นักวิชาการอิสระ จี้รัฐบาลคืนความเป็นธรรม ทบทวน ปลด สุชาติ สวัสดิ์ศรี พ้นศิลปินแห่งชาติ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4662164
นักวิชาการอิสระ จี้รัฐบาลคืนความเป็นธรรม ทบทวน ปลด สุชาติ สวัสดิ์ศรี พ้นศิลปินแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นาย
วรา จันทร์มณี เลขาธิการชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม และนักวิชาการอิสระ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจ “
วรา จันทร์มณี” ระบุว่า
คืนความเป็นธรรมให้สุชาติ สวัสดิ์ศรี
เมื่อ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิด 79 รอบปี ของสุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ สิงห์สนามหลวง ปีหน้าเขาก็จะอายุ 80 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เขาถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ในสมัยรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.
ผมเองถือว่าสุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นอาจารย์ และคิดว่าคนอีกจำนวนมากล้วนได้รับความรู้จากเขา ไม่ว่าจะเป็นสมัยทำวารสารสังคมศาสตร์ปริทัศน์ นิตยสารโลกหนังสือ นิตยสารบานไม่รู้โรย วารสารช่อการะเกด คอลัมน์ถาม-ตอบ สิงห์สนามหลวง หรืออื่นๆ
คุณูปการต่างๆ ซึ่งเขาอุทิศต่อสังคมมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ทำให้เขาได้รับรางวัลศิลปินเเห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เมื่อปี 2554 ในตอนอายุ 66 ปี ซึ่งรางวัลดังกล่าว ให้เพราะความสามารถ ไม่ใช่ความเห็นหรือทัศนะทางการเมือง
ผมคิดว่าหาก สุชาติ ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติจากฝีมือหรือความสามารถ เราก็ไม่ควรนำเรื่องอื่นมายุ่งเกี่ยว ผลงานของเขาเกิดขึ้นแล้ว เป็นที่ประจกษ์ยอมรับแล้ว และไม่ได้หายไปไหน เรื่องทั้งหมดไม่ได้กุขึ้น แต่สิ่งที่หายไปคือความเป็นธรรมที่เขาควรได้รับ
แม้เขาจะร้องต่อศาลปกครองกลางให้คุ้มครองชั่วคราว แต่เวลาผ่านมาเกือบ 3 ปีศาลก็ยังไม่ตัดสิน ผมเห็นว่าการถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อสุชาติ สวัสดิ์ศรี สิ่งเหล่านี้ทำให้รางวัลศิลปินแห่งชาติไม่ศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ก็พ้นมาจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ และสังคมกำลังเรียกร้องหาทางออกที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้แต่เรื่องนิรโทษกรรม ผมจึงเสนอว่าสังคมไทยควรทบทวนเรื่องนี้
ดังที่อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ว่า เราควรปกป้องความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งเป็นสิ่งสวยงามที่ทำให้สังคมแบ่งบาน นอกจากนั้นเราควรแยกให้ออกระหว่างความคิด ความเชื่อ ความพอใจ กับหลักการ ในเมื่อหลักการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติมาจากความสามารถ เราก็ควรยืนยันหลักการนั้น
ขอบคุณภาพจากเพจ วรา จันทร์มณี
ผมไม่ได้เรียกร้องให้สุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ เพราะเขาได้รับการกลั่นกรองคัดเลือกมาแล้ว แต่ผมเรียกร้องว่าสังคมควรช่วยกันทำให้เขาได้รับความเป็นธรรม หากคนที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วใครจะได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลควรคืนรางวัลศิลปินแห่งชาติให้เขา พร้อมกับชดเชยค่าตอบแทนที่งดเว้นไปทั้งหมด ผู้ที่รักความเป็นธรรมควรช่วยกันเปล่งเสียงครับ ไม่ใช่เปล่งเสียงเพื่อ สุชาติ สวัสดิ์ศรี คนเดียวนะครับ แต่เป็นการเปล่งเสียงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกลับมาสู่สังคมไทย เรียกร้องความเป็นธรรมกลับมาสู่พวกเราทุกคน เพราะเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมที่เป็นธรรม
