สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน
*** กระทู้นี้ไม่มีรูปประกอบตอนเตรียม ตอนลงมือทำนะครับ ***
เมื่อวานท่านผู้บัญชาการที่บ้านอยากกินปลาทอดราดพริกสามรสครับ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างผมก็เลยต้องสนองให้
เริ่มจากตอนเช้าที่ออกไปจ่ายตลาดเตรียมของขายก็ต้องแวะซื้อปลาเผื่อมาด้วย ได้เป็นปลากะพงแดงครับ ไซส์ประมาณครึ่งกิโล จ่ายไป 50.- สำหรับค่าปลา ราคาปลาคืออเมซซิ่งมากสำหรับผม เพราะถ้าซื้ออยู่ตลาดเช้าที่นาเกลือคงต้องมีประมาณ 90 - 100 ราคาของทะเลตลาดบางแคเทียบกับตลาดเช้านาเกลือคือถูกกว่ากันเยอะเลย เยอะจนงงว่านาเกลือติดทะเลแท้ ๆ แต่ทำไมราคาของทะเลแพงอิ๋บอ๋าย ยิ่งถ้าเทียบกับตลาดลานโพธิ์นี่จบเลย โคตะระแพงขึ้นไปอีก
กลับมาบ้านล้างปลาซ้ำอีกรอบก่อนจะยัดเข้าช่องฟรีซ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นมาเจอกันใหม่
ก่อนจะลงมือทำผมก็นำปลาออกมาผึ่งลมละลายความแข็งก่อนล่วงหน้าราวชั่วโมงกว่า ๆ สองชั่วโมง
พอปลานิ่มใกล้ได้ที่ก็ตั้งกระทะที่สะอาด ๆ เติมน้ำมัน ๆ ไม่จำเป็นต้องล้นจนท่วมปลา ตั้งทิ่งไว้ด้วยไฟกลาง ๆ ระหว่างรอก็บั้งปลาทาเกลือก่อนจะล้างเกลือออก รอจนกระทะควันขึ้นฉุย ๆ ก็นำปลาลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ
หลังจากนำปลาลงด้วยด้วยไฟกลาง ๆ แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับปลาอีก รอเวลาอย่างเดียว รอประมาณหกเจ็ดนาทีแล้วค่อยเอาตะหลิวขยับปลาดูว่ามีส่วนที่ยังยึดติดกระทะหรือไม่ ถ้าปลาร่อนดีไม่มีส่วนติดกระทะก็เตรียมพลิกกลับด้าน ถ้าตะหลิวเล็กไปก็หาตัวช่วย จะเป็นตะหลิวหรือครีมหนีบหรืออะไรก็ได้ที่ช่วยพยุงไม่ให้ปลาหล่นลงน้ำมันแรง ๆ ป้องกันน้ำมันกระเด็นใส่ตัวเรา
พลิกกลับด้านแล้วก็รออีกเหมือนเดิม แต่รอแค่สี่ห้านาทีก็พอเพราะปลามันสุกประมาณหนึ่งแล้วก่อนเราจะกลับด้าน
ระหว่างเวลาที่กำลังทอด เนื่องจากผมไม่ได้ใส่น้ำมันมากจนท่วมตัวปลา ผมจึงใช้วิธีเอียงกระทะสลับไปมาระหว่างด้านหัวปลากับหางปลาเพื่อให้ปลาสุกทั่วทั่งตัว
พอทอดจนเกรียมกรอบได้ตามต้องการก็ช้อนขึ้น สะเด็ดน้ำมันออกก่อนจะวางลงบนจาน
ในส่วนของซอสพริกเปรี้ยวหวานสามรส ผมใช้แค่พริกสด กระเทียม โขลกให้เข้ากันจะละเอียดหยาบก็เอาตามชอบใจ ชอบเผ็ดก็พริกเยอะหน่อยแต่อย่าเยอะมากเกินเพราะรสที่ออกมาต้องเปรี้ยวนำ ตามด้วยหวานผสมเผ็ด จึงจะเรียกว่าสามรส
จากนั้นก็ตั้งเตาอีกรอบ ไฟไม่ต้องแรง เติมน้ำมันเล็กน้อยแล้วนำพริกกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปรวนให้หอม ผมใส่น้ำตาลมะพร้าวแท้ สองช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียกที่คั้นเองอีกสามช้อนโต๊ะ น้ำปลาอีกช้อนโต๊ะครึ่ง เติมน้ำเล็กน้อย จะน้ำเปล่าน้ำสต๊อคนำซุปก็ได้ทั่งนั้น แล้วก็รวนทั้งหมดให้ละลายเข้ากันดี ชิมให้ได้รสตามต้องการ ขาดอะไรก็เพิ่มเอาเองตามชอบ พอความข้นเหนียวได้ที่ก็ตักราดบนตัวปลาเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสมใจ ท่าน ผบ.ทบ.ของผมละครับ กินกันสองคนกับข้าวอย่างเดียวแค่นี้ก็อร่อยจนอิ่มตื้อละครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เข้ามาพูดคุยทักทายกัน พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ สวัสดี
