สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
อธิบายแบบจริงจังขึ้นนิดนึงแล้วกันว่า ฐานะ หรือ การเก็บเงิน ขึ้นกับอะไร
ประการแรก ฐานะถ้าพูดกว้าง ให้เรากำหนดเป็นตัวเลขเอา
ถ้าชีวิตนี้เรามีเงินเหลือ 1 ล้าน คือ ชนชั้นล่าง
4 ล้าน คือ ชนชั้นกลาง
8 ล้าน เป็นต้นไป คือ ค่อนข้างรวย หรือ จะนับเป็นรวยก็ได้
วัดจากอะไร บ้าน รถ เงินเก็บครับ มีบ้าน 1 ล้าน รถราคาถูก เงินเก็บจะน้อย
มีบ้าน 2 ล้าน รถ และ เงินเก็บพอตัว ก็ถือว่าชนชั้นกลาง
มีบ้าน 4 ล้านบาท ถือว่ารวยนะ ถ้าปลูกบ้านราคานี้ตามต่างจังหวัดคือโคตรหลังใหญ่เลยแหละ
เมื่อได้เงื่อนไขของฐานะ ให้เรามาดูหมวดของ การสร้างฐานะ มันจะมีอยู่ 5 คำ แค่นี้ครับ
1. cost of life ต้นทุนชีวิต คือ
บ้านใก็ฐานะดี เกิดเป็นลูกเจ้าสัว CP ถึงจะหาเงินไม่เก่ง ยังไงก็รวย มันจบในตัว แต่ถ้าใครไม่มีก็ถือว่า ต้นทุนชีวิตน้อย จุดที่จะ start ถือว่าอีกไกลเลย ดังนั้น
ใครเกิดมามีบ้านมีมรดกมาให้แน่ๆ แบบชัวๆ จากพ่อแม่ ที่ไม่ใช้มรดกหนี้สิน เราจะมีเงิน 1-4 ล้านเป็นพื้นฐาน นับตั้งแต่การศึกษาจนถึงค่าเลี้ยงดู ก็จะอยู่ที่จุดสตาร์ทที่ต่างกัน
ใครเกิดมารวยโคตรๆ คุณจะไม่จำเป็นต้องลงไปวิ่งแข่งเลยครับรอนั่งชมอย่างเดียว
แต่ถ้าใครรับมรดกหนี้ อาจจะไม่ได้เรียนสูง เลี้ยงพ่อแม่อีก แล้วบ้านยังผ่อนยันรุ่นลูก ก็คือคุณยังไม่ได้ลงแข่งขัน แค่คัดตัวลงแข่งขันก็ไม่มีสิทธิแล้ว
2. active or passive incoming การปั่นเม็ดเงินในรูปแบบต่างๆ
คนหาได้มากย่อมสร้างฐานะได้ไว คนหาได้น้อยย่อมสร้างฐานะได้ช้า มันตรงตัวครับ การจะหาเงินเพื่อข้ามโซน 1 ล้าน 4 ล้าน เงินเดือนหรือรายได้ต่างๆ ที่เราหาได้ตลอดชีวิต มันจะบ่งบอก speed ของตัวว่า
เราวิ่งได้ไวแค่ไหนในสามแข่ง เช่น ถ้าเราหาได้ 20K เฉลี่ยตลอดช่วงชีวิต กว่าจะถึง 1 ล้าน ก็คงอีกสัก 50 เดือนหละมั้ง ถ้าเราหาได้ 40K มันก็จะเร็วขึ้น 60 80 100K มันคือความเร็วรถยนต์เลยแหละครับ
ยิ่งสูง ยิ่งเร็ว ยิ่งประสบความสำเร็จได้ไว คนหาเงินได้เก่งโอกาศความน่าจะเป็น อุปสรรคจะต่ำกว่าไปเรื่อยๆ แต่คนส่วนมากจะลืมคิดถึงเรื่องนี้เพราะว่า
การมีรายได้เยอะ มันวัดตั้งแต่ระดับการศึกษา และ ความสามารถ มันไม่มีทางที่คนไม่เรียนหนังสือจะทำเม็ดเงินได้หนามากง่ายๆ มันจึงเป็นสิ่งที่หลายคน ไม่ค่อยคิดเป็นอันดับแรกๆ บางคนท้อตั้งแต่จะข้ามเป็นเงิน 50K แล้วคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าบริษัทไหนจะจ้างเราขนาดนั้น
3. expense ค่าใช้จ่าย
จากข้อ 2 เมื่อเรามีเงินแล้ว แต่ตัวเลขความเร็วผมคิดแค่เปรียบเทียบเชิงความเป็นไปได้ของการเก็บเงิน ถ้าทุกคนแบบมีคนเลี้ยงแล้วไม่ใช้เงินสักบาททุกคน มันจะหาเงินได้เร็วตามปริมาณเงินที่หาได้
แต่เมื่อช่างน้ำหนักข้อนี้ การมีภาระหรือค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น จะทำให้เราเหลือเงินเก็บได้น้อยลงไปอีกมา เมื่อเราต้องกินต้องใช้จ่ายเองแล้ว หลายคนมาตายจุดนี้แหละ คือ มีมากย่อมใช้มาก
