พอเห็นคนตอบกระทู้เยอะเลยมีไฟขึ้นมาหน่อย จัดไปอีกซักตอนสำหรับอาทิตย์นี้ครับ
ตอนนี้ผมรีบปั่นมากๆ เพราะเดี๋ยวต้องรีบกลับเข้าดินแดนเงา เพื่อไปสั่งสอนไอ้พวกเวนตะไลในแดนเงา
ให้รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของแดนมัชฌิมาหน่อย ว่าผู้มัวหมองดินแดนมัชฌิมาเขาอยู่กันยังไง (สำหรับคนไม่รู้ผมพูดถึงเกม Elden Ring: Shadow of the Erdtree
ครับ)
เพราะฉะนั้นแปลรอบนี้สำนวนอาจไม่ลื่นเท่าไหร่ อาจมีพิมพ์ผิดถูก ไม่ได้ตรวจทานเลย ตอนแรกจะไม่ตัดรูปด้วย แต่กลัวคนจะอ่านชื่อแล้วจำหน้าไม่ได้ว่าไผเป็นไผ เลยตัดมานิดหน่อยครับ ถ้าผลตอบรับดี ก็อาจสปอยต่ออาทิตย์หน้า พิจารณาเป็นรายวีคไป ขึ้นอยู่กับความขี้เกียจกะไฟแรง อันไหนจะชนะ 5555
ตอนที่ 801 เสาหลักที่สอง
ความเดิมตอนที่แล้ว
ชางผิงจวินได้เสนอแผนการสร้างสามเสาหลัก
โดยเสาหลักแรกการปฏิรูปทางทหาร คือการจัดทำสำมะโนครัวประชากรฉิน
"เรื่องพรรค์นั้น!? นี่เจ้า..!"
ชางเหวินจวินได้ฟังแผนการทำสำมะโนครัวแล้ว จึงกล่าวด้วยความตกใจปนกับความฉงน
ชางผิงจวินจึงได้สาธยายใจความต่อ
แท้จริงแล้ว แม้แต่ฉินที่เป็นมหารัฐอย่างเราก็มิอาจรู้แจ้งถึงข้อมูลดินแดนทั่วหล้าในอาณัติ
ยังคงมีหมู่บ้าน เมือง ป่าเขาหรือดินแดนไร้รัฐปัจเจกที่ยังมีผู้คนเร่ร่อนมากมายอาศัยอยู่ภายในดินแดนฉิน
หากคาดคะเนแล้วจำนวนผู้คนเหล่านั้นคงมีจำนวนที่แท้จริงมากกว่าที่ราชสำนักประเมินไว้นัก
"เจ้าพูดมีเหตุผล
แต่เดิมแล้วการนับจำนวนครัวเรือนเป็นหน้าที่ของขุนนางท้องถิ่นที่ปกครองอยู่ในแต่ละเมือง ความถูกต้องนั้นจึงแปรผันไปมากน้อยขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้ปกครองดินแดนนั้นเป็นอย่างมาก"
เจิ้งตอบรับเป็นครั้งแรกหลังจากชางผิงจวินเผยถึงแผนการ
ชางผิงจวินจึงลงรายละเอียดต่อไป
"ด้วยเหตุนี้ ราชสำนักจึงสมควรแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการจัดทำสำมะโนครัวประชากรขึ้นมา เราจำเป็นต้องรู้รายละเอียดประชากรของรัฐเราด้วยความแม่นยำสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นจำนวน อายุและเพศ จะคนเดียวก็พึงเว้นมิได้"
การจัดทำสำมะโนครัวละเอียดแบบชนิดเข้มข้น ทำเอาชางเหวินจวินต้องโต้แย้ง การจะให้ราชสำนักส่งคนตามเก็บข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศรวมถึงในป่าเขาชนิดที่คนเดียวก็ไม่เว้น จะต้องใช้แรงงานมหาศาลสุดจะจินตนาการ ดูแล้วจะเป็นเรื่องเกินวิสัยไปนัก นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะกระทำกันได้
"ข้าจะทำ!
หากเราไม่ทำ เช่นนั้นแล้วเสาหลักแรกก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น!"
