พิธา ให้ปชช.ประเมินนายกฯตอบกระทู้ เตือนใช้งบทำดิจิทัลวอลเล็ตให้ดี ห่วงวิกฤตกลายเป็นวิบัติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4675485
พิธา โยน ปชช.ประเมินนายกฯ ตอบกระทู้ ถามเป็น “แรงค้านที่ไร้อนาคต” หรือ “รัฐบาลไร้คำตอบ” กันแน่ เตือนใช้งบทำดิจิทัลวอลเล็ตให้ดี ห่วงจากวิกฤตจะกลายเป็นวิบัติ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ว่ารัฐบาลต้องต่อสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคตว่า คงต้องชวนให้พี่น้องประชาชน ย้อนดูการถามกระทู้ของ น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคกก้าวไกล แล้วค่อยตัดสินว่า เป็นแรงค้านที่ไร้อนาคต หรือรัฐบาลที่ไร้คำตอบกันแน่ ตนคิดว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสินได้ เพราะความตั้งใจของ น.ส.
ศิริกัญญา และพรรคก้าวไกลนั้น ไม่เหมือนกับการถามกระทู้ ที่จะพูดอะไรก็ได้ เป็นการตั้งคำถามเฉพาะเจาะจง และให้ตอบคำถามมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกับพี่น้องประชาชน เนื่องจากเศรษฐกิจจะวิกฤตหรือไม่วิกฤต ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาล ถ้าหากทำอย่างละเอียดตั้งอกตั้งใจ วิกฤตคงจะคลี่คลายไปได้ แต่ถ้าจะทำแบบประชานิยม กู้เงินในอนาคตใช้งบประมาณมหาศาล จนเหมือนเป็นไข่ที่อยู่ในตะกร้าใบเดียว ถ้าพลาดขึ้นมาแล้วจากวิกฤตจะกลายเป็นวิบัติไปได้ ถ้าเกิดคุณกู้เงินในอนาคตโดยไม่ลงรายละเอียด
“
ก็ต้องถามนายกรัฐมนตรีกลับ ว่าตอนที่ตอบคุณศิริกัญญา แล้วเอาสไลด์ขึ้น เป็นการวินิจฉัยปัญหาของประเทศ ที่น่าจะใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน แต่ถามว่ามีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ถามว่ากฎหมายที่ดองไว้ ท่านจะช่วยแก้ ท่านจะดองไปทำไม เพราะฉะนั้นฝากพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชนทั่วประเทศช่วยกันเป็นคนตัดสิน ผมมีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นอดีตหัวหน้าพรรคใกล้ชิดกับคุณศิริกัญญา คงจะไม่ได้เป็นคนตัดสิน ว่าตกลงเป็นแรงค้านที่ไร้อนาคต หรือรัฐบาลที่ไร้คำตอบต่อคำถามของคุณศิริกัญญา และความท้าทายของประเทศกันแน่” นาย
พิธากล่าว
เมื่อถามว่าคำถามและคำตอบในวันนี้ ฝ่ายค้านจะนำไปต่อยอดอย่างไร นาย
พิธากล่าวว่า อีก 2-3 สัปดาห์จะมีงบประมาณ เพิ่มเติมปี 67 เข้า และงบปี 68 ก็ยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ก็ถือแสดงให้เห็นแล้วว่า บางทีพอเราจะทำตามนโยบายเรือธงของตัวเอง จนไปเบียดบังงบประมาณต่างๆ ที่เป็นปัญหา เช่น ยาเสพติด สิ่งแวดล้อม งบสาธารณสุข หลายครั้งรัฐบาลจะชอบบอกว่า การแจกเงินไม่ใช่เรื่องผิดปกติ สิงคโปร์ก็แจก แต่สิงคโปร์ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความพร้อมทางการคลังเหมือนไทย ก็อยากให้คิดให้ดี เพราะเห็นว่ากลับไปกลับมาหลายครั้ง ตอนนี้ก็ไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.แล้ว ตรงนี้งบประมาณมหาศาลถ้าใช้ไม่ดีจะกลายเป็นวิบัติมากกว่าวิกฤต
ส่วนที่รัฐบาลตัดงบทำดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนของ ธ.ก.ส.ออก จะกระทบกับผู้ใช้สิทธิหรือไม่ นาย
พิธากล่าวว่า เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่งบในการใช้จะไปอยู่ที่งบกลาง คำถามคือ งบประมาณปกติที่จะต้องมีการวางแผน ต้องมี KPI รวมถึงรายละเอียดชัดเจนออกมาทำไมไม่ใช้ ทำไมต้องไปกองอยู่ที่งบกลาง ซึ่งงบกลางก็มีประโยชน์ในการนำไปใช้แบบฉับพลัน ฉุกเฉิน แต่ทำบ่อยๆ มันเสียนิสัย เสียวินัยการคลัง
