อนัตตา:กฎธรรมชาติอย่างหนึ่งเป็นหลักคำสอนหนึ่งในศาสนาพุทธที่ว่า ไม่ว่าพืช,สัตว์,คน,สิ่งไม่มีชีวิตทุกชนิดล้วนเป็นสิ่งที่เหตุ-ปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา มิใช่ตัวตน เป็นหลักเกี่ยวกับกฎเหตุ-ปัจจัย ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุ-ปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครผู้ใดจึงไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นอย่างที่ใจผู้ใดปรารถนาได้ไม่ว่าใคร
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน เมื่อเห็นร่างกายโดยความเป็นธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน ความสำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนย่อมไม่มีหลงเหลือ เป็นสักแต่ว่าเพียงก้อนธาตุหรือองค์ประกอบแยกย่อยต่างๆหลายๆส่วนที่มารวมกันเป็นตัวตนขึ้นมา อุปมาเหมือนนายโคฆาตก์ผู้ฉลาดชำแหละเนื้อแม่โคไว้ตรงทางสี่แพร่งแล้ว แม่โคหายไปกลายเป็นชิ้นเนื้อ ชนผู้ต้องการชิ้นเนื้อสำคัญแม่โคที่ซื้อนั้นสักแต่ว่าเพียงชิ้นเนื้อ มิได้สำคัญว่าเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล(แม่โค)อีกต่อไป เป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้ เกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้ การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย เหตุปัจจัยมี มันก็เกิดขึ้น เหตุปัจจัยหมด มันก็ดับ มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดาเปลี่ยนแปลงตามเหตุเสมอ ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆมิอาจต้านทานได้ มีความสลายไปเป็นธรรมดาดับสลายไปเป็นที่สุด เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ผู้ใดไม่ว่าใคร
อาการ 32 หมายถึง 1)ปฐวีธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง มี 20 อย่าง ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า มันสมอง 2)อาโปธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ มี 12 อย่าง ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร 3)เตโชธาตุ 4)วาโยธาตุ การพิจารณาร่างกายแยกเป็นส่วนๆเรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน คือ กรรมฐานที่พิจารณาธาตุเป็นอารมณ์ โดยกำหนดพิจารณากายนี้แยกเป็นส่วนๆ ให้เห็นว่าเป็นเพียงธาตุ4 แต่ละอย่างไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
(ข้อมูล เว็บไซต์สำนักงานราชบัณฑิตยสภา)
อนัตตลักขณสูตร
(ขันธ์5รูป=ร่างกาย เวทนา=ความรู้สึก สัญญา=ความจำ สังขาร=ความดำริ วิญญาณ=อธิบดีแห่งขันธ์4ผู้บริหารและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์ทั้ง4-รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร)
ตอนที่ 1 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่ 2
(พระพุทธเจ้า)ตรัสถามว่า ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 คือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะในปัจจุบันทีเดียว (อัสมิมานะแปลว่าอัตตาตัวตน)
(2)ละสังโยชน์ข้อที่1ได้-สักกายทิฏฐิ=ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน (สังโยชน์แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย (ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
(4)อริยสาวกเมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า ร่างกายนี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา อริยสาวกย่อมเบื่อหน่ายในร่างกาย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วอริยสาวกย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี (ข้อมูล อนัตตลักขณสูตร พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเล่มที่4,17)
(5)ด้วยพระผู้มีพระภาคทรงหวังประโยชน์ ใคร่จะโปรดเวไนยชนผู้ตกอยู่ในอัตตคาหะ (ความยึดถือว่าเป็นตน) ในขันธ์ทั้ง 5 โดยไม่แยกกัน ให้หลุดพ้นจากอัตตคาหะด้วย (ให้) เห็นโดยกระจายกลุ่มก้อนออกไป (ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า799)
อะไรปิดบังอนัตตลักษณะมิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มี มีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏ ต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)จึงปรากฏออกมาให้เห็น
(ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยป.อ.ปยุตโต)
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ผักเป็นอนัตตา
ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากเล็ก
ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากใหญ่
(ข้อมูล ezgrogarden.com)
(3)ต้นไม้
ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่
แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(4)ดอกดาวเรือง
ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน
ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง
(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(5)ไม้น้ำประดับตู้ปลา
ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
(ข้อมูล ช่องMarangMod Channel youtube.com)
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน
(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา
ไก่ตอน-ตัวโต
ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
(5)กิ้งก่าเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบๆตัว
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน
คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน
ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ
1)เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง
2)เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
3)เจนวาย(2523-2540)ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
4)เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย
5)เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกันเลยไม่เหมือนกัน เช่น
จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาทต่อหัว
จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาทต่อหัว
ผิดกัน46เท่า
(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896(ชาย162ซม.,หญิง151ซม.)
เกิดในปี1996(ชาย171ซม.,หญิง159ซม.)
