[Spoil] Kingdom 803 เสาหลักที่สาม

กลับมาเช่นเคยครับ สปอยรอบนี้มาช้ามาก หลายๆท่านที่รอคงจะรู้สึกได้สินะ เพิ่งออกวันนี้เองผมก็แปลสดๆวันนี้เลย และขอออกตัวเหมือนเช่นเคย ผมมี FF14 แพทช์ใหม่ที่ต้องไปปั่นเนื้อเรื่องต่อให้จบ (พอจบเนื้อเรื่องเดี๋ยวก็ต้องลุยเหรดบอสอีก ดูทรงแล้วคงจะยุ่งๆไปอีกยาว) ดังนั้นแล้วคำแปลนี้จะไม่ได้เกลา อาจจะมีผิดบ้าง แต่ก็รีบแปลรีบลง (คุณอยากอ่านช้าๆแบบแปลสละสลวย หรือเอาแปลปานกลางพอใช้ได้แต่ได้อ่านไวๆล่ะ 555555)

สุดท้ายอย่าลืมอุดหนุนฉบับลิขสิทธิ์ด้วยนะครับ smile
เอาล่ะเสียเวลามากพอแล้ว ลุยเลยดีกว่า

Kingdom 803 เสาหลักที่สาม

ความเดิมตอนที่แล้ว
หน่วยเฟยซิ่นได้รับการอวยยศครั้งใหญ่รวมถึงได้รับการเสริมจำนวนรี้พลมากขึ้น โดยมียุทธการใหญ่ที่จะร่วมสมทบกับทัพของแม่ทัพเถิงหนึ่งในหกขุนศึกเพื่อจะพิชิตรัฐหาน

ตัดกลับมาที่รัฐฉิน
ในเวลานี้ทั่วดินแดนของรัฐฉิน มีข้าราชการขุนนางจำนวนมากวิ่งวุ่นเร่งดำเนินการจัดทำสำมะโนครัวประชากรกันอย่างขะมักเขม้น ป่าเขาลำเนาไพร ที่ราบ หมู่บ้าน ชุมชนขนาดเล็ก ดินแดนไร้รัฐต่างๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปัจจัยหลักที่ทำให้การทำสำมะโนประชากรชาวรัฐฉินทุกคนยากคือการเฟ้นหาประชากรที่อยู่ในเขตหรือดินแดนที่เสียนหยางไม่เคยลงบันทึกหรือเคยสำรวจมาก่อน ผู้คนที่อยู่อาศัยนอกสายตาของการฝ่ายปกครองของรัฐนั้น แท้จริงแล้วยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ออกค้นหาจะต้องทำการมองหากลุ่มประชากรเหล่านี้แม้นว่าจะต้องบุกป่าฝ่าดงหรือก้าวล่วงเข้าสู่ภูเขาอันสูงโพ้นก็ต้องทำ
 
ด้วยเหตุนี้ยังคงมีเมืองหรือหมู่บ้านใหม่ให้ค้นพบ บางที่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตนเองอาศัยอยู่ในดินแดงของรัฐฉิน บ้างก็เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่สำรวจบ่อยครั้ง หรือมีแม้นกระทั่งมีสงครามกันระหว่างชุมชนกันเอง

และแล้วเวลาล่วงมาถึงฤดูหนาวในปีที่ 16 ของการขึ้นครองราชย์ของเจิ้ง

ภายในค่ายแม่ทัพเถิง
ซิ่น เตียว และเชียงฮุ่ยถูกเรียกมาประชุมยังกองบัญชาการแม่ทัพเถิง

"มาช้านัก อ้ายลูกเต่าโง่!!"
ทันทีที่เข้าไปในกระโจม ซิ่นก็ถูกแม่ทัพกั๋วหลงตวาดใส่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ไอ้ขี้เท่อเยี่ยงเจ้าได้เป็นแม่ทัพแล้วแต่สันดานยังมิเปลี่ยน! ฟังให้ดีนะ....
เถิง "ใจเย็นก่อนหนอหลงกั๋ว"
ลู่อูเว่ย "คั่ก คั่ก ไม่ได้สายขนาดนั้นดอก"
สองแม่ทัพหันไปมองหลงกั๋วกำลังบ่นฉอดๆใส่ซิ่น