เมื่อถามว่าประเมินการตอบกระทู้สดของนายกรัฐมนตรีรอบนี้ไว้อย่างไร นาย
พิธากล่าวว่า ให้ประชาชนประเมินเพราะตนมีส่วนได้ส่วนเสียเป็นคนที่อยู่ในพรรคเดียวกันก็ขอเชิญชวนทุกคนให้ประเมินแล้วกัน
พิธา ให้โอกาส ส.ว.ชุดใหม่ทำงาน จี้ กกต. ตรวจสอบข้อมูลไม่ตรงความจริง
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4675428
พิธา ให้โอกาส ส.ว.ชุดใหม่ทำงาน จี้ กกต. ตรวจสอบข้อมูลไม่ตรงความจริง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว. ชุดใหม่เริ่มมารายงานตัววันนี้เป็นวันแรกจะสามารถฝากความหวังได้หรือไม่ ว่า ต้องคำนึงถึงกระบวนการ เพราะต้องการให้เป็นตัวแทนของภาควิชาชีพว่าตอบโจทย์หรือไม่ คงต้องให้โอกาส ส.ว. ชุดใหม่ในการทำหน้าที่ และให้ประชาชนช่วยกันพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองต้องดูไม่ใช่แค่เรื่องความเหมาะสมทางอาชีพ แต่ต้องดูในเรื่องวุฒิการศึกษา และข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงด้วย ตนเข้าใจว่ามีการแจกใบส้มไปแล้ว 1 ราย ส่วนจะเป็นความหวังหรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป
กมธ.มั่นคง เรียกธนาคารเข้าแจง หลังพบบัญชีม้า เอื้อทหารพม่าซื้ออาวุธ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4675586
‘กมธ.มั่นคง’ เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-แบงก์ แจง หลัง พบบัญชีม้า เอื้อทหารเมียนมาซื้ออาวุธ ด้าน ‘รังสิมันต์’ ลั่น ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เปิดเผยรายงานอ้างว่า ธนาคารในประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลัก ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ พร้อมได้เชิญ นาย
ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านสิทธิมนุษยชน ในฐานะผู้จัดทํารายงาน มาให้ข้อมูล ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ, สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารทหารไทยธนชาติ และธนาคารกรุงเทพ
โดยนาย
รังสิมันต์กล่าวว่า เนื่องจากรายงานดังกล่าว เป็นรายงานที่ได้แสดงให้เห็นว่า มีความเชื่อมโยงในส่วนของธนาคารของประเทศไทยไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ที่ใช้ในการเข่นฆ่าประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งเป็นความรุนแรงที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพเข้ามาที่ประเทศไทย ทั้งในรูปแบบที่สามารถระบุได้และไม่ได้ ย้ำว่า ความขัดแย้งและความรุนแรงเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น กมธ.ความมั่นคงฯ ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้
นาย
รังสิมันต์ยกตัวอย่างว่า ก่อนหน้านี้ในปี’66 ที่มีรายงานในลักษณะแบบนี้มาก่อนแล้ว หรือคือ 4 ปี ที่ประเทศไทยไม่ได้มีมาตรการหรือการดำเนินการอย่างไร โดยผลของรายงานฉบับดังกล่าว ก็มีความเชื่อมโยงของบริษัทจำนวนมากกว่า 250 บริษัท ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธและความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมียนมา แม้ในวันนั้น ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมมากที่สุด แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมบางอย่าง ที่อาจจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในเมียนมา แต่เราไม่ได้เห็นความชัดเจนว่า ภายหลังจากที่มีรายงานฉบับแรกออกมา ประเทศไทยได้มีมาตรการหรือดำเนินการอย่างไรบ้าง
