โรม ถามแรงผบ.ตร. ฟื้นทรงผมขาว 3 ด้าน ตำรวจได้อะไร ทำไมไม่เพิ่มประสิทธิภาพงาน-สวัสดิการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4901820
 
 
ทรงผมตำรวจ – โรม ถามแรง ผบ.ตร. ฟื้นกฎเข้ม ทรงผมขาว 3 ด้าน ตำรวจได้อะไร แทนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพงาน-สวัสดิการ 
 
จากกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้มีข้อสั่งการให้ข้าราชการตำรวจทุกนาย ตัดผมสั้น ข้างขาว 3 ด้าน ข้างบน ยาวไม่เกิน 4 cm และต้องไม่ไว้นวดเครา โดยให้ผู้บังคับบัญชากวดขันอย่างเคร่งครัดนั้น พร้อมให้พิจารณาโทษหากพบหน่วยใดมีข้าราชการตำรวจ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ และข้อสั่งการนี้นั้น
 
ล่าสุด ( 16 พ.ย.) รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า 
 
ผมได้ทราบข่าวถึงการสั่งการให้ข้าราชตำรวจกลับมามีทรงผมข้างขาวสามด้าน น่าผิดหวังแทนผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งที่ตำรวจทั่วประเทศคาดหวังจะเห็นการขับเคลื่อนจาก ผบ.ตร. คนใหม่ คงจะเป็นเรื่องสวัสดิการตำรวจ และการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน มากกว่าการสั่งการกวดขันเรื่องทรงผม
 
อันที่จริงทรงผมข้างขาวสามด้าน เพิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2561 และมีการยกเลิกเมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งจะมีการนำกลับมาบังคับใช้อีกครั้งตามข้อสั่งการของ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน
 
ถามตรงๆองค์กรตำรวจและผู้ปฏิบัติงานได้อะไรบ้างจากนโยบายเหล่านี้
แฟลตตำรวจที่ขาดแคลน
ค่าน้ำมันที่เพียงพอ
อุปกรณ์ที่ทันสมัย
เบี้ยเลี้ยง ค่าเสี่ยงภัยที่เหมาะสม
 
กลับเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหยิบยกมาแก้ไขในทันที เท่ากับเรื่องทรงผม ตลกจริงๆ
 
นอกจากนี้ การออกสั่งการเรื่องทรงผมข้างขาวสามด้าน โดยให้มีผลบังคับใช้อย่างเคร่งครัด และมีการกำกับโทษ ยังสะท้อนถึงความไม่เข้าใจในหลักการทำงานของผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย
 
การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงสวัสดิการที่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะเป็นขวัญกำลังใจและช่วยรักษาชีวิตบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปลอดภัยตลอดการปฏิบัติงาน
 
ผมหวังว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะเล็งเห็นความสำคัญและสั่งการเร่งด่วนถึงเรื่องสวัสดิการ ของพี่น้องตำรวจ ส่วนเรื่องตัดผมขาวสามด้าน เลิกเถอะครับ ไม่มีประโยชน์อะไร.

https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02MdK1iTjXmFfy3iZfRsAw3sEeJLeiGMi3d7YojgP1gneVPRZ7XpJ7qzzKWxmEC2Kwl
 

---

‘สส.ไอซ์ รักชนก’ โพสต์รูปนำเจ้าหน้าที่เก็บกระทงในน้ำ ลั่นถามขอขมาแบบใด?
https://www.dailynews.co.th/news/4086638/

"สส.ไอซ์-รักชนก ศรีนอก" โพสต์รูปภาพ Before & After นำทีมเจ้าหน้าที่เก็บกระทงในคลองภาษีเจริญ ลั่นถามขอขมาแบบใด?

เรียกได้ว่าปิดฉากจบไปด้วยความสวยงามเหมือนทุกปี สำหรับงานประเพณีวันลอยกระทงปี 2567 แม้ว่าในปีนี้จะมีการรณรงค์ให้ลอยกระทงออนไลน์ เพื่อลดขยะในแม่น้ำและช่วยลดมลพิษทางน้ำก็ตาม แต่ก็มีประชาชนจำนวนมาก ออกมาร่วมครีเอทกระทงในรูปแบบตนเอง เพื่อสืบสานประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 28 จากพรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ภาพบรรยากาศการทำงานในช่วงเช้า ที่ตนเองและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมแรงกันเก็บขยะในลำคลองภาษีเจริญ

โดยเขียนข้อความระบุว่า
 
“เช้านี้ที่คลองภาษีเจริญ #ขอขมาแบบใด”

ต่อมายังโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพิ่มเติมอีกว่า

“Before & After #ขอขมาแบบใด ยังอยากให้มีเทศกาลสืบสานวัฒนธรรมต่อไป อยากให้คนได้ออกมาเจอกัน ได้พบปะพูดคุย จับจ่ายใช้สอย มีงานวัดให้ไปซื้อขนม แม่ค้าได้ขายกระทง แต่อยากให้ทุกที่ทุกบริเวณจัดให้ลอยในที่ปิดฮะ”

https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/pfbid02YNgXL4814BK7VQAd7DvJd1VufEuu9NaVnvM4rUocMbmGUFw4sreG2CRpYzFTXEk2l

