ก่อนอื่นก็ขอบคุณที่ติดตามครับ
ด้วยแรงสนับสนุนครั้งก่อนของหลายๆท่าน ผมก็ต้องสนองกลับด้วยการสปอยกันต่อไป แต่อย่าลืมอุดหนุนฉบับลิขสิทธิ์กันด้วยนะครับ
สำหรับสปอยรอบนี้ก็เป็นเหมือนเดิมอีกเช่นเคย เนื่องจาก Dawntrials ที่เป็น Expansion Patch ใหม่ ของ Final Fantasy XIV เพิ่งอัพเดท ผมซึ่งมีหน้าที่ต้องรีบปั่นเนื้อเรื่องเกมต่อ ทำให้ไม่มีเวลามากพอจะมาเกลาคำแปลให้สละสลวยครับ ดังนั้นเจออะไรแปลผิด ไม่ลื่นหู ไม่สละสลวยก็ทนๆอ่านกันไปก่อนนะ 55555 (Elden Ring ยังเพิ่งจะตบเมสเมอร์ไปเอง
ก็ต้องพักไว้ก่อนแล้ว) พูดมากพอละ มาลุยเลยดีกว่า
รูปเปิดตอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Kindom 802 กองทัพของแม่ทัพใหญ่
ความเดิมตอนที่แล้วชางผิงจวินได้จัดแจงกลยุทธ์เสาหลักที่สอง คือการเร่งปรับโครงสร้างทางทหารใหม่ นั่นทำให้หน่วยเฟยซิ่น เล่อหัว และอวี้เฟิ่ง ได้รับการรี้พลเพิ่มพร้อมทั้งได้รับการอวยยศปลัดทัพในสังกัด การปันรี้พลมหาศาลครั้งนี้นั้นย่อมมิแคล้วจะเพื่อใช้ยาตราทัพเข้าพิชิตรัฐหานในปีหน้า
ณ นครหลวงเสียนหยาง
เพลานี้ปรากฎความวุ่นวายประหนึ่งโกลาหลก็มิปาน ขุนนางน้อยใหญ่ได้เร่งดำเนินการจัดทำสำมะโนครัวประชากรอันเป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายเสาหลักที่หนึ่งของชางผิงจวิน ทุกคนต่างขะมักเขม้นดำเนินการอย่างรีบเร่ง เหตุเพราะราชสำนักกำหนดเส้นตายภายในฤดูร้อนปีหน้า
บัดซบเจ้าชางผิงจวิน! ในยามที่คลังขาดแคลนเงินทองเพราะต้องปันส่วนให้ภาคเหนือใช้ป้องกัน ยังจะริอาจทำแผนที่ผลาญเงินบ้าคลั่งเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีก! ใครก็ได้ไปเอาเอกสารเบิกเงินของเดือนถัดไปมา!
เป็นหลี่ซือนี่เองที่ตบปากบ่นชางผิงจวิน พลางระหว่างเร่งคำนวณค่าใช้จ่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลิกพิรี้พิไรได้แล้วหลี่ซือ การที่พวกเรากลับมาแข็งขันได้เช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อสัปดาห์ก่อนสีหน้าแววตาพวกเราโรยราปานศพ ก็นับว่าประเสริฐโดยแท้ หากเราพยายามทำตามกลยุทธ์ชางผิงจวินขบคิดขึ้นมา เราจักหวนสู่เส้นทางการรวมจงหยวนอีกครั้ง
ชางเหวินจวิน ตะโกนตอบหลี่ซือทั้งๆที่สองมือก็พัวพันกับรายการบัญชีเช่นเดียวกัน
เออ ข้ารู้แล้ว! เพราะเยี่ยงนั้นข้าถึงดีใจและมีไฟทำงานอย่างเต็มที่นี่ไง!
หึดีใจรึ! ข้าเห็นเจ้าเอาแต่บ่นเสียมากกว่านะ
วาจาระคายหูนัก หุบปากเสีย!
สองขุนนางชั้นผู้ใหญ่โต้เถียงกันไปมา แต่ก็มิอาจดึงความสนใจจากขุนนางอื่นๆจากกระแสความอลหม่านรอบข้างที่เหล่าขุนนางอื่นต่างก็เร่งทำงานอย่างเต็มที่
อ้ายพวกโง่ ไม่มีเวลามามัวหลงระเริงหรอกนะ ข้าใช้เวลาสามวันในการจัดทำแผนงบประมาณนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะทำสำมะโนครัวเสร็จทันฤดูร้อนปีหน้า เมื่อคำนวณจากปริมาณงานแล้ว จากนี้ไปอีกหนึ่งปีเกรงว่าทั้งเจ้าและข้าจะไม่มีเวลาให้หลับได้เต็มอิ่มเป็นแน่
ข้าจะอุทิศตัวสร้างเสาหลักนี้โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน!
