อนัตตา:กฎธรรมชาติอย่างหนึ่งเป็นคำสอนหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่มีผู้กำหนดเองได้
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกันชั่วคราว ไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามใจปรารถนาได้ ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆ มีความสลายไปเป็นธรรมดา แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ใคร
อนัตตลักขณสูตร (บาลี: Anattalakkhaṇa Sutta) คือพระสูตรที่แสดงลักษณะ คือ เครื่องกำหนดหมายว่าเป็นอนัตตา เป็นพระสูตรที่มีความสำคัญที่สุดพระสูตรหนึ่ง เนื่องจากหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระสูตรนี้แล้วภิกษุปัญจวัคคีย์ได้บรรลุธรรม บังเกิดพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา5องค์ ซึ่งพระสูตรนี้ มีใจความเกี่ยวกับความไม่ใช่ตัวตนของขันธ์5คือ1)รูปขันธ์=ร่างกาย 2)เวทนาขันธ์=ความรู้สึก 3)สัญญาขันธ์=ความจำ 4)สังขารขันธ์=ความดำริ 5)วิญญาณขันธ์-อธิบดีขันธ์4ทำหน้าที่บริหารขันธ์4ข้างต้นและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์4-รูปขันธ์,เวทนาขันธ์,สัญญาขันธ์,สังขารขันธ์
พระสูตรนี้มีใจความโดยย่อดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก(เจริญ สุวฑฺฒโน)ได้ทรงมีพระนิพนธ์ไว้ดังต่อไปนี้
ตอนที่ 1 พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5ห้านี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เพราะเหตุว่าขันธ์นี้มิใช่อัตตาตัวตน ฉะนั้น ขันธ์5นี้จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็ย่อมไม่ได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่ 2 พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)ภิกษุปัญจวัคคีย์ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"ไม่เที่ยง" พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า" พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 พระพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงผลหลังจากภิกษุปัญจวัคคีย์ผู้ได้สดับ "อนัตตลักขณสูตร" ซึ่งพระสูตรนี้ มีใจความเกี่ยวกับความไม่ใช่ตัวตนของขันธ์5ดังต่อไปนี้ว่า อริยสาวกคือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ อริยสาวกย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะ(แปลว่าอัตตาตัวตน)ในปัจจุบันทีเดียว
(2)ละสังโยชน์(แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)ข้อที่1สักกายทิฏฐิ-ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย(ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
อะไรหนอปิดบังอนัตตลักษณะไว้มิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ สิ่งทั้งหลายที่เรียกชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนเกิดจากเอาส่วนประกอบทั้งหลายมารวบรวมปรุงแต่งขึ้น เมื่อแยกย่อยส่วนประกอบเหล่านั้นออกไปแล้ว สิ่งที่เป็นหน่วยรวมซึ่งเรียกชื่อว่าอย่างนั้นๆก็ไม่มี โดยทั่วไปมนุษย์มองไม่เห็นความจริงนี้เพราะถูก “ฆนสัญญา” คือความจําหมายหรือความสําคัญหมายเป็นหน่วยรวมคอยปิดบังไว้เข้ากับคํากล่าวอย่างชาวบ้านว่าเห็นเสื้อแต่ไม่เห็นผ้า เห็นแต่ตุ๊กตามองไม่เห็นเนื้อยาง เห็นแต่แสงสีขาวมองไม่เห็นแสงสีรุ้งเจ็ดสีคือคนที่ไม่ได้คิดไม่ได้พิจารณาบางทีก็ถูกภาพตัวตนของ
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มีมีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)แสงสีรุ้งเจ็ดสี(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ก็ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน จึงจักปรากฏแสงสีรุ้งเจ็ดสี(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ปรากฏออกมาให้เห็น
