วันที่ 6 กันยายน นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันตก ครั้งที่ 3 เพื่อขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วนของลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันตกได้สั่งการให้มีการตั้งคณะทำงานติดตามโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 2 แห่งในพื้นที่ อ.บางสะพาน คือโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านไทรทองพร้อมระบบส่ง ต.ทองมงคล ความจุ 13.29 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) งบประมาณ 840 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านคลองลอยพร้อมระบบส่ง ต.ร่อนทอง ความจุ 17.46 ล้าน ลบ.ม. งบประมาณ 950 ล้านบาท เพื่อเร่งรัดติดตามให้มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งโดยเร็ว เนื่องจากสามารถรองรับปริมาณน้ำที่ไหลหลากจากเทือกเขาตะนาวศรีกว่า 30 ล้าน ลบ.ม. ป้องกันการเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อ.บางสะพานได้ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะต้องมีข้อแนะนำการปฏิบัติเมื่อเกิดภาวะที่เสี่ยงภัย เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ด้าน นายสุธัญญ์ ฤทธิขาบ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านไทรทอง บรรจุอยู่ในแผนปี 2562 – 2566 โดยผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว และอยู่ระหว่างการขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่บางส่วนกว่า 100 ไร่จากกรมป่าไม้ คาดว่าน่าจะเรียบร้อยภายในปีนี้ ส่วนโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านคลองลอย ขณะนี้มีการสำรวจออกแบบไว้แล้ว แต่ยังต้องทำการศึกษารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงต้องปรับแผนดำเนินการเป็นปี 2564 – 2568

นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด อ.บางสะพาน กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความจากสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อมได้เดินทางลงพื้นที่ อ.บางสะพานเพื่อสำรวจความเสียหายของประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงมกราคม 2560 เพื่อเก็บข้อมูลในการฟ้องร้องหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กรณีปล่อยให้มีปัญหาน้ำท่วมใน อ.บางสะพานต่อเนื่องหลายครั้ง นอกจากนั้นยังมีผู้เสียหายกรณีบุตรสาวเสียชีวิตที่บริเวณถนนเพชรเกษม โดยนายอาคม สมหวัง และ น.ส.จันทร์เพ็ญ หมวดเพชร บิดาและมารดาของเด็กหญิงพชรธรณ์ สมหวัง หรือน้องต้นไม้ วัย 5 ขวบ ที่เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม อ.บางสะพาน เมื่อวันที่ 10 มกราคม.ที่ผ่านมา ได้ร้องสภาทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับกรมชลประทาน เนื่องจากไม่แจ้งข้อมูลเตือนภัยล่วงให้ประชาชนรับทราบ สำหรับการฟ้องร้องทั้ง 2 คดีผู้เกี่ยวข้องต้องการให้มีผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดทางละเมิด