JJNY : 5in1 พิธาถามพท.│‘พิธา’เย้ย‘พท.’เหมือนฝ่ายค้าน│นิติพลเผยน้ำผุดเชียงดาว│‘สส.แม็กกี้’ชี้ถึงเวลา│ฟิลิปปินส์อพยพปชช.

พิธา ขึ้นปราศรัย ถามเพื่อไทย จะทำน้ำประปาสะอาด คนเก่าเป็นมา 12 ปี ทำไมไม่ทำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4902110
 
 
เลือกนายกอบจ.อุดร – ประชาชน เปิดปราศรัย อ้อนขอคณิศร เป็นนายก อบจ.อุดรฯ พิธาถามเพื่อไทย จะทำน้ำประปาสะอาด ที่ผ่านมา 12 ปี เป็นนายกอบจ.ทำไมไม่ทำ ด้าน ชูนโยบาย 6 ด่วนทำทันทีปีแรก

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ที่ตลาดนิยม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พรรคประชาชน เปิดปราศรัยหาเสียงให้ช่วย นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.อุดรธานี เบอร์ 1 โดยมีแกนนำ ส.ส. และผู้ช่วยหาเสียง อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียง และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1ซึ่งเป็นคนอ.บ้านผือด้วย สลับขึ้นปราศรัยอย่างคึกคัก

ช่วงหนึ่ง น.ส.พรรณิการ์ ขึ้นเวทีตอนหนึ่งกล่าวถึงนโยบายน้ำประปาดื่มได้ว่า แม้ฝ่ายตรงข้ามจะพยายามโจมตีว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คณะก้าวหน้าก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าทำได้ โดยทำสำเร็จมาแล้วที่ ต.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นที่แรกตั้งแต่ปี 2564 มาจนถึงวันนี้ ได้รับการรับรองโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และต่อมาก็ทำสำเร็จที่ ต.โพน จ.กาฬสินธุ์, ต.หนองแคน จ.มุกดาหาร, ต.ดอนงัว จ.มหาสารคาม และ ต.นาบัว จ.อุดรธานี และกำลังจะทำสำเร็จอีก 2 แห่งในปีหน้า ดังนั้น ที่มีการดูถูกว่า ทำได้ไม่กี่แห่งนั้น จึงไม่จริง และที่บอกว่าทางโน้นก็ทำน้ำประปาสะอาด อยากถามว่า 12 ปีทำไมไม่ทำ

นายคณิศร ผู้สมัครชิงนายกอบจ.หมายเลข 1 ได้ปราศรัยถึงนโยบาย 6 ด่วน ที่จะทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี ว่า ในฐานะคนอุดรธานีสัมผัสได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นความเจริญหรือการพัฒนาอุดรธานีต่างก็ถูกแช่แข็งมาตลอด วันนี้จึงมาขออาสาเป็นทางเลือกให้ชาวอุดรธานี โดยนอกจากนโยบาย 8 เสาหลักแล้ว ตนยังมีนโยบาย 6 ด่วนที่จะทำทันทีภายในปีแรก ได้แก่ 

1. ทำให้ อบจ.อุดรธานีโปร่งใสตรวจสอบได้ 

2. การทุจริตเป็น 0% โครงการ และนโยบายที่ส่อให้เกิดการทุจริตจะไม่ทำ จะทำแต่โครงการที่ตรวจสอบได้เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ หน่วยงานไหนใน อบจ. ที่มีการทุจริตตนจะเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที

3. นโยบายขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาประชาชนเดินทางลำบาก 4.น้ำประปาใสดื่มได้ตลอดปี 5.ถนนปลอดหลุม ไฟสว่าง มีกล้องวงจรปิด โดยถนนในสังกัด อบจ. ที่ชำรุดทรุดโทรมและไม่ปลอดภัย อบจ. จะดำเนินการซ่อมให้เรียบร้อยภายในปีแรกทันที 6.แก้ปัญหายาเสพติดผ่านนโยบายชุมชนปลอดภัยไม่มียาเสพติด โดย อบจ. จะเป็นศูนย์กลางสนับสนุนงบประมาณให้ฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานจัดหาเครื่องมือในการตรวจสอบสารเสพติด