ชางผิงจวินโต้กลับอย่างแข็งขันเพื่อยืนยันความแน่วแน่ในแผนการนี้
ทว่านั่นยิ่งทำให้ชางเหวินจวินฉุกคิดได้ว่าการทำสำมะโนครัว ไปเกี่ยวอะไรกับการปฏิรูปทหาร?
แต่ว่าในเวลานั้นเองเจิ้งก็ช่วยคลี่คลายความสงสัยของชางเหวินจวิน
"การทำสำมะโนครัวจะช่วยให้เราเฟ้นหาคนมาชดเชยรี้พลที่เสียไปซีนะ"
"ต้าอ๋องทรงตรัสได้ถูกต้องแล้ว
หากเราสร้างสำมะโนครัวประชากรได้สำเร็จ จะช่วยให้ราชสำนักรู้ข้อมูลประชากรที่มีและนำมาเลือกใช้สอยได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของชายฉกรรจ์
เมื่อนั้นเราจะออกคำสั่งเกณฑ์ชายฉกรรจ์ทุกคนทั่วรัฐมาฝึกการทหาร ด้วยวิธีนี้เราจักสามารถสร้างกองทัพขนาดใหญ่คืนมาได้อีกครั้งในระยะเวลาอันสั้น"
หลังได้ยินเบื้องลึกของแผนการที่แท้จริงแล้ว ชางเหวินจวินจึงรีบแย้งทันควันว่าการจะเกณฑ์ทุกคนมาเป็นทหารโดยไม่เว้นนั้นแลดูจะเป็นไปไม่ได้ ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่สามารถจะรบได้ ไม่ว่าจะชาวนา หรือ ช่างฝีมือ แผนการนี้มันช่างผิดสามัญสำนึกเกินไปนัก
ชางผิงจวินจึงโต้กลับไปว่า หากเราพึงยึดติดวิธีการเดิมๆ เราจะไม่มีทางสร้างกองทัพขนาดสามแสนคนภายในครึ่งปี นั่นเท่ากับว่าละทิ้งหนทางที่จะฟื้นแผนการรวมจงหยวนไปจนสิ้น เพื่อที่จะฟื้นกองทัพขึ้นมาอีกครั้ง เราจึงจำเป็นต้องรวบรวมผู้คนให้มาเกี่ยวข้องมากที่สุด รวมถึงแม้กระทั่งผู้ที่คอยเฝ้ามองตลอดมาด้วย
แต่ทว่ามาตรการทางทหารที่รุนแรงเยี่ยงนี้ อาจสร้างความโกลาหล ราษฎรย่อมจะเกิดการต่อต้านเป็นแน่ ผู้คนจะเกลียดชังราชสำนักรวมไปถึงต้าอ๋อง
ชางเหวินจวินกล่าวถึงความกังวลที่ต้องตามมา
ชางผิงจวินตอบกลับถึงแนวทางรับมือ
มาตรว่าจะต้องบีบบังคับหลั่งเลือดก็ต้องทำ หากใครขัดขืนจะต้องโทษอย่างเด็ดขาด ครอบครัวที่พยายามปกปิดสมาชิกจะต้องถูกลงโทษด้วยฐานมีส่วนรู้เห็น ขณะเดียวกัน เราจะปูนบำเน็จตอบแทนให้กับราษฎรที่ให้ความร่วมมือ
"ตะแต่ว่า ขืนทำเช่นนั้นต้าอ๋องจะถูกผู้คนตราหน้า..."
"ข้าไม่สน!"
