ไม่ตั้งใจฆ่าสัตว์ จะเป็นบาปไหม กรรมคือกายและเจตนา

ถาม   ไม่ตั้งใจฆ่าสัตว์ จะเป็นบาปไหม

ตอบ
บาปคือความเดือดร้อน   บาปคือกิเลส
บาปคือทุจริต 3
ต้องแยก   บาป  กับเวทนาชนิดทุกข์

บาป ไม่เกิด  แต่ทุกข์ เกิดเป็นธรรมดา  เพราะมีผัสสะ เนื่องจากมี
กรรมเก่า คือขันธิ์
ทุกข์นี้เรียกว่า โทมนัส
โทมนัส  คือเวทนาทุกข์จากความปราถนา
แบ่งออกเป็น2
คือทางโลก
และทางธรรม
โทมนัสทางธรรม  อาจเป็นเรื่อง การปราถนาหลีกจากการเบียดเบียน
การต้องการวิเวก
โทมนัสทางธรรม   แยกจาก
เรื่อง อริยสาวก ที่ได้รับความทุกข์ทางกายแต่ใจจะไม่เดือดร้อน
โทมนัสทางธรรม เป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับได้รับทุกข์ทางกาย
โทมนัสทางธรรม เป็นเรื่องปราถนา ความวิเวกกาย วิเวกจิต
เป็นเวทนาชนิดหนึ่ง ไม่ผิดที่มี   เป็น มรรค เป็นทางเดิน
เป็นเหมือนเรืออาศัยข้ามฝั่ง
แม้พระอรหันต์ ก็ยัง ปราถนา  ที่จะวิเวกกาย วิเวกจิต
ยังมีโทมนัสทางใจ เรียก โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
พระอรหันต์จะมี นิพพาน 2 แบบ
คือ สอุปานิเสสนิพพาน หมายถึง สภาวะของนิพพานที่เป็นไปกับด้วยอุปาทิเหลืออยู่หรือนิพพานที่ยังเกี่ยวข้องกับขันธ์ 5
 ได้แก่สภาวะของพระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุความสิ้นกิเลสแล้ว แต่ยังทรงขันธ์5 หรือยังมีชีวิต อยู่
มีเวทนาเป็นธรรมดา  มีโทมนัสทางธรรม ที่ไม่เกี่ยวกับกิเลส
และอนุปาทิเสสนิพพาน ซึ่งหมายถึงสภาวะของนิพพานที่ไม่มีอุปาทิเหลืออยู่

เมื่อกายมีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้นเพราะความจงใจทางกายเป็นเหตุ
เมื่อวาจามีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้นเพราะความจงใจทางวาจาเป็นเหตุ
เมื่อใจมีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมบังเกิดขึ้นเพราะความจงใจทางใจเป็นเหตุ
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยนั่นแหละ บุคคลย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายใน เกิดขึ้นด้วยตนเองบ้าง
บุคคลย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น เพราะผู้อื่นบ้าง
บุคคลรู้สึกตัว ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นบ้าง
บุคคลไม่รู้สึกตัว ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นบ้าง
อวิชชาแทรกอยู่แล้วในธรรมเหล่านี้
ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ กายซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี วาจาซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี ใจซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี
เขต (ความจงใจเป็นเหตุงอกงาม) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี
วัตถุ (ความจงใจอันเป็นที่ประดิษฐาน) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี
อายตนะ (ความจงใจอันเป็นปัจจัย) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี
อธิกรณ์ (ความจงใจอันเป็นเหตุ) ซึ่งเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้น จึงไม่มี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่