ดังนั้น ในวันนี้หลังจากที่มีรายงานอีกฉบับหนึ่งของนายทอมออกมา เราก็พยายามที่จะสอบถามเรื่องนี้กับทุกฝ่าย ทั้งภาคส่วนของธนาคาร ภาคส่วนของรัฐ ไปจนกระทรวงการต่างประเทศ โดยทุกฝ่ายก็พูดตรงกันว่า ไม่อยากให้ระบบธนาคารของเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่จะนำไปสู่การซื้ออาวุธเลย และแน่นอนว่า แม้วันนี้เรายังไม่ได้มาตรฐานที่ชัดเจนว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร แต่วันนี้เรามีคำสัญญาจากทุกฝ่าย ว่าจะมีมาตรการทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป
ในเบื้องต้น ตลอดการพูดคุย ไม่มีข้อเท็จจริงหรือข้อประเด็นที่อาจจะโต้แย้ง ว่ารายงานฉบับนี้ไม่ถูกต้องเลย ดังนั้น เราก็คงจะสามารถอนุมานได้ว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ คงจะเป็นรายงานที่ถูกต้อง และเป็นรายงานที่เราคงจะต้องนำไปสู่การสร้างมาตรการที่จะแก้ปัญหาต่อไป มี กมธ.บางคน รวมถึงนายพิธา ได้นำเสนอในที่ประชุมว่า สิงคโปร์ จะเป็นโมเดลที่สำคัญ ให้ประเทศไทยควรจะเดินตาม ย้ำว่า เราไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ลำพัง แต่ต้องเอากรณีของสิงคโปร์มาเป็นรูปแบบการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งคงจะมีการประสานงานกันต่อไป
ทั้งนี้ กมธ.ได้มีการแนะนำไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะต้องมีการประสานงานกับทางสิงคโปร์ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ในภาพรวมทั้งหมดนะครับ และได้ให้หน่วยงานทั้งหมดทำรายงานความคืบหน้ากลับมาที่ กมธ.ใน 30 วัน เพื่อติดตามมาตรการที่มีความชัดเจนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีบัญชีที่ถูกใช้ในการทำธุรกรรมทางธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่เราก็ได้รับคำยืนยันจากธนาคารว่า แม้จะยังใช้งานอยู่ แต่มีการทำธุรกรรมทางธนาคารน้อย แม้สิ่งนี้จะไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ แต่ที่น่าประหลาดใจ คือเงิน และระบบของเรายังถูกใช้ เพื่อนำไปซื้อขายอาวุธ และสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาในการเข่นฆ่าประชาชน ทำให้เรารับไม่ได้
ด้านนาย
ทอมกล่าวเสริมว่า ประเทศรอบข้างเมียนมา กำลังสนใจเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาตอนนี้ จากกรณีที่มีการใช้อาวุธร้ายแรงในการประหัตประหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งจากการประชุมในครั้งนี้ นายรังสิมันต์ก็ได้พูดในลักษณะที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และค่อนข้างเป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องของแผนงานและเรื่องของระยะเวลา
นาย
ทอมคิดว่า นี่น่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่ดี และยังมีอีกหลายหนทาง เพื่อเริ่มต้นด้วยกัน สิ่งที่เห็นในวันนี้คือ การมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติชัดเจนเช่นเดียวกัน
ความเชื่อมั่นนักธุรกิจ-ปชช. ดิ่งเหว ดัชนีมิ.ย.ทุกรายการ ทุบสถิติ ‘ต่ำสุด’ ในรอบ 10 เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4675329
ความเชื่อมั่นนักธุรกิจ-ประชาชน รูดกราว ดัชนีมิ.ย.ทุกรายการทุบสถิติต่ำสุด 9-10 เดือน ม.หอค้าไทย ชี้ 3 กังวลกดดันหนัก
นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (นักธุรกิจ) และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (ประชาชน) เดือนมิถุนายน 2567 พบว่า
ดัชนีทุกรายการยังติดลงต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคม 2567 และค่าดัชนีความเชื่อมั่นลงลึกและลงหนัก บางรายการลดลง 2 จุด บางรายการลงถึง 5-6 จุด ปัจจัยหลักมาจาก 3 ความกังวล คือ
