อยากมาเล่าประสบการณ์ชีวิตค่ะ เก็บไว้ย้อนมาอ่าน ว่าชีวิตเราผ่านอะไรมาบ้าง🥹

กระทู้สนทนา
ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ ไม่เคยบอกเล่าหรือระบายให้ใครฟังเลย ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ลำบากค่ะแต่ก็ยังมีที่ดินทำมาหากินเยอะอยู่ค่ะ ครอบครัวเรามี5คนพ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย และก็เราเอง พี่สาวเรียนไม่จบเพราะต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา ส่วนพี่ชายก็เรียนไม่เก่งเกเรไม่ตั้งใจเรียนต้องออกกลางเทอม ส่วนเราชอบเรียนมากตั้งใจไว้ว่าจะเรียนให้สูงหางานที่ดีๆทำ พอเรียนจบมัธยมพ่อกับแม่ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ บอกให้เราออกมาช่วยงานที่บ้าน เราก็ไม่คัดเพราะไม่มีเงินจริงๆแต่ก็แอบร้องไห้เสียใจตลอด เราช่วยที่บ้านทำไร่ทำนาได้หนื่งปีแล้วเราขอพ่อกับแม่ว่าจะไปทำงานโรงงานเย็บผ้าในเมือง พ่อกับแม่ก็อนุญาต เราไปสมัครงานที่โรงงานแห่งหนื่งในตัวเมื่อง เขารับเข้าทำงานวันนั้นเลยเพราะเราเย็บเป็นอยู่แล้ว เราทำงานได้ระยะหนึ่งพอมีเงินเก็บนิดหน่อยเหลือจากที่ส่งให้พ่อแม่ เราไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งติด เราเข้าเรียนภาคค่ำ เพราะตอนกลางวันเราต้องทำงาน เลิกงาน16:30 กลับหออาบน้ำแต่งตัวไปเรียนต่อเลิกเรียน21:30 รีบกลับมาพักผ่อนเอาแรงเพื่อไปทำงานต่อตอนเช้า ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่อดทนเพราะอยากเรียนให้สูงให้ตัวเองมีความรู้ที่สามารถหางานดีๆทำ อยากมีรายได้ที่ดีเพื่อดูแลครอบครัว🥹 ตอนเราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ๆเราไม่ได้บอกพ่อแม่นะเพราะกลัวพวกท่านจะดุและห้ามไม่ให้เรียน และในที่สุดเราก็ตั้งใจเรียนจนจบ เราตัดสินใจลาออกจากโรงงานเพื่อไปฝึกงานและทำงาน ช่วงเราเรียนปีสุดท้ายเรามีผู้ชายมาจีบเขาทำธุรกิจครอบครัวของเขาเอง เราคบกับเขาจนเราแต่งงานกันย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเขาจนเรามีลูกแล้วเราก็ลาออกจากงานประจำเพราะเขาให้เราลาออกมาเลี้ยงลูก ในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจะมีเรื่องทะเลาะกันตลอดเพราะเขาไม่ช่วยอะไรเราเลย เราต้องทำงานเองทุกอย่างเลี้ยงลูกทำงานบ้าน ทำงานบัญชีช่วยที่บ้านเขา ญาติพี่น้องพ่อแม่เขาตามใจและเข้าข้างเขาหมดทำกับเราเหมือนเป็นคนใช้ในบ้าน (ในส่วนนี้เราจะไม่โทษใครและจะไม่ลงรายละเอียดว่าพวกเขาทำอะไรกับเราบ้างเพราะมันคงเป็นกรรมของเราเอง) อยากจะบอกว่าในช่วงเวลานั้นเราเหมือนตกนรกทั้งเป็นนอนร้องไห้ทุกวันแต่ก็พยายามอดทนเพราะสงสารลูกสงสารพ่อแม่ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาลำบากเพราะตัวเอง และเราก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเดินออกจากตรงนั้น กลัวทุกอย่าง เคยวาดฝันไว้ตลอดว่าชีวิตการแต่งงานจะต้องดีจะต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ คิดทุกอย่างเพื่อลูกเพื่อพ่อแม่เพื่อคนอื่นมาตลอด ถึงแม้ตัวเองจะลำบากก็ทนได้🥲🥲จนมันถึงขีดสุด เราไม่เอาอะไรแล้วมันเหนื่อยจนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เป็นโรคชึมเศร้า กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมโทรมมาก เหมือนกระดูกเดินได้ พ่อแม่เราเห็นสภาพจนร้องไห้สงสารเรา เราเห็นน้ำตาพ่อแม่แล้วเราถึงคิดได้ว่าเราควรกลับมารักตัวเองได้แล้ว เราตัดสินใจหอบลูกหนีไปหาพ่อแม่อยู่รักษาตัวรักษาจิตใจที่บ้านพ่อกับแม่ระยะหนึ่ง จนร่างกายเริ่มแข็งแรงดีแล้วเราก็ฝากลูกไว้กับพ่อแม่แล้วเราก็เข้าไปทำงานในเมือง ส่งเงินให้พ่อกับแม่และลูกทุกเดือน แต่สภาพจิตใจเราก็ยังแย่เหมือนเดิมต้องกินยาตลอด ช่วงห่างจากลูกใหม่ๆนอนร้องไห้ทุกวันทำงานไปก็ร้องไห้ไปจนเจ้านายเรียกไปตักเตือน ทางฝ่ายสามีเราพวกเขาก็ยังตามไปก่อกวนพ่อกับแม่เราตลอดนะพวกเขาไม่ยอมเช็ญใบหย่า พวกเขาพยายามตามหาเราตลอด เราปิดทุกช่องทางเพื่อไม่ให้พวกเขาหาเราเจอ เราไม่เล่นโชว์เชี่ยวเลย แค่เข้าดูแต่ไม่เคยโพสต์รูปภาพอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย เพราะเรารู้ว่าเราไม่มีกำลังพอที่จะไปสู้กับทางฝั่งสามีได้ถ้าพวกเขาตามหาเราเจอ แต่ในส่วนของพ่อแม่เราและลูกของเราพ่อแม่แจ้งญาติพี่น้องทุกคนรับรู้ทุกอย่างและเรียกทางฝั่งสามีเราไปเจรจาและตกลงเช็ญสัญญากันว่าเขาไม่สามารถเอาลูกเราไปได้และห้ามไม่ให้มาวุ่นวาย เพราะพ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าเราหายไปไหนเพราะติดต่อไม่ได้เลย พวกเขาบอกถ้าทางฝั่งสามีเรายังไม่ยอมเลิกราพวกเขาจะแจ้งข้อหาฆ่าตกรรมเรา พวกเขาก็เลยไม่สามารถทำอะไรได้ จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วสามีเราก็มีภรรยาใหม่แล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถมีใครได้เลย เพราะกลัวการมีครอบครัวไปแล้ว มีคนเข้ามาจีบตลอดเป็นคนมีเงินเป็นนักธุรกิจทั้งนั้นแต่เราไม่ใจอ่อนกับใคร ทุกวันนี้คิดแค่ทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ให้สุกสบายก็พอแล้ว ดูแลตัวเองรักตัวเองให้สิ่งดีๆกับตัวเองบ้างแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แนะนำตัวก่อนค่ะ ตอนนี้เราอายุ34 แต่เป็นคนตัวเล็กผิวขาว สูง157 หนัก44 เป็นคนดูดีอยู่ค่ะ😊 อยากจะให้เรื่องนี้เป็นข้อคิดและแนวทางให้กับผู้หญิงทุกคนที่กำลังตกอยู่ในสภาพแบบนี้ อยากให้ทุกคนรักตัวเองให้มากๆและเลิกแคร์คนอื่น เหมือนเราก็เสียเวลามาหลายปีมากเพราะคำว่า กลัวคนอื่นจะมองเราไม่ดี เพราะเราโตมาในครอบครัวที่มีระเบียบมากถึงแม้จะจนแต่พ่อแม่ไม่เคยสอนให้ทำไม่ดีเลย และเราก็ไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีเลยแม้แต่การเที่ยวผับเที่ยวบาร์เราก็ยังมองว่ามันไม่ดี  กว่าเราจะเดินออกมาจากตรงนั้นเราเกือบเอาชีวิตไม่รอด การใช้ชีวิตถ้ารู้จักคำว่าช่างมันเถอะมันทำให้ชีวิตเราง่ายขื้นจริงค่ะ เลิกแคร์คนอื่น เลิกสนใจว่าคนอื่นจะมองเรายังไง ใช้ชีวิตในแบบของเราให้ดีและมีความสุขก็พอค่ะ ต่อจากนี้ไปก็หวังว่าชีวิตเราจะเจอแต่สิ่งที่ดีๆ เพราะลำบากมานานแล้ว ถ้าใครที่ผ่านมาอ่านมาแชร์กันนะค่ะว่าแต่ละคนเจอแบบไหนบ้าง และทุกคนมีวิธีการเริ่มต้นใหม่ยังไงบ้างเพื่อไม่ให้มันผิดพลาดอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่