https://www.facebook.com/sippapacha.fund/posts/pfbid038HUnkgYFWUwCz8Luijf3zf5m3bGXwE1aaz9C8fM7AvB1zvZZiZK38fvWFLkX7MbXl
ปิยบุตร หนุนกกต. เร่งรับรองส.ว. ซัดฝันเกินไป พวกหวังให้โมฆะ แนะถึงเวลารื้อทิ้งสภาสูง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4661454
‘ปิยบุตร’ หนุน กกต.เร่งประกาศรับรองผลเลือก ส.ว.ก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง ซัด คนหวังโมฆะทั้งระบบฝันเกินไป จี้ถึงเวลาแล้วที่ไทยควรเหลือสภาเดี่ยว เหตุลองมา 90 ปี ก็ยังไม่ตอบโจทย์
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือก ส.ว.ว่า ผลที่ออกมาแปลกประหลาดมาก และเห็นว่าหากมีปัญหาเช่นนี้คือไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่อยากได้ ส.ว.ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ก็ถึงเวลาที่ควรคิดทบทวนว่าควรออกแบบที่มา ส.ว.อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ ที่ควรจะเหลือสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกมาแล้ว เห็นว่าแม้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติจำนวนมาก แต่ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ดังนั้น การที่จะนำไปสู่โมฆะทั้งระบบคงเป็นไปไม่ได้ และใครที่คิดฝันว่าอยากให้ ส.ว. 250 คน รักษาการไปเรื่อยๆ คิดว่าเป็นการฝันเกินไป และเชื่อว่าอีกไม่นานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงจะรับรอง และให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าควรรับรองก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง เพราะแม้ประกาศไปแล้วก็ยังมีช่องทางตรวจสอบได้ภายหลัง โดยเฉพาะกรณีคุณสมบัติต้องห้าม ก็ร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และถ้ามีการทุจริตก็ไปร้องที่ศาลฎีกา ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้การเมืองสะดุด โดยควรตรวจสอบเป็นรายบุคคล ใครมีปัญหาก็ตามไปตรวจสอบ ซึ่งมีช่องทางทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมี ส.ว.แล้วควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.หรือไม่ นาย
ปิยบุตรกล่าวว่า การจะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือยกเลิกการมี ส.ว.จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องอาศัยเสียง ส.ว.ในการโหวต ซึ่งอาจจะเป็นปัญหา และคงต้องไปหวังการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เข้ามา แต่ตอนนี้ก็ต้องรณรงค์ทางความคิดกันไปก่อนว่าถ้ายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือจะยกเลิกไปเลย แต่ครั้งนี้เมื่อเลือกมาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ
นาย
ปิยบุตรกล่าวว่า ตนมีจุดยืนมาตลอดว่าประเทศไทยถึงเวลาแล้ว ที่ควรจะมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว และการตรวจสอบถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎร สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นกลไกของการแบ่งสรรปันส่วน การคัดเลือกองค์กรอิสระ ที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายเสนอมาด้วยจำนวนที่เท่าเทียมกัน โดยฝ่ายค้านเสนอมาส่วนหนึ่งและฝ่ายรัฐบาลเสนอมาส่วนหนึ่ง แล้วมาหาข้อยุติร่วมกัน ด้วยคะแนนเสียงที่สูงมาก ก็เชื่อว่า ไม่มีใครยึดองค์กรอิสระได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีคณะกรรมาธิการวิสามัญที่สามารถเชิญคนนอกเข้ามาร่วมพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ได้ จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะยกเลิก ส.