1. ปัญหาค่าครองชีพสูงในรอบ 5 ปี และแนวโน้มปัจจัยกระทบต่อความเป็นอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะกระแสการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ราคาดีเซลและเบนซิน และค่าแรงงานขั้นต่ำขยับ 400 บาท
2. กำลังซื้อลดลงต่อเนื่อง กระทบต่อรายได้ธุรกิจ และเงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มน้อยกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นช้าและอยู่ในภาวะนิ่งในขณะนี้
และ 3. ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีคดียื่นถอด นาย
เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี จะทำให้สู่การปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และกระทบต่อการใช้งบประมาณกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทอย่างไร รวมถึงการพิจารณางบประมาณปี 2568
“
ทิศทางความเชื่อมั่นน่าจะขาลงต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จนกว่าปัจจัยความกังวลจะชัดเจนและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องการเมือง เดินหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต แม้จะมีการปรับลดวงเงินโครงการ 5 หมื่นล้านบาท จาก 5 แสนล้านบาท เป็น 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบต่อจีดีพี 0.3% และอาจทำให้จีดีพีรวมไตรมาส 4 หายไป 0.05-0.01% และกระทบต่อจีดีพีหน้า 0.2-0.3% แม้วงเงินลดลงแต่เงินกระจายไปยังกลุ่มเปราะบางและมีรายได้น้อย ซึ่งพฤติกรรมจะใช้จ่ายเงินทันทีและใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ก็จะเกิดการฟื้นตัวของจีดีพีได้เร็ว ไม่น่าจะเป็นประเด็นต้องกังวล
JJNY : 5in1 พิธาเตือนใช้งบ│พิธาจี้กกต.ตรวจสอบ│กมธ.มั่นคงเรียกธ.แจง│เชื่อมั่นนักธุรกิจ-ปชช.ดิ่งเหว│ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉงชิ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4675485
พิธา โยน ปชช.ประเมินนายกฯ ตอบกระทู้ ถามเป็น “แรงค้านที่ไร้อนาคต” หรือ “รัฐบาลไร้คำตอบ” กันแน่ เตือนใช้งบทำดิจิทัลวอลเล็ตให้ดี ห่วงจากวิกฤตจะกลายเป็นวิบัติ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ว่ารัฐบาลต้องต่อสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคตว่า คงต้องชวนให้พี่น้องประชาชน ย้อนดูการถามกระทู้ของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคกก้าวไกล แล้วค่อยตัดสินว่า เป็นแรงค้านที่ไร้อนาคต หรือรัฐบาลที่ไร้คำตอบกันแน่ ตนคิดว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสินได้ เพราะความตั้งใจของ น.ส.ศิริกัญญา และพรรคก้าวไกลนั้น ไม่เหมือนกับการถามกระทู้ ที่จะพูดอะไรก็ได้ เป็นการตั้งคำถามเฉพาะเจาะจง และให้ตอบคำถามมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกับพี่น้องประชาชน เนื่องจากเศรษฐกิจจะวิกฤตหรือไม่วิกฤต ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาล ถ้าหากทำอย่างละเอียดตั้งอกตั้งใจ วิกฤตคงจะคลี่คลายไปได้ แต่ถ้าจะทำแบบประชานิยม กู้เงินในอนาคตใช้งบประมาณมหาศาล จนเหมือนเป็นไข่ที่อยู่ในตะกร้าใบเดียว ถ้าพลาดขึ้นมาแล้วจากวิกฤตจะกลายเป็นวิบัติไปได้ ถ้าเกิดคุณกู้เงินในอนาคตโดยไม่ลงรายละเอียด
