JJNY : “เท้ง ณัฐพงษ์”เปรียบ ลต.│สำรวจกรุงชิง หลังน้ำท่วม│AREA ร่อนหนังสือจี้│ทรัมป์เล็งให้สมาชิกนาโตเพิ่มสัดส่วน ใช้จ่าย

“เท้ง ณัฐพงษ์” โชว์ลีลาตีเทนนิส เปรียบ ลต. ก็เหมือนการแข่งขัน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_818924/
 
 
“หัวหน้าเท้ง” โชว์ลีลาตีเทนนิส เปรียบเลือกตั้งก็เหมือนการแข่งขัน มีชนะ-แพ้ แต่สิ่งสำคัญคือทุ่มเทแค่ไหน เชื่อ ปชน. ใส่ใจทำเต็มที่ คิดนโยบายเคาะประตูบ้าน อ้อนคนอุบลเจอกันพรุ่งนี้ ขอโอกาสเลือกนายก อบจ.พรรคส้ม สัญญา จะเปลี่ยนให้พี่น้องอยู่ดีมีแฮง

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชน โพสต์คลิปวิดีโอช่วงใช้เวลาว่างตีเทนนิสออกกำลังกายลงบนอินสตราแกรม teng.pple พร้อมระบุข้อความว่า 

การเลือกตั้งก็เหมือนการแข่งขัน มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ แต่สำหรับผม สิ่งที่สำคัญคือระหว่างทางที่เราเดินไปถึงจุดหมาย เราได้ทุ่มเทให้กับมันมากน้อยแค่ไหน และพอใจกับสิ่งที่เราทำ หรือเปล่า
 
เพราะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคน ใส่ใจและทำเต็มที่ ตั้งแต่การคิดนโยบายไปจนถึงการลงพื้นที่ เคาะประตูหน้าบ้านบอกเล่านโยบาย และขอโอกาสทำงานรับใช้ พี่น้องอย่างสุดความสามารถ คืนนี้แวะมาตีเทนนิส แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่อุบลราชธานีนะครับพี่ น้อง! 22 ธันวาคมนี้ กาเบอร์ 2 ให้ “น้อย สิทธิพล เลาหะวนิช” ผู้สมัคร นายก อบจ. พรรคประชาชน ได้เป็นตัวแทนพี่น้อง เพื่อสร้าง อุบลราชธานีที่ดีกว่าเดิม! #เปลี่ยนอุบลราชธานีให้พี่น้องอยู่ดีมีแฮง

https://www.instagram.com/teng.pple/p/DDzTDzXvQAc/?img_index=1


 
สำรวจกรุงชิง หลังน้ำท่วม จุดที่ยังเข้าไม่ถึง พบเสียหายหนัก เจอซากรถ เศษไม้ เต็มบ้าน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9557567

สำรวจกรุงชิง หลังน้ำท่วม จุดที่ยังเข้าไม่ถึง พบเสียหายหนัก เจอซากรถถูกน้ำซัดหลายคัน เศษไม้เต็มบ้าน รองผู้ว่าฯเมืองคอน ประสานทุกหน่วยงานช่วยเหลือด่วน
 
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจ.นครศรีธรรมราช เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งช่วงเกิดเหตุในต.กรุงชิง อ.นบพิตำ นั้นขาดการติดต่อมาหลายวัน กระทั่งการสื่อสารกลับมาปกติจึงพบว่าได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลากดินสไลด์ ทำให้บ้านเรือน ทรัพย์สินในบ้าน
 
รวมทั้งรถได้รับความเสียหายอย่างหนัก และที่หนักสุดคือบ้านเปียน หมู่ 4 ต.กรุงชิง บ้านพังเสียหายจำนวนมาก ส่วนพื้นที่ หมู่ 7 และ หมู่ 8 ถนนและสะพานขาดตัดขาด ซึ่งล่าสุดทางส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
 
และเมื่อบ่ายของวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่า รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บินสำรวจความเสียหายพื้นที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ
 
พร้อมเข้าสำรวจบางจุดที่ยังเข้าไม่ถึง พบว่าบ้านบางหลังถูกน้ำท่วมสูงถึงหลังคาบ้าน และมีดินโคลนไหลเข้าท่วมบ้าน มีเศษไม้ เศษหญ้าเต็มบ้าน นอกจากนี้ยังพบซากรถยนต์ที่ถูกน้ำซัดได้รับความเสียหายอีกหลายคัน
 
โดยรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด จะสำรวจความเสียหาย จัดตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อให้ความช่วยหลือผู้ประสบภัยที่องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือโดยประสานภาคเอกชน มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย และมูลนิธิเพื่อการกุศลเข้าสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
 
ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นวงกว้างครอบคลุมทั้ง 23 อำเภอของจังหวัด การลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจ ติดตามดูแลความเป็นอยู่ อาหารการกิน และความคืบหน้าการให้การช่วยเหลือ รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประสบภัยด้วย
 
ส่วนการช่วยเหลือได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในขณะที่เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องจักกลทางจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพภาคที่ 4 หน่วยงานซ่อมสร้าง กรมทางหลวงชนบท องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
 
ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ทั้งประปา ไฟฟ้า โดยเฉพาะถนนหนทางนั้นสำคัญมาก เนื่องจากเป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตรและพืชเศรษฐกิจทุเรียนที่ส่งออก จำเป็นต้องใช้ระบบขนส่งเพื่อลำเลียงผลผลิตสู่ตลาดอย่างเร่งด่วนต่อไป
 

 
AREA ร่อนหนังสือจี้ “แพทองธาร” ทบทวนแผนการก่อสร้าง “บ้านเพื่อคนไทย”
https://www.thansettakij.com/real-estate/614998

