สวัสดีชาวพันทิปทุกท่าน
ก่อนอื่นเราเป็นพนง.ออฟฟิศที่ทำงานเกี่ยวกับสายเทค เราได้ offer งานตำแหน่ง middle level ของเอเจนซี่ที่ก่อตั้งโดยชาวต่างชาติที่นึงที่ภายนอกดูดีมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำสายเทคมาก่อนก็เป็นงานที่ดีมากๆ เรารักอาชีพนี้และคิดว่าจะโตไปได้ไกลกว่านี้ ด้วยความอยากโตนี้เราก็อยากเจออะไรใหม่ๆ ก็ตัดสินใจมาร่วมงานกับที่นี่แต่ไม่คิดว่าเบื้องลึก เขาจะปฏิบัติกับเราได้ไม่ยุติธรรมอย่างที่ไม่มีใครสักคนที่สมควรเจอ
เราได้งานนี้เมื่อ 3 เดือนก่อน เดือนแรกทุกคน welcomed มากๆ มีอะไรสงสัยทุกคนพร้อมให้ความช่วยเหลือดีมากๆ จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 2 หัวหน้างาน(คนไทย) เริ่มไม่คุยกับเรา ซึ่งเราเข้าใจว่าเขายุ่งแต่เขาก็บอกมีอะไรถามได้ แต่พอถาม กลับโดนถามว่าไม่เข้าใจหรอ? เราเริ่มได้กลิ่นว่าหัวหน้าไม่ชอบเรา เราเลยทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างมาให้เรารู้ว่าเขาไม่พอใจการทำงานของเราอยู่ดี พอมีประเมินโปรครั้งแรก (กลางเดือน 2) เขาบอกว่าเรายังมีบางจุดที่ต้อง improve บอกเรามาเป็นข้อๆ 4-5 ข้อ แบบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจง ซึ่งไม่มีอะไรที่ measurable และปิดท้ายด้วยว่าแรกๆ ก็งี้ ทุกคนสามารถพลาดกันได้ หลังจากนั้นเราก็พยายามแก้ไขแต่ละจุด ปรับปรุงตัว ทำงานหนักมากขึ้น เริ่มไม่อยากไปเบรคเพราะอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่หลังจากประเมินครั้งแรกผ่านไป เรารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เริ่มแย่ลง... เริ่มสังเกตว่าหน.เขาคุยกับทุกคนปกติ ยกเว้นกับเรา เขาเลี่ยงที่จะคุยกับเราอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานทุกคนในออฟฟิศจู่ๆ ก็เริ่มตีตัวออกห่างเหมือนรู้อะไรบางอย่าง จากที่เคยชวนเรากินนู่นนี่ก็เดินผ่านทำเหมือนไม่มีเราตรงนั้น เวลาเราชวนคุยก็ตอบกลับเป็นคำๆ เราสัมผัสได้ว่าทุกคนเริ่มสร้างกำแพง เราก็เริ่มรู้ตัวแต่ก็พยายาม approach ตลอดเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะยังพิสูจน์ไม่มากพอ
พอเข้าเดือนที่ 3 จู่ๆ เราก็ถูกเรียกเข้าไปคุยกับหัวหน้าและ CEO พร้อมโดนแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปรและแจ้งให้เราออกภายใน 1 อาทิตย์ ไม่มี solution อื่นโดยอ้างอิงจากสัญญาจ้างระบุว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ก็ได้ เราช็อคมากๆ จู่ๆ ก็กลายเป็นคนตกงานแบบไม่มีเวลาให้เตรียมตัว เขาให้เหตุผลว่าเขาคาดหวังในตัวเราสูงแต่เราทำไม่ได้ตามคาดหวัง แต่ก็ไม่ถามอะไรจากฝั่งเราเลย เราถามกลับว่าความคาดหวังของคุณคืออะไร เขาบอกว่าเราต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าเขาอยากจะตัดเราออกให้เร็วที่สุด แต่ก็เร็วมากๆ เพราะเขาเลือกที่จะตัดสินเราจาก 10 อาทิตย์ที่เราทำงานที่นี่ และการที่เขานัดเรามาตรงนี้ทันทีก็แปลว่าเขาตัดสินใจมาแล้ว เราไม่คัดค้านไม่อะไรทั้งสิ้น ทำได้แต่ยอมรับ เสียใจ และคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทุกอย่าง