เมื่อเอาเงินที่หาได้ ลบกับ เงินที่เราใช้จ่าย มันจะเป็นตัวเลข actual จริงๆ ของการเก็บเงิน
แก๊งเงินเหลือเก็บ
นาย A 20K แต่ใช้ 10K ก็จะเหลือ 10K เป็นค่าความเร็วของเรา และ นายคนนี้น่าจะใช้ชีวิตลำบาก อดอยากปากแห้ง
นาย B 40K แต่ใช้ 30K ก็จะเหลือ 10K จะเห็นว่า ความลำบากของคนนี้ ไม่น่าจะอดอยาก แต่เก็บเงินได้ speed เท่านาย A
นาย C 80K แต่ใช้ 30K ก็จะเหลือ 50K จะเห็นว่า นายคนนี้ไม่ได้อดอยากเลย แถมเงินเก็บโคตรเยอะ speed สูงมาก
นาย D 100K แต่ใช้ 50K ก็จะเหลือ 50K ก็จะเห็นว่า นายคนนี้สบายขึ้นไปอีก แถมเงินเก็บก็พอกับนาย C เลย
แก๊งเงินไม่เหลือเก็บ แถม ติดหนี้
นาย E มี 20K แต่ใช้ 20K ก็ 0 ไม่ไปไหนเลย
นาย F มี 20K แต่ใช้ 30K ติดลบ ติดหนี้ เดือนต่อไปถ้าไม่ยอมลดค่าใช้จ่าย จะติดหนี้พอกหางหมู
นาย G มี 100K แต่ใช้ 120K ติดหนี้เช่นกัน แต่ยังไงถ้าเขาลดรายจ่ายได้แค่สัก 50% เดือนเดียว เดือนต่อไปเขาก็สบายแล้วครับ
เห็นปะ ความแตกต่างของแก๊งติดหนี้ ขอแค่เงินต้นเยอะความเป็นไปได้ หรือ ความเสี่ยงจะต่ำลงมาก ถ้าเรามองตามนี้ speed จริง กับ ความยาก จะต่างกันโดยสิ้นเชิง ความอึดอัดหรือความสะดวกสบายจะต่าง
แล้วมันไม่มีหรอกคนที่ กินใช้จ่ายตั้งแต่ 30K ขึ้นไปมันจะลำบากอะครับ หรือ ว่ามันจะอึดอัดชีวิตอะไรเลย มันสบายแล้วด้วย ค่าใช้จ่ายสูงสะเกือบจะเอาชนะนาย B เลย
4. investment การลงทุน คือ bonus ไม่ใช่การสร้างรายได้หลัก
ทำไมผมถึงบอกว่า การลงทุนไม่ใช่รายได้หลักหละ คนเป็นนักลงทุนเยอะแยะ คือ งี้เว้ยแชท มันไม่ใช่ทุกคนจะเป็น นักลงทุนไงแชท ถ้าแกไม่มีความรู้ แล้ว แกไม่มีเงินทุนอะ
นักลงทุนคือ การเอา active incoming มาปั่น profit เว้ยให้มันงอกเงย ผมถึงมองว่ามันคือ bonus ไม่ใช่การหาเงิน หรือ ถ้าแกจะมองว่าเป็นอาชีพ
แกต้องมีเงินทุนสัก 10 ล้าน ปันผล 10% ก็ปีละ 1 ล้านอะ ถึงจะพอเรียกว่าอาชีพได้ดังนั้น มันเลยไม่ง่ายตั้งแต่ แกจะไปหา 10 ล้านมาจากไหนแล้ว ถ้าไม่มีข้อ 1 ช่วยเหลือ
ดังนั้น ถ้าใครสามารถปันผลอะไรก็ตามในชีวิต จากเงินในข้อ 2-3 หักลบกลบหนี้กันไปแล้วสามารถทำให้ตัวเลขเติบโตได้เพิ่มอีกทางนึง 3-5%
เราก็จะหาเงินได้เร็วขึ้นเหมือนได้รับบัฟวิ่งไวอีกนิดนึง
แต่กลับกัน ถ้าไม่ได้ลงทุนเก่งอะไรเลย ติดลบปีละ 10-50% ก็คือกำลังเอาเงินทุนไปละลายน้ำทิ้ง เงินที่หามามันจะหายไปฟรีๆ อยู่เฉยๆ ไม่ลงทุนอะไรเลยยังจะดีกว่า
แต่ถ้าไม่ลงทุนเลย ไม่เสี่ยง ข้ามข้อนี้ไปเลย 0% แต่มันไม่จำเป็นต้องน้อยใจนะว่า เราไม่มีข้อนี้แล้วจะน้อยหน้าคนอื่น ไม่ต้องสนใจครับ คนที่เงินเดือน 100K อาจจะไม่จำเป็นต้องลงทุนเลยก็ได้ ถ้าเงินมันเหลือเยอะมากพอไปแล้วอะครับ แค่เก็บเงินเพียวๆ กับ PVD ลดหย่อนภาษี ก็ได้เยอะแล้วถือเป็นการลงทุนเหมือนกัน
5. share resource การแบ่งปันทรัพย์สิน
แน่นอนว่า ถ้าเราเป็นโสดก็เหอะ การแบ่งปันทรัพยากร มันเกิดขึ้นเสมอครับ ก็คือ เงินบางส่วน หรือ ฐานะบางส่วนของเรา จะถูกแชร์ออกไป จากความสัมพันธ์ที่เรามีเหนียวแน่น สิ่งที่ตามมา คือ "แชร์ภาระ"
1. พ่อแม่