ว. และมีสภาเดี่ยว เพราะเราเคยทดลองมี ส.ว.มา 90 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ ปี 2475 ทั้งการแต่งตั้ง การเลือกตั้ง และการคัดสรร แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ จึงควรคิดทบทวนว่าเรากลับมาใช้สภาเดี่ยว เหมือนกับหลายประเทศ
กกร. ห่วงค้าโลกทรุด ซ้ำเติมไทย ฝากรัฐบาลกระตุ้น เอกชนกำลังเอาตัวรอด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4661592
กกร. ห่วงค้าโลกทรุด ซ้ำเติมไทย ฝากรัฐบาลกระตุ้น เอกชนกำลังเอาตัวรอด
นาย
ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า การค้าโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งเพิ่มขึ้น เป็นผลจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และผู้ประกอบการบางส่วนเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐ ต่อจีน ที่จะมีผลภายในปีนี้ ส่งผลให้ค่าระวางเรือล่าสุดปรับตัวขึ้น 95% เมื่อเทียบจากเดือนเมษายน 2567 ขณะที่ใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานขึ้นตามภาวะขนส่งคับคั่งและขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่อภาคการผลิตและการส่งออกของโลกในระยะข้างหน้า โดยคาดการณ์การส่งออกทั้งปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.8-1.5% จากเดิม 0.5-1.5% การเติบโตจีดีพี อยู่ที่ 2.2-2.7%
นาย
ผยง กล่าวว่า การส่งออกไทยเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าของสหรัฐและจีน การขึ้นภาษีของสหรัฐต่อสินค้าจีนรอบใหม่ ที่อาจกระทบสินค้าส่งออกไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานให้แก่จีน ซึ่งประเมินว่าสินค้าเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดยสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก อาทิ ยางแผ่น ยางแท่ง เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ แต่อาจมีปัจจัยบวกชั่วคราวจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าและการปรับเปลี่ยนมาส่งออกจากไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีประเด็นฉุดรั้งจากเรื่องต้นทุนจากการขาดแคลนเรือและตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงระยะเวลาการขนส่งที่เพิ่มขึ้น
นาย
ผยง กล่าวว่า ความกังวลต่อปัญหานี้มีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมและจำกัดความสามารถในการส่งออกของไทยที่อยู่ในภาวะเติบโตต่ำ จึงขอให้ภาครัฐมีมาตรการหรือแนวทางเร่งด่วน เพื่อรับมือกับสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีแนวโน้มลากยาวตลอดช่วงที่เหลือของปี รวมถึงลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคการผลิตจากการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน การชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย อุปสงค์ในประเทศยังเปราะบาง และมีความกังวลถึงต้นทุนด้านพลังงานด้วย
“