น้า Low Batt. :: ปลากระพงแดงทอดราดพริกสามรส
*** กระทู้นี้ไม่มีรูปประกอบตอนเตรียม ตอนลงมือทำนะครับ ***
เมื่อวานท่านผู้บัญชาการที่บ้านอยากกินปลาทอดราดพริกสามรสครับ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างผมก็เลยต้องสนองให้
เริ่มจากตอนเช้าที่ออกไปจ่ายตลาดเตรียมของขายก็ต้องแวะซื้อปลาเผื่อมาด้วย ได้เป็นปลากะพงแดงครับ ไซส์ประมาณครึ่งกิโล จ่ายไป 50.- สำหรับค่าปลา ราคาปลาคืออเมซซิ่งมากสำหรับผม เพราะถ้าซื้ออยู่ตลาดเช้าที่นาเกลือคงต้องมีประมาณ 90 - 100 ราคาของทะเลตลาดบางแคเทียบกับตลาดเช้านาเกลือคือถูกกว่ากันเยอะเลย เยอะจนงงว่านาเกลือติดทะเลแท้ ๆ แต่ทำไมราคาของทะเลแพงอิ๋บอ๋าย ยิ่งถ้าเทียบกับตลาดลานโพธิ์นี่จบเลย โคตะระแพงขึ้นไปอีก
กลับมาบ้านล้างปลาซ้ำอีกรอบก่อนจะยัดเข้าช่องฟรีซ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นมาเจอกันใหม่
ก่อนจะลงมือทำผมก็นำปลาออกมาผึ่งลมละลายความแข็งก่อนล่วงหน้าราวชั่วโมงกว่า ๆ สองชั่วโมง
พอปลานิ่มใกล้ได้ที่ก็ตั้งกระทะที่สะอาด ๆ เติมน้ำมัน ๆ ไม่จำเป็นต้องล้นจนท่วมปลา ตั้งทิ่งไว้ด้วยไฟกลาง ๆ ระหว่างรอก็บั้งปลาทาเกลือก่อนจะล้างเกลือออก รอจนกระทะควันขึ้นฉุย ๆ ก็นำปลาลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ
หลังจากนำปลาลงด้วยด้วยไฟกลาง ๆ แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับปลาอีก รอเวลาอย่างเดียว รอประมาณหกเจ็ดนาทีแล้วค่อยเอาตะหลิวขยับปลาดูว่ามีส่วนที่ยังยึดติดกระทะหรือไม่ ถ้าปลาร่อนดีไม่มีส่วนติดกระทะก็เตรียมพลิกกลับด้าน ถ้าตะหลิวเล็กไปก็หาตัวช่วย จะเป็นตะหลิวหรือครีมหนีบหรืออะไรก็ได้ที่ช่วยพยุงไม่ให้ปลาหล่นลงน้ำมันแรง ๆ ป้องกันน้ำมันกระเด็นใส่ตัวเรา
พลิกกลับด้านแล้วก็รออีกเหมือนเดิม แต่รอแค่สี่ห้านาทีก็พอเพราะปลามันสุกประมาณหนึ่งแล้วก่อนเราจะกลับด้าน
ระหว่างเวลาที่กำลังทอด เนื่องจากผมไม่ได้ใส่น้ำมันมากจนท่วมตัวปลา ผมจึงใช้วิธีเอียงกระทะสลับไปมาระหว่างด้านหัวปลากับหางปลาเพื่อให้ปลาสุกทั่วทั่งตัว
พอทอดจนเกรียมกรอบได้ตามต้องการก็ช้อนขึ้น สะเด็ดน้ำมันออกก่อนจะวางลงบนจาน
ในส่วนของซอสพริกเปรี้ยวหวานสามรส ผมใช้แค่พริกสด กระเทียม โขลกให้เข้ากันจะละเอียดหยาบก็เอาตามชอบใจ ชอบเผ็ดก็พริกเยอะหน่อยแต่อย่าเยอะมากเกินเพราะรสที่ออกมาต้องเปรี้ยวนำ ตามด้วยหวานผสมเผ็ด จึงจะเรียกว่าสามรส
จากนั้นก็ตั้งเตาอีกรอบ ไฟไม่ต้องแรง เติมน้ำมันเล็กน้อยแล้วนำพริกกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปรวนให้หอม ผมใส่น้ำตาลมะพร้าวแท้ สองช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียกที่คั้นเองอีกสามช้อนโต๊ะ น้ำปลาอีกช้อนโต๊ะครึ่ง เติมน้ำเล็กน้อย จะน้ำเปล่าน้ำสต๊อคนำซุปก็ได้ทั่งนั้น แล้วก็รวนทั้งหมดให้ละลายเข้ากันดี ชิมให้ได้รสตามต้องการ ขาดอะไรก็เพิ่มเอาเองตามชอบ พอความข้นเหนียวได้ที่ก็ตักราดบนตัวปลาเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสมใจ ท่าน ผบ.ทบ.ของผมละครับ กินกันสองคนกับข้าวอย่างเดียวแค่นี้ก็อร่อยจนอิ่มตื้อละครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เข้ามาพูดคุยทักทายกัน พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ สวัสดี