2. คู่ชีวิต
3. ลูก
4. หมาแมว
ืข้อนี้มีทำไม เอาง่ายๆ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่ร่วมกันแบบมีชาติตระกูล และ อยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น เราต้องแชร์ทรัพยากรของตัวเองเกือบตลอดชีวิตเลย เช่น
1. แชร์หนี้สินกับพ่อแม่ หรือ เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ถ้าใครไม่มีพ่อแม่แล้ว หรือ พ่อแม่เกษียณได้ เห็นปะเราก็เหมือนรอรับมรดก แล้วก็ตัวเบาหยองเลยไม่มีพ่อแม่เป็นภาระชีวิตอะไรอีกเลย การที่เราต้องแชร์ทรัพยากรที่หาได้ก็จะ 0%
แต่ถ้าเราต้องแชร์หละ เราแชร์ 20-30% ของเงินที่หาได้ สมมุติ อุส่าหาได้ 4 ล้านแล้วเนอะ เราแบ่ง 20% หรือ 800K คืนทุนให้พ่อแม่ เป็นแบบนี้เสมอครับ ยิ่งเงินเยอะ เรายิ่งแบ่งเยอะ
เพราะพ่อแม่บางคนลงทุนส่งการศึกษาสูงถึง 1-2 ล้านบาทได้เลยนะ เพื่อให้เราสร้างกำไรให้ได้สูงกว่า ระบบมันเป็นแบบนี้ครับ
2. คู่ชีวิตถ้ามีคนที่ดี เราจะกำไร แต่ถ้าไม่ดี เราจะติดลบรุนแรงด้วย
คิดยังไง แฟนเราก็เหมือนมนุษย์คนนึงที่ต้องคิดตามข้อ 1-5 เหมือนกันครับ ดังนั้น finally ถ้าแฟนเราหาเงินได้ติดบวก หรือ ปันกำไรได้สูง แฟนจะไม่ใช่ภาระชีวิตครับ แล้วถ้าเขาแบ่ง resource มาให้สัก 25-50%
สมมุติ แฟนเก่งขยันฉลาดปลายทางหาเงินได้ 4 ล้านเนอะ แชร์มาให้ 1-2 ล้าน แล้วเอาไปใช้อะไรที่เกิดประโยชน์จริงๆ เช่น ซื้อบ้านด้วยเงินสด ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด
หรือ บ้านมีแล้วก็ให้ยืมบ้านอยู่ มีรถยนต์แล้วก็ให้ยืมรถยนต์ใช้ แบบนี้เป็นต้น การมีแฟนมันไม่ได้มีแค่คำว่า รักกันครับ แต่มันคือการ ลงทุนชีวิตร่วมกัน เป็นคู่สร้าง คู่สม ชีวิตเราจะทวีคูณขึ้นไปอีก
แล้วถ้าตัวเราก็ติดบวกเหมือนกัน เราก็มี 4 ล้าน เราแชร์ไป 1-2 ล้าน รวมกันแล้วเรามีเงินทุนตั้ง 2-4 ล้าน เลยนะในการหาบ้านอยู่ร่วมกันสักหลัง เห็นปะชีวิตมันจะไม่ยากแล้วครับ
แต่ถ้าใครสักคนเป็นภาระ ผมตอบเลยว่า โอกาศมันเกิดขึ้นได้เสมอครับ ถ้าแฟนเราหาเงินติดลบ 1 ล้าน จากการก่อหนี้สิน หรือ ขอสายเปย์
เรามี 4 ล้าน เราจะเหลือ 3 ล้านครับ เห็นปะ อยู่ดีๆ เงินหายไปตั้งเยอะ นั่นแหละ ใครมาบอกว่าขอสายเปย์ยั่งยื่น มันคือเรื่องเพ้อฝันครับ
การจะคบกับคนที่เขาเปย์ได้ คุณต้องให้เขา share resource ให้ได้เกิน 50% เป็นต้นไปดังนั้น ผู้ชายก็จะต้องรวยมากมีเงิน 8 ล้านเป็นต้นไป แล้วแบ่ง 4 ล้านมาให้เราฟรีๆ พร้อมบ้าน พร้อมรถยนต์
แต่เสียใจด้วย ไม่ได้เจอคนรวยง่ายหรอก คนที่หาเงินได้ 8 ล้าน มีแค่ 1-2 ล้านคนที่ทำได้เองครับ 5-10% ของประชากรคนไทย ^^ ก็จะเห็นเนอะว่า แกต้องทำใจนะถ้าเขาจะมีชู้ หรือ มี 3 คนอะ
เพราะถ้าเขาเจอผู้หญิงคลาสดี หรือ หาเงินเก่งแล้วแค่ไม่เป็นภาระชีวิตด้วย share 0% ยังไงก็ดีกว่าครับ ก็คือแค่คบไปด้วยไม่ต้องจ่ายสักบาท ไม่ต้องหารสักชิ้น มองแบบนี้เป็นการลงทุนยังไงก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
