JJNY : อภิปรายเข้ม ตุลาการใช้อคติ│น่านอ่วม เขตศก.ตัวเมืองยังจม│มวลน้ำพะเยาไหลเอ่อเข้าท่วมเมืองแพร่│น้ำท่วมหนักโตเกียว

พท.-ประชาชน ลุกอภิปรายเข้ม ส่งถึงศาลรธน. มีตุลาการใช้อคติ ทำกระบวนยุติธรรมเสื่อมเสีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4750387
 
 
สภาฯส่งข้อสังเกตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เยาะเย้ย “ก้าวไกล” โดนยุบพรรค “หัวหน้าพรรคประชาชน” ชี้ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ทำกระบวนยุติธรรมเสื่อมเสีย ปลุกแก้รธน. ขณะที่ “โรม” ชี้ชะตากรรม 44 สส.เหลืออีกไม่นาน เชื่อเขามีธงไว้แล้ว

เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาพิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยประชาชนจนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อส่งข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของสภาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไปทั้งนี้ มีผู้เสนอญัตติ 2 คน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

นายณัฐพงษ์เสนอญัตติว่า ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หมวดที่สองว่าด้วยจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อที่ 13 บัญญัติว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องปฎิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ และข้อที่ 17 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องไม่กระทำการใดๆ ให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง แต่จากการแสดงทัศนคติบนเวทีสาธารณะของตุลาการท่านหนึ่ง ท่านคิดว่า เป็นการแสดงทัศนคติที่เป็นกลางหรือไม่ เป็นการแสดงทัศนคติที่สาธารณชนสามารถตั้งคำถามได้หรือไม่ว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไปนั้น ท่านใช้อคติส่วนตัวในการวินิจฉัยหรือไม่ และจรรยาบรรณวิชาชีพของคนที่เป็นตุลาการ ซึ่งมีประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการข้อที่ 28 บัญญัติไว้ว่า ผู้พิพากษาไม่พึงแสดงปาฐกถา บรรยาย สอนหรือเข้าร่วมการสัมมนา อภิปรายแสดงความคิดเห็นใดต่อสาธารณชน ซึ่งอาจกระทบกระเทียบต่อการปฏิบัติหน้าที่และเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า คงไม่มีนักกฎหมายคนไหนที่สามารถยอมรับว่า องค์คณะผู้พิพากษาตัดสินคดีที่ผู้ถูกพิพากษาคืออดีตพรรคก้าวไกล ที่ถูกตัดสิทธิประหารชีวิต เป็นคนที่ถูกลงโทษโดยตรง ถูกองค์คณะออกจากแสดงความคิดเห็นเสียดสีเชิงประชดประชันแบบนี้ นี่คือหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในวิชาชีพ จรรยาบรรณศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขอให้สมาชิกเห็นชอบกับญัตตินี้เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เรายืนยันว่าเรื่องมาตรฐานจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรมควรจะต้องให้คนภายในองค์กรนั้นตรวจสอบกันเอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติไปล่วงเกินฝ่ายอื่นๆ และสิ่งที่เราทำร่วมกันได้แน่นอนคือการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายอดิศรเสนอญัตติว่า ตนไม่แน่ใจว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งใจพูดหรือตกกระไดพลอยโจน ในการแสดงความคิดเห็นเหยียดหยามเสียดสีบุคคล ซึ่งเคยเป็นคู่กรณีในศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เรามีสิทธิพูด เรากำลังทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายตุลาการ เรามีคดีความท่านตัดสินยุบพรรค ตัดสินประหารชีวิต นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ 5 ต่อ 4 ดังนั้น ต้องหาทางร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญ แก้วิธีพิจารณาความเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ต่อไป เราให้ท่านไปเป็นพระ ต้องอยู่บนหิ้ง ต้องอยู่ในธรรมวินัย ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพระ ท่านทำผิดพระวินัย ท่านปาราชิกแล้ว ซึ่งตนกล่าวหาคนเดียว ไม่ได้กล่าวหาทั้งองค์กร ตนไม่ได้มีอคติ แต่เห็นว่าสิ่งที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งไปพูดนั้นไม่เหมาะสม ไม่ทราบว่า ก่อนที่จะตัดสินคดีใดๆ ท่านเป็นกลาง และมีอคติหรือไม่ แต่สิ่งที่ท่านแสดงความคิดเห็นเป็นการทำลายความยุติธรรม และที่ญัตติบอกให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าไม่ต้องส่ง เพราะพระที่ปาราชิกแล้วต้องสึก เพราะเป็นคนเดียวที่ทำให้ตุลาการขาดความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ชีวิตตนในทางการเมืองเหลืออีกไม่เยอะ พูดกันตรงๆ ว่าเรื่องของพวกเรามีธงไว้แล้ว ตนคือหนึ่งใน 44 คน ที่ได้เซ็นชื่อเสนอร่างกฎหมาย มาตรา 112 วันนี้ทั้งสังคมคิดไปว่าพวกตนอยู่ได้อีกไม่นาน กระบวนการของ ป.ป.ช. ตั้งแต่รับคำร้อง ไต่สวน ยาวไปถึงเสนอความคิดเห็น จะใช้เวลาเท่าไหร่ สำหรับ 44 คน ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเร็ว ตนอยากรู้ว่า ถ้ามีคนไปร้อง ป.ป.ช.ในเรื่องแบบนี้ ป.ป.ช.จะใช้เวลาเท่าใด จะเร็วเป็นกามนิตหนุ่ม เหมือน 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกลหรือไม่ หรือจะช้าเหมือนกรณีอื่นๆ