หลี่ซือกล่าวถึงความมุ่งมั่นต่อแผนงานที่เขาสร้างขึ้นมา
ชางเหวินจินได้แค่อื้ออึงพลางตอบรับ "อา... หลี่ซือ"
หลี่ซือ "เจ้าเองก็ต้องเตรียมร่างกฏหมายเกณฑ์ทหารไว้ให้พร้อมสรรพด้วย"
ชางเหวินจวินตอบกลับ "ข้าเข้าใจดี จะให้ทำจนเลือดกบปากเลยก็ย่อมได้"
ด้วยเหตุนี้เหล่าขุนนางมิพ้นจะต้องวิ่งวุ่นตลอดหนึ่งปีจากนี้ไป โดยมีศูนย์กลางที่เสียนหยาง
ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้ มีเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่ในภายหลังจะกลายเป็น "เรื่องใหญ่"
แต่เดิมรัฐเอี้ยนพยายามจะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐฉินอีกครั้ง จึงได้ส่งรัชทายาทมายังเสียนหยางเพื่อเป็นตัวประกัน
ทว่ารัชทายาทได้ตัดสินใจอาศัยช่วงเวลาที่เสียนหยางกำลังวุ่นวาย หนีกลับเอี้ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต
และสิ่งนี้เองจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ระหว่างฉินกับเอี้ยนในภายหลัง
แต่สำหรับราชสำนักแล้ว ในเวลาเช่นนี้ เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินกว่าจะใส่ใจ
ณ เมืองเอ้ออวี่ ดินแดนฉินส่วนลึกเข้ามายังแนวหน้าติดกับรัฐจ้าว
ทัพหวังเจี๋ยนที่เสียหายหนักกำลังพักฟื้นอยู่ ณ เมืองแห่งนี้
แม้นจะบอกว่ากำลังฟื้นฟู แต่จากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมากนัก เกินกว่าจะฟื้นฟูได้โดยง่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเจี๋ยนนั่งอยู่ระเบียงชั้นบนมองออกไปยังด้านนอก ระหว่างนั้นที่ประตูก็มีเสียงดังขึ้น
ชางยาง "ใต้เท้า ข้าขออนุญาต"
หวังเจี๋ยน "เข้ามาได้"
หลังจากรับตัวซือหลิงกลับมา ชางยางก็เข้าพบหวังเจี๋ยนเตรียมพร้อมที่จะรับโทษจากการละทิ้งตำแหน่งออกไปตามหาซือหลิง
หวังเจี๋ยนไม่ได้ลงโทษแต่ประการใดและยังให้เขากลับเข้าประจำตำแหน่งเดิมต่อ
จริงๆแล้วนอกจากชางยางและหลิงซือ ยังมีซานซิ่วนายกองพันของทัพเถียนหลี่หมีรอดตายกลับมาอย่าง งงๆอีกคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดมาในห้องพัก ตอนนี้มีเพียงหวังเจี๋ยน ชางยาง ซือหลิง และซินเซิง นายกอง 5,000 อยู่
ชางยางได้เปิดหัวข้อก่อนโดยพูดถึงสถานการณ์ที่เสียนหยาง
ดูเหมือนว่าที่เสียนหยางกำลังวุ่นวาย จากข่าวที่ได้รับ ชางผิงจวินกำลังทำการปฏิรูปครั้งใหญ่
ปฏิรูปงั้นหรือ? ชินเซิงตอบรับเรื่องราว
พวกเขากำลังทำสำมะโนประชากร เพื่อการนี้จะทำให้เราสามารถปฏิรูปโครงสร้างกองทัพได้
ในปีหน้าหน่วย อวี้เฟิ่ง เล่อหัว และเฟยซิ่นจะถูกมอบหมายรี้พลเพิ่มเป็น 50,000 ให้เตรียมประจำการศึกถัดไป
50,000 เชียวหรือ? นั่นก็แทบจะ...
ถูกต้อง อีกเพียงขั้นเดียวก็จะเป็นแม่ทัพใหญ่
หรือชะรอยว่าเสียนหยางจะให้ทัพเหล่านั้นผนวกกำลังจัดการหลี่มู่?
