นายกอมธ. ลั่น 100 ปีก็ไม่ลืม 6 ตุลา คาใจรัฐไทยจดจำแค่ 2 บรรทัด นักกิจกรรมตะโกนจี้นิรโทษปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4830417
นายก อมธ. ลั่น 100 ปีก็ไม่ลืม 6 ตุลา คาใจรัฐไทยจดจำแค่ 2 บรรทัด นักกิจกรรม ตะโกนจี้ ‘นิรโทษกรรมปชช.’
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีการจัดงาน “
ครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาฯ 2519” ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ ‘ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย’ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ว่ามีบุคคลต่างๆ ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พวงหรีดไว้อาลัยจากบุคคลและหน่วนงานต่างๆ ทยอยมาถึงสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ ยังมีการติดโปสเตอร์ภาพและรายชื่อนักกิจกรรมที่ถูกจองจำ และข้อความเรียกร้องนิรโทษกรรมประชาชน อาทิ ภาพของ ม
านี, วารุณี, อานนท์ นำภา, ทิวากร วิถีตน, สมบัติ ทองย้อย, ขนุน สิรภพ เป็นต้น
เวลา 08.05 น. ศ.ดร.
ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงาน
จากนั้น มีการอ่านรายชื่อผู้เสียชีวิต 40 ราย แล้วร่วมยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
กระทั่งเวลา 08.18 น. เข้าสู่การวางพวงมาลารำลึกจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคการเมือง และภาคประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง ระหว่างการวางพวงมาลาโดยกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย นำโดย นาย
สมยศ พฤกษาเกษมสุข และนาง
นภัสสร บุญรีย์ หรือ ป้านก พร้อมด้วยคนรุ่นใหม่ กลุ่มดังกล่าว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว และตะโกนเรียกร้อง ‘
นิรโทษกรรมประชาชน’
ต่อมา เมื่อเสร็จสิ้นการวางพวงมาลาโดยบุคคลต่าง ๆ เมื่อเวลา 08.55 น. นาย
ธีรดนย์ พงษ์ดนตรี นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) อ่านบทกวีรำลุก ผลงาน
ไพบูลย์ วงเทศ
ความว่า
ดาวจักเรืองแจ่มหล้าเมื่อฟ้าหม่น
เดือนจะโรจน์อำพนเมื่อมืดหาว
เรียงร้อยถ้อยกวีวะวับวาว
บันทึกคราวคับแค้นในแดนไตร
แม้ไม่มียุติธรรมในวันนี้
แต่ขอบฟ้ายังมีอรุณใหม่
ใครก่อเวรสร้างกรรมกระทำไว้
จักต้องรับชดใช้ชำระคืน
จากนั้น นาย
ธีรดนย์ กล่าวว่า 48 ปี 6 ตุลาคมคือการเดินทางที่ยาวนาน เกือบครึ่งศตวรรษ ซึ่งผ่านการต่อสู้และผลักดันจากหยาดเหงื่อ แรงกาย แรงใจของภาคประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จนถึงตอนนี้เวลานี้นั้น ก็ยังไม่มีการชำระล้างประวัติศาสตร์ หรือนำผู้ที่กระทำอาชญากรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมาลงโทษ
“
หากมีคนตั้งคำถามกับผมว่า 6 ตุลาคม ปีพุทธศักราช 2519 คือทรรปณะที่ส่องสะท้อนให้เห็นถึงภาพอะไรในสังคมไทย ผมต้องขอตอบตามตรงว่าสิ่งที่ผมเห็นคือภาพของสังคมที่เลือกจะซุกปัญหาใต้พรม สังคมที่ผู้มีอำนาจยังพยายามปฏิเสธความจริงที่ปรากฎตรงหน้า
ประวัติศาสตร์บาดแผลของคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐไทยไม่เคยถูกจดจำไปมากกว่าสองบรรทัดในแบบเรียนประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีอนุสาวรีย์ใหญ่โต ไม่เคยมีคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากรัฐ ผมคงไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ซ้ำเพราะนี้คือความจริงที่เราอาศัยกันอยู่ และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเปลี่ยนแปลง ผมไม่ใช่คนแรกที่พูดเรื่องนี้ และแน่นอนครับว่าจะไม่ใช่คนสุดท้าย
ผมเป็นเพียงแค่นักศึกษาตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ซึ่งได้รับเกียรติให้มากล่าวต่อเบื้องหน้าทุกท่าน เพราะได้รับเลือกตั้งเป็น นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีวาระเพียง 1 ปี ที่เมื่อผมเรียนจบไปแล้ว ผมก็คงจะเติบโตกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ซึ่งการเติบโตมาในสังคมนี้มันช่างยากเหลือเกินครับทุกท่าน กับการต่อสู้กับปัญหาต่างๆในชีวิต ในรัฐที่ไม่เคยโอบกอดประชาชนเมื่อพวกเราเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ในรัฐที่สะกดคำว่ายุติธรรมและเท่าเทียมไม่เป็น รัฐไทยคือรัฐที่ทำให้ประชาชนอ่อนแอ หมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้
ผมจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่าน ในนามของคนธรรมดาคนหนึ่ง ถึงคนธรรมดาทุกคนครับ การสานต่อจิตวิญญาณ 6 ตุลา 2519 ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่จำเป็นว่าเราต้องมีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมือง เป็นคนใหญ่คนโต หรือมีความเข้าใจทางประวัติศาสตร์การเมืองอย่างลึกซึ้ง แต่นี้คือหน้าที่ของเราทุกคน ผมเชื่อว่าการตื่นมาในสังคมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในชีวิต สังคมที่ไม่เคยทำให้เราเห็นอนาคตข้างหน้าของตัวเองในอีก 10-20 ปีข้างหน้า คงยากมากๆกับการจะรวบรวมกำลังมาต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคมของเรา
แต่ 48 ปี 6 ตุลาคมคือตัวอย่างอันเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่งครับ ว่าเราจะไม่มีงานรำลึกอย่างเช่นวันนี้เลยหากขาดพลังของคนตัวเล็กๆ หากขาดพลังของคนธรรมดาที่ไม่เคยหยุดพูดว่าสังคมนี้มีปัญหา และสังคมนี้ต้องชดใช้ความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกเข่นฆ่า ณ สถานที่แห่งนี้ แม้จะถูกขัดขวางแค่ไหน แม้จะมีอุปสรรคอย่างไร แม้จะถูกรัฐพยายามบังคับให้ลืมเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ยกย่องสดุดีทุกคนที่อยู่เบื้องหลังงานรำลึกที่ผ่านมา ที่ร่วมกันสานต่อเจตนารมย์ 6 ตุลาคม 2519 ตลอด 48 ปีที่ผ่านมาจริงๆ
และผมเชื่อว่าแม้จะผ่านไปอีก 10 ปีหรือ 100 ปี กระทั่งแม้ผู้คนที่อยู่ในงานวันนี้อาจไม่อยู่กันแล้ว 6 ตุลาก็จะคงอยู่ ไม่ใช่ในฐานะของวันรำลึกทางการเมือง แต่ในฐานะของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ไม่สยบยอมต่อการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม
สุดท้ายนี้ผมขอร่วมรำลึกถึงดวงวิญญาณของวีรชนทุกท่าน และหวังว่าความยุติธรรมจะปรากฏในสังคมไทยจริงๆ เราจะไม่ลืม เราจะไม่หยุดพูด เราจะจำ เราจะพูด จนกว่าวันๆ นั้นจะมาถึง” นายก อมธ. กล่าว
“ชัยธวัช” เปิดปากถึง พรรคประชาชน ครั้งแรก มองสาเหตุกระแสตก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9446394
“ชัยธวัช” เปิดปากถึง พรรคประชาชน ครั้งแรก มองสาเหตุกระแสตก ชี้ต้องให้เวลา “เท้ง ณัฐพงษ์” เห็นใจรบ.”แพทองธาร” เข้ามาปัญหาประเดประดัง
วันที่ 6 ต.ค.2567 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในตอนนี้ว่า ต้องแสดงความเห็นใจรัฐบาลก่อนเพราะรัฐบาลใหม่ นายกฯ คนใหม่ มีปัญหาเยอะที่ประชาชนคาดหวังและรอคอยการแก้ปัญหา
หลังจากที่รัฐบาลเพื่อไทย 1 ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และพอเข้ามาก็มีหลายเรื่องปัญหาประเดประดัง อย่างที่เราทราบกัน ฉะนั้นสังคมก็เรียกร้อง ภาวะความเป็นผู้นำ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และส่งมอบนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ คงต้องให้โอกาส น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในการพิสูจน์การทำงานสักพักหนึ่ง
เมื่อถามถึงการประกาศชุมนุมประท้วงทั้ง นาย
สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และ นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. จะเขย่ารัฐบาลหรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน ที่ประชาชนไม่ว่าจะมีจุดยืนหรือมีความคิดทางการเมืองแบบไหน ก็สามารถแสดงออกทางการเมืองได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแสดงออกทางการเมือง ไม่ควรที่จะไปละเมิดหลักการสำคัญพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมนั้นประชาชนคนไทยก็มีสิทธิ์อยู่แล้ว
“
สำหรับรัฐบาลผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการแสดงออกทางการเมือง การชุมนุมของกลุ่มต่างๆจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชอบธรรมของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลมีความชอบธรรมทางการเมืองดี ก็ย่อมได้รับการโอบรับ สนับสนุนจากสังคม เป็นเรื่องปกติ ถ้ารัฐบาลขาดความชอบธรรมทางการเมือง ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้ ก็รอดู ผมเองยังไม่แน่ใจว่าการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นของคุณสนธิ หรือ คุณจตุพรจะได้รับการสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน” นาย
ชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่ากระแสรัฐบาลกำลังขึ้น ขณะที่พรรคประชาชนกระแสตกลง ในฐานะที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลมองพรรคตอนนี้อย่างไรบ้าง นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ต้องให้เวลา หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ เราสูญเสียบุคลากร ดังนั้นพรรคประชาชนต้องใช้เวลาในการจัดระบบบุคลากร ระบบการทำงานกันอีกสักพัก ซึ่งยังมีเวลาอยู่ ตนเข้าใจว่าข้อวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย ข้อบกพร่องจากการทำงานที่ผ่านมา ผู้บริหารพรรค รวมถึง สส.และสมาชิกพรรคมีการพูดคุยตลอดเวลา และตระหนักดีว่าจะมีการปรับปรุงอย่างไร
เมื่อถามว่าปัจจัยสำคัญมาจากอะไร นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า คงมีหลายปัจจัย เช่น ความนิยมของ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคคนใหม่ คงต้องให้เวลาเขา เป็นเรื่องปกติที่แกนนำพรรคคนใหม่ขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาในการทำให้สังคมรู้จัก และได้สัมผัสถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ รวมถึงวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พรรคประชาชนยังมีเวลาอยู่
แจกเงินหมื่น ยังไม่ออกฤทธิ์ ร้านสตรีทฟู้ด โอดเจอ 4 เด้ง ฉุดกำลังซื้อวูบ 40% วอนเร่งแจกเฟส2.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4830047
แจกเงินหมื่น ยังไม่ออกฤทธิ์ ร้านสตรีทฟู้ด โอดเจอ 4 เด้ง ฉุดกำลังซื้อวูบ 40% วอนเร่งแจกเฟส2
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม น.ส.
ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยว่า การแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ยังไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการจับจ่ายในร้านอาหาร เนื่องจากผู้ได้รับเงินดังกล่าว อาจจะมีการนำเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นก่อน แต่อาจจะมีบางส่วนที่ซื้อของสดจากตลาดไปทำทานเองที่บ้านมากกว่าจะมานั่งทานภายในร้าน ดังนั้นจึงมองว่าร้านอาหารและสตรีทฟู้ดอาจจะได้อานิสงส์ไม่มาก
น.ส.
ประภัสสรกล่าวว่า หากรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นต่อในระยะถัดไป ขอให้เป็นการแจกเงินสดเหมือนเดิม แต่ขอให้มีการกระจายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ไม่จำกัดแหล่งซื้อและใช้จ่ายแบบฟรีสไตล์ สามารถซื้อไรก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นและทำให้เม็ดเงินมีการกระจายตัวลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้นกว่าเฟสแรก โดยอาจจะให้คนละ 5,000 บาทและทำเหมือนโครงการคนละครึ่งก็ได้
“
อยากให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเลยในทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะตอนนี้ธุรกิจร้านอาหาร เจอ 4 เด้ง ทั้งกำลังซื้อลดลง 30-40% หน้าฝน น้ำท่วม การก่อสร้างบนถนนสายต่างๆ ทำให้การเข้าออกหน้าร้านค้าไม่สะดวก ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยหลัง ทั้งฤดูฝน น้ำท่วม การก่อสร้าง ทำให้กำลังซื้อลดลงจากเดิมอีก 10% ทำให้ในช่วง 2 เดือนนี้มีร้านอาหารที่หยุดไปชั่วคราวประมาณ 5% ” น.ส.ประภัสสรกล่าว.