จากนั้น เวลา 11.35 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีการพูดถึงว่า ที่ตนกลับมาจากสหรัฐอเมริกา เพราะกลัวแพ้ อิหยังว่ะ  ยืนยันเลยว่า สำหรับตนเป็นนักการเมืองที่ไม่เคยกลัวแพ้ เพราะแพ้มาเยอะแล้ว แต่ชนะมาก็แยะเหมือนกัน อย่างการเลือกตั้งที่อุดรธานี ปี 2562 อนาคตใหม่ได้ 1.4 แสนคะแนน เลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ปี 2563 ได้ 1.8 แสนคะแนน เลือกตั้งปี 2566 ได้มา 2.2 แสนคะแนน นี่คือการพัฒนา

ดังนั้น สำหรับพรรคประชาชน การลงแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้ ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 เราก็แพ้ที่อุดรธานี เขต 1 แต่ก็ไม่กี่คะแนน ต่อมาเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลก็ชนะได้ ส.ส.เขต 1 อุดรธานี เราถึงไม่กลัวแพ้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยย่อมมีแพ้มีชนะ คนชนะกลับมาแพ้ คนแพ้ก็กลับมาชนะได้ ไม่มีใครกลัวทั้งนั้น การทำงานแบบพรรคประชาชน คือการทำงานระยะยาว คู่แข่งอาจจะดูการเลือกตั้งต่อการเลือกตั้ง แต่พรรคประชาชนดูไปถึง 3 การเลือกตั้งข้างหน้า การเมืองแบบพวกเราคือแข่งกับตัวเองทุกวัน และต่อสู้อย่างเต็มที่ไม่ท้อแท้ถดถอย

ที่ผ่านมานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย หาเสียงเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายค้าน อบจ. คนเก่าเป็นมา 12 ปี เพิ่งมาบอกว่า จะทำน้ำประปาสะอาด แปลว่า 12 ปีที่ผ่านมาไม่สะอาดใช่หรือไม่ บอกว่าจะจัดการปัญหายาเสพติด แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาเจ้าพ่อยาเสพติด ทุนจีนสีเทา เมื่อปีก่อนหน้านี้ ก็มีเรื่องตั๋วตำรวจเพื่อไทย ตราบใดที่ยังมียาเสพติดจากต่างประเทศแล้วยังมีตั๋วตำรวจ ยาเสพติดก็แก้ไม่ได้ เป็นรัฐบาลมา 14 เดือน ราคายาบ้ายังเหมือนเดิม ตั๋วตำรวจยังมีหรือไม่ ขอให้ตอบให้กระจ่างด้วย” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า มีคนกล่าวว่า อุดรธานีเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่สำหรับตนแล้ว คนอุดรธานีไม่มีเจ้าของ อุดรธานีเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย ซึ่งมีหลายเฉด บางคนเลือกพรรคเพื่อไทย บางคนเลือกพรรคก้าวไกล บางคนก็เลือกพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้น แม้การแข่งขันครั้งนี้ เรามั่นใจแต่ก็ไม่ประมาท เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เหมือนระดับชาติ ประชาชนอยู่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกลับมาลงคะแนนไม่ได้ จึงขอสื่อสารไปถึงชาวอุดรธานีที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ขอให้ช่วยพรรคประชาชน บอกกลับมาที่ครอบครัวให้ไปเลือกตั้งเยอะๆ ถ้าอยากให้คนอุดรธานี มีงานทำ มีสาธารณสุข มีการคมนาคมที่ดี จะได้กลับมาบ้านเสียที