แต่เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วสายน้ำไม่ไหลกลับ เรารวบรวมสติศึกษากฎหมายแรงงานถึงสิ่งที่เราควรจะได้จากเหตุการณ์นี้ เราจึงเลือกที่จะแจ้งกลับไปว่าเราควรจะได้ค่าตกใจแทนการบอกกล่าวเพราะเราไม่ได้ทำผิดกฎร้ายแรงหรือทำให้บริษัทเสื่อมเสีย แต่เรากลับไม่ได้อะไรเลยด้วยเหตุผลว่า เขาทำตามกฎหมายแรงงานและ ตอนที่ประเมินครั้งแรกเขาได้แจ้งเราเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้วแต่แค่ไม่อยากให้เรารู้สึกแย่จึงไม่ได้แจ้งเป็นคำเตือน ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวจากความจริงไปหมด แม้เราจะแจ้งถึงสิทธิที่เราควรได้เขาบอกกลับมาว่าทำไมเราต้องทำให้มันเป็นเรื่องยากด้วย เราช็อค สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความไม่ยุติธรรมและเราคือคนที่ถูกกระทำ บริษัทหาพนักงานใหม่ได้ตลอดแต่เราต้องเริ่มใหม่หมด เวลาที่เสียไป แกปในเรซูเม่ ทุกอย่างมันคือความสูญเสียทั้งสิ้น หลังจากที่เราแจ้งสิทธิที่เราควรได้ สถานการณ์ก็กลับยิ่งแย่ลงเราโดนปฏิบัติอย่างไร้เยื่อใย คีย์การ์ดเข้าออฟฟิศใช้ไม่ได้ คอมที่ใช้อยู่ก็โดนเปลี่ยนไม่แจ้งล่วงหน้าทำให้เรารู้สึกจนตรอกจนถึงวันทำงานวันสุดท้ายโดยที่เราไม่ได้อะไรเลย
เราเชื่อเสมอว่าการทำงานที่เป็นมืออาชีพมันจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ เราทำงานมาหลายที่ไม่เคยไม่ผ่านโปรสักครั้ง ขั้นตอนการประเมินงานมัน solid กว่านี้ มีตัวเลขหรือ KPI ที่สามารถชี้วัดได้ มี criteria ความคาดหวัง และสำคัญที่สุดคือ communication ควรจะมีการพูดคุยกันก่อนที่จะแจ้งไม่ผ่านโปร เราคิดว่ามันเป็นพื้นฐานของระบบการทำงานสมัยใหม่ยิ่งเป็นบริษัทฝรั่งเรายิ่งเชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม แต่สิ่งที่เราเจอคือการถูกทิ้งไว้กลางทางและโดนปฏิบัติอย่างแย่มากๆ เราไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าทุกอย่างมันประนีประนอมได้แต่ก็ไม่ แต่เราก็เป็นเด็กคนนึงที่มีพ่อแม่ ครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู การโดนอะไรแบบนี้ในวัยนี้มันแย่มากๆ สูญเสียทั้งเวลา self-esteem และไม่รู้จะกลับมายืนจุดเดิมได้อีกเมื่อไหร่
อ่านมาถึงจุดนี้แล้วอยากปรึกษาทุกคนว่าคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ มันยุติธรรมแล้วหรือไม่ มันมีทางออกที่ดีกว่านี้หรือเปล่า หรือใครเป็นหัวหน้ามีมุมมองยังไงกันบ้างครับ และหากใครมีประสบการณ์แบบนี้เราผ่านกันไปได้ยังไงแชร์มาได้นะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น