---

“วิโรจน์” ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมช่วยฟื้นฟูน้ำท่วม
https://tna.mcot.net/politics-1448107

กทม. 16 พ.ย.- “วิโรจน์” เปิดรายงานประชาชนอาสาฟื้นฟูน้ำท่วม ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมช่วยเหลือ หวั่นหนี้ครัวเรือนซ้ำเติม เสนอรัฐบาลต้องให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันในระบบเพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่
 
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงเปิดรายงานประชาชนอาสาฟื้นฟูน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย โดยกล่าวว่า อุทกภัยครั้งที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.เชียงราย ไม่ได้มีแค่น้ำ แต่เป็นน้ำป่าและโคลนถล่ม ทิ้งร่องรอยความเสียหายที่ยากต่อการฟื้นฟู ถือเป็นอุทกภัยที่สร้างความเสียหายต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบเศรษฐกิจมากเป็นลำดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของประเทศนับตั้งแต่ปี 2547 โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากคือ อ.แม่สาย
ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูเมืองทำได้ค่อนข้างรวดเร็วขอขอบคุณทุกคนทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วม หวังว่าภัยพิบัติเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
 
พรรคประชาชนมอบหมายให้ตนเป็นตัวแทน สส. ในการจัดตั้ง “ศูนย์ประชาชนอาสา” ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในการระดมอาสาสมัคร จนเมื่อสภาฯ ปิดสมัยประชุม ต้นเดือนพฤศจิกายน สส.พรรคประชาชนจึงลงพื้นที่ร่วมทำกิจกรรมอาสาตักโคลนล้างบ้านฟื้นฟูเมืองที่ จ. เชียงรายร่วมกับภาคประชาชนด้วย
ตลอดการทำงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มโครงการเมื่อ 4 ตุลาคม ต้องขอขอบคุณมูลนิธิกระจกเงาที่เป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำในการตั้งระบบ ทำให้กลุ่มประชาชาอาสาล้างบ้านหลังแรกได้ในวันที่ 9 ตุลาคม และหลังสุดท้ายวันที่ 6 พฤศจิกายน ก่อนปิดโครงการวันที่ 9 พฤศจิกายน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 37 วัน ทำความสะอาด 95 จุด แบ่งเป็นอำเภอเมือง 38 จุด อำเภอแม่สาย 57 จุด ช่วยเหลือประชาชนทั้งสิ้น 317 คน ใช้งบประมาณกว่า 1,200,000 บาท
อย่างไรก็ดี มีพื้นที่หนึ่งใน อ.เมืองเชียงราย อยู่ติดกับบ้านธนารักษ์ซึ่งเป็นบ้านสวัสดิการของกองทัพบก มีโคลนในซอยสูงถึง 80 เซนติเมตร – 1 เมตร กลุ่มประชาชนอาสาไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ศักยภาพของเครื่องจักรที่ท้องถิ่นมีอยู่ ก็ไม่สามารถจัดการได้ หลังจากตนประเมินสภาพพื้นที่ จึงได้พูดคุยขอคำปรึกษาจากเจ้ากรมยุทธการทหารและเจ้ากรมทหารช่าง ซึ่งต้องขอบคุณที่ในเวลาต่อมา ทหารช่างส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่อย่างรวดเร็ว นี่คือตัวอย่างของการร่วมแรงร่วมใจทำงาน เราผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนทั้งราชการและท้องถิ่นเพื่อให้งานสำเร็จ
 
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ความท้าทายของรัฐบาลนับจากนี้ คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงการชดเชยเยียวยาอย่างรวดเร็วไม่ตกหล่น ,ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินในระบบ , ระบบระบายน้ำที่พร้อมรองรับฤดูฝนในปี 2568 เพราะเราเชื่อว่ายังมีโคลนค้างอยู่ในท่อบางจุด จึงจำเป็นต้องมีการลอกท่อครั้งใหญ่ ข้อจำกัดตอนนี้คืองบประมาณของท้องถิ่นอาจร่อยหรอลงเพราะต้องนำเงินสะสมไปใช้ในช่วงภัยพิบัติ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องพิจารณางบประมาณให้เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือประชาชน , ปัญหาเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน เนื่องจากหลายบ้านไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เข้าไม่ถึงการชดเชยเยียวยา , ปัญหาบ่อบำบัดน้ำเสียที่ อ.แม่สาย ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าสร้างขวางทางไหลของน้ำหรือไม่ ตอนนี้บ่อชำรุด รัฐควรให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบว่าขวางทางน้ำจริงหรือไม่ ปรับปรุงให้มีการระบายน้ำที่ดีขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ ในอนาคตจะได้ไม่เกิดปัญหาซ้ำเดิม โดยเรื่องนี้ตนได้ตั้งกระทู้ถามไปยังนายกรัฐมนตรีให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐจะดำเนินการอย่างไร และ การขุดลอกแม่น้ำสาย เนื่องจากเป็นแม่น้ำที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยและเมียนมา การทำอะไรจึงมีข้อจำกัดเพราะมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องพูดคุยว่าจะขุดลอกแม่น้ำสายร่วมกันอย่างไร ทำระบบเตือนภัยให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งลำน้ำได้ประโยชน์ รวมถึงพิจารณาปัญหาการรุกล้ำลำน้ำ.-315 -สำนักข่าวไทย