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)กรรมพันธุ์
2)โภชนาการ(โปรตีน,นม)
3)สุขภาพแม่และเด็ก
4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคม
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่
เกิดในปี2021-32ปี
เกิดในปี2021-71ปี
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)โภชนาการ
2)สาธารณสุข
3)คุณภาพชีวิต
4)เศรษฐกิจ
5)อายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาจากอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลง
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา (จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี) อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลก
ในปี1900-6คน
ในปี2023-2คน
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด
2)การศึกษาของผู้หญิง
3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย
5)พ่อแม่รุ่นใหม่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้
ปี1800-12%
ปี1900-20%
ปี2023-87%
(7)คนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้
เป็นคริสเตียน-71%/29%
เป็นพุทธ-6%/23%
ไม่มีศาสนา-23%/46%
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเปอร์เซ็นต์การนับถือศาสนาของคนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้ถึงแตกต่างกันมากนัก
(ข้อมูล pewresearch.org )
(8)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-สำเนียงพูดภาษาไทยของคนต่างชาติจะไม่เหมือนกับคนไทย เพราะมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(9)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะไม่ได้ยินเสียงเลยพูด
ธรรมะเฉพาะเรื่อง"อนัตตา"อย่างเดียว (สรุปจบภายใน 5 นาที)
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน เมื่อเห็นร่างกายโดยความเป็นธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน ความสำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนย่อมไม่มีหลงเหลือ เป็นสักแต่ว่าเพียงก้อนธาตุหรือองค์ประกอบแยกย่อยต่างๆหลายๆส่วนที่มารวมกันเป็นตัวตนขึ้นมา อุปมาเหมือนนายโคฆาตก์ผู้ฉลาดชำแหละเนื้อแม่โคไว้ตรงทางสี่แพร่งแล้ว แม่โคหายไปกลายเป็นชิ้นเนื้อ ชนผู้ต้องการชิ้นเนื้อสำคัญแม่โคที่ซื้อนั้นสักแต่ว่าเพียงชิ้นเนื้อ มิได้สำคัญว่าเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล(แม่โค)อีกต่อไป เป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้ เกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้ การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย เหตุปัจจัยมี มันก็เกิดขึ้น เหตุปัจจัยหมด มันก็ดับ มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดาเปลี่ยนแปลงตามเหตุเสมอ ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆมิอาจต้านทานได้ มีความสลายไปเป็นธรรมดาดับสลายไปเป็นที่สุด เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ผู้ใดไม่ว่าใคร
อาการ 32 หมายถึง 1)ปฐวีธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง มี 20 อย่าง ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า มันสมอง 2)อาโปธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ มี 12 อย่าง ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร 3)เตโชธาตุ 4)วาโยธาตุ การพิจารณาร่างกายแยกเป็นส่วนๆเรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน คือ กรรมฐานที่พิจารณาธาตุเป็นอารมณ์ โดยกำหนดพิจารณากายนี้แยกเป็นส่วนๆ ให้เห็นว่าเป็นเพียงธาตุ4 แต่ละอย่างไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
(ข้อมูล เว็บไซต์สำนักงานราชบัณฑิตยสภา)
อนัตตลักขณสูตร
(ขันธ์5รูป=ร่างกาย เวทนา=ความรู้สึก สัญญา=ความจำ สังขาร=ความดำริ วิญญาณ=อธิบดีแห่งขันธ์4ผู้บริหารและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์ทั้ง4-รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร)
ตอนที่ 1 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนที่ 2
(พระพุทธเจ้า)ตรัสถามว่า ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 คือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะในปัจจุบันทีเดียว (อัสมิมานะแปลว่าอัตตาตัวตน)
(2)ละสังโยชน์ข้อที่1ได้-สักกายทิฏฐิ=ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน (สังโยชน์แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย (ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
(4)อริยสาวกเมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า ร่างกายนี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา อริยสาวกย่อมเบื่อหน่ายในร่างกาย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วอริยสาวกย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี (ข้อมูล อนัตตลักขณสูตร พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเล่มที่4,17)
(5)ด้วยพระผู้มีพระภาคทรงหวังประโยชน์ ใคร่จะโปรดเวไนยชนผู้ตกอยู่ในอัตตคาหะ (ความยึดถือว่าเป็นตน) ในขันธ์ทั้ง 5 โดยไม่แยกกัน ให้หลุดพ้นจากอัตตคาหะด้วย (ให้) เห็นโดยกระจายกลุ่มก้อนออกไป (ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า799)
อะไรปิดบังอนัตตลักษณะมิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มี มีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏ ต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)จึงปรากฏออกมาให้เห็น
(ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยป.อ.ปยุตโต)
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ผักเป็นอนัตตา
ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากเล็ก
ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากใหญ่
(ข้อมูล ezgrogarden.com)
(3)ต้นไม้
ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่
แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(4)ดอกดาวเรือง
ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน
ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง
(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(5)ไม้น้ำประดับตู้ปลา
ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
(ข้อมูล ช่องMarangMod Channel youtube.com)
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน
(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา
ไก่ตอน-ตัวโต
ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
(5)กิ้งก่าเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบๆตัว
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน
คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน
ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ
1)เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง
2)เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
3)เจนวาย(2523-2540)ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
4)เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย
5)เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกันเลยไม่เหมือนกัน เช่น
จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาทต่อหัว
จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาทต่อหัว
ผิดกัน46เท่า
(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896(ชาย162ซม.,หญิง151ซม.)
เกิดในปี1996(ชาย171ซม.,หญิง159ซม.)
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)กรรมพันธุ์
2)โภชนาการ(โปรตีน,นม)
3)สุขภาพแม่และเด็ก
4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคม
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่
เกิดในปี2021-32ปี
เกิดในปี2021-71ปี
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)โภชนาการ
2)สาธารณสุข
3)คุณภาพชีวิต
4)เศรษฐกิจ
5)อายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาจากอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลง
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา (จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี) อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลก
ในปี1900-6คน
ในปี2023-2คน
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด
2)การศึกษาของผู้หญิง
3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย
5)พ่อแม่รุ่นใหม่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้
ปี1800-12%
ปี1900-20%
ปี2023-87%
(7)คนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้
เป็นคริสเตียน-71%/29%
เป็นพุทธ-6%/23%
ไม่มีศาสนา-23%/46%
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเปอร์เซ็นต์การนับถือศาสนาของคนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้ถึงแตกต่างกันมากนัก
(ข้อมูล pewresearch.org )
(8)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-สำเนียงพูดภาษาไทยของคนต่างชาติจะไม่เหมือนกับคนไทย เพราะมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(9)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะไม่ได้ยินเสียงเลยพูด