"ฆนสัญญา" ย่อมปิดบังอนัตตลักษณะไว้ในทํานองแห่งตัวอย่างง่ายๆที่ได้ยกมากล่าวไว้นี้ เมื่อใช้อุปกรณ์หรือวิธีการที่ถูกต้องมาวิเคราะห์มนสิการเห็นความแยกย่อยออกเป็นส่วนประกอบต่างๆจึงจะประจักษ์ในความมิใช่ตัวตน มองเห็นว่าเป็น “อนัตตา” [ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป.อ.ปยุตโต)]
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ต้นไม้ ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่ แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(3)ดอกดาวเรือง ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วันเพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(4)ไม้น้ำประดับตู้ปลา ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะเหตุ-ปัจจัยคือวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา ไก่ตอน-ตัวโต ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)อายุแม่ไก่พันธุ์ประดู่หางดำเชียงใหม่เมื่อเริ่มออกไข่ฟองแรก เลี้ยงในฟาร์ม188วัน เลี้ยงในบ้าน225วัน ผิดกัน37วัน(ข้อมูล รายงานวิจัยการเลี้ยงไก่พันธุ์ประดู่หางดำเชียงใหม่โดยพรพิมล ใจไหว)
(5)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนเสียงแบบไหนเป็นไปตามเหตุ-ปัจจัยคือเสียงที่พวกมันได้ยิน,กิ้งก่าจะเปลี่ยนสีไปตามเหตุ-ปัจจัยคือสภาพแวดล้อมที่อยู่
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เจนวาย(2523-2540) ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ที่ไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกัน เช่น จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาท จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาท ผิดกัน46เท่า(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896,1996 (ชาย162ซม.,171ซม.) (หญิง151ซม.,159ซม.) ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)กรรมพันธุ์2)โภชนาการโดยเฉพาะโปรตีน3)สุขภาพแม่และเด็ก4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคมและเศรษฐกิจ(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1900,2021(32ปี,71ปี) ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)โภชนาการ2)สาธารณสุข3)คุณภาพชีวิต4)เศรษฐกิจ5)ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา(จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี)อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลกในปี1900,2023(6คน,2คน)ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด2)การศึกษาของผู้หญิง3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย5)พ่อแม่รุ่นใหม่เอาคุณภาพมาก่อนปริมาณ ถ้าหากไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรของตนให้มีมาตรฐานสูงตามที่ตนตั้งไว้ก็เลือกที่จะไม่มีบุตรเลย6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้ ปี1800-12% ปี1900-20% ปี2023-87%บางคนพูดได้สอง,สามภาษา
(7)คนเกาหลีในอเมริกา,คนเกาหลีในเกาหลีใต้เป็นคริสเตียน71%,29% เป็นพุทธศาสนิกชน6%,23% ไม่นับถือศาสนา23%,46% เหตุ-ปัจจัย:ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด(ข้อมูล pewresearch)
(8)คนจีนเป็นอนัตตา-คนจีนคนเดียวกันสองคนเกิดคนละประเทศกันผลลัพธ์ที่ได้คือคนจีนสองคนที่ไม่เหมือนกันเช่น คนจีนในอเมริกา-พูดยักไหล่/นิสัย,ความคิดเหมือนฝรั่ง คนจีนนอกอเมริกา-พูดไม่ยักไหล่/นิสัย,ความคิดไม่เหมือนฝรั่งเป็นต้น