‘พิธา’ หวังรัฐขึ้นค่าแรง 400 บาทสำเร็จ เย้ย ‘เพื่อไทย’ หาเสียงเหมือนเป็นฝ่ายค้าน
https://www.dailynews.co.th/news/4087381/

‘พิธา’ หวังรัฐบาลขึ้นค่าแรง 400 บาทสำเร็จ หลังยื้อมานาน 14 เดือน แนะดูแลเอสเอ็มอีให้อยู่รอดด้วย ชี้รัฐแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุก่อนเป็นไปตามคาด เย้ยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเหมือนเป็นฝ่ายค้าน มีความคืบหน้าโครงการทุกครั้งที่เลือกตั้ง อบจ.

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ จ.อุดรธานี นายพิธา​ ลิ้ม​เจริญ​รัตน์​ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า​ กล่าวถึ​งกระแสข่าวที่ว่าจะมีการนำเรื่องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน​ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (​ครม.) ​ในวันที่ 19 พ.ย.​ นี้ ว่า​ ตนสนับสนุนให้ขึ้นค่าแรง​ เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน แต่มันต้องคิดควบคู่กันไประหว่างเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำกับเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี ที่จะต้องมีมาตรการภาษีไปช่วยเขา ซึ่งต้องให้เครดิตกับรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร​ ที่เคยคิดแบบนี้​ แต่ไม่แน่ใจว่าเหตุใดตอนนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้พูดถึงเลย และเท่าที่เข้าใจคือตอนขึ้นเวทีดีเบตหาเสียงด้วยกัน​ คือปีแรก 400​, 500, 600​ และ 700 บาท ​แต่ตอนนี้อยู่ในเดือน พ.ย. 2567  แล้ว​ นายเศรษ​ฐา​ ทวีสิน​ เข้ามา​เป็นนายกฯ ​เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 ผ่านไป 14 เดือนแล้ว​ ค่าแรงยังไม่ขึ้น แรงงานก็เลยคิดว่าทำไมสัญญาไม่เป็นสัญญา แล้วทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนั้น

เมื่อถามว่ารอบนี้จะขึ้นได้หรือไม่ นายพิธา​ กล่าวว่า​ มีความพยายามจะขึ้นเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว​ เช่น​ สมุย​ ที่ค่าแรงสูงอยู่แล้ว​ แต่ตนก็หวังว่า​ จะไม่ประวิงเวลาแล้ว และสิ่งที่ตัวเองแปลกใจก็คือ เวลามีการเลือกตั้ง​ อบจ. ครั้งหนึ่ง ก็จะสัญญาในลักษณะนี้​ จำได้ว่าตอนเวที อบจ.พิษณุโลก​ ก็มีคนของพรรคเพื่อไทยขึ้นเวที แล้วก็บอกว่าเงินหมื่นกำลังจะมา และพอมาเลือกตั้ง​ อบจ.อุดรธานี ก็บอกอีกว่าเงินหมื่นสำหรับผู้สูงอายุกำลังจะมา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาเป็นรัฐบาลมาตั้ง 14 เดือน มันน่าจะทำตามสัญญาได้ตั้งแต่ตอนแรก เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ดังนั้น​ หวังว่า​มันจะไม่ใช่การขายฝัน เพราะตนก็เข้าใจหัวอกของพี่น้องแรงงาน เข้าใจถึงหัวอกผู้สูงอายุ ที่เขาลำบากจริงๆ​ ไม่อยากจะเอาเรื่องนี้ มาเป็นประเด็นทางการเมือง​