เหลือวิสัยนัก ราชสำนักย่อมมิอาจประเมินหลี่มู่ต่ำเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการศึกครั้งล่าสุด
นั่นซีนะ หากจะหาผู้ใดเอาชนะหลี่มู่ ย่อมมิพ้นใต้เท้าหวังเจี๋ยน
ชางยางรายงานข่าวสารพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกับซินเซิง ขณะที่หวังเจี๋ยนยังคงนิ่งเงียบ
ซินเซิงกล่าวต่อว่า การศึกที่ซุ่ยอู่เราแพ้เพราะพลาดท่าให้กับกลยุทธ์การควบคุมข่าวสารของหลี่มู่ ไม่นึกว่าเจ้านั่นจะซุ่มกองทัพมากฝีมืออย่างทัพจากเมืองซิงเกอ
ชนะหนึ่งครั้งที่ทุ่งจูไห่ แพ้หนึ่งครั้งที่ซุ่ยอู่
ครั้งหน้าจะเป็นตัวตัดสินว่าฝ่ายใดเหนือกว่ากัน
และข้ามั่นใจว่า แปดถึงเก้าจากสิบส่วน ชัยชนะย่อมจะเป็นของใต้เท้าหวังเจี๋ยนเป็นแน่
"ผิดแล้ว"
หวังเจี๋ยนเปิดปากแทรกกระทันหันเป็นครั้งแรกพร้อมเอ่ยวาจาที่ทั้งสองไม่คาดคิด
"สิบส่วนจากสิบส่วนที่ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเจี๋ยนพูดด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ซินเซิงทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ชางยางกลับออกสีหน้าเหมือนข้องใจนัก
ข้าน้อยขออภัย จริงดังที่ใต้เท้ากล่าวแล้ว
ซินเซิงตอบรับคำนั้น
หวังเจี๋ยนสัมผัสได้ถึงความเงียบจากชางยางจึงถามออกไปว่า
ชางยาง เจ้าคิดว่าข้าอวดดีไปไหม?
ชางยางทำสีหน้าพลางข้องใจพร้อมกับตอบว่า
ข้าน้อยมิกล้าแต่หากจะให้เรียนตามความจริงแล้ว ข้าน้อยเห็นเป็นเช่นนั้น
เราเพิ่งจะเผชิญผลลัพธ์ของศึกมาในสภาพอดสู การที่ใต้เท้ากล่าวเช่นนั้น เป็นใครๆก็...
ข้าไม่ได้อวดดี
หากข้าอยากจะชนะหลี่มู่ ข้าสามารถลงมือได้ทุกเมื่อที่ข้าต้องการ
คำพูดของหวังเจี๋ยนยิ่งสร้างความตื่นตะลึงและความแคลงใจให้กับชางยางมากขึ้น
ชายผู้นั้นมีจุดอ่อนอันใหญ่หลวง
หากข้าต้องการจะฆ่าเจ้านั่น ย่อมเป็นเรื่องง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ
เช่นนั้นแล้ว ใต้เท้า ทำไมท่านถึงไม่ทำอย่างนั้นเสียแต่ทีแรก
ชางยางรีบถามด้วยความสงสัย
เพราะข้าคำนวณไว้แล้วแม้นมิใช้จุดอ่อนก็สามารถเอาชนะหลี่มู่ด้วยการเผชิญหน้าตรงๆได้
และหากข้าชนะ ข้าสามารถเลือกที่จะเอาชีวิตเขา
"หรือเกลี้ยกล่อมให้มาเป็นลูกน้องสินะขอรับ"
ชางยางแย่งพูดต่อจากหวังเจี๋ยนเพราะรู้นิสัยใจคอดี
ใต้เท้า ข้าขอบังอาจพูดโดยทวนคำพูดของท่าน
"เพราะเลือกที่จะทำศึกโดยเผชิญหน้ากับหลี่มู่ตรงๆ เราถึงได้เสียย่ากวงกับเถียนหลี่หมี่นี่ไง!"
ชางยางสุดจะอดกลั้นความคับแค้นใจและได้ตวาดออกมาโดยไม่ไว้หน้านายของตน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แม่ทัพชางยาง..
ซินเซิงกล่าวขึ้นเบาๆเพื่อเรียกให้ชางยางใจเย็น
ข้าน้อยขออภัย...