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งโมเมนตัมเศรษฐกิจโลกมีความวุ่นวายสูง การทำอะไรที่โดดออกมาจากภาพรวมของโลกคงลำบาก เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทย อย่างเรื่องส่งออกที่มีความท้าทาย แต่ถือว่ายังมีโอกาส เพราะบางภาคส่วนได้ประโยชน์จากการปรับปรุงใหม่ของซัพพลายเชนและการสั่งสินค้า ขณะที่สินค้าแบบเดิมในการส่งออกถูกผลกระทบ อาทิ การส่งออกสินค้าไปจีน แต่จีนเองก็มีการปรับปรุงสินค้าใหม่ ถือเป็นพลวัตที่เกิดขึ้น โดยระบบเศรษฐกิจในประเทศ มีนโยบายระยะสั้น กลาง และยาว ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนข้อเสนอแนะมีการทบทวนสมุดปกขาวที่จะยื่นให้รัฐบาลอีกครั้ง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีหลายปัจจัยที่พลิกผันไป ทำให้ต้องพิจารณาใหม่ระหว่างเอกชน 3 สถาบัน” นาย
ผยง กล่าว
นาย
ทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ขณะนี้ปัญหาการขีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ในฐานะผู้ส่งออกสินไปจำหน่ายในจีน แม้มีซัพพลายส่งไปที่อื่นได้ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ภาพจึงถือเป็นสัญญาณที่อันตรายมากๆ ทั้งภายในก็แย่ ภายนอกมีแรงกดดันหนัก ทำให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีแรงงานเกิน 70% ที่ไม่ได้ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรง รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงถึง 3 ครั้งต่อปี ยิ่งไม่มีเหตุผล จึงไม่ต้องการให้เกิดการชี้นำจากฝ่ายใด โดยเฉพาะภาครัฐบาล เนื่องจากอุตสาหกรรมจะต้องเดินหน้าไปด้วยกันให้ได้ หากมีการปรับขึ้นค่าแรงผสมกับสัญญาณอัตรายจากปัจจัยต่างประเทศ โอกาสที่อุตสาหกรรมขนาดเล็ก อย่างเอสเอ็มอีจะถูกกระทบจนล้มหายไปก่อนได้ ขอฝากถึงรัฐบาลให้ไตร่ตรองให้ดี อย่ากดดันภาคอุตสาหกรรม
“ฝากคำถามถึงรัฐบาลว่า ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรจะออกมาบ้าง เพราะหากถามเอกชนก็ตอบไม่ได้ ทำเพียงแต่เอาตัวให้รอดด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น” นาย
ทวีกล่าว
ด้าน นาย
พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมีปัญหาระยะสั้นเกิดขึ้น รัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อมาช่วย แต่หอการค้าไม่แน่ใจว่าปรับขึ้นมาซ้ำเติมหรือมาช่วย เพราะตอนนี้แค่ประกาศว่าจะมีการปรับขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ หลายธุรกิจก็ไปไม่รอดแล้ว ทางออกมองว่ารัฐบาลจะต้องพยายามสร้างงาน เพื่อให้คนมีงานทำ มีรายได้ โรงงานเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตเพราะส่งออกได้ สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้ภาพนี้เกิดขึ้นได้ในตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาสนับสนุน อาทิ ต้นทุนพลังงาน และหากมีการปรับขึ้นค่าแรงมาเพิ่มต้นทุน จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่มีกลไกตามธรรมชาติอยู่แล้ว หากมีการฝืนกลไกจะส่งผลให้เกิดปัญหามากกว่า.
JJNY : จี้ทบทวน ปลดสุชาติพ้นศิลปินแห่งชาติ│ปิยบุตรหนุนกกต.รับรองส.ว.│กกร. ห่วงค้าโลกทรุด ซ้ำเติมไทย│เบอริลถล่มแคริบเบียน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4662164
นักวิชาการอิสระ จี้รัฐบาลคืนความเป็นธรรม ทบทวน ปลด สุชาติ สวัสดิ์ศรี พ้นศิลปินแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม และนักวิชาการอิสระ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจ “วรา จันทร์มณี” ระบุว่า
คืนความเป็นธรรมให้สุชาติ สวัสดิ์ศรี
เมื่อ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิด 79 รอบปี ของสุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ สิงห์สนามหลวง ปีหน้าเขาก็จะอายุ 80 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เขาถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ในสมัยรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.