AREA ร่อนหนังสือจี้ 6ข้อ“แพทองธาร” ทบทวนแผนการก่อสร้าง “บ้านเพื่อคนไทย” ขณะสต๊อกโครงการที่อยู่อาศัยเอกชนทะลุ1.5 ล้านหน่วย
 
ตามที่รัฐบาลมีแผนการก่อสร้าง “บ้านเพื่อคนไทย” ซึ่งถือเป็นความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่แผนการนี้มีข้อพึงพิจารณาทบทวนโดยนายโสภณ พรโชคชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA)   มีหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม2567 ดังนี้ 
 
1. ที่ดินที่จะนำมาใช้ เช่น บริเวณ กม.11 (ด้านเหนือของสวนจตุจักรและด้านตะวันตกของกระทรวงพลังงาน/ปตท) นั้น การรถไฟแห่งประเทศไทยมีอยู่ 300 ไร่ แต่คาดว่าจะนำมาใช้โดยประมาณ 120 ไร่ กระผมในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินเห็นว่าที่ดินแปลงนี้น่าจะมีราคาตารางวาละ 300,000 บาท หรือรวมเป็นเงินประมาณ 14,400 ล้านบาท
 
นี่เป็นสมบัติของแผ่นดินอันมีค่าสูงยิ่งสมควรนำมาใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่น สร้างโรงพยาบาล สถานที่ราชการ ฯลฯ หากนำมาสร้างอาคารชุดตามแผนนี้ สมมติให้มี 4,800 หน่วย ก็เป็นเงินหน่วยละ 3 ล้านบาทแล้วเกินกว่าราคาไม่กี่แสนบาทที่คิดจะตั้งขาย ยิ่งหากต่อไปให้เช่า 99 ปี ก็เท่ากับให้เปล่ากับบุคคลจำนวนหนึ่งเท่านั้น
 
2. จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) คาดว่ายังมีที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทที่รอการขายในมือของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 15,000 หน่วย
หากเป็นในขอบเขตทั่วประเทศก็คงมีราว 40,000 หน่วย และยังมีบ้านมือสอง ทั้งห้องชุดและบ้านแนวราบที่มีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทอีกราว 150,000 หน่วยรอการขายอยู่ทั่วประเทศ การที่จะสร้าง “บ้านเพื่อคนไทย” อีก 100,000 หน่วย จึงอาจไม่มีความจำเป็นต้องสร้างขึ้นใหม่
 
3. ที่วางเป้าหมายให้คนที่เพิ่งจบการศึกษา มาซื้อบ้านในราคาถูกนั้น ในความเป็นจริงคนหนุ่มสาวเหล่านี้คงยังไม่คิดจะซื้อบ้าน สถานที่ทำงานก็ยังจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และส่วนมากมักอยู่กับบุพการี จากการศึกษาด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ในช่วงเริ่มต้นพวกเขาสะดวกเช่ามากกว่าซื้อ และจะซื้อบ้านก็เมื่ออายุราวๆ 30 ปีแล้ว เพื่อสร้างครอบครัว การพุ่งเป้าไปให้คนหนุ่มสาวซื้อบ้านจึงไม่สมควร
 
4. ในปีเดียวภาคเอกชนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมากกว่า 400,000 ล้านบาท ทั่วประเทศก็คงเปิดตัวปีละเกือบ 800,000 ล้านบาท การที่รัฐจะสร้างบ้านเพื่อคนไทย 100,000 หน่วย สมมติหน่วยละ 700,000 บาท ก็เป็นเงินเพียง 70,000 ล้านบาทใน 5 ปีซึ่งน้อยมาก ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่หวังไว้
 
5. การสร้างบ้านเพื่อคนไทยอาจเป็นการทำลายระบบตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันซึ่งภาคเอกชนสามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยได้ดีอยู่แล้ว ในปัจจุบันไม่มีภาวะขาดแคลนที่อยู่อาศัย ราคาก็ไม่แพงจนประชาชนไม่สามารรถซื้อได้ ที่สำคัญนักพัฒนาที่ดินภาคเอกชนก็ยังสร้างงานนับหมื่นนับแสนงาน จ่ายภาษีมากมายและรัฐบาลไม่ต้องนำงบประมาณไปจ่ายเงินเดือน/อุดหนุนการขาดทุนเช่นกรณีรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นรัฐควรส่งเสริมภาคเอกชนมากกว่าจะไปแข่งขันกับภาคเอกชน
 
6. กระบวนการคัดเลือกผู้ซื้อก็ดูเพียงว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีบ้านมาก่อน (ซึ่งอาจเป็นบุตรหลานคหบดีมาจองซื้อก็ได้) มาจากที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ  อันที่จริงควรพิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจโดยเคร่งครัด  หาไม่ก็อาจได้แต่ “คนแสร้งจน” หรือไม่ และที่กำหนดว่าให้ขายต่อได้หลังจาก 5 ปีที่ซื้อก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้ทำกำไรกันต่อไป หากต้องการช่วยผู้มีรายได้น้อยจริง ก็ควรให้อยู่จนกว่าจะมีฐานะดีขึ้นแล้วย้ายออกไป และคัดเลือกคนจนอื่นมาอยู่แทนมากกว่า
 
นายโสภณ ยังระบุอีกว่าหาก นายกรัฐมนตรี ประสงค์จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ยินดีเพราะทำศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีข้อมูลมาอย่างยาวนานที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 และสำรวจในขอบเขตกว้างขวางที่สุดทั่วประเทศและทั่วอาเซียน ยินดีให้ข้อมูลที่ชัดเจน เป็นกลางโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรือลาภยศใดๆ เพียงหวังให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่