ชางยางกล่าวหลังจากเริ่มอารมณ์เย็นลง
หลังจากชางยางสงบได้ หวังเจี๋ยนจึงพูดต่อ
เป็นดังเจ้าว่า แม้นข้าจะมีแผนการเบื้องหลังที่ยอดเยี่ยมเพียงใดแต่การเอ่ยหลังจากมาพ่ายแพ้ย่อมเป็นที่น่าสมเพช
ตอนนี้เรามาร่วมไว้อาลัยให้กับย่ากวงและเถียนหลี่หมี แล้วพลางคอยเฝ้ามองทิศทางการรบของฉินและรัฐอื่นๆจากนี้เถิด
ตัดมาที่หน่วยเฟยซิ่น
ซิ่นได้แจ้งข่าวสารเรื่องการอวยยศให้กับคนในหน่วย
น้ายวนและฉูสุ่ยได้รับการอวยยศให้เป็นนายกอง 5,000 สร้างความตกใจให้กับน้ายวนเป็นอย่างมาก ขณะที่คนในทัพต่างฮึกเหิมดีใจกับการเติบใหญ่ของน้ายวน แต่น้ายวนกลับไม่ยินดีเสียเท่าไหร่
กรณีอย่างฉุสุ่ยข้ายังพอเข้าใจ แต่กระทั่งคนเยี่ยงข้ามิคู่ควรเลย ข้าไม่ได้เก่งกล้าอย่างท่านแม่ทัพที่เคยสังหารขุนศึกหรือนายกองตัวฉกาจ การที่ข้าได้รับการเลื่อนขั้นเช่นนี้ผิดวิสัยนัก
แต่เจ้าก็เป็นแล้วนี่ไง ยินดีด้วยนะ น้ายวน
ซิ่นตอบกลับราวกับไม่สนใจสิ่งที่น้ายวนพูด
ไม่ใช่แล้วซิ่น การเป็นถึงนายกอง 5,000 อีกแค่เพียงขั้นเดียวข้าจักเป็นแม่ทัพ เมื่อเทียบกับซิ่นที่กรำศึกอย่างยาวนาน สังหารขุนศึกเก่งกาจนับไม่ถ้วน สร้างความชอบอย่างมหันต์ กระนั้นแล้วท่านยังคงไต่เต้ามาถึงแค่แม่ทัพ เมื่อเทียบกับข้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลยได้เลื่อนขั้นเป็นนายกอง 5,000 มันไม่สมแก่เหตุเลยสักนิด
มิใช่เช่นนั้นดอก หากเจ้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ เจ้าย่อมไม่ได้รับการอวยยศมาขั้นนี้แน่ หน่วยเฟยซิ่นมีทุกวันนี้ได้เพราะได้เจ้าคอยประคองไว้เบื้องหลัง
เจ้าทั้งคอยดูแลพวกเด็กใหม่ ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญ คอยตำหนิติเตียนอ้ายพวกทึ่มให้อยู่กับร่องกับรอย ช่วยประสานให้หน่วยสามารถคงอยู่ได้ ด้วยเหตุนี้แล้วข้าจักสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่โดยมิต้องพะวงหลัง คนที่คอยช่วยสนับสนุนหน่วยเฟยซิ่นมาตลอดเป็นเจ้ามิใช่ใครอื่น การได้เลื่อนเป็นนายกอง 5,000 ย่อมคู่ควรแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซิ่นกล่าวคำเสริมความมั่นใจทำเอาน้ายวนน้ำตาแตก
เอาละซี ปัญหาอีกอย่างคือ...
ซิ่นเอ่ยพลางทำท่าหนักใจจะประกาศเรื่องสำคัญให้เชียงฮุ่ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"เชียงฮุ่ย เจ้าได้รับการอวยยศให้เป็นแม่ทัพ"
หลังจากกล่าวเสร็จเชียงฮุ่ยทำท่าเพียงงงเล็กน้อย ในขณะที่เชียงหลี่และพลของเชียงฮุ่ยเฮลั่น
งั้นข้าก็ได้ย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางของยอดขุนศึกในใต้หล้า!
ยังหรอกเฟ้ย!!!
เชียงฮุ่ยพูดไม่ทันจบดีซิ่นรีบสกัดทันควัน
อย่างไรเสีย ในที่สุดหน่วยเฟยซิ่นก็สร้างขุนศึกได้ด้วยตัวเองเสียที
เจ้าหมายความว่ายังไง เตียว?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในทัพของหวังเจี๋ยน ย่ากวง เถียนหลี่หมี และขุนศึกคนอื่นๆล้วนเป็นระดับแม่ทัพ และทั้งหมดนั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่หวังเจี๋ยน
งั้นก็หมายความว่าต่อไปจะมีแม่ทัพเกิดขึ้นจากหน่วยเฟยซิ่นได้อีก!? ชะรอยว่าแม่ทัพคนต่อไปย่อมมิพ้นคนที่เป็นนายกอง 5,000 ในตอนนี้!?