แต่ถ้าเราโสด เราก็ไม่ต้องแชร์อะไรเลยเช่นกัน ^^ มี 100% ใช้ 100% คิดต้องคิดให้ฉลาด ในการเลือกคู่ชีวิต ถ้ามองแค่ด้านการหาเงิน คุณอาจจะรู้แล้วว่า ผู้หญิงคนไหนน่าคบ น่าสร้างอนาคตด้วยกันครับ ให้มองที่จุดนี้จะตอบคำถามไวที่สุด
3. แชร์ไปกับอนาคตลูก
แน่นอนว่า ลูกเราอาจจะเก่งกว่าเรา แล้วเขาต้องได้รับความผิดชอบจากพ่อแม่ ลูกคนบ้านชนชั้นกลางหลายคน เรียนจบหางานทำเรียนต่อจะได้เงินที่ สูงกว่าพ่อแม่หาขึ้นไปเรื่อยๆ หรือ cost of life ไม่ให้หายไปได้ง่ายกว่า เช่น
พ่อหาบ้านให้แล้วเป็นมรดก ลูกหาเงินเพียวๆ อีก 6 ล้านไม่ต้องซื้อบ้านก็ได้ เห็นปะ เงินมันจะสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือเคล็ดลับของตระกูลเจ้าสัวครับ ตอนเจ้าสัวบริหารเขาหาเงินได้จำนวนนึง แต่พอลูกเขาเรียนจบ ลูกเขามาช่วยหาเพิ่มอีกทางนึง
ผมจะเปรียบเทียบเลย 2 แรงหาย่อมดีกว่า 1 แรงหา ถ้ามีภรรยาดี มันจะเหมือนมี 3 แรงช่วยกันหาเงิน นี่คือเคล็ดลับของบ้านชนชั้นกลาง ที่เขาทำงานหาเงินไปเรื่อยๆ ไม่ง้อการเลี้ยงดูจากลูก
finally ในชีวิตเมื่อตาย อาจจะสร้างเงินได้สูงถึง 10-15 ล้านเลย และ ส่งมรดกตัวนี้สะสมไปทุกๆ การเปลี่ยน generation หรือ ถ้าไม่สามารถหาได้เก่ง ขอแค่รักษาทุนต้นไม่ให้หาย หรือ อย่าขายบ้านหาเงินกินข้าวก็พอแล้วครับ
ต้องเป็นลูกที่ล้มเหลวมากนะ ที่จะหาเงินติดลบแล้วขายบ้านพ่อแม่กินอะ
4. หมาแมว สัตว์เลี้ยง แน่นอน มันก็เหมือนครอบครัวคนนึง แล้วมันหาเงินไม่ได้ด้วย 555 แต่ไม่แน่ คนสมัยนี้ใช้สัตว์ทำฟาร์มเป็นธุรกิจ เอามาทำ channel หายอดวิว ยอดไลค์สร้างรายได้ นี่คือแนวคิดของ VRZO เลยครับ ในการนำสัตว์มาออกรายการ อ่อยังครับ
ถ้าเราเลี้ยงมันแพง เราก็ต้องแชร์เงินไปเยอะมากขึ้น ตามจำนวน บางคนก็แพงระดับ pet parent แลกความสุข
แต่ถ้าใครใช้หารายได้อีกทาง ทำฟาร์มทำธุรกิจ ก็จะกลายเป็น ไม่ได้ไม่เสียแถมเงินกินฟรี หลายคนฉลาดครับ แอบอาศัยช่องทางนี้หารายได้เยอะขึ้น ฝรั่งเลี้ยงทำฟาร์มงู ฟาร์มแมงมุม ไทยเราฟาร์มตํ๊กแตก แมลงสาบ รังนก
สุดท้าย ถ้าคุณทำได้ทั้ง 5 ข้อที่ผมบอกเลยนะ ฐานะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว แล้วปลดล็อคทุกความสำเร็จย่อยได้อีก ในส่วนเสริม ยิ่งทำมากยิ่งเห็นผลเยอะมาก มันจะทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ
คุณจะฐานะดีใน รุ่นเดียว หรือ 2 รุ่นถัดไป และ คุณเป็นคนวินัยการเงินดีมาก นี่คือความลับของพวก เด็กรุ่นใหม่ที่รวยไว และ คนที่รวยสะสมมาเรื่อยๆ
แล้วเป็นสิ่งที่คนไทยไม่ขยันอ่านสักนิดเกี่ยวกับการสร้างฐานะ ^^ ถือว่าผมแชร์ knowledge ที่เป็นความลับของคนรวยให้ฟังแล้วนะ แล้วคุณจะรู้ว่า
คนไทยขาดไปกี่ข้อครับเขาถึงไม่สามารถ รวยได้สักทีไง
ประการแรก ฐานะถ้าพูดกว้าง ให้เรากำหนดเป็นตัวเลขเอา
ถ้าชีวิตนี้เรามีเงินเหลือ 1 ล้าน คือ ชนชั้นล่าง
4 ล้าน คือ ชนชั้นกลาง
8 ล้าน เป็นต้นไป คือ ค่อนข้างรวย หรือ จะนับเป็นรวยก็ได้
วัดจากอะไร บ้าน รถ เงินเก็บครับ มีบ้าน 1 ล้าน รถราคาถูก เงินเก็บจะน้อย
มีบ้าน 2 ล้าน รถ และ เงินเก็บพอตัว ก็ถือว่าชนชั้นกลาง
