11 สิงหาคม 2567 เวลา 23:33 อีก 27 นาที จะเป็นวันแม่ ผมยังนั่งป้อนน้ำให้แม่กินยาแก้ปวด มือก็ป้อนแต่สมองก็ย้อนคิดไปถึงเมื่อก่อน
ผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนี้รูปร่างผอม ท่าทางอิดโรย บนหัวแทบไม่มีผม ที่เห็นก็เส้นสีขาวทั้งนั้น เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงรูปร่างสันทัด ตื่นเช้าทุกวัน
ทำงานทุกอย่างอะไรที่ได้เงินทำได้หมด สมัยอยู่ต่างจังหวัดถ้าช่วงว่างจากการทำนา ก็รับจ้างซักผ้า ทำความสะอาดตามบ้านข้าราชการในหมุ่บ้าน
สมัยก่อนพอเริ่มค่ำถนนหนทางจะมืดมาก แม่เคยพาผมไปซื้อกับข้าวโดยปั่นจักรยานไปตลาดทั้งที่ตัวเองมีเงินแค่ไม่กี่บาท ผมงอแงอยากกินขนม
แม่ก็ซื้อขนมให้จนเงินไม่พอซื้อกับข้าว ตัวเองก็กลับมากินข้าวกับน้ำพริก แม่ทำงานทุกอย่าง ดูแลผมอย่างดี แม่ยอมอดนอนให้ลูกได้หลับสนิท
แม่ยอมอดให้ลูกได้อิ่ม แม่ยอมใส่เสื้อผ้าเก่าๆเพื่อเอาเงินมาซื้อชุดใหม่ให้ลูก ตอนไม่สบายแม่ก็ไม่ยอมนอนคอยเฝ้าลูกตลอดทั้งคืน
สมัยเด็กๆผมก็เห็นแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกๆตลอดหรือแม้แต่พ่อ แม่ก็ดูแล โดยจะนึกถึงตัวเองเป็นคนสุดท้าย
โตขึ้นก็ย้ายเข้ามาทำงานในเมือง แม่ก็เป็นแม่บ้านที่โรงงาน โดยต้องมาถึงโรงงานตั้งแต่ตี5ทุกวัน ผมต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งทุกวัน
บางวันไปกินเหล้าจนกลับบ้านไม่ทัน แม่ต้องเดิน5กิโลเมตรจากบ้านมาโรงงานตั้งแต่ตอนตี4 เพื่อให้ทันทำงาน แต่แม่ก็ไม่เคยด่าว่าผมเลย แค่บ่นนิดนึง
พอแม่เกษียณก็ยังทำงานต่ออีกทั้งแม่บ้าน แม่ครัว รับจ้างทั่วไป ผมไม่เคยเห็นแม่หยุดทำงานเลย งานที่บ้านแม่ก็ทำเองทุกอย่างทั้งทำความสะอาด
ทำกับข้าว ซักผ้าล้างจานแม่ทำเองทั้งนั้น จนแม่เริ่มอายุมากขี้นก็ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่หยุดทำงาน ทั้งทำสวน ทำนา ขายของตามหมู่บ้าน
จนวันนึงเมื่อ7ปีที่แล้วแม่เริ่มป่วย หมอตรวจพบมะเร็งปากมดลูก ต้องผ่าตัดและให้คีโม ผมลางานไปเฝ้าแม่ทุกอาทิตย์ จนรู้ว่าผู้หญิงเป็นมะเร็ง
ปากมดลูกเยอะมาก เตียงที่โรงพยาบาลไม่เคยว่างเลย คนป่วยร่วมห้องมีทั้งเด็กสาวไปจนถึงคนแก่ อยู่จนรู้จักกันหมดทุกคน บางคนก็เสียบางคนก็รอด
แต่แม่เป็นคนสู้ชีวิตแม่ไม่เคยท้อแท้เลย กำลังใจดี แม่ทำงานตลอด ขนาดมะเร็งยังหยุดแม่ผมไม่ได้ 2-3ปีต่อมาได้ข่าวว่าคนป่วยห้องเดียวกัน
เสียกันหมดแล้วแม่ผมยังเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว ไปพบหมอตรวจติดตามผลทุกเดือน
เมื่อ3ปึที่แล้วหมอตรวจพบมะเร็งกำเริบอึก ให้คีโมอีกครั้ง คนที่เคยให้คีโมจะรู้ดีว่าร่างกายจะทรมานขนาดไหน แม่ผมก็ยังทำงานต่อทั้งที่ร่างกายทรมานมาก ไม่เคยนอนซมเลย ลุกมาทำทั้งงานบ้านงานในสวน ไม่เคยปริปากบ่นอะไรเลย ผมก็ไม่มีเวลาไปเยี่ยมได้แต่วิดีโอคอลคุยทุกวัน