ผมเองถือว่าสุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นอาจารย์ และคิดว่าคนอีกจำนวนมากล้วนได้รับความรู้จากเขา ไม่ว่าจะเป็นสมัยทำวารสารสังคมศาสตร์ปริทัศน์ นิตยสารโลกหนังสือ นิตยสารบานไม่รู้โรย วารสารช่อการะเกด คอลัมน์ถาม-ตอบ สิงห์สนามหลวง หรืออื่นๆ
คุณูปการต่างๆ ซึ่งเขาอุทิศต่อสังคมมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ทำให้เขาได้รับรางวัลศิลปินเเห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เมื่อปี 2554 ในตอนอายุ 66 ปี ซึ่งรางวัลดังกล่าว ให้เพราะความสามารถ ไม่ใช่ความเห็นหรือทัศนะทางการเมือง
ผมคิดว่าหาก สุชาติ ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติจากฝีมือหรือความสามารถ เราก็ไม่ควรนำเรื่องอื่นมายุ่งเกี่ยว ผลงานของเขาเกิดขึ้นแล้ว เป็นที่ประจกษ์ยอมรับแล้ว และไม่ได้หายไปไหน เรื่องทั้งหมดไม่ได้กุขึ้น แต่สิ่งที่หายไปคือความเป็นธรรมที่เขาควรได้รับ
แม้เขาจะร้องต่อศาลปกครองกลางให้คุ้มครองชั่วคราว แต่เวลาผ่านมาเกือบ 3 ปีศาลก็ยังไม่ตัดสิน ผมเห็นว่าการถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อสุชาติ สวัสดิ์ศรี สิ่งเหล่านี้ทำให้รางวัลศิลปินแห่งชาติไม่ศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ก็พ้นมาจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ และสังคมกำลังเรียกร้องหาทางออกที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้แต่เรื่องนิรโทษกรรม ผมจึงเสนอว่าสังคมไทยควรทบทวนเรื่องนี้
ดังที่อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ว่า เราควรปกป้องความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งเป็นสิ่งสวยงามที่ทำให้สังคมแบ่งบาน นอกจากนั้นเราควรแยกให้ออกระหว่างความคิด ความเชื่อ ความพอใจ กับหลักการ ในเมื่อหลักการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติมาจากความสามารถ เราก็ควรยืนยันหลักการนั้น
ขอบคุณภาพจากเพจ วรา จันทร์มณี
ผมไม่ได้เรียกร้องให้สุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ เพราะเขาได้รับการกลั่นกรองคัดเลือกมาแล้ว แต่ผมเรียกร้องว่าสังคมควรช่วยกันทำให้เขาได้รับความเป็นธรรม หากคนที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วใครจะได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลควรคืนรางวัลศิลปินแห่งชาติให้เขา พร้อมกับชดเชยค่าตอบแทนที่งดเว้นไปทั้งหมด ผู้ที่รักความเป็นธรรมควรช่วยกันเปล่งเสียงครับ ไม่ใช่เปล่งเสียงเพื่อ สุชาติ สวัสดิ์ศรี คนเดียวนะครับ แต่เป็นการเปล่งเสียงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกลับมาสู่สังคมไทย เรียกร้องความเป็นธรรมกลับมาสู่พวกเราทุกคน เพราะเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมที่เป็นธรรม
https://www.facebook.com/sippapacha.fund/posts/pfbid038HUnkgYFWUwCz8Luijf3zf5m3bGXwE1aaz9C8fM7AvB1zvZZiZK38fvWFLkX7MbXl
ปิยบุตร หนุนกกต. เร่งรับรองส.ว. ซัดฝันเกินไป พวกหวังให้โมฆะ แนะถึงเวลารื้อทิ้งสภาสูง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4661454
‘ปิยบุตร’ หนุน กกต.เร่งประกาศรับรองผลเลือก ส.ว.ก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง ซัด คนหวังโมฆะทั้งระบบฝันเกินไป จี้ถึงเวลาแล้วที่ไทยควรเหลือสภาเดี่ยว เหตุลองมา 90 ปี ก็ยังไม่ตอบโจทย์
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือก ส.ว.ว่า ผลที่ออกมาแปลกประหลาดมาก และเห็นว่าหากมีปัญหาเช่นนี้คือไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่อยากได้ ส.ว.ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ก็ถึงเวลาที่ควรคิดทบทวนว่าควรออกแบบที่มา ส.ว.อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ ที่ควรจะเหลือสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกมาแล้ว เห็นว่าแม้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติจำนวนมาก แต่ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ดังนั้น การที่จะนำไปสู่โมฆะทั้งระบบคงเป็นไปไม่ได้ และใครที่คิดฝันว่าอยากให้ ส.