มีบ้าน 4 ล้านบาท ถือว่ารวยนะ ถ้าปลูกบ้านราคานี้ตามต่างจังหวัดคือโคตรหลังใหญ่เลยแหละ
เมื่อได้เงื่อนไขของฐานะ ให้เรามาดูหมวดของ การสร้างฐานะ มันจะมีอยู่ 5 คำ แค่นี้ครับ
1. cost of life ต้นทุนชีวิต คือ
บ้านใก็ฐานะดี เกิดเป็นลูกเจ้าสัว CP ถึงจะหาเงินไม่เก่ง ยังไงก็รวย มันจบในตัว แต่ถ้าใครไม่มีก็ถือว่า ต้นทุนชีวิตน้อย จุดที่จะ start ถือว่าอีกไกลเลย ดังนั้น
ใครเกิดมามีบ้านมีมรดกมาให้แน่ๆ แบบชัวๆ จากพ่อแม่ ที่ไม่ใช้มรดกหนี้สิน เราจะมีเงิน 1-4 ล้านเป็นพื้นฐาน นับตั้งแต่การศึกษาจนถึงค่าเลี้ยงดู ก็จะอยู่ที่จุดสตาร์ทที่ต่างกัน
ใครเกิดมารวยโคตรๆ คุณจะไม่จำเป็นต้องลงไปวิ่งแข่งเลยครับรอนั่งชมอย่างเดียว
แต่ถ้าใครรับมรดกหนี้ อาจจะไม่ได้เรียนสูง เลี้ยงพ่อแม่อีก แล้วบ้านยังผ่อนยันรุ่นลูก ก็คือคุณยังไม่ได้ลงแข่งขัน แค่คัดตัวลงแข่งขันก็ไม่มีสิทธิแล้ว
ยิ่งทุนดีมากยิ่งลำบากน้อยกว่าคนอื่น
2. active or passive incoming การปั่นเม็ดเงินในรูปแบบต่างๆ
คนหาได้มากย่อมสร้างฐานะได้ไว คนหาได้น้อยย่อมสร้างฐานะได้ช้า มันตรงตัวครับ การจะหาเงินเพื่อข้ามโซน 1 ล้าน 4 ล้าน เงินเดือนหรือรายได้ต่างๆ ที่เราหาได้ตลอดชีวิต มันจะบ่งบอก speed ของตัวว่า
เราวิ่งได้ไวแค่ไหนในสามแข่ง เช่น ถ้าเราหาได้ 20K เฉลี่ยตลอดช่วงชีวิต กว่าจะถึง 1 ล้าน ก็คงอีกสัก 50 เดือนหละมั้ง ถ้าเราหาได้ 40K มันก็จะเร็วขึ้น 60 80 100K มันคือความเร็วรถยนต์เลยแหละครับ
ยิ่งสูง ยิ่งเร็ว ยิ่งประสบความสำเร็จได้ไว คนหาเงินได้เก่งโอกาศความน่าจะเป็น อุปสรรคจะต่ำกว่าไปเรื่อยๆ แต่คนส่วนมากจะลืมคิดถึงเรื่องนี้เพราะว่า
การมีรายได้เยอะ มันวัดตั้งแต่ระดับการศึกษา และ ความสามารถ มันไม่มีทางที่คนไม่เรียนหนังสือจะทำเม็ดเงินได้หนามากง่ายๆ มันจึงเป็นสิ่งที่หลายคน ไม่ค่อยคิดเป็นอันดับแรกๆ บางคนท้อตั้งแต่จะข้ามเป็นเงิน 50K แล้วคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าบริษัทไหนจะจ้างเราขนาดนั้น
ยิ่งหาได้มาก เรายิ่งกอบโกยได้มาก
3. expense ค่าใช้จ่าย
จากข้อ 2 เมื่อเรามีเงินแล้ว แต่ตัวเลขความเร็วผมคิดแค่เปรียบเทียบเชิงความเป็นไปได้ของการเก็บเงิน ถ้าทุกคนแบบมีคนเลี้ยงแล้วไม่ใช้เงินสักบาททุกคน มันจะหาเงินได้เร็วตามปริมาณเงินที่หาได้
แต่เมื่อช่างน้ำหนักข้อนี้ การมีภาระหรือค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น จะทำให้เราเหลือเงินเก็บได้น้อยลงไปอีกมา เมื่อเราต้องกินต้องใช้จ่ายเองแล้ว หลายคนมาตายจุดนี้แหละ คือ มีมากย่อมใช้มาก
เมื่อเอาเงินที่หาได้ ลบกับ เงินที่เราใช้จ่าย มันจะเป็นตัวเลข actual จริงๆ ของการเก็บเงิน
แก๊งเงินเหลือเก็บ
นาย A 20K แต่ใช้ 10K ก็จะเหลือ 10K เป็นค่าความเร็วของเรา และ นายคนนี้น่าจะใช้ชีวิตลำบาก อดอยากปากแห้ง
นาย B 40K แต่ใช้ 30K ก็จะเหลือ 10K จะเห็นว่า ความลำบากของคนนี้ ไม่น่าจะอดอยาก แต่เก็บเงินได้ speed เท่านาย A