กานโต่วและคนอื่นๆต่างคาดหวังขึ้นมา แต่นั่นยิ่งทำเอาน้ายวนออกอาการหวั่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างไรเสียหากเราไม่มีคนที่มีศักยภาพพอ ทางเสียนหยางย่อมจะพึงหาแม่ทัพมาสังกัดให้ หากเป็นเช่นนั้นย่อมแปลว่าจะมีแม่ทัพที่ไหนมาวางก้ามสั่งพวกเจ้าได้เต็มที่
ต่อ คห.1
[Spoil] Kingdom 802 กองทัพของแม่ทัพใหญ่
สำหรับสปอยรอบนี้ก็เป็นเหมือนเดิมอีกเช่นเคย เนื่องจาก Dawntrials ที่เป็น Expansion Patch ใหม่ ของ Final Fantasy XIV เพิ่งอัพเดท ผมซึ่งมีหน้าที่ต้องรีบปั่นเนื้อเรื่องเกมต่อ ทำให้ไม่มีเวลามากพอจะมาเกลาคำแปลให้สละสลวยครับ ดังนั้นเจออะไรแปลผิด ไม่ลื่นหู ไม่สละสลวยก็ทนๆอ่านกันไปก่อนนะ 55555 (Elden Ring ยังเพิ่งจะตบเมสเมอร์ไปเอง ก็ต้องพักไว้ก่อนแล้ว) พูดมากพอละ มาลุยเลยดีกว่า
รูปเปิดตอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Kindom 802 กองทัพของแม่ทัพใหญ่
ความเดิมตอนที่แล้วชางผิงจวินได้จัดแจงกลยุทธ์เสาหลักที่สอง คือการเร่งปรับโครงสร้างทางทหารใหม่ นั่นทำให้หน่วยเฟยซิ่น เล่อหัว และอวี้เฟิ่ง ได้รับการรี้พลเพิ่มพร้อมทั้งได้รับการอวยยศปลัดทัพในสังกัด การปันรี้พลมหาศาลครั้งนี้นั้นย่อมมิแคล้วจะเพื่อใช้ยาตราทัพเข้าพิชิตรัฐหานในปีหน้า
ณ นครหลวงเสียนหยาง
เพลานี้ปรากฎความวุ่นวายประหนึ่งโกลาหลก็มิปาน ขุนนางน้อยใหญ่ได้เร่งดำเนินการจัดทำสำมะโนครัวประชากรอันเป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายเสาหลักที่หนึ่งของชางผิงจวิน ทุกคนต่างขะมักเขม้นดำเนินการอย่างรีบเร่ง เหตุเพราะราชสำนักกำหนดเส้นตายภายในฤดูร้อนปีหน้า
บัดซบเจ้าชางผิงจวิน! ในยามที่คลังขาดแคลนเงินทองเพราะต้องปันส่วนให้ภาคเหนือใช้ป้องกัน ยังจะริอาจทำแผนที่ผลาญเงินบ้าคลั่งเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีก! ใครก็ได้ไปเอาเอกสารเบิกเงินของเดือนถัดไปมา!
เป็นหลี่ซือนี่เองที่ตบปากบ่นชางผิงจวิน พลางระหว่างเร่งคำนวณค่าใช้จ่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลิกพิรี้พิไรได้แล้วหลี่ซือ การที่พวกเรากลับมาแข็งขันได้เช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อสัปดาห์ก่อนสีหน้าแววตาพวกเราโรยราปานศพ ก็นับว่าประเสริฐโดยแท้ หากเราพยายามทำตามกลยุทธ์ชางผิงจวินขบคิดขึ้นมา เราจักหวนสู่เส้นทางการรวมจงหยวนอีกครั้ง
ชางเหวินจวิน ตะโกนตอบหลี่ซือทั้งๆที่สองมือก็พัวพันกับรายการบัญชีเช่นเดียวกัน
เออ ข้ารู้แล้ว! เพราะเยี่ยงนั้นข้าถึงดีใจและมีไฟทำงานอย่างเต็มที่นี่ไง!
หึดีใจรึ! ข้าเห็นเจ้าเอาแต่บ่นเสียมากกว่านะ
วาจาระคายหูนัก หุบปากเสีย!
สองขุนนางชั้นผู้ใหญ่โต้เถียงกันไปมา แต่ก็มิอาจดึงความสนใจจากขุนนางอื่นๆจากกระแสความอลหม่านรอบข้างที่เหล่าขุนนางอื่นต่างก็เร่งทำงานอย่างเต็มที่
อ้ายพวกโง่ ไม่มีเวลามามัวหลงระเริงหรอกนะ ข้าใช้เวลาสามวันในการจัดทำแผนงบประมาณนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะทำสำมะโนครัวเสร็จทันฤดูร้อนปีหน้า เมื่อคำนวณจากปริมาณงานแล้ว จากนี้ไปอีกหนึ่งปีเกรงว่าทั้งเจ้าและข้าจะไม่มีเวลาให้หลับได้เต็มอิ่มเป็นแน่
ข้าจะอุทิศตัวสร้างเสาหลักนี้โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน!
