JJNY : ‘ศิริกัญญา’ ไม่แปลกใจ│ปกรณ์วุฒิ อุบไฮไลท์อภิปราย│ตลาดสายลมจอยแม่สาย จมบาดาลอีกรอบ│ยางิคร่า 64 ชีวิตในเวียดนาม

‘ศิริกัญญา’ ไม่แปลกใจ แบ่งจ่ายเงินดิจิทัล 2 งวด เหน็บ จากพายุหมุนเหลือแค่ความกดอากาศต่ำ ทำปชช.ขาดความชื่อมั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4782300
  
 
‘ศิริกัญญา’ ไม่แปลกใจ แบ่งจ่ายเงินดิจิทัล 2 งวด เหน็บ จากพายุหมุนเหลือแค่ความกดอากาศต่ำ ทำปชช.ขาดความชื่อมั่น
 
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอเล็ต จะถูกแบ่งจ่ายเป็นสองรอบ ว่า ตนยังคาดหวังว่าสิ่งที่นายภูมิธรรม ได้ออกมาพูดจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะยังรอคอยความชัดเจนจากผู้ที่มีอำนาจโดยตรง หากเฟส 2 ที่แจกอีก 30 ล้านคนแบ่งจ่าย 2 งวดอาจทำให้โครงการไม่เป็นไปตามที่เคยหาเสียงไว้

ส่วนการแบ่งจ่ายนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ จนงบประมาณปี 68 ผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ไปแล้ว รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งที่มางบประมาณมาจากให้ที่จะแจกประชาชน 30 ล้านคนได้ เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ 187,700 ล้านบาท เพียงพอแจกเพียง 19 ล้านคน ยังเป็นปัญหาที่เราจะสอบถามรัฐบาลว่าทำไงต่อ แต่ก็ตรงกับที่นายภูมิธรรมออกมาพูดพอดีว่าจะมีการแบ่งจ่าย2 งวดซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ว่าเม็ดเงินไม่พอ จึงต้องมีการแบ่งจ่าย
แต่ก็ยังมีเงื่อนไขอีกว่า ระบบการชำระเงินจะเสร็จทันหรือไม่ ปัญหาคือ 5,000 บาทแรกที่จ่ายจะเป็นเงินสด หรือกลไลอื่นที่ไม่ใช่ดิจิทัลวอเล็ต เราจะเรียกโครงการนี้ว่าโครงการดิจิทัลวอเล็ต ได้อีกหรือไม่ ส่วนอีก 5,000 งวดที่ 2 จะแจกเมื่อไหร่ เมื่องบประมาณปี2568 ไม่น่าเพียงพอ อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนไปจ่าย ในปีงบประมาณ 2569 หรืออีก 1 ปีต่อจากนี้ เรื่องเหล่านี้ยิ่งออกมาพูด ยิ่งสร้างความไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดคงามสับสน ความกังวลมากขึ้น ว่าตกลงจะได้เงินหรือไม่
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น “จากเดิมที่จะเป็นพายุหมุนกระแทกๆ ตอนนี้พายุได้ลดกำลังลงเหลือเพียงแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ” ซึ่งอาจไม่เกิดเท่าที่เคยโฆษณาเอาไว้ แล้วจะมีมาตรการใดเข้ามาเสริม ที่ทำให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้าหมาย
 
เมื่อถามว่า ความไม่แน่นอนของโครงการจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างอย่างไรบ้าง น.ส. ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สับขาหลอก ชักเข้าชักออกตลอดเวลา ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง เราเพิ่งมีข่าวดีเรื่องหุ้นที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่ประชาชนรากหญ้าที่รอคอยความหวังจากสัญญาที่ให้ไว้ตอนเลือกตั้ง ว่าจะมีเงินหมื่นเข้ากระเป๋าให้เร็วที่สุด อีกทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนจบปริญาตรี 25,000 บาท  คำสัญญาเหล่านั้นค่อยจางหายไป สิ่งเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นรัฐบาล เมื่อประชาชนไม่เชื่อแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความกล้าในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการลงทุน
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า รายละเอียดที่นายภูมิธรรมระบุ ไม่มีเขียนไว้ในคำแถลงนโยบาย มีแต่เพียงบอกว่าจะดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้กับประชาชน ความต่างคือคำว่า 10,000 บาทหายไป คงต้องมีการพูดเรื่องนี้ในสภา รีบบอกมาว่าจะยังจ่าย 10,000 บาทอยู่ อย่าทำให้ประชาชนใจเสีย ซึ่งความชัดเจนค่อย ๆ ปรากฎขึ้น เมื่อนายภูมิธรรมออกมายอมรับว่าอาจจะแบ่งจ่าย ครั้งละ 5,000 บาท เราต้องมาประเมินใหม่ทั้งหมดว่าโครงการนี้จะเดินหน้ารูปแบบใด แหล่งที่มาของเงินจะหาได้ครบเมื่อไหร่ รวมไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหน ต้องมาพูดคุยกันใหม่หมด
 


ปกรณ์วุฒิ อุบไฮไลท์ อภิปรายนโยบายรบ. เผย วิปรบ.-ฝ่ายค้าน แบ่งเวลาให้ พปชร. ทั้งคู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4782260

‘ปกรณ์วุฒิ’ อุบไฮไลท์ อภิปรายนโยบายรัฐบาล บอกไม่เจาะจงเรื่องใดเป็นพิเศษ เผย วิปรบ.-ฝ่ายค้าน แบ่งเวลาให้ ‘พปชร.’ ทั้งคู่ จี้บอกให้ชัด เป็นฝ่ายค้านกี่คนกันแน่
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์เรื่องการจัดสรรเวลาในการอภิปรายในวันแถลงนโยบาย 12-13  กันยายนนี้ว่า ขณะนี้จัดสรรเวลาเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้ประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 13 ชั่วโมง แต่อาจยังไม่มีลำดับผู้พูด ทางพรรคประชาชนเองก็จัดวางเวลาผู้อภิปรายได้ลงตัวแล้วกว่า 30 คน รวมถึงพรรคเล็กก็ยังมีเวลาในการอภิปรายด้วย