ตอนนั้นก็ยังกำลังใจดี ยังคุยกันเล่นๆว่าแม่ตายยาก อะไรก็ทำอะไรแม่ไม่ได้ คุยกันทุกครั้งก็ขำมีความสุข ไม่เคยคุยเรื่องเศร้าเลย
จนเมื่อปีที่แล้วหมอตรวจพบมะเร็งลามอีกครั้ง ครั้งนี้หมอถามว่าจะให้คีโมอีกมั๊ยเพราะแม่อายุมากแล้วกลัวจะรับไม่ไหว หรือจะให้หมอจ่ายยาแก้ปวดอย่างเดียวเพื่อบรรเทาอาการ แม่บอกว่าถ้ากลัวก็แพ้นะสิ แม่ไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว เลยยอมให้คีโมอีกครั้ง ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทรมานมากหลังให้คีโมแล้วผมก็รัมมาอยู่ด้วย อยากคอยดูแลแม่บ้างเพราะอายุมากแล้ว ช่วงที่ทรมานใจที่สุดคือตอนกลางคืนแม่จะปวดมาก จนลงมานอนขดข้างๆเตียงแต่ไม่ร้องให้ลูกได้ยิน กลัวลูกเป็นห่วง กลัวลูกอดนอนเพราะต้องตื่นไปทำงานตอนเช้า ผมไปรับทุกเดือน ให้คีโมเสร็จก็รับมาพักด้วยกัน จนให้คีโมครบแต่มะเร็งก็ไม่หาย
หมอบอกว่าเป็นระยะสุดท้ายแล้ว เลยจ่ายยาให้อย่างเดียว ผมเลยตัดสินใจรับแม่มาอยู่ด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจมาก คำพูดที่เคยล้อเล่นกัน
ก็ไม่กล้าพูด ผมก็กลัวเสียแม่ไปแม่ก็กลัวจากพวกเราไป ผมอยากมีเวลาดูแลแม่นานๆแต่ก็ไม่ได้เพราะเช้าก็ต้องไปทำงานกว่าจะกลับก็ดึกทุกวัน ที่ทำได้ตอนนี้คือซื้อกับข้าวไว้ให้ เตรียมของทุกอย่างไว้ก่อนไปทำงาน ก่อนนอนก็ต้องล้างแผลเพราะมีแผลตามตัว เตรียมยาไว้ให้กิน ถึงแม่เป็นขนาดนี้ก็ไม่เคยทำให้ลูกเป็นห่วงเลยเวลาปวดก็ทน ร้องอยู่ในลำคอไม่ให้มีเสียงให้ลูกได้ยิน แม่อดทนมาก ไม่อยากเป็นภาระคนอื่น แม่ก็คือแม่ที่ดีเสมอ ผมพึ่งมาเข้าใจความรักของแม่จริงๆก็ตอนที่จะเสียไปอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้หน่อย แต่ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันจะหยุดทำงานก็ไม่ได้ เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดให้คุ้มค่าที่สุด
อยากจะบอกทุกคนที่ยังมีโอกาส ให้กลับไปใช้เวลากับแม่ให้คุ้มค่าที่สุด มอบความรักให้แม่เหมือนที่แม่เคยให้เรา อย่าคิดว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเพราะความรักที่แม่ให้ไม่ใช่การชำระหนี้ ให้คิดว่าเป็นการให้ความรักแก่ผู้หญิงคนนึงที่รักคุณมากกว่าตัวเอง
นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้ผมรู้จักความรักของแม่มากขึ้น ผมยังรู้ว่าสังคมไทยยังมีคนมีน้ำใจอีกมาก แม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณสุนารี ราชสีมา
โดยได้รับยาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผมยังได้คุยไลน์กับคุณสุนารี แล้วรู้สึกว่าเป็นคนมีน้ำใจมาก ขอขอบคุณมากนะครับ
เผื่อจะมีคนถามว่าทำไมไม่มีคนอื่นมาดูแลแม่ ที่บ้านเป็นมะเร็งทั้งแม่ พี่สาว พี่ชาย มีผมกับพ่อที่ไม่เป็น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมเลยต้องรับผิดชอบ จึงไม่สามารถหยุดงานมาดูแลแม่ได้ตลอดเวลาครับ
บันทึกถึงแม่ผู้มอบความรักให้ผมเสมอมา ถ้าวันนึงแม่ไม่อยู่แล้ว อยากให้ข้อความนี้ยังคงอยู่ให้คิดถึงแม่ตลอดไปครับ