เหตุการณ์โดนเลือกปฏิบัติจากหัวหน้างานนำไปสู่ความฝันพังทลายในวัย 26
ก่อนอื่นเราเป็นพนง.ออฟฟิศที่ทำงานเกี่ยวกับสายเทค เราได้ offer งานตำแหน่ง middle level ของเอเจนซี่ที่ก่อตั้งโดยชาวต่างชาติที่นึงที่ภายนอกดูดีมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำสายเทคมาก่อนก็เป็นงานที่ดีมากๆ เรารักอาชีพนี้และคิดว่าจะโตไปได้ไกลกว่านี้ ด้วยความอยากโตนี้เราก็อยากเจออะไรใหม่ๆ ก็ตัดสินใจมาร่วมงานกับที่นี่แต่ไม่คิดว่าเบื้องลึก เขาจะปฏิบัติกับเราได้ไม่ยุติธรรมอย่างที่ไม่มีใครสักคนที่สมควรเจอ
เราได้งานนี้เมื่อ 3 เดือนก่อน เดือนแรกทุกคน welcomed มากๆ มีอะไรสงสัยทุกคนพร้อมให้ความช่วยเหลือดีมากๆ จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 2 หัวหน้างาน(คนไทย) เริ่มไม่คุยกับเรา ซึ่งเราเข้าใจว่าเขายุ่งแต่เขาก็บอกมีอะไรถามได้ แต่พอถาม กลับโดนถามว่าไม่เข้าใจหรอ? เราเริ่มได้กลิ่นว่าหัวหน้าไม่ชอบเรา เราเลยทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างมาให้เรารู้ว่าเขาไม่พอใจการทำงานของเราอยู่ดี พอมีประเมินโปรครั้งแรก (กลางเดือน 2) เขาบอกว่าเรายังมีบางจุดที่ต้อง improve บอกเรามาเป็นข้อๆ 4-5 ข้อ แบบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจง ซึ่งไม่มีอะไรที่ measurable และปิดท้ายด้วยว่าแรกๆ ก็งี้ ทุกคนสามารถพลาดกันได้ หลังจากนั้นเราก็พยายามแก้ไขแต่ละจุด ปรับปรุงตัว ทำงานหนักมากขึ้น เริ่มไม่อยากไปเบรคเพราะอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่หลังจากประเมินครั้งแรกผ่านไป เรารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เริ่มแย่ลง... เริ่มสังเกตว่าหน.เขาคุยกับทุกคนปกติ ยกเว้นกับเรา เขาเลี่ยงที่จะคุยกับเราอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานทุกคนในออฟฟิศจู่ๆ ก็เริ่มตีตัวออกห่างเหมือนรู้อะไรบางอย่าง จากที่เคยชวนเรากินนู่นนี่ก็เดินผ่านทำเหมือนไม่มีเราตรงนั้น เวลาเราชวนคุยก็ตอบกลับเป็นคำๆ เราสัมผัสได้ว่าทุกคนเริ่มสร้างกำแพง เราก็เริ่มรู้ตัวแต่ก็พยายาม approach ตลอดเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะยังพิสูจน์ไม่มากพอ
พอเข้าเดือนที่ 3 จู่ๆ เราก็ถูกเรียกเข้าไปคุยกับหัวหน้าและ CEO พร้อมโดนแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปรและแจ้งให้เราออกภายใน 1 อาทิตย์ ไม่มี solution อื่นโดยอ้างอิงจากสัญญาจ้างระบุว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ก็ได้ เราช็อคมากๆ จู่ๆ ก็กลายเป็นคนตกงานแบบไม่มีเวลาให้เตรียมตัว เขาให้เหตุผลว่าเขาคาดหวังในตัวเราสูงแต่เราทำไม่ได้ตามคาดหวัง แต่ก็ไม่ถามอะไรจากฝั่งเราเลย เราถามกลับว่าความคาดหวังของคุณคืออะไร เขาบอกว่าเราต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าเขาอยากจะตัดเราออกให้เร็วที่สุด แต่ก็เร็วมากๆ เพราะเขาเลือกที่จะตัดสินเราจาก 10 อาทิตย์ที่เราทำงานที่นี่ และการที่เขานัดเรามาตรงนี้ทันทีก็แปลว่าเขาตัดสินใจมาแล้ว เราไม่คัดค้านไม่อะไรทั้งสิ้น ทำได้แต่ยอมรับ เสียใจ และคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทุกอย่าง