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า พวกเราคือฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้อำนาจตามที่ประชาชนไว้ใจเรามา เราคือสถาบันสุดท้ายที่กำลังปกป้องอำนาจสูงสุดของประชาชน จริยธรรมสูงสุดของพวกเราคือความรับผิดชอบต่อประชาชน และประชาชนจะตัดสินใจเองว่า พวกเราควรจะอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราต้องมีฉันทามติร่วมกัน ที่จะปล่อยให้จริยธรรมร้ายแรงของนักการเมืองที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ออกจากระบบ ที่เป็นมรดกของ คสช.

จริยธรรมของนักการเมืองเป็นคนละเรื่องกับกรณีที่ใช้บังคับกับศาล ยืนยันแม้สภาแห่งนี้หากตัดสินใจว่าจะเอาจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากรัฐธรรมนูญหรือออกจาก พ.ร.ป. ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะอยู่เหนือการตรวจสอบ ยังผูกพันกับกฎหมายต่อต้านทุจริต หากมีนักการเมืองทุจริตเรายังมีความรับผิดชอบทางกฎหมาย หากแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป แต่ขออย่าใช้จริยธรรมร้ายแรงเลื่อนลอยเหมือนที่ผ่านมา อย่าให้อาวุธนี้ที่ คสช.มอบให้จัดการนักการเมือง เราต้องช่วยกันหยุดยั้งอาวุธนี้ เพื่ออำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง” นายรังสิมันต์กล่าว

ภายหลัง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายปิดญัตติเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ได้กล่าวว่า จากการอภิปรายเห็นตรงกันว่าจะส่งเรื่องและข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการต่อไป และสั่งปิดการประชุมในเวลา 18.25 น.


 
น่านอ่วม เขตเศรษฐกิจตัวเมืองยังจม ท่วมถึงวัดภูมินทร์
https://www.matichon.co.th/region/news_4750784

น่านอ่วม เขตเศรษฐกิจตัวเมืองยังจม ท่วมถึงวัดภูมินทร์

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม สถานการณ์น้ำท่วมในจ.น่านที่ขยายวงกว้างไปกว่า 10 อำเภอ ล่าสุดในเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำน่าน วัดที่ N1 สถานีสะพานพัฒนาภาคเหนือ วัดได้ 8.61 เมตร (ระดับวิกฤต 7 เมตร) ลดลงจากเวลา 02.00 น. ที่วัดได้ 8.66 เมตร
 
สำหรับตัวเมืองน่านมีพนังกั้นน้ำที่มีความสูงกว่า 8.50 เมตร ซึ่งได้ปรับปรุงให้สูงกว่าจุดวิกฤตเมื่อปี 2549 แต่น้ำท่วมครั้งนี้ก็ยังทะลักเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจ
 
นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศบาลเมืองน่าน กล่าวว่า ปี 2567 น้ำมากกว่าทุกปีและคาดน้ำท่วมมากที่สุดในรอบ 100 ปี แม้จะมีบทเรียนจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2549 และทำพนังกั้นน้ำให้สูงกว่าเดิม แต่ปีนี้ก็ยังรับมือไม่ได้ อย่างไรก็ตามพนังกั้นน้ำช่วยให้น้ำท่วมทุเลาลงและมีการใช้เครื่องสูบน้ำเสริมด้วย จึงทำให้น้ำท่วมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจน้อยกว่าปี 2549

จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าในพื้นที่ อ.เมืองน่าน มีชุมชนได้รับผลกระทบ 23 ชุมชน บ้านเรือนถูกน้ำท่วมมากกว่า 3,000 ครัวเรือน
ล่าสุดย่านเขตเศรษฐกิจในตัวเมืองน่านยังท่วมเป็นวงกว้าง รวมถึงโบราณสถานอย่าง “วัดภูมินทร์” ที่น้ำท่วมมาถึงหน้าวิหารวัด
 

 
มาตามนัด! มวลน้ำพะเยาไหลเอ่อเข้าท่วมเมืองแพร่ชั้นใน จมบาดาลกลางดึก
https://www.dailynews.co.th/news/3782904/

มาตามนัด! มวลน้ำพะเยาไหลเอ่อเข้าท่วมเมืองแพร่ชั้นใน จมบาดาลกลางดึก

แพร่เอาไม่อยู่ มวลน้ำพะเยามาตามนัดไหลเอ่อทะลักเข้าท่วมตัวเมืองชั้นใน รองพ่อเมืองนำเจ้าหน้าที่ พยามกั้นไม่สำเร็จ เร่งเตือนประชาชนเฝ้าระวัง ยกของขึ้นที่สูง แต่ไม่ทันน้ำทะลักเข้าบ้าน

กรณีศูนย์บริการจัดการน้ำ เตือนสถานการณ์น้ำอาจจะเท่าปี 2554 เนื่องจากปริมาณน้ำจาก อ.ปง และ เชียงม่วน จ.พะเยา มีมากไหลผ่านสถานีห้วยสัก ต.สะเอียบ ระดับความสูง 12.60 เมตร 1,680 ลบ.ม.ต่อวินาที กำลังไหลผ่านมายัง บ้านห้วยสัก อ.สอง จ.แพร่ เจ้าหน้าที่จึงขอให้ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในเขตน้ำท่วมเมื่อปี 2554 เฝ้าระวัง ยกของมีค่าขึ้นที่สูงให้พ้นระดับน้ำ ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย เด็ก ให้อยู่ในที่ปลอดภัยและติดตามข่าวสารตลอดเวลา ขณะที่ ทางจังหวัดแพร่ได้เตรียมพร้อมรับมือมวลน้ำ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รอง ผวจ.แพร่ นำเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายลงพื้นที่ เร่งทำแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำ 4 จุด บริเวณหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ หน้าศาลจังหวัดแพร่ ซอยบ้านเขียวเชตะวัน และซอยสวรรค์นิเวศ เพื่อป้องกัน หลังมวลน้ำเอ่อเข้าท่วมตัวเมืองแพร่ ซึ่งถือเป็นจุดเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดแพร่ ด้วยสถานการณ์น้ำในยังคงวิกฤตต่อเนื่อง มวลน้ำซึ่งไหลมาจากจังหวัดพะเยา และลงสู่แม่น้ำยม ผ่านอำเภอสอง อำเภอหนองม่วงไข่ เข้าสู่ตัวเมืองแพร่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่ 23 ส.ค.ประชาชนได้รับความเดือดร้อน น้ำท่วมเข้าบ้านกลางดึก

นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองแพร่ในขณะนี้เป็นระหว่างกลางน้ำมวลใหญ่ที่ไหลมาเข้าสู่ตัวเมืองแพร่ ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งคืนน้ำยังคงเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ตัวเมืองแพร่เฝ้าระวัง เก็บของมีค่าขึ้นที่สูง เนื่องจากน้ำมามากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งตอนนี้ทางเทศบาลเมืองแพร่ พยายามปิด 4 จุด จากนั้นสูบน้ำออก ให้การสัญจรสามารถสัญจรพอได้ น้ำก้อนนี้เป็นน้ำก้อนสุดท้าย คาดว่าตีสี่น้ำก้อนนี้จะหมด

นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพร่ ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จากสถานการณ์แม่น้ำยมในขณะนี้ ( 20.00 น.) ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน เทศบาลเมืองแพร่ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ได้เฝ้าระวังเก็บของมีค่าขึ้นที่สูง

อย่างไรก็ตามหน่วยงานด้านการให้ความช่วยเหลือทั้ง อบจ.แพร่, เทศบาลเมืองแพร่ กำลังทหาร ปภ. และหน่วยงานในกำกับกรมชลประทานจังหวัดแพร่ ได้เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือทันทีที่ได้รับการต้องขอทันที... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/3782904/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่