บันทึกถึงผู้หญิงของผม
ผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนี้รูปร่างผอม ท่าทางอิดโรย บนหัวแทบไม่มีผม ที่เห็นก็เส้นสีขาวทั้งนั้น เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงรูปร่างสันทัด ตื่นเช้าทุกวัน
ทำงานทุกอย่างอะไรที่ได้เงินทำได้หมด สมัยอยู่ต่างจังหวัดถ้าช่วงว่างจากการทำนา ก็รับจ้างซักผ้า ทำความสะอาดตามบ้านข้าราชการในหมุ่บ้าน
สมัยก่อนพอเริ่มค่ำถนนหนทางจะมืดมาก แม่เคยพาผมไปซื้อกับข้าวโดยปั่นจักรยานไปตลาดทั้งที่ตัวเองมีเงินแค่ไม่กี่บาท ผมงอแงอยากกินขนม
แม่ก็ซื้อขนมให้จนเงินไม่พอซื้อกับข้าว ตัวเองก็กลับมากินข้าวกับน้ำพริก แม่ทำงานทุกอย่าง ดูแลผมอย่างดี แม่ยอมอดนอนให้ลูกได้หลับสนิท
แม่ยอมอดให้ลูกได้อิ่ม แม่ยอมใส่เสื้อผ้าเก่าๆเพื่อเอาเงินมาซื้อชุดใหม่ให้ลูก ตอนไม่สบายแม่ก็ไม่ยอมนอนคอยเฝ้าลูกตลอดทั้งคืน
สมัยเด็กๆผมก็เห็นแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกๆตลอดหรือแม้แต่พ่อ แม่ก็ดูแล โดยจะนึกถึงตัวเองเป็นคนสุดท้าย
โตขึ้นก็ย้ายเข้ามาทำงานในเมือง แม่ก็เป็นแม่บ้านที่โรงงาน โดยต้องมาถึงโรงงานตั้งแต่ตี5ทุกวัน ผมต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งทุกวัน
บางวันไปกินเหล้าจนกลับบ้านไม่ทัน แม่ต้องเดิน5กิโลเมตรจากบ้านมาโรงงานตั้งแต่ตอนตี4 เพื่อให้ทันทำงาน แต่แม่ก็ไม่เคยด่าว่าผมเลย แค่บ่นนิดนึง
พอแม่เกษียณก็ยังทำงานต่ออีกทั้งแม่บ้าน แม่ครัว รับจ้างทั่วไป ผมไม่เคยเห็นแม่หยุดทำงานเลย งานที่บ้านแม่ก็ทำเองทุกอย่างทั้งทำความสะอาด
ทำกับข้าว ซักผ้าล้างจานแม่ทำเองทั้งนั้น จนแม่เริ่มอายุมากขี้นก็ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่หยุดทำงาน ทั้งทำสวน ทำนา ขายของตามหมู่บ้าน
จนวันนึงเมื่อ7ปีที่แล้วแม่เริ่มป่วย หมอตรวจพบมะเร็งปากมดลูก ต้องผ่าตัดและให้คีโม ผมลางานไปเฝ้าแม่ทุกอาทิตย์ จนรู้ว่าผู้หญิงเป็นมะเร็ง
ปากมดลูกเยอะมาก เตียงที่โรงพยาบาลไม่เคยว่างเลย คนป่วยร่วมห้องมีทั้งเด็กสาวไปจนถึงคนแก่ อยู่จนรู้จักกันหมดทุกคน บางคนก็เสียบางคนก็รอด
แต่แม่เป็นคนสู้ชีวิตแม่ไม่เคยท้อแท้เลย กำลังใจดี แม่ทำงานตลอด ขนาดมะเร็งยังหยุดแม่ผมไม่ได้ 2-3ปีต่อมาได้ข่าวว่าคนป่วยห้องเดียวกัน
เสียกันหมดแล้วแม่ผมยังเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว ไปพบหมอตรวจติดตามผลทุกเดือน
เมื่อ3ปึที่แล้วหมอตรวจพบมะเร็งกำเริบอึก ให้คีโมอีกครั้ง คนที่เคยให้คีโมจะรู้ดีว่าร่างกายจะทรมานขนาดไหน แม่ผมก็ยังทำงานต่อทั้งที่ร่างกายทรมานมาก ไม่เคยนอนซมเลย ลุกมาทำทั้งงานบ้านงานในสวน ไม่เคยปริปากบ่นอะไรเลย ผมก็ไม่มีเวลาไปเยี่ยมได้แต่วิดีโอคอลคุยทุกวัน
ตอนนั้นก็ยังกำลังใจดี ยังคุยกันเล่นๆว่าแม่ตายยาก อะไรก็ทำอะไรแม่ไม่ได้ คุยกันทุกครั้งก็ขำมีความสุข ไม่เคยคุยเรื่องเศร้าเลย