“ก็ต้องถามนายกรัฐมนตรีกลับ ว่าตอนที่ตอบคุณศิริกัญญา แล้วเอาสไลด์ขึ้น เป็นการวินิจฉัยปัญหาของประเทศ ที่น่าจะใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน แต่ถามว่ามีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ถามว่ากฎหมายที่ดองไว้ ท่านจะช่วยแก้ ท่านจะดองไปทำไม เพราะฉะนั้นฝากพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชนทั่วประเทศช่วยกันเป็นคนตัดสิน ผมมีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นอดีตหัวหน้าพรรคใกล้ชิดกับคุณศิริกัญญา คงจะไม่ได้เป็นคนตัดสิน ว่าตกลงเป็นแรงค้านที่ไร้อนาคต หรือรัฐบาลที่ไร้คำตอบต่อคำถามของคุณศิริกัญญา และความท้าทายของประเทศกันแน่” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่าคำถามและคำตอบในวันนี้ ฝ่ายค้านจะนำไปต่อยอดอย่างไร นายพิธากล่าวว่า อีก 2-3 สัปดาห์จะมีงบประมาณ เพิ่มเติมปี 67 เข้า และงบปี 68 ก็ยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ก็ถือแสดงให้เห็นแล้วว่า บางทีพอเราจะทำตามนโยบายเรือธงของตัวเอง จนไปเบียดบังงบประมาณต่างๆ ที่เป็นปัญหา เช่น ยาเสพติด สิ่งแวดล้อม งบสาธารณสุข หลายครั้งรัฐบาลจะชอบบอกว่า การแจกเงินไม่ใช่เรื่องผิดปกติ สิงคโปร์ก็แจก แต่สิงคโปร์ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความพร้อมทางการคลังเหมือนไทย ก็อยากให้คิดให้ดี เพราะเห็นว่ากลับไปกลับมาหลายครั้ง ตอนนี้ก็ไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.แล้ว ตรงนี้งบประมาณมหาศาลถ้าใช้ไม่ดีจะกลายเป็นวิบัติมากกว่าวิกฤต
ส่วนที่รัฐบาลตัดงบทำดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนของ ธ.ก.ส.ออก จะกระทบกับผู้ใช้สิทธิหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่งบในการใช้จะไปอยู่ที่งบกลาง คำถามคือ งบประมาณปกติที่จะต้องมีการวางแผน ต้องมี KPI รวมถึงรายละเอียดชัดเจนออกมาทำไมไม่ใช้ ทำไมต้องไปกองอยู่ที่งบกลาง ซึ่งงบกลางก็มีประโยชน์ในการนำไปใช้แบบฉับพลัน ฉุกเฉิน แต่ทำบ่อยๆ มันเสียนิสัย เสียวินัยการคลัง
เมื่อถามว่าประเมินการตอบกระทู้สดของนายกรัฐมนตรีรอบนี้ไว้อย่างไร นายพิธากล่าวว่า ให้ประชาชนประเมินเพราะตนมีส่วนได้ส่วนเสียเป็นคนที่อยู่ในพรรคเดียวกันก็ขอเชิญชวนทุกคนให้ประเมินแล้วกัน
พิธา ให้โอกาส ส.ว.ชุดใหม่ทำงาน จี้ กกต. ตรวจสอบข้อมูลไม่ตรงความจริง
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4675428
พิธา ให้โอกาส ส.ว.ชุดใหม่ทำงาน จี้ กกต. ตรวจสอบข้อมูลไม่ตรงความจริง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว. ชุดใหม่เริ่มมารายงานตัววันนี้เป็นวันแรกจะสามารถฝากความหวังได้หรือไม่ ว่า ต้องคำนึงถึงกระบวนการ เพราะต้องการให้เป็นตัวแทนของภาควิชาชีพว่าตอบโจทย์หรือไม่ คงต้องให้โอกาส ส.ว. ชุดใหม่ในการทำหน้าที่ และให้ประชาชนช่วยกันพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองต้องดูไม่ใช่แค่เรื่องความเหมาะสมทางอาชีพ แต่ต้องดูในเรื่องวุฒิการศึกษา และข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงด้วย ตนเข้าใจว่ามีการแจกใบส้มไปแล้ว 1 ราย ส่วนจะเป็นความหวังหรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป
กมธ.มั่นคง เรียกธนาคารเข้าแจง หลังพบบัญชีม้า เอื้อทหารพม่าซื้ออาวุธ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4675586
‘กมธ.มั่นคง’ เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-แบงก์ แจง หลัง พบบัญชีม้า เอื้อทหารเมียนมาซื้ออาวุธ ด้าน ‘รังสิมันต์’ ลั่น ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เปิดเผยรายงานอ้างว่า ธนาคารในประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลัก ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ พร้อมได้เชิญ นายทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านสิทธิมนุษยชน ในฐานะผู้จัดทํารายงาน มาให้ข้อมูล ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ, สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารทหารไทยธนชาติ และธนาคารกรุงเทพ
โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า เนื่องจากรายงานดังกล่าว เป็นรายงานที่ได้แสดงให้เห็นว่า มีความเชื่อมโยงในส่วนของธนาคารของประเทศไทยไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ที่ใช้ในการเข่นฆ่าประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งเป็นความรุนแรงที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพเข้ามาที่ประเทศไทย ทั้งในรูปแบบที่สามารถระบุได้และไม่ได้ ย้ำว่า ความขัดแย้งและความรุนแรงเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น กมธ.ความมั่นคงฯ ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจได้
นายรังสิมันต์ยกตัวอย่างว่า ก่อนหน้านี้ในปี’66 ที่มีรายงานในลักษณะแบบนี้มาก่อนแล้ว หรือคือ 4 ปี ที่ประเทศไทยไม่ได้มีมาตรการหรือการดำเนินการอย่างไร โดยผลของรายงานฉบับดังกล่าว ก็มีความเชื่อมโยงของบริษัทจำนวนมากกว่า 250 บริษัท ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธและความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมียนมา แม้ในวันนั้น ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมมากที่สุด แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมบางอย่าง ที่อาจจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในเมียนมา แต่เราไม่ได้เห็นความชัดเจนว่า ภายหลังจากที่มีรายงานฉบับแรกออกมา ประเทศไทยได้มีมาตรการหรือดำเนินการอย่างไรบ้าง
ดังนั้น ในวันนี้หลังจากที่มีรายงานอีกฉบับหนึ่งของนายทอมออกมา เราก็พยายามที่จะสอบถามเรื่องนี้กับทุกฝ่าย ทั้งภาคส่วนของธนาคาร ภาคส่วนของรัฐ ไปจนกระทรวงการต่างประเทศ โดยทุกฝ่ายก็พูดตรงกันว่า ไม่อยากให้ระบบธนาคารของเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่จะนำไปสู่การซื้ออาวุธเลย และแน่นอนว่า แม้วันนี้เรายังไม่ได้มาตรฐานที่ชัดเจนว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร แต่วันนี้เรามีคำสัญญาจากทุกฝ่าย ว่าจะมีมาตรการทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป
ในเบื้องต้น ตลอดการพูดคุย ไม่มีข้อเท็จจริงหรือข้อประเด็นที่อาจจะโต้แย้ง ว่ารายงานฉบับนี้ไม่ถูกต้องเลย ดังนั้น เราก็คงจะสามารถอนุมานได้ว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ คงจะเป็นรายงานที่ถูกต้อง และเป็นรายงานที่เราคงจะต้องนำไปสู่การสร้างมาตรการที่จะแก้ปัญหาต่อไป มี กมธ.บางคน รวมถึงนายพิธา ได้นำเสนอในที่ประชุมว่า สิงคโปร์ จะเป็นโมเดลที่สำคัญ ให้ประเทศไทยควรจะเดินตาม ย้ำว่า เราไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ลำพัง แต่ต้องเอากรณีของสิงคโปร์มาเป็นรูปแบบการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งคงจะมีการประสานงานกันต่อไป
ทั้งนี้ กมธ.ได้มีการแนะนำไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะต้องมีการประสานงานกับทางสิงคโปร์ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ในภาพรวมทั้งหมดนะครับ และได้ให้หน่วยงานทั้งหมดทำรายงานความคืบหน้ากลับมาที่ กมธ.ใน 30 วัน เพื่อติดตามมาตรการที่มีความชัดเจนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีบัญชีที่ถูกใช้ในการทำธุรกรรมทางธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่เราก็ได้รับคำยืนยันจากธนาคารว่า แม้จะยังใช้งานอยู่ แต่มีการทำธุรกรรมทางธนาคารน้อย แม้สิ่งนี้จะไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ แต่ที่น่าประหลาดใจ คือเงิน และระบบของเรายังถูกใช้ เพื่อนำไปซื้อขายอาวุธ และสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาในการเข่นฆ่าประชาชน ทำให้เรารับไม่ได้