ขณะที่เชียงฮุ่ยบนอุบอิบเพราะหนวกหูเสียงแม่ทัพหลงกั๋วขึ้นมาว่า "ข้าอยากกลับแล้ว.." ทำเอาเตียวตกใจ
"ว่าไงนะ นังหนู!" หลงกั๋วหันมาตะโกนถามเชียงฮุ่ยทันทีที่ได้ยินเสียงเธอบ่น
"เป็นแม่ทัพแล้วนา" เชียงฮุ่ยตอบกลับ

ในกระโจมตอนนี้ นอกจากซิ่น เตียว และเชียงฮุ่ย ประกอบไปด้วยแม่ทัพของทัพเถิง ลู่อูเว่ย กานยาง หลงกั๋ว และแม่ทัพใหญ่เถิง 
เมื่อเถิงเห็นทุกคนมากันพร้อมหน้าจึงได้ฤกษ์หยุดการปะทะคารมของทุกคนไว้ และเริ่มพูดประเด็นสำคัญ

เอาล่ะ.. อย่างที่พวกเจ้ารู้ ข้าได้เข้าไปพบผู้บัญชาการทหารสูงสุดชางผิงจวินมาเมื่อไม่กี่วันก่อน และได้เรียกพวกเจ้ามาเพื่อถ่ายทอดเนื้อความ
อย่างแรก พวกเจ้าทุกคนในที่นี้จะได้เข้าร่วมมหายุทธการบุกพิชิตรัฐหาน ทั้งนี้ฝ่ายบุ๋นได้จัดแจงสร้างสำมะโนครัวประชากรอย่างยากลำบากเพื่อที่จะเกณฑ์รี้พล อันเป็นเสาหลักแรกตามแผนของชางผิงจวิน

ภายในฤดูร้อน พวกเราจักได้รับรี้พลที่ถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นพลรบใหม่จำนวน 200,000 คน
"สะ สองแสน!?" ซิ่นตกใจกับจำนวน ขณะที่หลงกั๋วทำท่ารำคาญพร้อมกับบ่นอุบอิบว่า เจ้าอย่าเอะอะ ตกใจกับทุกเรื่องสิฟะ

เถิงกล่าวต่อ
"ด้วยเสาหลักที่หนึ่งนี้เองจักช่วยส่งเสริมกำลังให้หน่วยเฟ่ยซิ่น เล่อหัว และอวี้เฟิ่ง แปรเปลี่ยนสภาพทัพให้กลายมาเป็นกองทัพหลัก"

"เสาหลักที่สองซีนะ" เตียวเสริมในสิ่งที่เถิงกำลังอธิบาย

"ถูกต้อง และด้วยเสาหลักที่สองนี้ ชางผิงจวินตั้งใจจะสร้างเสาหลักที่สาม นั่นก็คือ พิชิตรัฐหาน"
ทุกคนต่างรับฟังอย่างตั้งมั่น แววตาแม่ทัพทุกคนล้วนไร้ความลังเล แม่ทัพอย่างลู่อูเว่ยแสยะยิ้มราวจะบอกพร้อมมานานแล้ว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่อย่างไรเสีย มหายุทธการพิชิตรัฐหาน มิได้ตื้นเขินเยี่ยงการพิชิตรัฐหานเพียงอย่างเดียว

เจ้าหมายความว่าไง? ลู่อูเว่ยถามด้วยความสงสัย

อุบายเบื้องหลังของมหายุทธการนี้ แท้จริงแล้วคือการช่วงชิงดินแดน ผู้คน และเงินทอง แล้วเราจักนำสิ่งนั้นมาเกื้อหนุนรัฐเราให้ฟื้นคืนอีกครั้งเพื่อเป้าหมายที่แท้จริงนั่นคือการพิชิตรัฐจ้าว
ทุกต่างตื่นตะลึงพลางถึงเริ่มเข้าใจอุบายที่แท้จริงของชางผิงจวินได้ไม่ยากนัก