นาย C 80K แต่ใช้ 30K ก็จะเหลือ 50K จะเห็นว่า นายคนนี้ไม่ได้อดอยากเลย แถมเงินเก็บโคตรเยอะ speed สูงมาก
นาย D 100K แต่ใช้ 50K ก็จะเหลือ 50K ก็จะเห็นว่า นายคนนี้สบายขึ้นไปอีก แถมเงินเก็บก็พอกับนาย C เลย
แก๊งเงินไม่เหลือเก็บ แถม ติดหนี้
นาย E มี 20K แต่ใช้ 20K ก็ 0 ไม่ไปไหนเลย
นาย F มี 20K แต่ใช้ 30K ติดลบ ติดหนี้ เดือนต่อไปถ้าไม่ยอมลดค่าใช้จ่าย จะติดหนี้พอกหางหมู
นาย G มี 100K แต่ใช้ 120K ติดหนี้เช่นกัน แต่ยังไงถ้าเขาลดรายจ่ายได้แค่สัก 50% เดือนเดียว เดือนต่อไปเขาก็สบายแล้วครับ
เห็นปะ ความแตกต่างของแก๊งติดหนี้ ขอแค่เงินต้นเยอะความเป็นไปได้ หรือ ความเสี่ยงจะต่ำลงมาก ถ้าเรามองตามนี้ speed จริง กับ ความยาก จะต่างกันโดยสิ้นเชิง ความอึดอัดหรือความสะดวกสบายจะต่าง
แล้วมันไม่มีหรอกคนที่ กินใช้จ่ายตั้งแต่ 30K ขึ้นไปมันจะลำบากอะครับ หรือ ว่ามันจะอึดอัดชีวิตอะไรเลย มันสบายแล้วด้วย ค่าใช้จ่ายสูงสะเกือบจะเอาชนะนาย B เลย
ยิ่งเราอุดรูรั่วของกระเป๋าเงินได้ดีแค่ไหน เราจะยิ่งแบกทองคำได้เยอะมากขึ้นเท่านั้น
4. investment การลงทุน คือ bonus ไม่ใช่การสร้างรายได้หลัก
ทำไมผมถึงบอกว่า การลงทุนไม่ใช่รายได้หลักหละ คนเป็นนักลงทุนเยอะแยะ คือ งี้เว้ยแชท มันไม่ใช่ทุกคนจะเป็น นักลงทุนไงแชท ถ้าแกไม่มีความรู้ แล้ว แกไม่มีเงินทุนอะ
นักลงทุนคือ การเอา active incoming มาปั่น profit เว้ยให้มันงอกเงย ผมถึงมองว่ามันคือ bonus ไม่ใช่การหาเงิน หรือ ถ้าแกจะมองว่าเป็นอาชีพ
แกต้องมีเงินทุนสัก 10 ล้าน ปันผล 10% ก็ปีละ 1 ล้านอะ ถึงจะพอเรียกว่าอาชีพได้ดังนั้น มันเลยไม่ง่ายตั้งแต่ แกจะไปหา 10 ล้านมาจากไหนแล้ว ถ้าไม่มีข้อ 1 ช่วยเหลือ
ดังนั้น ถ้าใครสามารถปันผลอะไรก็ตามในชีวิต จากเงินในข้อ 2-3 หักลบกลบหนี้กันไปแล้วสามารถทำให้ตัวเลขเติบโตได้เพิ่มอีกทางนึง 3-5%
เราก็จะหาเงินได้เร็วขึ้นเหมือนได้รับบัฟวิ่งไวอีกนิดนึง
แต่กลับกัน ถ้าไม่ได้ลงทุนเก่งอะไรเลย ติดลบปีละ 10-50% ก็คือกำลังเอาเงินทุนไปละลายน้ำทิ้ง เงินที่หามามันจะหายไปฟรีๆ อยู่เฉยๆ ไม่ลงทุนอะไรเลยยังจะดีกว่า
แต่ถ้าไม่ลงทุนเลย ไม่เสี่ยง ข้ามข้อนี้ไปเลย 0% แต่มันไม่จำเป็นต้องน้อยใจนะว่า เราไม่มีข้อนี้แล้วจะน้อยหน้าคนอื่น ไม่ต้องสนใจครับ คนที่เงินเดือน 100K อาจจะไม่จำเป็นต้องลงทุนเลยก็ได้ ถ้าเงินมันเหลือเยอะมากพอไปแล้วอะครับ แค่เก็บเงินเพียวๆ กับ PVD ลดหย่อนภาษี ก็ได้เยอะแล้วถือเป็นการลงทุนเหมือนกัน
ยิ่งเราเสริมได้มาก เราก็ยิ่งspeedได้มาก แต่ก็เสี่ยงมากขึ้นไปด้วย ตามระดับการลงทุน จนถึงระดับล้มละลาย
5. share resource การแบ่งปันทรัพย์สิน
แน่นอนว่า ถ้าเราเป็นโสดก็เหอะ การแบ่งปันทรัพยากร มันเกิดขึ้นเสมอครับ ก็คือ เงินบางส่วน หรือ ฐานะบางส่วนของเรา จะถูกแชร์ออกไป จากความสัมพันธ์ที่เรามีเหนียวแน่น สิ่งที่ตามมา คือ "แชร์ภาระ"
1. พ่อแม่
2. คู่ชีวิต
3. ลูก
4. หมาแมว
ืข้อนี้มีทำไม เอาง่ายๆ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่ร่วมกันแบบมีชาติตระกูล และ อยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น เราต้องแชร์ทรัพยากรของตัวเองเกือบตลอดชีวิตเลย เช่น