ชางเหวินจวินพยายามแย้งสิ่งที่ชางผิงจวินพูด ทว่าเจิ้งตะโกนแทรกขึ้นมาทำบรรยากาศการโต้เถียงสะดุดทันควัน
"แต่เดิมข้าก็เป็นอ๋องผู้จะนำมาซึ่งการชโลมเลือดล้างแผ่นดินทั่วไพรีรัฐ
ข้าเตรียมใจมาแต่แรกแล้วที่จะปกครองดั่งทรราชย์ไม่ว่าจะต่อผู้คนในรัฐหรือนอกรัฐเราก็ตาม
สิ่งสำคัญที่สุดในโมงยามนี้คือการไม่ปล่อยให้เส้นทางของการรวมจงหยวนต้องมลายหายสิ้นไป
เส้นทางนี้อันเป็นที่รู้แจ้งว่าจะต้องหลั่งเลือดทรมานผู้คนแสนสาหัสทั่วทั้งจงหยวนรวมซึ่งฉินด้วย
มันเป็นเส้นทางอันจะสร้างรัฐในอุดมคติที่ไร้ซึ่งสงคราม เพื่อการนั้นแล้วเราจักต้องมั่นใจว่าหนทางสู่การรวมจงหยวนจะต้องมีต่อไป"
ในระหว่างที่ชางเหวินจวินอื้ออึงกับการแสดงความเด็ดเดี่ยวของเจิ้ง เจิ้งได้สั่งการลงมือขั้นต่อไปในทันที
"ชางเหวินจวิน ข้ามีรับสั่ง เรียกหลี่ซือ เฝิงเฉียว และทุกคนที่เกี่ยวข้องมาให้หมด แล้วเริ่มเตรียมการทันที! นอกจากในดินแดนอาณัติของฉินแล้ว หมู่บ้านตามเขตชายแดนหรือเลยล้ำออกไปเพียงนิด ก็ต้องจัดแจงนำเข้าสำมะโนครัวให้หมด เราจะต้องทำให้สำเร็จโดยไม่มียกเว้น!"
"ข้าขอฝากด้วยล่ะ ชางเหวินจวิน"
เจิ้งกล่าวทิ้งท้ายเพื่อสร้างความชัดเจนอีกครั้ง ชางเหวินจินได้แต่รีบตอบรับทันที
"เช่นนั้นแล้วเราจะไปเรื่องถัดไป ชางผิงจวิน เราจะสร้างเสาหลักแรกตามที่เจ้าเสนอ ตอนนี้บอกเสาหลักที่สองมาได้เลย"
หลังจากหมดข้อกังขาในเสาหลักแรกแล้ว ชางผิงจวินจึงเริ่มสาธยายเสาหลักที่สองต่อ
"สำหรับเสาหลักที่สองนั้น คือการปฏิรูปโครงสร้างทางทหาร
ในสองปีที่ผ่านมา เราเสียหนึ่งในหกขุนศึกหวนฉี และความเสียหายใหญ่หลวงจากการพ่ายแพ้ของทัพหวังเจี๋ยน นั่นหมายถึงเราขาดกำลังสำคัญหลักไปสองส่วนที่จะใช้นำทัพใหญ่ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงต้องทำการอวยยศแม่ทัพบางคนขึ้นมาให้เทียบเคียงกับแม่ทัพใหญ่ และขยายขนาดทัพของพวกเขา
จากนั้นเราจักมอบหมายหน้าที่ โดยวางพวกเขาในตำแหน่งกลยุทธ์ที่สำคัญอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ที่เราจะใช้รุกรานไพรีรัฐ"
เจิ้งและชางเหวินจวินต่างอึงอื้อแนวคิดที่จะปฏิรูปโครงสร้างทางทหารใหม่
"แล้วแม่ทัพบางคนที่เจ้าว่านั้น...?"
เจิ้งกล่าวขึ้นหลังจากบรรยากาศเงียบไป
"เรียนต้าอ๋อง ข้าน้อยมั่นใจว่า แม้นไม่ต้องเอ่ยนามก็ย่อมรู้ว่าข้าพูดถึงใคร"
ภาพตัดมาที่สามแม่ทัพกำลังเดินทางมาเสียนหยาง หลังจากมีคำสั่งเรียกตัว
หลี่ซิ่น เหมิงเถียน และหวังเปินนั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ณ ท้องพระโรง เมืองหลวงเสียนหยาง
หลังจากสามแม่ทัพถูกเรียกกลับมา ชางผิงจวินจึงได้เล่าถึงแผนที่จะทำการปฏิรูปโครงสร้างทางทหาร
"ว่าไงนะ! จะบอกว่าพวกข้ากำลังได้รับการอวยยศขึ้นไปอีกเรอะ!?"
ซิ่น "เฮ้ย เดี๋ยวนะ!? นี่ก็แปลว่าพวกข้าได้เป็นแม่ทัพใหญ่ยังงั้นสิ!!"