ว. 250 คน รักษาการไปเรื่อยๆ คิดว่าเป็นการฝันเกินไป และเชื่อว่าอีกไม่นานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงจะรับรอง และให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าควรรับรองก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง เพราะแม้ประกาศไปแล้วก็ยังมีช่องทางตรวจสอบได้ภายหลัง โดยเฉพาะกรณีคุณสมบัติต้องห้าม ก็ร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และถ้ามีการทุจริตก็ไปร้องที่ศาลฎีกา ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้การเมืองสะดุด โดยควรตรวจสอบเป็นรายบุคคล ใครมีปัญหาก็ตามไปตรวจสอบ ซึ่งมีช่องทางทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมี ส.ว.แล้วควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า การจะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือยกเลิกการมี ส.ว.จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องอาศัยเสียง ส.ว.ในการโหวต ซึ่งอาจจะเป็นปัญหา และคงต้องไปหวังการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เข้ามา แต่ตอนนี้ก็ต้องรณรงค์ทางความคิดกันไปก่อนว่าถ้ายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือจะยกเลิกไปเลย แต่ครั้งนี้เมื่อเลือกมาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ
นายปิยบุตรกล่าวว่า ตนมีจุดยืนมาตลอดว่าประเทศไทยถึงเวลาแล้ว ที่ควรจะมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว และการตรวจสอบถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎร สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นกลไกของการแบ่งสรรปันส่วน การคัดเลือกองค์กรอิสระ ที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายเสนอมาด้วยจำนวนที่เท่าเทียมกัน โดยฝ่ายค้านเสนอมาส่วนหนึ่งและฝ่ายรัฐบาลเสนอมาส่วนหนึ่ง แล้วมาหาข้อยุติร่วมกัน ด้วยคะแนนเสียงที่สูงมาก ก็เชื่อว่า ไม่มีใครยึดองค์กรอิสระได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีคณะกรรมาธิการวิสามัญที่สามารถเชิญคนนอกเข้ามาร่วมพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ได้ จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะยกเลิก ส.ว. และมีสภาเดี่ยว เพราะเราเคยทดลองมี ส.ว.มา 90 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ ปี 2475 ทั้งการแต่งตั้ง การเลือกตั้ง และการคัดสรร แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ จึงควรคิดทบทวนว่าเรากลับมาใช้สภาเดี่ยว เหมือนกับหลายประเทศ
กกร. ห่วงค้าโลกทรุด ซ้ำเติมไทย ฝากรัฐบาลกระตุ้น เอกชนกำลังเอาตัวรอด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4661592
กกร. ห่วงค้าโลกทรุด ซ้ำเติมไทย ฝากรัฐบาลกระตุ้น เอกชนกำลังเอาตัวรอด
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า การค้าโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งเพิ่มขึ้น เป็นผลจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และผู้ประกอบการบางส่วนเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐ ต่อจีน ที่จะมีผลภายในปีนี้ ส่งผลให้ค่าระวางเรือล่าสุดปรับตัวขึ้น 95% เมื่อเทียบจากเดือนเมษายน 2567 ขณะที่ใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานขึ้นตามภาวะขนส่งคับคั่งและขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่อภาคการผลิตและการส่งออกของโลกในระยะข้างหน้า โดยคาดการณ์การส่งออกทั้งปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.8-1.5% จากเดิม 0.5-1.5% การเติบโตจีดีพี อยู่ที่ 2.2-2.7%
นายผยง กล่าวว่า การส่งออกไทยเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าของสหรัฐและจีน การขึ้นภาษีของสหรัฐต่อสินค้าจีนรอบใหม่ ที่อาจกระทบสินค้าส่งออกไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานให้แก่จีน ซึ่งประเมินว่าสินค้าเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดยสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก อาทิ ยางแผ่น ยางแท่ง เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ แต่อาจมีปัจจัยบวกชั่วคราวจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าและการปรับเปลี่ยนมาส่งออกจากไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีประเด็นฉุดรั้งจากเรื่องต้นทุนจากการขาดแคลนเรือและตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงระยะเวลาการขนส่งที่เพิ่มขึ้น