ลู่อูเว่ย "ที่แท้ ก็มีจ้าวและหลี่มู่เป็นเป้าหมายนี่เอง"
เตียว "นั่นสินะ หากเป็นท่านอาจารย์แล้ว ย่อมคิดหาหนทางฟื้นฟูกองทัพไปยังสภาพก่อนที่จะพ่ายศึกสองครั้งแก่จ้าว เพื่อที่จะสามารถดำเนินการรุกจ้าวต่อได้"
"เดี๋ยวก่อนสิ! พวกเจ้าพูดราวเสียกับว่าการพิชิตหานเป็นเรื่องง่าย หานเป็นหนึ่งในเจ็ดรัฐที่มีอำนาจคงอยู่ได้ในยุครณรัฐเช่นนี้ จะถูกพิชิตได้ง่ายจริงๆหรือ!?"
ซิ่นออกปากโวยวายขึ้นมาด้วยมหายุทธการครั้งนี้ดูแลจะเพ้อฝันมากไปนัก

"ชะรอยว่าจะมิง่ายนัก"
เถิงตอบรับตามที่ซิ่นกังวล

"หากการล่มหานเป็นเรื่องง่ายจริง มิแคล้วว่าพวกเราย่อมลงมือไปนานแล้ว จริงอยู่ว่าในบรรดาเจ็ดรัฐ หานเป็นรัฐเล็กที่ดูจะอ่อนแอที่สุด ทว่าก็คงยังมีเหตุอันค้ำจุนมิให้รัฐใดสามารถพิชิตได้โดยง่าย หากเราคิดหมายปองหานแล้วละก็ ทั้งจ้าวและเว่ยย่อมมิพ้นยาตราทัพใหญ่เหลือคณาเข้าสกัดเป็นแน่"
หลงกั๋ว วิเคราะห์พลางจ้องมองแผนที่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เตียว "หากว่าเราพิชิตหานลงได้ ประตูสู่จงหยวนย่อมเบิกทางให้แก่รัฐฉิน ฉะนั้นแล้วแม้นจ้าวจะไม่มีพรมแดนติดกับหาน แต่จ้าวก็คงมิอาจยอมเสียหานให้แก่ฉิน"

เถิง "เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ชางผิงจวินจึงได้วางตำแหน่งของเล่อหัวและอวี้เฟิ่งเพื่อสกัดการเสริมทัพของเว่ยและจ้าว"

ลู่อูเว่ย "ในระหว่างที่พวกนั้นสกัดข้าศึกไว้ พวกเราต้องพิชิตหานให้ได้สินะ นี่เป็นอีกหนึ่งการศึกที่ยากยิ่งที่ไม่เคยปรากฏแก่รัฐเรามาหลายปี"

กานยาง "เมื่อก่อนใต้เท้าก็เคยกล่าวไว้ หากคิดจะรบกับรัฐหานก็มิแคล้วจะเผชิญกับขวากหนามแสนสาหัส"

หลงกั๋ว "มาตรว่าหากจำต้องลงมือ เราคงไม่มีทางเลี่ยงจะเกลือกกลั้วเข้าไปในขวากหนามแล้วซีนะ"

ระหว่างที่ทุกคนกำลังสุมหัววิเคราะห์เถิงจึงกล่าวต่อเข้าสู่ประเด็นสรุป
"กล่าวได้ถูกแล้ว นอกจากนี้เราจำต้องเข้าประหัตประหารโดยมิให้เสียรี้พลมากเกินไปจนมิพึงเหลือกำลังเพียงพอที่จะใช้ในการรุกจ้าวต่อ
ฉะนั้นแล้ว ชางผิงจวินจึงได้กำหนดเส้นตายของมหายุทธการพิชิตรัฐหานไว้ที่ 2 ปี"

"2 ปี!?" 
ด้วยกรอบเวลาสองปีทำหลงกั๋งถึงกับนั่งไม่ติดและตะโกนย้ำออกมา

"นั่นแปลว่า หากเรารบนานเกินกว่านั้น ความสูญเสียย่อมจะยิ่งสะสมมากขึ้น..."
กานยางกล่าวสรุปถึงความหมายของกรอบเวลาที่ชางผิงจวินกำหนดไว้