ด้านนายทอมกล่าวเสริมว่า ประเทศรอบข้างเมียนมา กำลังสนใจเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาตอนนี้ จากกรณีที่มีการใช้อาวุธร้ายแรงในการประหัตประหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งจากการประชุมในครั้งนี้ นายรังสิมันต์ก็ได้พูดในลักษณะที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และค่อนข้างเป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องของแผนงานและเรื่องของระยะเวลา
นายทอมคิดว่า นี่น่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่ดี และยังมีอีกหลายหนทาง เพื่อเริ่มต้นด้วยกัน สิ่งที่เห็นในวันนี้คือ การมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติชัดเจนเช่นเดียวกัน
ความเชื่อมั่นนักธุรกิจ-ปชช. ดิ่งเหว ดัชนีมิ.ย.ทุกรายการ ทุบสถิติ ‘ต่ำสุด’ ในรอบ 10 เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4675329
ความเชื่อมั่นนักธุรกิจ-ประชาชน รูดกราว ดัชนีมิ.ย.ทุกรายการทุบสถิติต่ำสุด 9-10 เดือน ม.หอค้าไทย ชี้ 3 กังวลกดดันหนัก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (นักธุรกิจ) และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (ประชาชน) เดือนมิถุนายน 2567 พบว่า
ดัชนีทุกรายการยังติดลงต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคม 2567 และค่าดัชนีความเชื่อมั่นลงลึกและลงหนัก บางรายการลดลง 2 จุด บางรายการลงถึง 5-6 จุด ปัจจัยหลักมาจาก 3 ความกังวล คือ
1. ปัญหาค่าครองชีพสูงในรอบ 5 ปี และแนวโน้มปัจจัยกระทบต่อความเป็นอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะกระแสการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ราคาดีเซลและเบนซิน และค่าแรงงานขั้นต่ำขยับ 400 บาท
2. กำลังซื้อลดลงต่อเนื่อง กระทบต่อรายได้ธุรกิจ และเงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มน้อยกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นช้าและอยู่ในภาวะนิ่งในขณะนี้
และ 3. ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีคดียื่นถอด นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี จะทำให้สู่การปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และกระทบต่อการใช้งบประมาณกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทอย่างไร รวมถึงการพิจารณางบประมาณปี 2568
“ทิศทางความเชื่อมั่นน่าจะขาลงต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จนกว่าปัจจัยความกังวลจะชัดเจนและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องการเมือง เดินหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต แม้จะมีการปรับลดวงเงินโครงการ 5 หมื่นล้านบาท จาก 5 แสนล้านบาท เป็น 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบต่อจีดีพี 0.3% และอาจทำให้จีดีพีรวมไตรมาส 4 หายไป 0.05-0.01% และกระทบต่อจีดีพีหน้า 0.2-0.3% แม้วงเงินลดลงแต่เงินกระจายไปยังกลุ่มเปราะบางและมีรายได้น้อย ซึ่งพฤติกรรมจะใช้จ่ายเงินทันทีและใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ก็จะเกิดการฟื้นตัวของจีดีพีได้เร็ว ไม่น่าจะเป็นประเด็นต้องกังวล