1. แชร์หนี้สินกับพ่อแม่ หรือ เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ถ้าใครไม่มีพ่อแม่แล้ว หรือ พ่อแม่เกษียณได้ เห็นปะเราก็เหมือนรอรับมรดก แล้วก็ตัวเบาหยองเลยไม่มีพ่อแม่เป็นภาระชีวิตอะไรอีกเลย การที่เราต้องแชร์ทรัพยากรที่หาได้ก็จะ 0%
แต่ถ้าเราต้องแชร์หละ เราแชร์ 20-30% ของเงินที่หาได้ สมมุติ อุส่าหาได้ 4 ล้านแล้วเนอะ เราแบ่ง 20% หรือ 800K คืนทุนให้พ่อแม่ เป็นแบบนี้เสมอครับ ยิ่งเงินเยอะ เรายิ่งแบ่งเยอะ
เพราะพ่อแม่บางคนลงทุนส่งการศึกษาสูงถึง 1-2 ล้านบาทได้เลยนะ เพื่อให้เราสร้างกำไรให้ได้สูงกว่า ระบบมันเป็นแบบนี้ครับ
2. คู่ชีวิตถ้ามีคนที่ดี เราจะกำไร แต่ถ้าไม่ดี เราจะติดลบรุนแรงด้วย
คิดยังไง แฟนเราก็เหมือนมนุษย์คนนึงที่ต้องคิดตามข้อ 1-5 เหมือนกันครับ ดังนั้น finally ถ้าแฟนเราหาเงินได้ติดบวก หรือ ปันกำไรได้สูง แฟนจะไม่ใช่ภาระชีวิตครับ แล้วถ้าเขาแบ่ง resource มาให้สัก 25-50%
สมมุติ แฟนเก่งขยันฉลาดปลายทางหาเงินได้ 4 ล้านเนอะ แชร์มาให้ 1-2 ล้าน แล้วเอาไปใช้อะไรที่เกิดประโยชน์จริงๆ เช่น ซื้อบ้านด้วยเงินสด ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด
หรือ บ้านมีแล้วก็ให้ยืมบ้านอยู่ มีรถยนต์แล้วก็ให้ยืมรถยนต์ใช้ แบบนี้เป็นต้น การมีแฟนมันไม่ได้มีแค่คำว่า รักกันครับ แต่มันคือการ ลงทุนชีวิตร่วมกัน เป็นคู่สร้าง คู่สม ชีวิตเราจะทวีคูณขึ้นไปอีก
แล้วถ้าตัวเราก็ติดบวกเหมือนกัน เราก็มี 4 ล้าน เราแชร์ไป 1-2 ล้าน รวมกันแล้วเรามีเงินทุนตั้ง 2-4 ล้าน เลยนะในการหาบ้านอยู่ร่วมกันสักหลัง เห็นปะชีวิตมันจะไม่ยากแล้วครับ
แต่ถ้าใครสักคนเป็นภาระ ผมตอบเลยว่า โอกาศมันเกิดขึ้นได้เสมอครับ ถ้าแฟนเราหาเงินติดลบ 1 ล้าน จากการก่อหนี้สิน หรือ ขอสายเปย์
เรามี 4 ล้าน เราจะเหลือ 3 ล้านครับ เห็นปะ อยู่ดีๆ เงินหายไปตั้งเยอะ นั่นแหละ ใครมาบอกว่าขอสายเปย์ยั่งยื่น มันคือเรื่องเพ้อฝันครับ
การจะคบกับคนที่เขาเปย์ได้ คุณต้องให้เขา share resource ให้ได้เกิน 50% เป็นต้นไปดังนั้น ผู้ชายก็จะต้องรวยมากมีเงิน 8 ล้านเป็นต้นไป แล้วแบ่ง 4 ล้านมาให้เราฟรีๆ พร้อมบ้าน พร้อมรถยนต์
แต่เสียใจด้วย ไม่ได้เจอคนรวยง่ายหรอก คนที่หาเงินได้ 8 ล้าน มีแค่ 1-2 ล้านคนที่ทำได้เองครับ 5-10% ของประชากรคนไทย ^^ ก็จะเห็นเนอะว่า แกต้องทำใจนะถ้าเขาจะมีชู้ หรือ มี 3 คนอะ
เพราะถ้าเขาเจอผู้หญิงคลาสดี หรือ หาเงินเก่งแล้วแค่ไม่เป็นภาระชีวิตด้วย share 0% ยังไงก็ดีกว่าครับ ก็คือแค่คบไปด้วยไม่ต้องจ่ายสักบาท ไม่ต้องหารสักชิ้น มองแบบนี้เป็นการลงทุนยังไงก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
แต่ถ้าเราโสด เราก็ไม่ต้องแชร์อะไรเลยเช่นกัน ^^ มี 100% ใช้ 100% คิดต้องคิดให้ฉลาด ในการเลือกคู่ชีวิต ถ้ามองแค่ด้านการหาเงิน คุณอาจจะรู้แล้วว่า ผู้หญิงคนไหนน่าคบ น่าสร้างอนาคตด้วยกันครับ ให้มองที่จุดนี้จะตอบคำถามไวที่สุด