JJNY : คาใจรัฐไทยจดจำแค่ 2 บรรทัด│“ชัยธวัช”มองสาเหตุกระแสตก│แจกเงินหมื่น ยังไม่ออกฤทธิ์│หลายเมืองทั่วโลกประท้วงสงครามตอ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4830417
นายก อมธ. ลั่น 100 ปีก็ไม่ลืม 6 ตุลา คาใจรัฐไทยจดจำแค่ 2 บรรทัด นักกิจกรรม ตะโกนจี้ ‘นิรโทษกรรมปชช.’
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีการจัดงาน “ครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาฯ 2519” ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ ‘ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย’ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ว่ามีบุคคลต่างๆ ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พวงหรีดไว้อาลัยจากบุคคลและหน่วนงานต่างๆ ทยอยมาถึงสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ ยังมีการติดโปสเตอร์ภาพและรายชื่อนักกิจกรรมที่ถูกจองจำ และข้อความเรียกร้องนิรโทษกรรมประชาชน อาทิ ภาพของ มานี, วารุณี, อานนท์ นำภา, ทิวากร วิถีตน, สมบัติ ทองย้อย, ขนุน สิรภพ เป็นต้น
เวลา 08.05 น. ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงาน
จากนั้น มีการอ่านรายชื่อผู้เสียชีวิต 40 ราย แล้วร่วมยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
กระทั่งเวลา 08.18 น. เข้าสู่การวางพวงมาลารำลึกจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคการเมือง และภาคประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง ระหว่างการวางพวงมาลาโดยกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนางนภัสสร บุญรีย์ หรือ ป้านก พร้อมด้วยคนรุ่นใหม่ กลุ่มดังกล่าว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว และตะโกนเรียกร้อง ‘นิรโทษกรรมประชาชน’
ต่อมา เมื่อเสร็จสิ้นการวางพวงมาลาโดยบุคคลต่าง ๆ เมื่อเวลา 08.55 น. นายธีรดนย์ พงษ์ดนตรี นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) อ่านบทกวีรำลุก ผลงาน ไพบูลย์ วงเทศ
ความว่า
ดาวจักเรืองแจ่มหล้าเมื่อฟ้าหม่น
เดือนจะโรจน์อำพนเมื่อมืดหาว
เรียงร้อยถ้อยกวีวะวับวาว
บันทึกคราวคับแค้นในแดนไตร
แม้ไม่มียุติธรรมในวันนี้
แต่ขอบฟ้ายังมีอรุณใหม่
ใครก่อเวรสร้างกรรมกระทำไว้
จักต้องรับชดใช้ชำระคืน
จากนั้น นายธีรดนย์ กล่าวว่า 48 ปี 6 ตุลาคมคือการเดินทางที่ยาวนาน เกือบครึ่งศตวรรษ ซึ่งผ่านการต่อสู้และผลักดันจากหยาดเหงื่อ แรงกาย แรงใจของภาคประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จนถึงตอนนี้เวลานี้นั้น ก็ยังไม่มีการชำระล้างประวัติศาสตร์ หรือนำผู้ที่กระทำอาชญากรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมาลงโทษ
“หากมีคนตั้งคำถามกับผมว่า 6 ตุลาคม ปีพุทธศักราช 2519 คือทรรปณะที่ส่องสะท้อนให้เห็นถึงภาพอะไรในสังคมไทย ผมต้องขอตอบตามตรงว่าสิ่งที่ผมเห็นคือภาพของสังคมที่เลือกจะซุกปัญหาใต้พรม สังคมที่ผู้มีอำนาจยังพยายามปฏิเสธความจริงที่ปรากฎตรงหน้า
ประวัติศาสตร์บาดแผลของคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐไทยไม่เคยถูกจดจำไปมากกว่าสองบรรทัดในแบบเรียนประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีอนุสาวรีย์ใหญ่โต ไม่เคยมีคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากรัฐ ผมคงไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ซ้ำเพราะนี้คือความจริงที่เราอาศัยกันอยู่ และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเปลี่ยนแปลง ผมไม่ใช่คนแรกที่พูดเรื่องนี้ และแน่นอนครับว่าจะไม่ใช่คนสุดท้าย