หลี่ซือกล่าวถึงความมุ่งมั่นต่อแผนงานที่เขาสร้างขึ้นมา
ชางเหวินจินได้แค่อื้ออึงพลางตอบรับ "อา... หลี่ซือ"
หลี่ซือ "เจ้าเองก็ต้องเตรียมร่างกฏหมายเกณฑ์ทหารไว้ให้พร้อมสรรพด้วย"
ชางเหวินจวินตอบกลับ "ข้าเข้าใจดี จะให้ทำจนเลือดกบปากเลยก็ย่อมได้"
ด้วยเหตุนี้เหล่าขุนนางมิพ้นจะต้องวิ่งวุ่นตลอดหนึ่งปีจากนี้ไป โดยมีศูนย์กลางที่เสียนหยาง
ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้ มีเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่ในภายหลังจะกลายเป็น "เรื่องใหญ่"
แต่เดิมรัฐเอี้ยนพยายามจะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐฉินอีกครั้ง จึงได้ส่งรัชทายาทมายังเสียนหยางเพื่อเป็นตัวประกัน
ทว่ารัชทายาทได้ตัดสินใจอาศัยช่วงเวลาที่เสียนหยางกำลังวุ่นวาย หนีกลับเอี้ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต
และสิ่งนี้เองจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ระหว่างฉินกับเอี้ยนในภายหลัง
แต่สำหรับราชสำนักแล้ว ในเวลาเช่นนี้ เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินกว่าจะใส่ใจ
ณ เมืองเอ้ออวี่ ดินแดนฉินส่วนลึกเข้ามายังแนวหน้าติดกับรัฐจ้าว
ทัพหวังเจี๋ยนที่เสียหายหนักกำลังพักฟื้นอยู่ ณ เมืองแห่งนี้
แม้นจะบอกว่ากำลังฟื้นฟู แต่จากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมากนัก เกินกว่าจะฟื้นฟูได้โดยง่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเจี๋ยนนั่งอยู่ระเบียงชั้นบนมองออกไปยังด้านนอก ระหว่างนั้นที่ประตูก็มีเสียงดังขึ้น
ชางยาง "ใต้เท้า ข้าขออนุญาต"
หวังเจี๋ยน "เข้ามาได้"
หลังจากรับตัวซือหลิงกลับมา ชางยางก็เข้าพบหวังเจี๋ยนเตรียมพร้อมที่จะรับโทษจากการละทิ้งตำแหน่งออกไปตามหาซือหลิง
หวังเจี๋ยนไม่ได้ลงโทษแต่ประการใดและยังให้เขากลับเข้าประจำตำแหน่งเดิมต่อ
จริงๆแล้วนอกจากชางยางและหลิงซือ ยังมีซานซิ่วนายกองพันของทัพเถียนหลี่หมีรอดตายกลับมาอย่าง งงๆอีกคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดมาในห้องพัก ตอนนี้มีเพียงหวังเจี๋ยน ชางยาง ซือหลิง และซินเซิง นายกอง 5,000 อยู่
ชางยางได้เปิดหัวข้อก่อนโดยพูดถึงสถานการณ์ที่เสียนหยาง
ดูเหมือนว่าที่เสียนหยางกำลังวุ่นวาย จากข่าวที่ได้รับ ชางผิงจวินกำลังทำการปฏิรูปครั้งใหญ่
ปฏิรูปงั้นหรือ? ชินเซิงตอบรับเรื่องราว
พวกเขากำลังทำสำมะโนประชากร เพื่อการนี้จะทำให้เราสามารถปฏิรูปโครงสร้างกองทัพได้
ในปีหน้าหน่วย อวี้เฟิ่ง เล่อหัว และเฟยซิ่นจะถูกมอบหมายรี้พลเพิ่มเป็น 50,000 ให้เตรียมประจำการศึกถัดไป
50,000 เชียวหรือ? นั่นก็แทบจะ...
ถูกต้อง อีกเพียงขั้นเดียวก็จะเป็นแม่ทัพใหญ่
หรือชะรอยว่าเสียนหยางจะให้ทัพเหล่านั้นผนวกกำลังจัดการหลี่มู่?