เป็นดังเจ้ากล่าวแล้ว มาตรว่าเราจะต้องพิชิตหานแล้วยึดเมืองหลวงซินเจิ้งให้ได้ ในขณะที่ต้องพึงระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด นี่คือความหมายที่แท้จริงของเสาหลักที่สาม
หากเราทำไม่สำเร็จ หนทางของการรวมจงหยวนจะจบสิ้น
เถิงกล่าวสรุปถึงความสำคัญของเสาหลักที่สามทำบรรยากาศกลับมาซีเรียส

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

"นี่มันเหลือวิสัยนัก! อย่างแรกคือพิชิตหานภายในสองปี อย่างที่สองระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด เจ้าพ่นแต่ละคำล้วนขัดแย้งกันเองยิ่งนัก"
ลู่อูเว่ยลุกขึ้นโวยวายกับเป้าหมายที่หลุดจากความจริงไปไกล เถิงได้แต่สวนกลับไปเพียงว่า "ก็ทำให้มันได้สิ"

เตียวถามเถิงต่อว่า 
แล้วท่านอาจารย์ได้ชี้แจงกลยุทธ์ไว้หรือไม่?

เถิงตีหน้านิ่งแล้วตอบกลัวว่า
ชางผิงจวินฝากไว้เพียงแค่ว่า "ข้าคาดหวังในตัวพวกเจ้า"

ลู่อูเว่ยได้ยินถึงขั้นสติแตกโวยวายขึ้นมา
"อ้ายลูกหมานั่นมันผลักภาระชัดๆ!"

เถิงได้แต่เสริมและกล่าวต่อ
แต่นั่นก็อาจตีความได้ว่า เขากำลังคิดกลยุทธ์อยู่เช่นกัน ขณะที่พวกเราเหล่าแม่ทัพจะต้องใช้ปัญญาที่มีขบคิดหาทางฝ่าฟันอุปสรรคนี้

แม่ทัพลู่อูเว่ย มิใช่ว่าท่านได้ประสบเมืองซินเจิ้งด้วยตาแล้วรึ?
เตียวเอ่ยถามขึ้นมา

แค่เมืองหลวงเท่านั้น แต่นี่เรากำลังหารือกันไปถึงเมืองอื่นๆก่อนหน้าด้วย
เพราะงั้นแล้วข้ายกหน้าทีนี้ให้ท่านแล้วกัน หลงกั๋ว
ลู่อูเว่ยตอบกลับเตียวพร้อมโยนภาระการคิดกลยุทธ์ให้หลงกั๋ว

ยอมแพ้เร็วเกินไปแล้ว! อย่างน้อยเจ้าก็ลองคิดเองเสียหน่อย
หลงกั๋วตอบกลับเชิงบ่น

ระหว่างนั้นขณะที่เถิงกำลังจะกล่าวต่อ เถิงได้สบตาไปทางเชียงฮุ่ยและพินิจเห็นบางอย่าง

มีอะไรรึ เถิง?
ลู่อูเว่ย สังเกตเห็นว่าเถิงเงียบไปจึงเอ่ยถาม

เจ้าว่าอย่างไร เชียงฮุ่ย?
เถิงกล่าวขึ้นมาหลังหยุดเงียบ

มีอะไรที่เจ้าอยากจะชี้แนะไหม? จงเอ่ยมา ไม่ต้องกังวล
เถิงถามย้ำทำเอาซิ่น เตียวและคนอื่นๆเริ่มสงสัยและหันไปมองทางเชียงฮุ่ย

อย่าบอกนะว่าเจ้ามีแผนให้พวกเรา แม่ทัพเชียงฮุ่ย คั่ก คั่ก 
ลู่อูเว่ย พูดยุแหย่เชี่ยงฮุ่ยพลางหัวเราะ ขณะที่หลงกั๋วชำเลืองมองอย่างสงสัย

เชียงฮุ่ยจึงเริ่มตอบกลับ
อ่า.. ใช่ ข้ามี
คิดว่านะ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คำตอบของเชียงฮุ่ยทำทุกคนตกตะลึง
จบตอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่