นายผยง กล่าวว่า ความกังวลต่อปัญหานี้มีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมและจำกัดความสามารถในการส่งออกของไทยที่อยู่ในภาวะเติบโตต่ำ จึงขอให้ภาครัฐมีมาตรการหรือแนวทางเร่งด่วน เพื่อรับมือกับสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีแนวโน้มลากยาวตลอดช่วงที่เหลือของปี รวมถึงลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคการผลิตจากการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน การชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย อุปสงค์ในประเทศยังเปราะบาง และมีความกังวลถึงต้นทุนด้านพลังงานด้วย
“ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งโมเมนตัมเศรษฐกิจโลกมีความวุ่นวายสูง การทำอะไรที่โดดออกมาจากภาพรวมของโลกคงลำบาก เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทย อย่างเรื่องส่งออกที่มีความท้าทาย แต่ถือว่ายังมีโอกาส เพราะบางภาคส่วนได้ประโยชน์จากการปรับปรุงใหม่ของซัพพลายเชนและการสั่งสินค้า ขณะที่สินค้าแบบเดิมในการส่งออกถูกผลกระทบ อาทิ การส่งออกสินค้าไปจีน แต่จีนเองก็มีการปรับปรุงสินค้าใหม่ ถือเป็นพลวัตที่เกิดขึ้น โดยระบบเศรษฐกิจในประเทศ มีนโยบายระยะสั้น กลาง และยาว ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนข้อเสนอแนะมีการทบทวนสมุดปกขาวที่จะยื่นให้รัฐบาลอีกครั้ง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีหลายปัจจัยที่พลิกผันไป ทำให้ต้องพิจารณาใหม่ระหว่างเอกชน 3 สถาบัน” นายผยง กล่าว
นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ขณะนี้ปัญหาการขีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ในฐานะผู้ส่งออกสินไปจำหน่ายในจีน แม้มีซัพพลายส่งไปที่อื่นได้ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ภาพจึงถือเป็นสัญญาณที่อันตรายมากๆ ทั้งภายในก็แย่ ภายนอกมีแรงกดดันหนัก ทำให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีแรงงานเกิน 70% ที่ไม่ได้ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรง รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงถึง 3 ครั้งต่อปี ยิ่งไม่มีเหตุผล จึงไม่ต้องการให้เกิดการชี้นำจากฝ่ายใด โดยเฉพาะภาครัฐบาล เนื่องจากอุตสาหกรรมจะต้องเดินหน้าไปด้วยกันให้ได้ หากมีการปรับขึ้นค่าแรงผสมกับสัญญาณอัตรายจากปัจจัยต่างประเทศ โอกาสที่อุตสาหกรรมขนาดเล็ก อย่างเอสเอ็มอีจะถูกกระทบจนล้มหายไปก่อนได้ ขอฝากถึงรัฐบาลให้ไตร่ตรองให้ดี อย่ากดดันภาคอุตสาหกรรม
“ฝากคำถามถึงรัฐบาลว่า ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรจะออกมาบ้าง เพราะหากถามเอกชนก็ตอบไม่ได้ ทำเพียงแต่เอาตัวให้รอดด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น” นายทวีกล่าว
ด้าน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมีปัญหาระยะสั้นเกิดขึ้น รัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อมาช่วย แต่หอการค้าไม่แน่ใจว่าปรับขึ้นมาซ้ำเติมหรือมาช่วย เพราะตอนนี้แค่ประกาศว่าจะมีการปรับขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ หลายธุรกิจก็ไปไม่รอดแล้ว ทางออกมองว่ารัฐบาลจะต้องพยายามสร้างงาน เพื่อให้คนมีงานทำ มีรายได้ โรงงานเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตเพราะส่งออกได้ สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้ภาพนี้เกิดขึ้นได้ในตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาสนับสนุน อาทิ ต้นทุนพลังงาน และหากมีการปรับขึ้นค่าแรงมาเพิ่มต้นทุน จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่มีกลไกตามธรรมชาติอยู่แล้ว หากมีการฝืนกลไกจะส่งผลให้เกิดปัญหามากกว่า.