JJNY : ก้าวไกลเมินสั่งห้ามแตะทักษิณ│‘จิสด้า’เผยสถานการณ์ฝุ่น│ญี่ปุ่นเร่งช่วยปชช.แผ่นดินไหว│อิสราเอลถอนกำลังชั่วคราว

ก้าวไกล ซัดรัฐบาล จัดงบไม่ตอบโจทย์ แก้วิกฤตเศรษฐกิจ เมินสั่งห้ามแตะ ทักษิณ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8035196
 
 
ฝ่ายค้าน ลับมีด รอชำแหละ งบปี 67 เมินฝ่ายรัฐบาล สั่งห้ามแตะ “ทักษิณ” ยัน ถ้ามีวาระเกี่ยวข้องก็ต้องพูดถึง “ปกรณ์วุฒิ” ซัด จัดงบไม่ตอบโจทย์ แก้วิกฤตเศรษฐกิจ
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในการประชุมวิปฝ่ายค้านวันที่ 2 ม.ค. เชิญ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ (สศช.)
 
เพื่อชี้แจงถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีสาระสำคัญอย่างไร และมีเหตุผลการปรับเปลี่ยนงบประมาณด้านต่างๆ อย่างไร
 
ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลขอให้การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ ไม่ให้โยงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไร สส. ทุกคนทราบอยู่แล้วว่า วาระที่จำเป็นและเกี่ยวข้องก็ต้องค่อยพูดถึง ถ้าวาระที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยถึงบุคคลภายนอก
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายค้านจะแบ่งเวลาอภิปรายงบประมาณให้พรรคเล็กอย่างไร เพราะการประชุมวันนี้มีตัวแทนพรรคประชาธิปไตยใหม่เข้าร่วมด้วย ทั้งที่ไม่เคยมาร่วม นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องการแบ่งเวลาคุยกันเรียบร้อยแล้ว มีการแบ่งเวลาให้พรรคเล็กด้วย
 
แม้สัปดาห์ที่แล้วไม่มีการประชุมวิปฝ่ายค้าน แต่ได้โทรศัพท์แจ้งพรรคการเมืองต่างๆ ถึงการแบ่งเวลาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 200 นาที พรรคไทยสร้างไทย 1 ชั่วโมง พรรคเป็นธรรม 20 นาที ส่วนพรรคเล็ก อย่างพรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคใหม่ ได้เวลาพรรคละ 10 นาที
 
ส่วนการจัดหมวดหมู่อภิปรายนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลประกาศไปแล้วว่า การอภิปราย คือ วิกฤตแบบใด ทำไมจัดงบแบบนี้ เพราะรัฐบาลบอกตลอดเวลาว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตต้องกู้เงินมาทำโครงการต่างๆ การทำดิจิทัลวอลเล็ต แต่สุดท้ายการกระทำจะสะท้อนออกมาผ่านการจัดทำงบประมาณว่า รัฐบาลมองประเทศมีวิกฤตจริงหรือไม่
 
เท่าที่ดูยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในการจัดสรรงบประมาณเปลี่ยนไปจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มากเท่าไร เราเข้าใจดีว่ารัฐบาลเพิ่งมาบริหารประเทศได้ไม่กี่เดือน แต่ต้องบอกว่าตอนที่รัฐบาลรับตำแหน่ง ร่างพ.ร.บ.งบปี 67 พร้อมเข้าสภาอยู่แล้ว
 
แต่เมื่อล่าช้ามาขนาดนี้ เราจึงคาดหวังเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว และทิศทางการหาเสียงแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วพอสมควร ดังนั้น ทิศทางการใช้งบประมาณ ต้องเห็นความแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้ว แต่ไม่เห็นว่าจะแตกต่างมากมายแค่ไหน
 
เมื่อถามว่าช่วงหยุดปีใหม่ ฝ่ายค้านได้ศึกษาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ เห็นความผิดปกติอย่างไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ความผิดปกติ คือ ความปกติ เพราะจัดงบเหมือนปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่แน่ใจว่า 3 เดือนที่ผ่านมา กว่าร่างพ.ร.บ.งบปี67 จะเข้าสภาฯ และกว่าจะบังคับใช้ได้ มีความล่าช้าไปครึ่งปี ก็เหมือนปกติ แทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
 
การอภิปรายระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ ฝ่ายค้านวางไว้หลายด้าน เช่น วิกฤตเศรษฐกิจปากท้องที่พรรคเพื่อไทยเน้นย้ำอย่างมากว่า เราอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ ฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่า การบอกว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจแล้วจัดงบแบบนี้หรือ รวมถึงงบด้านสิ่งแวดล้อม
 
พรรคการเมืองพูดถึงวิกฤตความเหลื่อมล้ำ แต่การจัดงบไม่สามารถบรรเทาความเหลื่อมล้ำในประเทศได้เลย และวิกฤตทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เด็กเกิดน้อย การศึกษาของเยาวชนเติบโตจนเป็นแรงงานด้านต่างๆ เราได้งบประมาณเพื่อรองรับการเติบโตของทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ที่รัฐมนตรีเพิ่งออกมาพูดถึงอัตราเด็กเกิดต่ำ อาจกระทบในอนาคต การจัดงบประมาณสะท้อนวิกฤตปัญหาเหล่านี้หรือไม่
 
เมื่อถามว่าการอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งแรกของฝ่ายค้าน จะทำให้ไม่แพ้การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คิดว่าเข้มข้นไม่ต่างจากการอภิปรายงบประมาณของพรรคก้าวไกลในปีที่ผ่านมา
 
เมื่อถามย้ำว่าหากมีการประท้วงเกิดขึ้น ฝ่ายค้านตั้งทีมรองรับหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรามีทีมวิปเฝ้าสภาอยู่แล้ว ซึ่งการอภิปรายงบประมาณปีที่ผ่านๆ มา แทบไม่เคยมีการประท้วง เพราะเนื้อหาสาระเป็นเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณ
 
จริงๆ แล้วรัฐบาลก็บอกเองว่า ไม่ได้กังวลอะไร ไม่จัดองค์รักษ์เป็นพิเศษ คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ที่ผ่านมา 4 ปี เราเห็นแล้วว่าการอภิปรายงบประมาณเป็นไปด้วยความราบรื่น เพราะพูดถึงงบประมาณล้วนๆ
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนที่รัฐบาลส่งร่างพ.ร.บ.งบประมาณล่าช้านั้น ทำให้กระทบการทำงานฝ่ายค้าน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา ช่วงหยุดปีใหม่ พวกเราไม่ได้หยุด 2 วันที่ผ่านมา ตนใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนฟังการซ้อมอภิปรายของ สส.ก้าวไกล แต่ละคน ดังนั้น การพิจารณางบประมาณรอบหน้า คาดหวังและขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งร่างงบประมาณมาให้เร็วกว่านี้
 
ขอให้ยึดเสมอว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ เป็นเรื่องของสภา การที่รัฐบาลอยากให้พิจารณาวันนี้แล้วไปรับงานที่สำคัญในสัปดาห์อื่นๆ เหมือนมัดมือชกสภาต้องพิจารณาในสัปดาห์นี้เท่านั้น เป็นการไม่ให้เกียรติสภา
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การพิจารณาร่างงบประมาณฉบับหน้า รัฐบาลควรพูดคุยกับสภาก่อนจะพิจารณาวันใด ส่วนความกังวลจะพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ เสร็จไม่ทันตามกรอบ 105 วันนั้น เชื่อว่าสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ เราพร้อมให้ความร่วมมือ



‘จิสด้า’ เผยสถานการณ์ฝุ่นมีผลต่อสุขภาพ27จังหวัด ‘นนทบุรี’ สูงสุด
https://www.dailynews.co.th/news/3047520/

"จิสด้า" ร่วมกับหลายหน่วยงานเกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พบค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม 27 จังหวัด สูงสุดคือนนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม กรุงเทพฯ ปทุมธานี โดยกรุงเทพฯน่าห่วง 12 เขต สูงสุดที่ดอนเมือง บางกอกใหญ่ หลักสี่