(9)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-คนแต่ละประเทศจะมีสำเนียงไม่เหมือนกัน เพราะเหตุ-ปัจจัยที่ไม่เหมือนกันคือมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(10)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะเป็นไปตามเหตุ-ปัจจัยคือเมื่อพูด-ฟังไม่ได้ยิน คนหูหนวกจึงไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
สิ่งไม่มีชีวิต:
(1)ราคาทองคำขึ้น-ลงเพราะเหตุ-ปัจจัย 1)ดอกเบี้ยนโยบาย 2)ค่าเงินดอลลาร์ 3)อุปสงค์-อุปทาน 4)ราคาน้ำมันหรืออัตราเงินเฟ้อ
(2)ราคาน้ำในประเทศตะวันออกกลางแพงกว่าประเทศอื่นๆเพราะภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
(3)ราคาซีฟู้ดในภาคใต้ถูกกว่าอีสานเพราะภาคใต้ติดทะเล
(4)ไก่kfcขายดีในประเทศอิสลาม แต่ฟาสต์ฟู้ดmcdonaldขายไม่ดีในประเทศอิสลามเพราะในเมนูมีแต่เนื้อหมู คนอิสลามไม่กินเนื้อหมู แต่กินเนื้อไก่ ยอดขายไก่kfcจึงดีสวนทางกับยอดขายฟาสต์ฟู้ดmcdonaldที่ไม่ดี
(5)ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพภูมิอากาศ 1)เส้นรุ้งหรือละติจูด(เส้นแนวขวาง,แนวนอน) 2)การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 3)ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ 4)พื้นดินและพื้นน้ำ 5)ความสามารถในการสะท้อนแสงของพื้นผิวโลก 6)ระดับความสูงของพื้นที่7)ปริมาณเมฆ(ข้อมูล trueplookpanya.com)
ปุจฉา:ก็ในเมื่อทุกสิ่งเป็นอนัตตาแล้ว ใครเป็นผู้สร้างกรรมและเสวยผลของกรรมเล่า?
วิสัชนา:ผู้สร้างกรรมไม่มีและผู้เสวยผลของกรรมก็ไม่มี ธรรมล้วนๆเป็นไปอย่างเดียว นี้เป็นสัมมาทัสสนะคือความเห็นโดยชอบ(ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า1002)
ข้อมูล:
(1)คัมภีร์วิสุทธิมรรค
(2)คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี
(3)พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
(4)84000.org
(5)wikipedia.com
(6)google.com
(7)youtube.com
(8)ppantip.com
(9)ourworldindata.org
(10)statista.com
(11)pewresearch.org
ธรรมะไตรลักษณ์ข้อที่สาม"อนัตตาธรรม" เพื่อพระนิพพาน
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกันชั่วคราว ไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามใจปรารถนาได้ ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆ มีความสลายไปเป็นธรรมดา แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ใคร
อนัตตลักขณสูตร (บาลี: Anattalakkhaṇa Sutta) คือพระสูตรที่แสดงลักษณะ คือ เครื่องกำหนดหมายว่าเป็นอนัตตา เป็นพระสูตรที่มีความสำคัญที่สุดพระสูตรหนึ่ง เนื่องจากหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระสูตรนี้แล้วภิกษุปัญจวัคคีย์ได้บรรลุธรรม บังเกิดพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา5องค์ ซึ่งพระสูตรนี้ มีใจความเกี่ยวกับความไม่ใช่ตัวตนของขันธ์5คือ1)รูปขันธ์=ร่างกาย 2)เวทนาขันธ์=ความรู้สึก 3)สัญญาขันธ์=ความจำ 4)สังขารขันธ์=ความดำริ 5)วิญญาณขันธ์-อธิบดีขันธ์4ทำหน้าที่บริหารขันธ์4ข้างต้นและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์4-รูปขันธ์,เวทนาขันธ์,สัญญาขันธ์,สังขารขันธ์
พระสูตรนี้มีใจความโดยย่อดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก(เจริญ สุวฑฺฒโน)ได้ทรงมีพระนิพนธ์ไว้ดังต่อไปนี้
ตอนที่ 1 พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5ห้านี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เพราะเหตุว่าขันธ์นี้มิใช่อัตตาตัวตน ฉะนั้น ขันธ์5นี้จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็ย่อมไม่ได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่ 2 พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)ภิกษุปัญจวัคคีย์ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"ไม่เที่ยง" พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า" พระพุทธเจ้า(ตรัสถาม)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา? ภิกษุปัญจวัคคีย์(ตอบ)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 พระพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงผลหลังจากภิกษุปัญจวัคคีย์ผู้ได้สดับ "อนัตตลักขณสูตร" ซึ่งพระสูตรนี้ มีใจความเกี่ยวกับความไม่ใช่ตัวตนของขันธ์5ดังต่อไปนี้ว่า อริยสาวกคือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ อริยสาวกย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะ(แปลว่าอัตตาตัวตน)ในปัจจุบันทีเดียว
(2)ละสังโยชน์(แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)ข้อที่1สักกายทิฏฐิ-ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย(ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
อะไรหนอปิดบังอนัตตลักษณะไว้มิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ สิ่งทั้งหลายที่เรียกชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนเกิดจากเอาส่วนประกอบทั้งหลายมารวบรวมปรุงแต่งขึ้น เมื่อแยกย่อยส่วนประกอบเหล่านั้นออกไปแล้ว สิ่งที่เป็นหน่วยรวมซึ่งเรียกชื่อว่าอย่างนั้นๆก็ไม่มี โดยทั่วไปมนุษย์มองไม่เห็นความจริงนี้เพราะถูก “ฆนสัญญา” คือความจําหมายหรือความสําคัญหมายเป็นหน่วยรวมคอยปิดบังไว้เข้ากับคํากล่าวอย่างชาวบ้านว่าเห็นเสื้อแต่ไม่เห็นผ้า เห็นแต่ตุ๊กตามองไม่เห็นเนื้อยาง เห็นแต่แสงสีขาวมองไม่เห็นแสงสีรุ้งเจ็ดสีคือคนที่ไม่ได้คิดไม่ได้พิจารณาบางทีก็ถูกภาพตัวตนของ
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มีมีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)แสงสีรุ้งเจ็ดสี(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ก็ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน จึงจักปรากฏแสงสีรุ้งเจ็ดสี(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ปรากฏออกมาให้เห็น
"ฆนสัญญา" ย่อมปิดบังอนัตตลักษณะไว้ในทํานองแห่งตัวอย่างง่ายๆที่ได้ยกมากล่าวไว้นี้ เมื่อใช้อุปกรณ์หรือวิธีการที่ถูกต้องมาวิเคราะห์มนสิการเห็นความแยกย่อยออกเป็นส่วนประกอบต่างๆจึงจะประจักษ์ในความมิใช่ตัวตน มองเห็นว่าเป็น “อนัตตา” [ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป.อ.ปยุตโต)]
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ต้นไม้ ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่ แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(3)ดอกดาวเรือง ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วันเพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(4)ไม้น้ำประดับตู้ปลา ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะเหตุ-ปัจจัยคือวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา ไก่ตอน-ตัวโต ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)อายุแม่ไก่พันธุ์ประดู่หางดำเชียงใหม่เมื่อเริ่มออกไข่ฟองแรก เลี้ยงในฟาร์ม188วัน เลี้ยงในบ้าน225วัน ผิดกัน37วัน(ข้อมูล รายงานวิจัยการเลี้ยงไก่พันธุ์ประดู่หางดำเชียงใหม่โดยพรพิมล ใจไหว)
(5)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนเสียงแบบไหนเป็นไปตามเหตุ-ปัจจัยคือเสียงที่พวกมันได้ยิน,กิ้งก่าจะเปลี่ยนสีไปตามเหตุ-ปัจจัยคือสภาพแวดล้อมที่อยู่