3. แชร์ไปกับอนาคตลูก
แน่นอนว่า ลูกเราอาจจะเก่งกว่าเรา แล้วเขาต้องได้รับความผิดชอบจากพ่อแม่ ลูกคนบ้านชนชั้นกลางหลายคน เรียนจบหางานทำเรียนต่อจะได้เงินที่ สูงกว่าพ่อแม่หาขึ้นไปเรื่อยๆ หรือ cost of life ไม่ให้หายไปได้ง่ายกว่า เช่น
พ่อหาบ้านให้แล้วเป็นมรดก ลูกหาเงินเพียวๆ อีก 6 ล้านไม่ต้องซื้อบ้านก็ได้ เห็นปะ เงินมันจะสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือเคล็ดลับของตระกูลเจ้าสัวครับ ตอนเจ้าสัวบริหารเขาหาเงินได้จำนวนนึง แต่พอลูกเขาเรียนจบ ลูกเขามาช่วยหาเพิ่มอีกทางนึง
ผมจะเปรียบเทียบเลย 2 แรงหาย่อมดีกว่า 1 แรงหา ถ้ามีภรรยาดี มันจะเหมือนมี 3 แรงช่วยกันหาเงิน นี่คือเคล็ดลับของบ้านชนชั้นกลาง ที่เขาทำงานหาเงินไปเรื่อยๆ ไม่ง้อการเลี้ยงดูจากลูก
finally ในชีวิตเมื่อตาย อาจจะสร้างเงินได้สูงถึง 10-15 ล้านเลย และ ส่งมรดกตัวนี้สะสมไปทุกๆ การเปลี่ยน generation หรือ ถ้าไม่สามารถหาได้เก่ง ขอแค่รักษาทุนต้นไม่ให้หาย หรือ อย่าขายบ้านหาเงินกินข้าวก็พอแล้วครับ
ต้องเป็นลูกที่ล้มเหลวมากนะ ที่จะหาเงินติดลบแล้วขายบ้านพ่อแม่กินอะ
4. หมาแมว สัตว์เลี้ยง แน่นอน มันก็เหมือนครอบครัวคนนึง แล้วมันหาเงินไม่ได้ด้วย 555 แต่ไม่แน่ คนสมัยนี้ใช้สัตว์ทำฟาร์มเป็นธุรกิจ เอามาทำ channel หายอดวิว ยอดไลค์สร้างรายได้ นี่คือแนวคิดของ VRZO เลยครับ ในการนำสัตว์มาออกรายการ อ่อยังครับ
ถ้าเราเลี้ยงมันแพง เราก็ต้องแชร์เงินไปเยอะมากขึ้น ตามจำนวน บางคนก็แพงระดับ pet parent แลกความสุข
แต่ถ้าใครใช้หารายได้อีกทาง ทำฟาร์มทำธุรกิจ ก็จะกลายเป็น ไม่ได้ไม่เสียแถมเงินกินฟรี หลายคนฉลาดครับ แอบอาศัยช่องทางนี้หารายได้เยอะขึ้น ฝรั่งเลี้ยงทำฟาร์มงู ฟาร์มแมงมุม ไทยเราฟาร์มตํ๊กแตก แมลงสาบ รังนก
ยิ่งเรา share เงินน้อยลง เราจะได้ใช้เงินเต็มประสิทธิภาพของเงินที่หาได้มากขึ้น
แล้วยิ่งคุณไม่ขยันหาความรู้ ไม่หัดอ่านหนังสือเยอะๆ คุณยิ่งเสี่ยงมากกว่าใครทุกคนที่ผมกล่าว
สุดท้าย ถ้าคุณทำได้ทั้ง 5 ข้อที่ผมบอกเลยนะ ฐานะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว แล้วปลดล็อคทุกความสำเร็จย่อยได้อีก ในส่วนเสริม ยิ่งทำมากยิ่งเห็นผลเยอะมาก มันจะทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ
คุณจะฐานะดีใน รุ่นเดียว หรือ 2 รุ่นถัดไป และ คุณเป็นคนวินัยการเงินดีมาก นี่คือความลับของพวก เด็กรุ่นใหม่ที่รวยไว และ คนที่รวยสะสมมาเรื่อยๆ
แล้วเป็นสิ่งที่คนไทยไม่ขยันอ่านสักนิดเกี่ยวกับการสร้างฐานะ ^^ ถือว่าผมแชร์ knowledge ที่เป็นความลับของคนรวยให้ฟังแล้วนะ แล้วคุณจะรู้ว่า
คนไทยขาดไปกี่ข้อครับเขาถึงไม่สามารถ รวยได้สักทีไง
แสดงความคิดเห็น
อะไรคืออุปสรรคในการเก็บเงินหรือสร้างฐานะของคุณกันคะ?
พึ่งคุยกับเพื่อนๆ ในกลุ่มมาเรื่องหนี้ครัวเรือนของประเทศ ที่สูงมาก เลยคิดกันเล่นๆว่าอะไร คืออุปสรรค หรือข้อจำกัด ที่ทำให้หลายๆคน ไม่สามารถเก็บเงิน
มีเงินออมได้
แล้วอุปสรรค การเก็บเงินของคุณ ล่ะคะ คืออะไร?