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.67 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ “จิสด้า” ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 2 ม.ค.67 พบว่า จังหวัดที่มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม  ทั้งหมด 27 จังหวัด โดย 5 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูงสุด คือ #นนทบุรี 73.6 ไมโครกรัม #สมุทรสาคร 72 ไมโครกรัม #นครปฐม 67.6 ไมโครกรัม #กรุงเทพมหานคร 66.7 ไมโครกรัม และ #ปทุมธานี 66 ไมโครกรัม
 
ในขณะที่กรุงเทพมหานคร พบค่าฝุ่น PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ สีแดง จำนวน 12 เขต พบเขตที่สูงสุด 3 ลำดับ   คือ #ดอนเมือง 82.2 ไมโครกรัม ตามด้วย #บางกอกใหญ่ 81.5 ไมโครกรัม และ #หลักสี่ 81.2 ไมโครกรัมตามลำดับ
 
แอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่างๆ



ญี่ปุ่นเร่งช่วยประชาชนในพื้นที่แผ่นดินไหว ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นมากกว่า 30 ราย
https://www.dailynews.co.th/news/3047176/
 
ผู้เสียชีวิตจากธรณีพิบัติภัยครั้งใหญ่ ในภูมิภาคทางตอนกลางของญี่ปุ่น เพิ่มเป็นมากกว่า 30 ราย ขณะที่รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 แมกนิจูด มีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดอิชิกาวะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการเตือนภัยสึนามิ ครอบคลุมจังหวัดอิชิกาวะ จังหวัดนีงาตะ จังหวัดโทยามะ จังหวัดยามางาตะ จังหวัดฟุกุอิ และจังหวัดเฮียวโงะ
 
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (เจเอ็มเอ) ประกาศเมื่อวันอังคาร ยกเลิกการเตือนภัยสึนามิ แต่ยังขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะที่จังหวัดอิชิกาวะ ตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวตาม หรืออาฟเตอร์ช็อก และสึนามิที่อาจเกิดขึ้นอีกในช่วง 2-3 วันนี้ หลังพบสึนามิที่มีระดับความสูง 1.2 เมตร กระทบชายฝั่งจังหวัดอิชิกาวะ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
 
นอกจากนี้ รายงานของเจเอ็มเอระบุด้วยว่า จังหวัดอิชิกาวะและภูมิภาคใกล้เคียงเผชิญกับแผ่นดินไหวรวมกันอย่างน้อย 155 ครั้ง เฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีความรุนแรงต่ำสุด 3.0 แมกนิจูด และสูงสุด 7.6 แมกนิจูด โดยแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ไกลถึงกรุงโตเกียว ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางเหนือราว 500 กิโลเมตร
 
ขณะที่ทางการจังหวัดอิชิกาวะ รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากธรณีพิบัติภัยครั้งนี้ เพิ่มต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 30 ราย นอกจากนี้ บ้านเรือนของประชาชน และสิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยมีบ้านเรือนและอาคารมากกว่า 200 หลัง เกิดเพลิงไหม้ แต่ไม่รุนแรง
 
ด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ ในจังหวัดอิชิกาวะ ยืนยันยังคงเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าพลังความร้อนนานาโอะ โอตะ ที่เมืองนานาโอะ ของจังหวัดอิชิกาวะ ระงับการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ชั่วคราว และบริษัทการรถไฟญี่ปุ่นยังคงระงับให้บริการ เส้นทางระหว่างกรุงโตเกียว กับจังหวัดอิชิกาวะ และภูมิภาคใกล้เคียง
 
อีกด้านหนึ่ง สำนักพระราชวังอิมพีเรียลประกาศว่า สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทรงยกเลิกการเสด็จออก ณ สีหบัญชร เพื่อพระราชทานพระแก่พสกนิกร เนื่องในโอกาสเข้าสู่ปีใหม่ เนื่องจากทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน ในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว

ส่วนนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประเมินความเสียหาย “ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง” และมีการส่งเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง (เอสดีเอฟ) มากกว่า 1,000 นาย ร่วมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่