JJNY : ดัชนีการเมืองก.ย.ขยับขึ้น│เท้งไม่ท้อ ผลโพลร่วง│เฝ้าระวังฝนถล่ม 29 ก.ย.-3 ต.ค.นี้│โสมแดงกร้าว มะกันหนุนยูเครน

"สวนดุสิตโพล" เผยดัชนีการเมือง "รัฐบาล-ฝ่ายค้าน" เดือน ก.ย.ขยับขึ้น
https://siamrath.co.th/n/569981
 
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.67 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 4.80 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพิ่มขึ้นจาก 4.46 คะแนน ในการสำรวจเมื่อเดือน ส.ค.67 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นจากการสุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,183 คน ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย.67 ผ่านตัวชี้วัด 25 ประเด็น

โดยตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.41 คะแนน ส่วนตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย
4.32 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 51.70 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 29.94 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 38.43 รองลงมา คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 34.10 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เริ่มจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบาง ร้อยละ 61.33 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบงบประมาณปี 2568 ร้อยละ 50.78
 
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกตัวชี้วัดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยเชิงบวกที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน ทั้งการได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ การเร่งแจกเงินหมื่นช่วยคนเปราะบาง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลงานเหล่านี้เข้าถึงปากท้องและครัวเรือนของประชาชนโดยตรง ทำให้รับรู้ได้ว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีความกังวลผลของเงินหมื่นในระยะยาวแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง
 
นายเขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยคะแนนของฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเป็นเพราะการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ ขณะที่คะแนนฝั่งรัฐบาลก็ขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยลงตัว และได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ๆ เช่น นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับเปลี่ยนมาแจกรูปแบบเงินสด ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับเงินหมื่นจริง ๆ รวมทั้งการที่รัฐบาลคลอดมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน แม้ว่าการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมจะมีความล่าช้าก็ตาม รวมทั้งการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีและผลงานของรัฐบาลขยับเพิ่มขึ้น



เท้ง ไม่ท้อ ผลโพลร่วงตามหลังอิ๊งค์ เผยปัจจัยน่าห่วง ต้นปีหน้าเล็งยื่นไม่ไว้วางใจรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4817646

เท้ง ไม่ท้อ ผลโพลร่วงตามหลังอิ๊งค์ เผยปัจจัยน่าห่วง ต้นปีหน้าเล็งยื่นไม่ไว้วางใจรัฐบาล
 
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 29 กันยายน ที่ชุมชนรวมใจริมคลอง เพชรเกษม62/1 กทม. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นิด้าโพลเผยผลสำรวจความนิยมทางการเมืองไทยไตรมาส 3 สนับสนุนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นอันดับ 1 ส่วนตนอยู่ในอันดับที่ 3 ว่า เรื่องของผลโพลเป็นเรื่องปกติ เรารับรู้เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือทำให้เสียกำลังใจแต่อย่างใด บริบททางการเมืองที่ผ่านมาผลโพล มีทั้งขึ้นและลง ขึ้นอยู่กับว่าสำนักใดเป็นผู้สำรวจด้วย เชื่อว่าวิธีการที่จะทำให้คะแนนนิยมเรามั่นคงยิ่งขึ้น ดีวันดีคืน ไปจนถึงการเลือกตั้งปี 70 คือการทำงานในพื้นที่อย่างเต็มที่
 
เมื่อถามว่าคะแนนนิยมตกเพราะเป็นการอภิปรายในสภาของส.ส. ในเรื่องของการจี้รับรองชาวเมียนมาหนีสงคราม หรือ การนำค่ายทหารไปทำที่ทิ้งขยะ จนทำให้ทัวร์ลงด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การที่ส.ส.ของพรรคออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมาทำความเข้าใจ รวมถึงการทำงานพื้นที่อย่างใกล้ชิดประชาชนน่าจะเป็นส่วนสำคัญมากกว่า
 
ส่วนอีกปัจจัยที่อาจทำให้คะแนนนิยมตก คือสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดการยุบพรรคที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ในหลายพื้นที่ที่ตนไป ยังไม่ทราบข่าวสารของพรรคประชาชน “บางคนยังไม่ทราบเลยว่าผมมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนแล้ว” หน้าที่ของพวกเราต่อจากนี้คือการเข้าหาประชาชนทำงานในพื้นที่เพื่อทำให้ประชาชนรับทราบข่าวสารอย่างทั่วถึง

เมื่อถามว่าที่คะแนนนิยมตกเป็นเพราะนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ส่วนตัวพร้อมเดินหน้าทำงานต่อเต็มที่ เพื่อพิสูจน์การทำงานต่อจากนี้อีกสองปี เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชน จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาเลือกเราอย่างไม่มีผลผลงาน ในฐานะหัวหน้าพรรคต้องสื่อสารกับพรรคว่าเราต้องทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ทิ้งพื้นที่ ต้องทำผลงานให้เป็นรูปธรรมให้ได้
 
เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าอาจจะมีการโปรดเกล้าฯตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะมีการวางการทำงานหลังจากนี้อย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขันเช่นเดิม และจะขอใช้เวลาส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการลงพื้นที่พบประชาชนทั้งประเทศ และจัดเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ในขณะเดียวกันในการทำหน้าที่ในสภาก็ยังไม่ทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายงบประมาณ การอภิปรายไว้วางใจ ก็ยังต้องเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่เหมือนเดิม
 
ส่วนในการประชุมสภาสภาสมัยหน้ามีการเปิดอภิปรายหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตอนนี้ข้อมูลเข้ามาหลายด้าน รวมถึงนโยบายของรัฐ มีหลายกรณีที่เริ่มหลุดเข้ามาแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไว้วางใจในช่วงต้นปีหน้าภายในไตรมาสแรก แต่ยังเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ขณะนี้มีการหารือภายในพรรคอยู่ระหว่างการขอข้อสรุปจากที่ประชุมสส. ในพรรค อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะขอเปิดไปก่อน
 

 
63 จังหวัด ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ใต้-กทม. เฝ้าระวังฝนถล่ม 29 ก.ย.-3 ต.ค.นี้
https://www.matichon.co.th/local/news_4817553
 
63 จังหวัด ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ใต้-กทม. เฝ้าระวังฝนถล่ม 29 ก.ย.-3 ต.ค.นี้
 
เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 09.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 63 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพฯ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ให้ประชาสัมพันธ์ประชาชนติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้สามารถเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ สำหรับประชาชนขอให้ติดตามข้อมูลสถานการณ์ และปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
 
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (214/2567) ลงวันที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 05.00 น.  แจ้งว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม แยกเป็น ภาคเหนือ ทุกจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกจังหวัด ภาคกลาง ทุกจังหวัด และภาคใต้ ที่จังหวัดชุมพร
 
นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า กอปภ.ก. โดย ปภ. จึงได้ประสานแจ้งไปยัง 63 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพฯ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยติดตามสภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที
อธิบดี ปภ.กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจาก ทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามข้อมูลสถานการณ์ และปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างเคร่งครัด และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้
 
โดยประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่