แต่เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วสายน้ำไม่ไหลกลับ เรารวบรวมสติศึกษากฎหมายแรงงานถึงสิ่งที่เราควรจะได้จากเหตุการณ์นี้ เราจึงเลือกที่จะแจ้งกลับไปว่าเราควรจะได้ค่าตกใจแทนการบอกกล่าวเพราะเราไม่ได้ทำผิดกฎร้ายแรงหรือทำให้บริษัทเสื่อมเสีย แต่เรากลับไม่ได้อะไรเลยด้วยเหตุผลว่า เขาทำตามกฎหมายแรงงานและ ตอนที่ประเมินครั้งแรกเขาได้แจ้งเราเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้วแต่แค่ไม่อยากให้เรารู้สึกแย่จึงไม่ได้แจ้งเป็นคำเตือน ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวจากความจริงไปหมด แม้เราจะแจ้งถึงสิทธิที่เราควรได้เขาบอกกลับมาว่าทำไมเราต้องทำให้มันเป็นเรื่องยากด้วย เราช็อค สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความไม่ยุติธรรมและเราคือคนที่ถูกกระทำ บริษัทหาพนักงานใหม่ได้ตลอดแต่เราต้องเริ่มใหม่หมด เวลาที่เสียไป แกปในเรซูเม่ ทุกอย่างมันคือความสูญเสียทั้งสิ้น หลังจากที่เราแจ้งสิทธิที่เราควรได้ สถานการณ์ก็กลับยิ่งแย่ลงเราโดนปฏิบัติอย่างไร้เยื่อใย คีย์การ์ดเข้าออฟฟิศใช้ไม่ได้ คอมที่ใช้อยู่ก็โดนเปลี่ยนไม่แจ้งล่วงหน้าทำให้เรารู้สึกจนตรอกจนถึงวันทำงานวันสุดท้ายโดยที่เราไม่ได้อะไรเลย
เราเชื่อเสมอว่าการทำงานที่เป็นมืออาชีพมันจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ เราทำงานมาหลายที่ไม่เคยไม่ผ่านโปรสักครั้ง ขั้นตอนการประเมินงานมัน solid กว่านี้ มีตัวเลขหรือ KPI ที่สามารถชี้วัดได้ มี criteria ความคาดหวัง และสำคัญที่สุดคือ communication ควรจะมีการพูดคุยกันก่อนที่จะแจ้งไม่ผ่านโปร เราคิดว่ามันเป็นพื้นฐานของระบบการทำงานสมัยใหม่ยิ่งเป็นบริษัทฝรั่งเรายิ่งเชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม แต่สิ่งที่เราเจอคือการถูกทิ้งไว้กลางทางและโดนปฏิบัติอย่างแย่มากๆ เราไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าทุกอย่างมันประนีประนอมได้แต่ก็ไม่ แต่เราก็เป็นเด็กคนนึงที่มีพ่อแม่ ครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู การโดนอะไรแบบนี้ในวัยนี้มันแย่มากๆ สูญเสียทั้งเวลา self-esteem และไม่รู้จะกลับมายืนจุดเดิมได้อีกเมื่อไหร่
อ่านมาถึงจุดนี้แล้วอยากปรึกษาทุกคนว่าคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ มันยุติธรรมแล้วหรือไม่ มันมีทางออกที่ดีกว่านี้หรือเปล่า หรือใครเป็นหัวหน้ามีมุมมองยังไงกันบ้างครับ และหากใครมีประสบการณ์แบบนี้เราผ่านกันไปได้ยังไงแชร์มาได้นะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น