จนเมื่อปีที่แล้วหมอตรวจพบมะเร็งลามอีกครั้ง ครั้งนี้หมอถามว่าจะให้คีโมอีกมั๊ยเพราะแม่อายุมากแล้วกลัวจะรับไม่ไหว หรือจะให้หมอจ่ายยาแก้ปวดอย่างเดียวเพื่อบรรเทาอาการ แม่บอกว่าถ้ากลัวก็แพ้นะสิ แม่ไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว เลยยอมให้คีโมอีกครั้ง ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทรมานมากหลังให้คีโมแล้วผมก็รัมมาอยู่ด้วย อยากคอยดูแลแม่บ้างเพราะอายุมากแล้ว ช่วงที่ทรมานใจที่สุดคือตอนกลางคืนแม่จะปวดมาก จนลงมานอนขดข้างๆเตียงแต่ไม่ร้องให้ลูกได้ยิน กลัวลูกเป็นห่วง กลัวลูกอดนอนเพราะต้องตื่นไปทำงานตอนเช้า ผมไปรับทุกเดือน ให้คีโมเสร็จก็รับมาพักด้วยกัน จนให้คีโมครบแต่มะเร็งก็ไม่หาย
หมอบอกว่าเป็นระยะสุดท้ายแล้ว เลยจ่ายยาให้อย่างเดียว ผมเลยตัดสินใจรับแม่มาอยู่ด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจมาก คำพูดที่เคยล้อเล่นกัน
ก็ไม่กล้าพูด ผมก็กลัวเสียแม่ไปแม่ก็กลัวจากพวกเราไป ผมอยากมีเวลาดูแลแม่นานๆแต่ก็ไม่ได้เพราะเช้าก็ต้องไปทำงานกว่าจะกลับก็ดึกทุกวัน ที่ทำได้ตอนนี้คือซื้อกับข้าวไว้ให้ เตรียมของทุกอย่างไว้ก่อนไปทำงาน ก่อนนอนก็ต้องล้างแผลเพราะมีแผลตามตัว เตรียมยาไว้ให้กิน ถึงแม่เป็นขนาดนี้ก็ไม่เคยทำให้ลูกเป็นห่วงเลยเวลาปวดก็ทน ร้องอยู่ในลำคอไม่ให้มีเสียงให้ลูกได้ยิน แม่อดทนมาก ไม่อยากเป็นภาระคนอื่น แม่ก็คือแม่ที่ดีเสมอ ผมพึ่งมาเข้าใจความรักของแม่จริงๆก็ตอนที่จะเสียไปอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้หน่อย แต่ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันจะหยุดทำงานก็ไม่ได้ เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดให้คุ้มค่าที่สุด
อยากจะบอกทุกคนที่ยังมีโอกาส ให้กลับไปใช้เวลากับแม่ให้คุ้มค่าที่สุด มอบความรักให้แม่เหมือนที่แม่เคยให้เรา อย่าคิดว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเพราะความรักที่แม่ให้ไม่ใช่การชำระหนี้ ให้คิดว่าเป็นการให้ความรักแก่ผู้หญิงคนนึงที่รักคุณมากกว่าตัวเอง
นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้ผมรู้จักความรักของแม่มากขึ้น ผมยังรู้ว่าสังคมไทยยังมีคนมีน้ำใจอีกมาก แม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณสุนารี ราชสีมา
โดยได้รับยาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผมยังได้คุยไลน์กับคุณสุนารี แล้วรู้สึกว่าเป็นคนมีน้ำใจมาก ขอขอบคุณมากนะครับ
เผื่อจะมีคนถามว่าทำไมไม่มีคนอื่นมาดูแลแม่ ที่บ้านเป็นมะเร็งทั้งแม่ พี่สาว พี่ชาย มีผมกับพ่อที่ไม่เป็น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมเลยต้องรับผิดชอบ จึงไม่สามารถหยุดงานมาดูแลแม่ได้ตลอดเวลาครับ
บันทึกถึงแม่ผู้มอบความรักให้ผมเสมอมา ถ้าวันนึงแม่ไม่อยู่แล้ว อยากให้ข้อความนี้ยังคงอยู่ให้คิดถึงแม่ตลอดไปครับ