ซิ่นกล่าวอย่างตื่นเต้น
เหมิงเถียน "ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นหรอกนา"
เหมิงเถียนตอบพลางยิ้มประหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าต้องไม่ใช่การได้รับการอวยยศเป็นแม่ทัพใหญ่เป็นแน่
หวังเปิน "ท่านคงหมายความว่า พวกเราจะได้รับรี้พลเพิ่มอย่างงั้นหรือ?"
ด้านหวังเปินถามอย่างดูจะรู้อยู่แล้วว่าชางผิงจวินหมายถึงอะไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชางผิงจวิน "ข้าจะมอบรี้พลให้อวี้เฟิ่งและเล่อหัวทัพละ 50,000 ไปคุ้มกันเมืองเมืองลั่วสือและหวงตู"
ซิ่น "50,000 เชียวรึ!?"
ชางผิงจวิน "นอกจากนี้ เพื่อให้การสั่งการทัพเป็นไปอย่างราบลื่น ข้าจะอวยยศให้กับนายกองในแต่ละทัพ
สำหรับหน่วยอวี้เฟิ่ง กวนฉางและย่าฮวาอวิ๋นจะได้เลื่อนเป็นแม่ทัพ
ส่วนหน่วยเล่อหัว อ้ายส่านและลู่เซียนจะได้เลื่อนเป็นแม่ทัพเช่นกัน"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน่วยอวี้เฟิ่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน่วยเล่อหัว
เหมิงเถียนจับจ้องแผนที่บริเวณเมืองที่ได้รับมอบหมายแล้วครุ่นคิด
"เมืองลั่วสือและหวงตู... ท่านอาจารย์ เป้าหมายท่านคงจะเป็นสิ่งนั้นซีนะ.."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเปิน ชางผิงจวิน ชางเหวินจวินจับจ้องไปบนกระดาน ประหนึ่งรู้เป้าหมายชัดเจน ยกเว้นซิ่นที่ดูจะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า
ซิ่น "ช้าก่อน แล้วข้าล่ะ! ชางผิงจวิน ท่านจะให้หน่วยเฟยซิ่นทำอะไร!?"
ชางผิงจวินจึงกล่าวต่อหลังจากโดนทวงถาม
"ทัพฉินได้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากการพ่ายศึกกับจ้าวอย่างต่อเนื่อง การเสียหวนฉีและความพ่ายแพ้ของหวังเจี๋ยนที่ต้องรับผิดชอบในฐานะแม่ทัพใหญ่จำต้องถอนตัวออกมาอย่างมิมีทางเลี่ยง ตอนนี้เป้าหมายที่จะรวมจงหยวนนั้นได้ตกไปสู่จุดที่ยากจะหวนคืน เรามีเวลาเพียงแค่สองปีเพื่อที่จะทำการย้อนกลับไปยังเส้นทางของการรวมจงหยวนอีกครั้ง หากเราพลาดครั้งนี้ ทุกอย่างล้วนจบสิ้น"
ทุกคนตีสีหน้าเครียด เพราะรู้ดีว่าโอกาสสุดท้ายที่จะทำศึกมีเพียงแค่สองปีอันสำคัญอย่างยิ่งยวด
ขณะที่ซิ่นร้อนรนพร้อมกับรีบคะยั้นคะยอชางผิงจวินต่อ
"เออ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถึงได้เรียกพวกเรากลับมานี่ไง
ชางผิงจวิน ท่านบอกมาเลยว่าจะให้หน่วยเฟยซิ่นทำอะไร จะไปปกป้องที่ไหนข้าพร้อมไปหมด เหมือนที่มอบหมายให้สองคนนี้"
เหมิงเถียนได้ยินจึงพยายามจะอธิบายวัตถุประสงค์ของชางผิงจวินให้ซิ่นขณะที่หวังเปินกล่าวลอยๆว่า อ้ายเซ่อเอ๊ย
"ซิ่น แม้นพวกข้าจะได้รับมอบหมายให้คุ้มกันเมือง แต่วัตถุประสงค์จริงๆแล้วมันคือการเข้าสกัดขัดขวางกำลังเสริมที่จะมาจากจ้าวและเว่ย"
"ขัดขวางกำลังเสริม!? กำลังเสริมนั่นจะไปยังที่ใด?"
ซิ่นถามด้วยความตกใจ
ชางผิงจวินจึงเริ่มตอบข้อสงสัยซิ่น
"ไปยังที่ที่เราจะมุ่งเป้าในปีหน้า ข้าจะมอบรี้พลให้หน่วยเฟยซิ่น 60,000 นาย
เพื่อการนั้น เชี่ยงฮุ่ยจะได้รับการอวยยศเป็นแม่ทัพ
ฉูสุ่ยและยวน จะได้เลื่อนเป็นนายกอง 5,000"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"จากนั้นให้หน่วยเฟยซิ่น นำกำลังเข้าสมทบกับทัพเถิง 100,000 นาย
แล้วจักกรีทาทัพเข้าทำลายรัฐหานให้เสียสิ้น!"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซิ่น "พวกเรา จะเข้าพิชิตหาน!?"
จบตอน
[Spoil] Kingdom 801 เสาหลักที่สอง
ตอนนี้ผมรีบปั่นมากๆ เพราะเดี๋ยวต้องรีบกลับเข้าดินแดนเงา เพื่อไปสั่งสอนไอ้พวกเวนตะไลในแดนเงา ให้รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของแดนมัชฌิมาหน่อย ว่าผู้มัวหมองดินแดนมัชฌิมาเขาอยู่กันยังไง (สำหรับคนไม่รู้ผมพูดถึงเกม Elden Ring: Shadow of the Erdtree ครับ)
เพราะฉะนั้นแปลรอบนี้สำนวนอาจไม่ลื่นเท่าไหร่ อาจมีพิมพ์ผิดถูก ไม่ได้ตรวจทานเลย ตอนแรกจะไม่ตัดรูปด้วย แต่กลัวคนจะอ่านชื่อแล้วจำหน้าไม่ได้ว่าไผเป็นไผ เลยตัดมานิดหน่อยครับ ถ้าผลตอบรับดี ก็อาจสปอยต่ออาทิตย์หน้า พิจารณาเป็นรายวีคไป ขึ้นอยู่กับความขี้เกียจกะไฟแรง อันไหนจะชนะ 5555
ตอนที่ 801 เสาหลักที่สอง
ความเดิมตอนที่แล้ว
ชางผิงจวินได้เสนอแผนการสร้างสามเสาหลัก
โดยเสาหลักแรกการปฏิรูปทางทหาร คือการจัดทำสำมะโนครัวประชากรฉิน
"เรื่องพรรค์นั้น!? นี่เจ้า..!"
ชางเหวินจวินได้ฟังแผนการทำสำมะโนครัวแล้ว จึงกล่าวด้วยความตกใจปนกับความฉงน
ชางผิงจวินจึงได้สาธยายใจความต่อ
แท้จริงแล้ว แม้แต่ฉินที่เป็นมหารัฐอย่างเราก็มิอาจรู้แจ้งถึงข้อมูลดินแดนทั่วหล้าในอาณัติ
ยังคงมีหมู่บ้าน เมือง ป่าเขาหรือดินแดนไร้รัฐปัจเจกที่ยังมีผู้คนเร่ร่อนมากมายอาศัยอยู่ภายในดินแดนฉิน
หากคาดคะเนแล้วจำนวนผู้คนเหล่านั้นคงมีจำนวนที่แท้จริงมากกว่าที่ราชสำนักประเมินไว้นัก
"เจ้าพูดมีเหตุผล
แต่เดิมแล้วการนับจำนวนครัวเรือนเป็นหน้าที่ของขุนนางท้องถิ่นที่ปกครองอยู่ในแต่ละเมือง ความถูกต้องนั้นจึงแปรผันไปมากน้อยขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้ปกครองดินแดนนั้นเป็นอย่างมาก"
เจิ้งตอบรับเป็นครั้งแรกหลังจากชางผิงจวินเผยถึงแผนการ
ชางผิงจวินจึงลงรายละเอียดต่อไป
"ด้วยเหตุนี้ ราชสำนักจึงสมควรแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการจัดทำสำมะโนครัวประชากรขึ้นมา เราจำเป็นต้องรู้รายละเอียดประชากรของรัฐเราด้วยความแม่นยำสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นจำนวน อายุและเพศ จะคนเดียวก็พึงเว้นมิได้"
การจัดทำสำมะโนครัวละเอียดแบบชนิดเข้มข้น ทำเอาชางเหวินจวินต้องโต้แย้ง การจะให้ราชสำนักส่งคนตามเก็บข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศรวมถึงในป่าเขาชนิดที่คนเดียวก็ไม่เว้น จะต้องใช้แรงงานมหาศาลสุดจะจินตนาการ ดูแล้วจะเป็นเรื่องเกินวิสัยไปนัก นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะกระทำกันได้
"ข้าจะทำ!