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า โดยเนื้อหาการอภิปรายจะเป็นภาพรวมของทุกประเด็น แต่ไม่ได้เจาะจงเรื่องอะไรเป็นพิเศษในประเด็นต่างๆ อยากจะอธิบายให้ครบถ้วนในแต่ละนโยบายก็จะลงรายละเอียดที่ชัดเจนว่า สิ่งที่พรรคฝ่ายค้านยังมีความสงสัยข้องใจในเรื่องใด ย้ำว่าไม่ได้เจาะจงประเด็นใดเป็นพิเศษให้เวลากับทุกประเด็น ส่วนประเด็นไฮไลต์ต่าง ๆ มีบ้าง แต่ขอไว้อุบก่อน ขอสื่อมวลชนจับตาดูการแถลงนโยบาย และการอภิปรายของพรรคประชาชน
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลนั้น แม้ทางวิปรัฐบาลอยากจัดสรรเวลาน้อยลง เพราะนโยบายก็ยังคงเดิม แต่มองว่า 1 ปีที่ผ่านมา โจทย์ของประเทศมีการเปลี่ยนแปลง และในเล่มแถลงนโยบายก็มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่สำคัญคือทางพรรคฝ่ายค้านอยากจะตรวจการบ้านว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาแม้จะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และการตั้งคณะรัฐมนตรีก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นนัยยะสำคัญอะไร ถือเป็นการตั้งคำถามว่าอีกสามปีต่อไปจะทำนโยบายได้สำเร็จตามที่วางไว้หรือไม่
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หลังการแถลงนโยบาย คาดว่าจะมีการเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้าน และพูดคุยกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่าที่มีอยู่ หลังจากนั้นก็จะรอความชัดเจนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทั้งวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้จัดสรรเวลาในการอภิปรายให้พรรค พปชร. 30 นาที ซึ่งให้คนที่เป็นฝ่ายค้าน 15 นาที และคนที่เป็นฝ่ายรัฐบาล 15 นาที แต่ต้องรอความชัดเจน ว่าตกลงแล้วพรรค พปชร. จะอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ ต่อให้มี ส.ส. 40 คน แต่ถ้าพรรค พปชร.จะมาเป็นฝ่ายค้าน และจะเอาโควตาตาม 40 ที่นั่ง แต่ในการมาโหวตมติวิปฯ มาไม่ถึงครึ่ง คงไม่แฟร์ และวิปฝ่ายค้านคงไม่สามารถอธิบายให้พรรครวมฝ่ายค้านพรรคอื่นเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น ต้องขอให้พรรค พปชร.วางตัวให้ชัดเจน หากไม่ชัดเจน คงไม่สามารถให้พรรค พปชร.มาร่วมฝ่ายค้านได้อย่างเป็นทางการ.


 
ตลาดสายลมจอยแม่สาย จมบาดาลอีกรอบ หลังน้ำสายวิกฤตเอ่อล้น คาดหนักสุดในรอบหลายปี
https://www.matichon.co.th/region/news_4782262

ล้ำน้ำสายวิกฤตเอ่อล้นท่วมตลาดสายลมจอยอีกรอบ คาดหนักสุดในรอบหลายปี หลังน้ำเหนือจากรัฐฉานไหลลงต่อเนื่อง
 
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา ที่เพิ่งลดระดับลงไปก่อนหน้านี้ กลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำเกินจุดวิกฤตเอ่อล้นเข้าท่วม 2 ริมฝั่งลำน้ำ ตั้งแต่บริเวณบ้านหัวฝาย ลงมาถึงตลาดสายลมจอย ย่านเศรษฐกิจหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ทำให้ร้านค้าต้องหยุดจำหน่ายสินค้าและเก็บสินค้าไว้บนที่สูง

นอกจากนี้ น้ำยังล้นแนวกั้นซึ่งทางเทศบาลตำบลแม่สายทำไว้บริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าไปท่วมยังชุมชนต่างๆ ของเขตเทศบาลตำบลแม่สาย อาทิ ชุมชนเกาะทราย ไม้ลุงขนและชุมชนเมืองแดง โดยระดับน้ำบางจุดสูงกว่า 1.5 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องระดมเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำในจุดสำคัญเพื่อระบายน้ำออกบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน

ขณะเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามลำน้ำสายก็ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมตามริมฝั่งและตลาดท่าล่อเป็นรอบที่ 5-6 ของปีนี้แล้ว ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องพากันขนย้ายสินค้าและข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่น
 
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด แม่น้ำสายซึ่งมีต้นน้ำมาจากเมืองในรัฐฉาน ของประเทศเมียนมา ยังคงมีน้ำไหลลงมาจำนวนมากและเชี่ยวกราก เนื่องจากในเขตตอนบนยังคงมีฝนตกอย่างหนักตลอดทั้งวัน ทำให้คาดการณ์ว่าน้ำท่วมครั้งนี้แม้จะเป็นรอบที่ 7 แล้วของพื้นที่ แต่น้ำท่วมครั้งนี้มีปริมาณน้ำมากที่สุดในรอบปีนี้ และอาจหนักสุดในรอบหลายปี ซึ่งหนนี้น้ำอาจจะท่วมนานและกินพื้นที่น้ำท่วมเป็นวงกว้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่