ผมเป็นเพียงแค่นักศึกษาตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ซึ่งได้รับเกียรติให้มากล่าวต่อเบื้องหน้าทุกท่าน เพราะได้รับเลือกตั้งเป็น นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีวาระเพียง 1 ปี ที่เมื่อผมเรียนจบไปแล้ว ผมก็คงจะเติบโตกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ซึ่งการเติบโตมาในสังคมนี้มันช่างยากเหลือเกินครับทุกท่าน กับการต่อสู้กับปัญหาต่างๆในชีวิต ในรัฐที่ไม่เคยโอบกอดประชาชนเมื่อพวกเราเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ในรัฐที่สะกดคำว่ายุติธรรมและเท่าเทียมไม่เป็น รัฐไทยคือรัฐที่ทำให้ประชาชนอ่อนแอ หมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้
ผมจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่าน ในนามของคนธรรมดาคนหนึ่ง ถึงคนธรรมดาทุกคนครับ การสานต่อจิตวิญญาณ 6 ตุลา 2519 ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่จำเป็นว่าเราต้องมีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมือง เป็นคนใหญ่คนโต หรือมีความเข้าใจทางประวัติศาสตร์การเมืองอย่างลึกซึ้ง แต่นี้คือหน้าที่ของเราทุกคน ผมเชื่อว่าการตื่นมาในสังคมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในชีวิต สังคมที่ไม่เคยทำให้เราเห็นอนาคตข้างหน้าของตัวเองในอีก 10-20 ปีข้างหน้า คงยากมากๆกับการจะรวบรวมกำลังมาต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคมของเรา
แต่ 48 ปี 6 ตุลาคมคือตัวอย่างอันเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่งครับ ว่าเราจะไม่มีงานรำลึกอย่างเช่นวันนี้เลยหากขาดพลังของคนตัวเล็กๆ หากขาดพลังของคนธรรมดาที่ไม่เคยหยุดพูดว่าสังคมนี้มีปัญหา และสังคมนี้ต้องชดใช้ความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกเข่นฆ่า ณ สถานที่แห่งนี้ แม้จะถูกขัดขวางแค่ไหน แม้จะมีอุปสรรคอย่างไร แม้จะถูกรัฐพยายามบังคับให้ลืมเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ยกย่องสดุดีทุกคนที่อยู่เบื้องหลังงานรำลึกที่ผ่านมา ที่ร่วมกันสานต่อเจตนารมย์ 6 ตุลาคม 2519 ตลอด 48 ปีที่ผ่านมาจริงๆ
และผมเชื่อว่าแม้จะผ่านไปอีก 10 ปีหรือ 100 ปี กระทั่งแม้ผู้คนที่อยู่ในงานวันนี้อาจไม่อยู่กันแล้ว 6 ตุลาก็จะคงอยู่ ไม่ใช่ในฐานะของวันรำลึกทางการเมือง แต่ในฐานะของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ไม่สยบยอมต่อการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม
สุดท้ายนี้ผมขอร่วมรำลึกถึงดวงวิญญาณของวีรชนทุกท่าน และหวังว่าความยุติธรรมจะปรากฏในสังคมไทยจริงๆ เราจะไม่ลืม เราจะไม่หยุดพูด เราจะจำ เราจะพูด จนกว่าวันๆ นั้นจะมาถึง” นายก อมธ. กล่าว
“ชัยธวัช” เปิดปากถึง พรรคประชาชน ครั้งแรก มองสาเหตุกระแสตก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9446394
“ชัยธวัช” เปิดปากถึง พรรคประชาชน ครั้งแรก มองสาเหตุกระแสตก ชี้ต้องให้เวลา “เท้ง ณัฐพงษ์” เห็นใจรบ.”แพทองธาร” เข้ามาปัญหาประเดประดัง
วันที่ 6 ต.ค.2567 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในตอนนี้ว่า ต้องแสดงความเห็นใจรัฐบาลก่อนเพราะรัฐบาลใหม่ นายกฯ คนใหม่ มีปัญหาเยอะที่ประชาชนคาดหวังและรอคอยการแก้ปัญหา
หลังจากที่รัฐบาลเพื่อไทย 1 ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และพอเข้ามาก็มีหลายเรื่องปัญหาประเดประดัง อย่างที่เราทราบกัน ฉะนั้นสังคมก็เรียกร้อง ภาวะความเป็นผู้นำ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และส่งมอบนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ คงต้องให้โอกาส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในการพิสูจน์การทำงานสักพักหนึ่ง
เมื่อถามถึงการประกาศชุมนุมประท้วงทั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. จะเขย่ารัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน ที่ประชาชนไม่ว่าจะมีจุดยืนหรือมีความคิดทางการเมืองแบบไหน ก็สามารถแสดงออกทางการเมืองได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแสดงออกทางการเมือง ไม่ควรที่จะไปละเมิดหลักการสำคัญพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมนั้นประชาชนคนไทยก็มีสิทธิ์อยู่แล้ว
“สำหรับรัฐบาลผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการแสดงออกทางการเมือง การชุมนุมของกลุ่มต่างๆจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชอบธรรมของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลมีความชอบธรรมทางการเมืองดี ก็ย่อมได้รับการโอบรับ สนับสนุนจากสังคม เป็นเรื่องปกติ ถ้ารัฐบาลขาดความชอบธรรมทางการเมือง ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้ ก็รอดู ผมเองยังไม่แน่ใจว่าการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นของคุณสนธิ หรือ คุณจตุพรจะได้รับการสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่ากระแสรัฐบาลกำลังขึ้น ขณะที่พรรคประชาชนกระแสตกลง ในฐานะที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลมองพรรคตอนนี้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องให้เวลา หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ เราสูญเสียบุคลากร ดังนั้นพรรคประชาชนต้องใช้เวลาในการจัดระบบบุคลากร ระบบการทำงานกันอีกสักพัก ซึ่งยังมีเวลาอยู่ ตนเข้าใจว่าข้อวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย ข้อบกพร่องจากการทำงานที่ผ่านมา ผู้บริหารพรรค รวมถึง สส.และสมาชิกพรรคมีการพูดคุยตลอดเวลา และตระหนักดีว่าจะมีการปรับปรุงอย่างไร
เมื่อถามว่าปัจจัยสำคัญมาจากอะไร นายชัยธวัช กล่าวว่า คงมีหลายปัจจัย เช่น ความนิยมของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคคนใหม่ คงต้องให้เวลาเขา เป็นเรื่องปกติที่แกนนำพรรคคนใหม่ขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาในการทำให้สังคมรู้จัก และได้สัมผัสถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ รวมถึงวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พรรคประชาชนยังมีเวลาอยู่
แจกเงินหมื่น ยังไม่ออกฤทธิ์ ร้านสตรีทฟู้ด โอดเจอ 4 เด้ง ฉุดกำลังซื้อวูบ 40% วอนเร่งแจกเฟส2.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4830047
แจกเงินหมื่น ยังไม่ออกฤทธิ์ ร้านสตรีทฟู้ด โอดเจอ 4 เด้ง ฉุดกำลังซื้อวูบ 40% วอนเร่งแจกเฟส2
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยว่า การแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ยังไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการจับจ่ายในร้านอาหาร เนื่องจากผู้ได้รับเงินดังกล่าว อาจจะมีการนำเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นก่อน แต่อาจจะมีบางส่วนที่ซื้อของสดจากตลาดไปทำทานเองที่บ้านมากกว่าจะมานั่งทานภายในร้าน ดังนั้นจึงมองว่าร้านอาหารและสตรีทฟู้ดอาจจะได้อานิสงส์ไม่มาก
น.ส.ประภัสสรกล่าวว่า หากรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นต่อในระยะถัดไป ขอให้เป็นการแจกเงินสดเหมือนเดิม แต่ขอให้มีการกระจายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ไม่จำกัดแหล่งซื้อและใช้จ่ายแบบฟรีสไตล์ สามารถซื้อไรก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นและทำให้เม็ดเงินมีการกระจายตัวลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้นกว่าเฟสแรก โดยอาจจะให้คนละ 5,000 บาทและทำเหมือนโครงการคนละครึ่งก็ได้
“อยากให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเลยในทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะตอนนี้ธุรกิจร้านอาหาร เจอ 4 เด้ง ทั้งกำลังซื้อลดลง 30-40% หน้าฝน น้ำท่วม การก่อสร้างบนถนนสายต่างๆ ทำให้การเข้าออกหน้าร้านค้าไม่สะดวก ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยหลัง ทั้งฤดูฝน น้ำท่วม การก่อสร้าง ทำให้กำลังซื้อลดลงจากเดิมอีก 10% ทำให้ในช่วง 2 เดือนนี้มีร้านอาหารที่หยุดไปชั่วคราวประมาณ 5% ” น.ส.ประภัสสรกล่าว.