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เจนวาย(2523-2540) ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ที่ไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกัน เช่น จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาท จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาท ผิดกัน46เท่า(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896,1996 (ชาย162ซม.,171ซม.) (หญิง151ซม.,159ซม.) ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)กรรมพันธุ์2)โภชนาการโดยเฉพาะโปรตีน3)สุขภาพแม่และเด็ก4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคมและเศรษฐกิจ(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1900,2021(32ปี,71ปี) ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)โภชนาการ2)สาธารณสุข3)คุณภาพชีวิต4)เศรษฐกิจ5)ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา(จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี)อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลกในปี1900,2023(6คน,2คน)ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด2)การศึกษาของผู้หญิง3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย5)พ่อแม่รุ่นใหม่เอาคุณภาพมาก่อนปริมาณ ถ้าหากไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรของตนให้มีมาตรฐานสูงตามที่ตนตั้งไว้ก็เลือกที่จะไม่มีบุตรเลย6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้ ปี1800-12% ปี1900-20% ปี2023-87%บางคนพูดได้สอง,สามภาษา
(7)คนเกาหลีในอเมริกา,คนเกาหลีในเกาหลีใต้เป็นคริสเตียน71%,29% เป็นพุทธศาสนิกชน6%,23% ไม่นับถือศาสนา23%,46% เหตุ-ปัจจัย:ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด(ข้อมูล pewresearch)
(8)คนจีนเป็นอนัตตา-คนจีนคนเดียวกันสองคนเกิดคนละประเทศกันผลลัพธ์ที่ได้คือคนจีนสองคนที่ไม่เหมือนกันเช่น คนจีนในอเมริกา-พูดยักไหล่/นิสัย,ความคิดเหมือนฝรั่ง คนจีนนอกอเมริกา-พูดไม่ยักไหล่/นิสัย,ความคิดไม่เหมือนฝรั่งเป็นต้น
(9)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-คนแต่ละประเทศจะมีสำเนียงไม่เหมือนกัน เพราะเหตุ-ปัจจัยที่ไม่เหมือนกันคือมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(10)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะเป็นไปตามเหตุ-ปัจจัยคือเมื่อพูด-ฟังไม่ได้ยิน คนหูหนวกจึงไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
สิ่งไม่มีชีวิต:
(1)ราคาทองคำขึ้น-ลงเพราะเหตุ-ปัจจัย 1)ดอกเบี้ยนโยบาย 2)ค่าเงินดอลลาร์ 3)อุปสงค์-อุปทาน 4)ราคาน้ำมันหรืออัตราเงินเฟ้อ
(2)ราคาน้ำในประเทศตะวันออกกลางแพงกว่าประเทศอื่นๆเพราะภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
(3)ราคาซีฟู้ดในภาคใต้ถูกกว่าอีสานเพราะภาคใต้ติดทะเล
(4)ไก่kfcขายดีในประเทศอิสลาม แต่ฟาสต์ฟู้ดmcdonaldขายไม่ดีในประเทศอิสลามเพราะในเมนูมีแต่เนื้อหมู คนอิสลามไม่กินเนื้อหมู แต่กินเนื้อไก่ ยอดขายไก่kfcจึงดีสวนทางกับยอดขายฟาสต์ฟู้ดmcdonaldที่ไม่ดี
(5)ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพภูมิอากาศ 1)เส้นรุ้งหรือละติจูด(เส้นแนวขวาง,แนวนอน) 2)การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 3)ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ 4)พื้นดินและพื้นน้ำ 5)ความสามารถในการสะท้อนแสงของพื้นผิวโลก 6)ระดับความสูงของพื้นที่7)ปริมาณเมฆ(ข้อมูล trueplookpanya.com)
ปุจฉา:ก็ในเมื่อทุกสิ่งเป็นอนัตตาแล้ว ใครเป็นผู้สร้างกรรมและเสวยผลของกรรมเล่า?
วิสัชนา:ผู้สร้างกรรมไม่มีและผู้เสวยผลของกรรมก็ไม่มี ธรรมล้วนๆเป็นไปอย่างเดียว นี้เป็นสัมมาทัสสนะคือความเห็นโดยชอบ(ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า1002)
(2)คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี
(3)พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
(4)84000.org
(5)wikipedia.com
(6)google.com
(7)youtube.com
(8)ppantip.com
(9)ourworldindata.org
(10)statista.com
(11)pewresearch.org