แต่สิ่งที่ต้องถามคำถามคือการหาเสียง 2-3 วันที่ผ่านมา เขาหาเสียงเหมือนเขาเป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้หาเสียงเหมือนตัวเองเป็นรัฐบาล ไม่ได้หาเสียงเหมือนนายกฯ เศรษฐา เป็นนายกฯ มาก่อน ตอนนี้ก็ 14 เดือนแล้ว ที่สามารถจะทำได้ง่ายๆ วิธีที่จะให้เงิน 10,000 บาทอะไรก็แล้วแต่ คุณศิริกัญญา ตันสกุล​ นำเสนอมาโดยตลอด และธนาคารแห่งประเทศไทยก็เคยทักท้วงมาตลอด แต่นี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วนไปวนมา และสุดท้ายก็วนกลับมา ทำให้ประชาชนต้องรอถึง 14 เดือน ค่าแรงที่บอกจะขึ้นก็ไม่ขึ้น ก็ไปดูเฉพาะที่มันสูงกว่าอยู่แล้ว หรือพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว แล้วก็ยังรอเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็คิดว่าประชาชนมีสิทธิที่จะตั้งคำถาม ว่ามันเป็นเทคนิคการหาเสียงหรือเป็นเรื่องที่ตั้งใจจริง” นายพิธา กล่าว

นายพิธา​ ยังกล่าวถึงการแจกเงินหมื่นกลุ่มผู้สูงอายุ​ ว่า​ การแจกเงินไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป สิงคโปร์ก็มีการแจก แต่มันต้องดูพื้นที่การคลังของแต่ละประเทศด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาเรื่องของระยะสั้นก่อน​ ควรจะแจกกลุ่มเปราะบาง ซึ่ง น.ส.ศิริกัญญา​ ก็แนะนำมาเป็นปีแล้ว แต่ก็ไม่ยอมฟังกัน​

เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วกลุ่มอื่นๆ ที่ลงทะเบียนไว้จะได้รับเงินหมื่นหรือไม่ นายพิธา​ กล่าวว่า​ ตนไม่ทราบวิธีคิดจะเป็นอย่างไร​ เพราะตอนที่เป็นนโยบายยื่นให้​ กกต. หรือขึ้นเวทีปราศรัย เขาก็ไม่ได้พูดแบบนี้ เขาบอกว่าจะเป็นบล็อกเชน เป็นดิจิทัลวอลเล็ต และแจกพร้อมกันถ้วนหน้าตั้งแต่ 16 ปี​ ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อย่างน้อยตอนที่ตนยังเป็น​ สส. อยู่​ ก็จำได้ว่าเปลี่ยนไปถึง 7-8 ครั้ง​ ทำให้มันไม่รู้เลย​ว่า​ อะไรจะเป็นอะไรแล้ว
 

 
นิติพล เผย น้ำผุดเชียงดาว ‘หนักขึ้น’ หลังป่ากลายสภาพเป็น พื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4902322

นิติพล ชี้ปรากฏการณ์น้ำผุดเชียงดาวหนักขึ้นหลังพื้นที่เปลี่ยนสภาพจากป่าเป็นพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว แนะรัฐหนุนชาวบ้านเปลี่ยนวิถีปลูกฟื้นสภาพผืนดิน

น้ำผุดเชียงดาว – เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส. บัญชีรายชิ่อ พรรคประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏการณ์น้ำผุดต่อเนื่องที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ติดต่อกันนานกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวในทางธรณีวิทยาได้มีนักวิชาการมาให้ความกระจ่างแล้วว่าเกิดขึ้นจากอะไร แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติจากการที่พื้นที่บริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นหินปูน เมื่อถูกฝนที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนกัดกร่อน ประกอบกับน้ำฝนที่มีปริมาณมากในช่วงก่อนหน้าทำให้เกิดเป็นโพรงใต้ดินขึ้นในหลายพื้นที่ และในหลายจุดนี้ก็มีน้ำบาดาลอยู่ก่อนแล้ว ทำให้น้ำถูกดันออกมาตามช่องโพรงที่มีจุดตัดกับผิวดิน ซึ่งความน่ากังวลส่วนหนึ่งก็คือการที่ภูมิประเทศที่เป็นโพรงอาจเกิดดินทรุดตัวได้เมื่อน้ำหายไปจากโพรงเหล่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่