เหลือวิสัยนัก ราชสำนักย่อมมิอาจประเมินหลี่มู่ต่ำเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการศึกครั้งล่าสุด
นั่นซีนะ หากจะหาผู้ใดเอาชนะหลี่มู่ ย่อมมิพ้นใต้เท้าหวังเจี๋ยน
ชางยางรายงานข่าวสารพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกับซินเซิง ขณะที่หวังเจี๋ยนยังคงนิ่งเงียบ
ซินเซิงกล่าวต่อว่า การศึกที่ซุ่ยอู่เราแพ้เพราะพลาดท่าให้กับกลยุทธ์การควบคุมข่าวสารของหลี่มู่ ไม่นึกว่าเจ้านั่นจะซุ่มกองทัพมากฝีมืออย่างทัพจากเมืองซิงเกอ
ชนะหนึ่งครั้งที่ทุ่งจูไห่ แพ้หนึ่งครั้งที่ซุ่ยอู่
ครั้งหน้าจะเป็นตัวตัดสินว่าฝ่ายใดเหนือกว่ากัน
และข้ามั่นใจว่า แปดถึงเก้าจากสิบส่วน ชัยชนะย่อมจะเป็นของใต้เท้าหวังเจี๋ยนเป็นแน่
"ผิดแล้ว"
หวังเจี๋ยนเปิดปากแทรกกระทันหันเป็นครั้งแรกพร้อมเอ่ยวาจาที่ทั้งสองไม่คาดคิด
"สิบส่วนจากสิบส่วนที่ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเจี๋ยนพูดด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ซินเซิงทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ชางยางกลับออกสีหน้าเหมือนข้องใจนัก
ข้าน้อยขออภัย จริงดังที่ใต้เท้ากล่าวแล้ว
ซินเซิงตอบรับคำนั้น
หวังเจี๋ยนสัมผัสได้ถึงความเงียบจากชางยางจึงถามออกไปว่า
ชางยาง เจ้าคิดว่าข้าอวดดีไปไหม?
ชางยางทำสีหน้าพลางข้องใจพร้อมกับตอบว่า
ข้าน้อยมิกล้าแต่หากจะให้เรียนตามความจริงแล้ว ข้าน้อยเห็นเป็นเช่นนั้น
เราเพิ่งจะเผชิญผลลัพธ์ของศึกมาในสภาพอดสู การที่ใต้เท้ากล่าวเช่นนั้น เป็นใครๆก็...
ข้าไม่ได้อวดดี
หากข้าอยากจะชนะหลี่มู่ ข้าสามารถลงมือได้ทุกเมื่อที่ข้าต้องการ
คำพูดของหวังเจี๋ยนยิ่งสร้างความตื่นตะลึงและความแคลงใจให้กับชางยางมากขึ้น
ชายผู้นั้นมีจุดอ่อนอันใหญ่หลวง
หากข้าต้องการจะฆ่าเจ้านั่น ย่อมเป็นเรื่องง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ
เช่นนั้นแล้ว ใต้เท้า ทำไมท่านถึงไม่ทำอย่างนั้นเสียแต่ทีแรก
ชางยางรีบถามด้วยความสงสัย
เพราะข้าคำนวณไว้แล้วแม้นมิใช้จุดอ่อนก็สามารถเอาชนะหลี่มู่ด้วยการเผชิญหน้าตรงๆได้
และหากข้าชนะ ข้าสามารถเลือกที่จะเอาชีวิตเขา
"หรือเกลี้ยกล่อมให้มาเป็นลูกน้องสินะขอรับ"
ชางยางแย่งพูดต่อจากหวังเจี๋ยนเพราะรู้นิสัยใจคอดี
ใต้เท้า ข้าขอบังอาจพูดโดยทวนคำพูดของท่าน
"เพราะเลือกที่จะทำศึกโดยเผชิญหน้ากับหลี่มู่ตรงๆ เราถึงได้เสียย่ากวงกับเถียนหลี่หมี่นี่ไง!"
ชางยางสุดจะอดกลั้นความคับแค้นใจและได้ตวาดออกมาโดยไม่ไว้หน้านายของตน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แม่ทัพชางยาง..
ซินเซิงกล่าวขึ้นเบาๆเพื่อเรียกให้ชางยางใจเย็น
ข้าน้อยขออภัย...
ชางยางกล่าวหลังจากเริ่มอารมณ์เย็นลง
หลังจากชางยางสงบได้ หวังเจี๋ยนจึงพูดต่อ
เป็นดังเจ้าว่า แม้นข้าจะมีแผนการเบื้องหลังที่ยอดเยี่ยมเพียงใดแต่การเอ่ยหลังจากมาพ่ายแพ้ย่อมเป็นที่น่าสมเพช
ตอนนี้เรามาร่วมไว้อาลัยให้กับย่ากวงและเถียนหลี่หมี แล้วพลางคอยเฝ้ามองทิศทางการรบของฉินและรัฐอื่นๆจากนี้เถิด
ตัดมาที่หน่วยเฟยซิ่น
ซิ่นได้แจ้งข่าวสารเรื่องการอวยยศให้กับคนในหน่วย
น้ายวนและฉูสุ่ยได้รับการอวยยศให้เป็นนายกอง 5,000 สร้างความตกใจให้กับน้ายวนเป็นอย่างมาก ขณะที่คนในทัพต่างฮึกเหิมดีใจกับการเติบใหญ่ของน้ายวน แต่น้ายวนกลับไม่ยินดีเสียเท่าไหร่
กรณีอย่างฉุสุ่ยข้ายังพอเข้าใจ แต่กระทั่งคนเยี่ยงข้ามิคู่ควรเลย ข้าไม่ได้เก่งกล้าอย่างท่านแม่ทัพที่เคยสังหารขุนศึกหรือนายกองตัวฉกาจ การที่ข้าได้รับการเลื่อนขั้นเช่นนี้ผิดวิสัยนัก
แต่เจ้าก็เป็นแล้วนี่ไง ยินดีด้วยนะ น้ายวน
ซิ่นตอบกลับราวกับไม่สนใจสิ่งที่น้ายวนพูด
ไม่ใช่แล้วซิ่น การเป็นถึงนายกอง 5,000 อีกแค่เพียงขั้นเดียวข้าจักเป็นแม่ทัพ เมื่อเทียบกับซิ่นที่กรำศึกอย่างยาวนาน สังหารขุนศึกเก่งกาจนับไม่ถ้วน สร้างความชอบอย่างมหันต์ กระนั้นแล้วท่านยังคงไต่เต้ามาถึงแค่แม่ทัพ เมื่อเทียบกับข้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลยได้เลื่อนขั้นเป็นนายกอง 5,000 มันไม่สมแก่เหตุเลยสักนิด
มิใช่เช่นนั้นดอก หากเจ้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ เจ้าย่อมไม่ได้รับการอวยยศมาขั้นนี้แน่ หน่วยเฟยซิ่นมีทุกวันนี้ได้เพราะได้เจ้าคอยประคองไว้เบื้องหลัง
เจ้าทั้งคอยดูแลพวกเด็กใหม่ ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญ คอยตำหนิติเตียนอ้ายพวกทึ่มให้อยู่กับร่องกับรอย ช่วยประสานให้หน่วยสามารถคงอยู่ได้ ด้วยเหตุนี้แล้วข้าจักสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่โดยมิต้องพะวงหลัง คนที่คอยช่วยสนับสนุนหน่วยเฟยซิ่นมาตลอดเป็นเจ้ามิใช่ใครอื่น การได้เลื่อนเป็นนายกอง 5,000 ย่อมคู่ควรแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซิ่นกล่าวคำเสริมความมั่นใจทำเอาน้ายวนน้ำตาแตก
เอาละซี ปัญหาอีกอย่างคือ...
ซิ่นเอ่ยพลางทำท่าหนักใจจะประกาศเรื่องสำคัญให้เชียงฮุ่ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"เชียงฮุ่ย เจ้าได้รับการอวยยศให้เป็นแม่ทัพ"
หลังจากกล่าวเสร็จเชียงฮุ่ยทำท่าเพียงงงเล็กน้อย ในขณะที่เชียงหลี่และพลของเชียงฮุ่ยเฮลั่น
งั้นข้าก็ได้ย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางของยอดขุนศึกในใต้หล้า!
ยังหรอกเฟ้ย!!!
เชียงฮุ่ยพูดไม่ทันจบดีซิ่นรีบสกัดทันควัน
อย่างไรเสีย ในที่สุดหน่วยเฟยซิ่นก็สร้างขุนศึกได้ด้วยตัวเองเสียที
เจ้าหมายความว่ายังไง เตียว?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในทัพของหวังเจี๋ยน ย่ากวง เถียนหลี่หมี และขุนศึกคนอื่นๆล้วนเป็นระดับแม่ทัพ และทั้งหมดนั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่หวังเจี๋ยน
งั้นก็หมายความว่าต่อไปจะมีแม่ทัพเกิดขึ้นจากหน่วยเฟยซิ่นได้อีก!? ชะรอยว่าแม่ทัพคนต่อไปย่อมมิพ้นคนที่เป็นนายกอง 5,000 ในตอนนี้!?
กานโต่วและคนอื่นๆต่างคาดหวังขึ้นมา แต่นั่นยิ่งทำเอาน้ายวนออกอาการหวั่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างไรเสียหากเราไม่มีคนที่มีศักยภาพพอ ทางเสียนหยางย่อมจะพึงหาแม่ทัพมาสังกัดให้ หากเป็นเช่นนั้นย่อมแปลว่าจะมีแม่ทัพที่ไหนมาวางก้ามสั่งพวกเจ้าได้เต็มที่
ต่อ คห.1