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ บริเวณ หน้าโรงเรียนบิสตารีวิทยา หมู่ที่ 5 บ.บ่อหิน ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา
จุดที่ 8 เวลา 06.30 น.คนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 1 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดเสียหาย จำนวน 1 ตัว บริเวณ สามแยกบ้านบัวทอง หมู่ที่ 2 บ.บัวทอง ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา
ส่วน พื้นที่ จ.ปัตตานี กลุ่มก่อความไม่สงบ ทราบจำนวน ก่อกวนสร้างสถานการณ์ด้วยการลอบวางเพลิง เผายางรถยนต์ จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ประกอบด้วย
จุดที่ 1 เวลา 04.55 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ บริเวณ ถนนหมายเลข 4157 บ.บางมะรวด หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
จุดที่ 2 เวลา 04.55 น.คนร้าย ลอบวางเพลิงเผายางรถยนต์ บริเวณ สามแยกทางเข้าหาดชลาลัย ถนนหมายเลข 4157 บ.นาพร้าว หมู่ที่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ร่วมตรวจสอบและกั้นจุดเกิดเหตุ เพื่อทำเพื่อที่ให้ปลอดภัยก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่
ราคาหอมแดงดิ่งหนัก เหลือโลละ 20 บาท เกษตรกรตัดใจแขวนเก็บ ไม่ขายพ่อค้าขาดทุน
https://www.matichon.co.th/region/news_4908921
เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง ระดมคนงานเก็บหอมแดง ตัดสินใจไม่ขายตามราคาพ่อค้า หลังตีราคาต่ำ ขาดทุนหนัก เพราะสภาพอากาศแปรปรวน
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากสภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ จ.ตาก ที่มีอากาศร้อน อากาศหนาวเย็น ฝนตก ไม่เป็นไปตามฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงที่ต้องเฝ้าระวังอากาศแปรปรวน และพ่นยาฆ่าเชื้อราบ่อยครั้ง ทำให้ต้นทุนการปลูกหอมแดงมีต้นทุนสูงมากปีนี้ ขณะเดียวกันราคาก็ไม่ดีเท่าที่ควร ผลผลิตก็ไม่ค่อยดีเสี่ยงต่อการขาดทุน โดยเฉพาะราคาหอมแดงช่วงนี้ราคา 20 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วขาดทุนมาก
นายเย้ง แซ่ยั้ง อายุ 50 ปี ชาวบ้านเก้ารวมไทย ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าปลูกหอมแดงในพื้นที่ 40 ไร่ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวส่งขายทุกปีขายง่ายขายที่ไร่เลย แต่ปีนี้ราคาไม่ดีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 กว่าบาท บางวันก็กิโลกรัมละ 22 บาท บางวันก็ 24-25 บาท บาท จึงตัดสินใจถอนหอมแดงแล้วเก็บไว้ขาย เพราะต้นทุนการปลูกทั้งกระบวนการไร่ละ 30,000 กว่าบาท แต่มีข้อดีที่ปลูกหอมแดงเพราะราคาไม่ดีก็เก็บไว้ได้
สำหรับการปลูกหอมแดง ตนเองก็ไปซื้อพันธุ์จากต่างจังหวัด กิโลกรัมละ 100 บาทเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อมาปลูก 1 ไร่ ถ้าพันธุ์หัวเล็กใช้กว่า 100 กิโลกรัม ถ้าเป็นพันธุ์หัวใหญ่ใช้ประมาณกว่า 200 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากการปลูก