JJNY : 5in1 ส.ว.วุ่น! ไม่ยอมก๊วนสีน้ำเงิน│สุพิศาลประเมิน‘ก้าวไกล’│"วิโรจน์"รอค่ายแจง│หุ้นไทยดิ่ง│ต่างชาติออกจากเลบานอน

ส.ว.วุ่น! พันธุ์ใหม่-สีขาว ไม่ยอม ก๊วนสีน้ำเงิน กินรวบชงชื่อ นั่งกมธ.สอบประวัติอสส. จนปธ.สั่งพักประชุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4719731
 
 
ที่ประชุมวุฒิสภา ป่วนแย่งเก้าอี้ กมธ.สอบประวัติ อสส. “สว.พันธุ์ใหม่-สีขาว” เปิดหน้าสู้ “ก๊วนน้ำเงิน” ซัดเสนอชื่อก๊วนเดียว อาจถูกมองเป็นสภารีโมท-ใบสั่ง ทำ “ปธ.บุญส่ง”ต้องสั่งพัก 1 ชม.

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมพิจารณาการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ทั้งนี้เป็นการดำเนินการตั้งกมธ.ขึ้นใหม่ เพื่อทำงานต่อเนื่องจาก กมธ.ชุดเดิม ซึ่งเป็นส.ว.ชุดเก่า โดยตามกระบวนการต้องพิจารณาชื่อของอัยการสูงสุด (อสส.) ตามที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เสนอชื่อ  นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่ง

ทั้งนี้ ในการพิจารณาของส.ว. มีความเห็นให้ส่งคืนชื่อนายไพรัช คืนให้ ก.อ. ทบทวนและเสนอกลับมาใหม่ โดยส.ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ อาทิ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. และ นางอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. อภิปรายให้ส.ว.ส่งคืนรายชื่อดังกล่าว เพื่อไม่ให้ภาพการทำงานของส.ว.ปัจจุบันเป็นการทำงานที่รับมรดกจากสว.ชุดเก่า อีกทั้งเพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส

โดย น.ส.นันทนา อภิปรายว่า เข้าใจว่า บุคคลที่ถูกเสนอชื่อนั้น ไม่มีความอาวุโสสูงสุด จึงอยากให้ส่งชื่อเพื่อให้ยืนยันกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งการเห็นชอบบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง ควรทำให้เกิดความโปร่งใส และตอบคำถามกับประชาชนได้ว่า เป็นผลงานของ ส.ว.ปัจจุบันตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ได้รับมรดกของส.ว.ชุดใดมา ดังนั้น ขอให้เริ่มต้นจากการตรวจสอบที่เข้มข้นจาก กมธ.ใหม่ ไม่รับข้อมูลที่เป็นของเดิม ที่กมธ.ทำเป็นการลับ และไม่รู้ว่า การตรวจสอบเป็นอย่างไร

ขณะที่ นางอังคณา อภิปรายสนับสนุนให้ส่งรายชื่อให้หน่วยงานเป็นผู้พิจารณาและเสนอกลับมาให้สว.ใหม่ โดยไม่ควรคำนึงถึงเวลาเร่งรีบที่ต้องให้ได้บุคคลในเดือนตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ส.ว.ชุดก่อนมีมติไม่เห็นชอบตุลาการที่เสนอชื่อจากกรรมการตุลาการศาลปกครอง ในช่วงเวลาเดือนเศษก่อนหมดวาระ เมื่อเวลาหน่วยงานเสนอมาใหม่ ถูกปฏิเสธจากวุฒิสภา เชื่อว่าหน่วยงานไม่กล้าเสนอคนเดิม ดังนั้นตนสนับสนุนให้ส่งคืนรายชื่อให้หน่วยงานและเสนอกลับเข้ามาใหม่

ทั้งนี้ มีส.ว. ที่แสดงความเห็นคัดค้าน อาทิ พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย, นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม ส.ว. อภิปรายว่า การแต่งตั้งอัยการสูงสุด และศาลปกครองสูงสุด หากถอยแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ อาจจะไม่ทันต่อการได้ตำแหน่งดังกล่าวในเดือน ตุลาคมนี้ ดังนั้นควรพิจารณาเสนอชื่อกมธ.เพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองและพิจารณา

แต่ทั้งนั้น นายบุญส่ง ยืนยันให้พิจารณาเสนอชื่อ กมธ.เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ และขอให้มีการเสนอชื่อ ทำให้ที่ประชุมเข้าสู่กระบวนการเสนอชื่อ กมธ. แต่มีการเสนอชื่อ ส.ว. เป็นกมธ.ตรวจสอบประวัติ เกินกว่า 15 คน ทำให้ที่ประชุมต้องใช้การลงมติผ่านบัตรลงคะแนนเพื่อตัดสิน

ทั้งนี้ เป็นน่าสังเกตว่า มีการเสนอรายชื่อแบบเป็นกลุ่มมก้อน โดย นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ส.ว. เสนอรายชื่อกมธ. 15 คน พบว่า เป็นสัดส่วนที่เตรียมมาแล้วล่วงหน้าและเป็นกลุ่มก้อนชัดเจน ขณะที่ นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย ส.ว. อภิปรายว่า การเสนอชื่อส.ว.ให้เป็นกมธ.ถือเป็นภาพที่สำคัญ หากภาพออกไป 15 คนเรียงกันตามที่เสนอ ประชาชนที่ดูในขณะนี้ต้องมีข้อสงสัยและไม่มั่นใจ จึงขอหารือเสนอตนเองก่อนที่จะเสนอเป็นชุด เพื่อให้เกิดความหลากหลายไม่เป็น กลุ่มเดียวเกินไป

จากนั้น นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. อภิปรายว่า ตนเสนอชื่อตนเองก่อนหน้านี้ จำได้หรือไม่ ส่วนการเสนอเป็นชุดใหญ่นั้นมาทีหลัง หากเป็นแบบนี้ภาพที่ออกไป คือ สภารีโมท สภาใบสั่ง ซึ่งตนอายและไม่ยอม จะสู้ให้ถึงสว่าง เพราะการตั้งองค์กรอิสระถือเป็นหัวใจของวุฒิสภา และขอให้ท่านต้องตอบให้รู้ว่า จะต้องขออนุญาตจากใครที่เป็นเจ้าของสภา ที่เสนอมาเป็นชุดแสดงว่าอย่างไร ที่เสนอรวดเดียว โดยไม่ฟังว่าคนที่ต้องการเป็น อย่างตนนั้นถูกมองข้าม หากเสนอแบบนี้จะเกิดปัญหาเรื่อยๆ

นายบุญส่ง ชี้แจงว่า ไม่ห้ามเสนอตนเอง เพราะเป็นสิทธิส.ว.ใครจะได้เป็น ยึดตามมติของส.ว. อย่าลืมว่าเราเป็นสมาชิกปวงชนชาวไทยที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลแล้ว

ขณะที่ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส.ว. เสนอรายชื่อ ส.ว.ในกลุ่มพันธุ์ใหม่ 10 คน อาทิ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นางอังคณา นีลไพจิตร น.ส.นันทนา นันทวโรภาส นายวีรยุทธ์ สร้อยทอง นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ ให้เป็นกมธ.ด้วย

ด้าน พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ ส.ว. อภิปรายว่า ส.ว.เป็นผู้ตรวจสอบรัฐบาล การปฏิบัติหน้าที่ส.ว. ประชาชนติดตามทุกจังหวัด ขอให้เป็นไปตามบทบาทของกฎหมาย รู้เจตนาอยู่แล้ว ทุกอย่างสังคมเห็นเจตนา ขอให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและความถูกต้องของบ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม มีการเสนอชื่อ รวม 34 คน ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่าที่กำหนด ทำให้ต้องใช้การตัดสินด้วยการออกบัตรลงคะแนน และด้วยระยะเวลาเตรียมบัตรออกเสียงต้องใช้เวลา ทำให้นายบุญส่งแจ้งให้พักการประชุม 1 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อนออกเสียงลงคะแนนเพื่อตัดสิน
 


สุพิศาล ประเมิน‘ก้าวไกล’รอด 50:50 ดีลถิ่นกาขาวยังไม่จบ โวมีหลายพรรคให้เลือก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9346450

สุพิศาล ประเมิน ‘ก้าวไกล’ รอดถูกยุบ 50:50 รับพรรคถิ่นกาขาว หนึ่งในตัวเลือก แต่ยังไม่จบดีล ชวนลุ้น ‘ศิริกัญญา’ นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่ ลั่นเป็นไปได้ ผู้นำฝ่ายค้านเป็นผู้หญิง

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2567 พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล วันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ประเด็นต่อสู้ทั้ง 9 ข้อที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค แถลงไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ประเด็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ

รวมถึงอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่ได้ดำเนินการไปตามข้อบังคับในเรื่องการตรวจสอบพยาน หรือให้คู่ความที่เป็นผู้ถูกร้องดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล กระทั่งถึงผู้ถูกร้องที่จะถูกพิพากษา การกระทำของบุคคลอาจจะถือเป็นคนขององค์กรหรือของพรรคไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ทุกหัวข้อที่แถลงไปแสดงให้เห็นว่าเราสู้อย่างเต็มหมัด ไม่มีถอย คาดว่าในวันที่ 7 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะมีผลดีประเมินไว้ 50:50

ส่วนกระแสข่าวพรรคก้าวไกลปิดดีลพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลไว้ เพื่อเป็นพรรคสำรองหากพรรคก้าวไกลถูกยุบนั้น พล.ต.ต.สุพิศาล ระบุว่า ขณะนี้ดีลยังไม่จบ กระแสข่าวน่าจะมาจากคนที่ใกล้ชิด แต่อาจจะไม่ใช่ความจริง หากถามว่ามีหรือไม่ ต้องยอมรับว่ามีอยู่ในตัวเลือก เราเลือกเฉพาะพรรคที่มีอยู่แล้วใน 80 กว่าพรรค

ส่วนตัวก็มีน้องๆ หลายคนที่ทำพรรคการเมืองมาบอกว่าหากจำเป็นก็พร้อมร่วมเดินทางกับพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบแน่นอน ผมเคยพูดว่ารถคันต่อไปของก้าวไกลจะไม่ใช้รถดีเซล แต่จะเป็นรถไฮบริด ที่ทั้งเร็ว แรง แหลมคมและทันสมัย” พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าว

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า การดีลพรรคการเมืองมีรายละเอียดหลายอย่าง การจะเข้าไปอยู่ในพรรคใหม่ต้องตรวจสอบว่าการนำเสนอของพรรคนั้นเป็นอย่างไร เป็นปรปักษ์กับพรรคก้าวไกล มีความสร้างสรรค์ ต้องการการเปลี่ยนแปลงตรงกับเรา รวมถึงฐานะการเงินว่ารายงานต่อ กกต.อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ และคดีติดค้าง เราก็ต้องตรวจสอบอย่างรัดกุม

เมื่อตกลงกันจบแล้วในช่วงเวลา 7 วัน หรือ 1 เดือน เราต้องย้ายสมาชิกใหม่อย่างครบถ้วน ซึ่งหัวหน้าพรรคนั้นก็ต้องลาออก จากนั้นจะประชุมวิสามัญพื่อสรรหากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่มีชื่อ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนมีชื่อในใจอยู่แล้ว ให้รอดูวันที่ 7 ส.ค.ว่ามีใครส่งกระดาษให้กับใคร หรือใครยื่นให้สัมภาษณ์ ตอนนี้ก็มีการปล่อยคลิปจากพรรคออกมา 2 ชิ้นแล้ว หากใบ้คนที่อยู่ในวิดีโอนั้น ก็ล้วนเป็นตัวตึง

แต่หากน.ส.ศิริกัญญามาเป็นหัวหน้าพรรคจริง ก็ถือเป็นความทันสมัย สังคมไทยรับผู้นำหญิงมานานแล้ว ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีหญิง เราสามารถทำได้แน่นอนหากจะมีผู้นำฝ่ายค้านเป็นผู้หญิง
 


"วิโรจน์" รอค่ายทหารเชียงใหม่ แจงปมซ้อมพลทหาร ตรวจสอบมื้อเช้าทบ. มีภาพหลุด "แกงจืดซากแตงกวา" หนุนตรวจสุขภาพจิตครูฝึก  
https://siamrath.co.th/n/556035

วันที่ 5 สิงหาคม 2567 อาคารรณนภากาศ กองทัพอากาศ นายวิโรจน์  ลักขณาอดิศร  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงการซ้อมทรมานพลทหาร 10 นาย ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่า จะมีการเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการในเร็วๆ นี้ โดยคาดการว่าคำชี้แจงจะมีลักษณะในการกล่าวหาว่าพลทหารทำผิดร้ายแรง การสั่งลงโทษที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้ครูฝึกถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งนายวิโรจน์เห็นว่าวิธีดังกล่าวควรยกเลิกได้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นตน ทราบว่าพลทหารที่บาดเจ็บ มีการนำยาเสพติดมาในค่ายจริงตามที่ครูฝึกอ้าง ตนก็จำหน่ายออกจากค่าย แต่ไม่ควรปล่อยให้เกิดการทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็ต้องดูรายละเอียดว่าเป็นลักษณะผู้ค้าหรือผู้เสพ  และส่งดำเนินการตามขั้นตอน

ส่วนการประชุมอง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่นัดหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร  โดยการให้ตรวจสอบสุขภาพจิตของครูฝึก นายวิโรจน์มองว่า สอดคล้องกับความคิดของตน และเชื่อว่านายสุทิน จะเห็นท่าทีการให้สัมภาษณ์ของตนในเรื่องนี้ ซึ่งตนขอยืนยันจากการพูดคุย 3 ผบ. เหล่าทัพว่ากองทัพให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหามากขึ้นแสดงถึงความจริงใจ แม้ว่าจะแก้ปัญหาได้ไม่หมด เมื่อเกิดเหตุทีไรก็เสียใจทุกครั้ง แต่ก็ขอชื่นชมการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว แต่ขาดเพียงการตรวจสอบสุขภาพจิตของครูฝึก

นอกจากนี้ นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนซ้อมทรมานพลทหารและทหาร เข้ามาที่ กมธ.ขณะนี้ ว่าตัวเลขลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการแก้ไข  คลี่คลายปัญหาทำได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ตนเชื่อวา ผบ.เหล่าทัพไม่อยากให้เกิดเหตุการดังกล่าว แต่เมื่อเหตุเกิด ผู้บังคับบัญชาก็เข้าไปแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ที่ทราบว่าอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้รอหนังสือชี้แจงกลับมา ส่วนสถิติที่เกิดขึ้นมากที่สุดก็ต้องยอมรับว่าเป็นกองทัพบก เนื่องจากมีกำลังพลมากที่สุด แต่ก็ขอว่าให้มองเป็นแต่ค่ายไป นอกจากนี้ตนขอกล่าวชื่นชมกองทัพอากาศ ที่เป็นแบบอย่างที่ดี และขอให้นำมาเป็นแบบอย่าง

นายวิโรจน์ กล่าวว่าระหว่างตนกับ 3 ผบ.เหล่าทัพ ต้องการให้การซ้อมทรมานในค่ายทหารเป็นศูนย์ แต่ในทางปฏิบัติยังทำไม่ได้ครบร้อยเปอร์เซนต์ แต่โดยสถิติลดลง เช่นหน่วยอากาศโยธิน กองทัพอากาศ ที่ไม่มีหนังสือร้องเรียนการซ้อทรมาน ถือเป็นหน่วยงานที่มีการปรับปรุงระบบได้ดี เท่าที่ตนทราบ ผู้คุมการฝึกของกองทัพอากาศมีการประเมินความพร้อมและสุขภาวะทางจิต เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ระเบียบกำหนดไว้ ส่วนกรณีที่เกิดกับนายสิบ คือความไม่พร้อมของผู้หมวดที่สุขภาพทางจิตไม่พร้อมในการคุมฝึก หรือบุคลลิกภาพแปรปรวน  (Personality Disorder)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่