หากเราไม่ทำ เช่นนั้นแล้วเสาหลักแรกก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น!"
ชางผิงจวินโต้กลับอย่างแข็งขันเพื่อยืนยันความแน่วแน่ในแผนการนี้
ทว่านั่นยิ่งทำให้ชางเหวินจวินฉุกคิดได้ว่าการทำสำมะโนครัว ไปเกี่ยวอะไรกับการปฏิรูปทหาร?
แต่ว่าในเวลานั้นเองเจิ้งก็ช่วยคลี่คลายความสงสัยของชางเหวินจวิน
"การทำสำมะโนครัวจะช่วยให้เราเฟ้นหาคนมาชดเชยรี้พลที่เสียไปซีนะ"
"ต้าอ๋องทรงตรัสได้ถูกต้องแล้ว
หากเราสร้างสำมะโนครัวประชากรได้สำเร็จ จะช่วยให้ราชสำนักรู้ข้อมูลประชากรที่มีและนำมาเลือกใช้สอยได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของชายฉกรรจ์
เมื่อนั้นเราจะออกคำสั่งเกณฑ์ชายฉกรรจ์ทุกคนทั่วรัฐมาฝึกการทหาร ด้วยวิธีนี้เราจักสามารถสร้างกองทัพขนาดใหญ่คืนมาได้อีกครั้งในระยะเวลาอันสั้น"
หลังได้ยินเบื้องลึกของแผนการที่แท้จริงแล้ว ชางเหวินจวินจึงรีบแย้งทันควันว่าการจะเกณฑ์ทุกคนมาเป็นทหารโดยไม่เว้นนั้นแลดูจะเป็นไปไม่ได้ ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่สามารถจะรบได้ ไม่ว่าจะชาวนา หรือ ช่างฝีมือ แผนการนี้มันช่างผิดสามัญสำนึกเกินไปนัก
ชางผิงจวินจึงโต้กลับไปว่า หากเราพึงยึดติดวิธีการเดิมๆ เราจะไม่มีทางสร้างกองทัพขนาดสามแสนคนภายในครึ่งปี นั่นเท่ากับว่าละทิ้งหนทางที่จะฟื้นแผนการรวมจงหยวนไปจนสิ้น เพื่อที่จะฟื้นกองทัพขึ้นมาอีกครั้ง เราจึงจำเป็นต้องรวบรวมผู้คนให้มาเกี่ยวข้องมากที่สุด รวมถึงแม้กระทั่งผู้ที่คอยเฝ้ามองตลอดมาด้วย
แต่ทว่ามาตรการทางทหารที่รุนแรงเยี่ยงนี้ อาจสร้างความโกลาหล ราษฎรย่อมจะเกิดการต่อต้านเป็นแน่ ผู้คนจะเกลียดชังราชสำนักรวมไปถึงต้าอ๋อง
ชางเหวินจวินกล่าวถึงความกังวลที่ต้องตามมา
ชางผิงจวินตอบกลับถึงแนวทางรับมือ
มาตรว่าจะต้องบีบบังคับหลั่งเลือดก็ต้องทำ หากใครขัดขืนจะต้องโทษอย่างเด็ดขาด ครอบครัวที่พยายามปกปิดสมาชิกจะต้องถูกลงโทษด้วยฐานมีส่วนรู้เห็น ขณะเดียวกัน เราจะปูนบำเน็จตอบแทนให้กับราษฎรที่ให้ความร่วมมือ
"ตะแต่ว่า ขืนทำเช่นนั้นต้าอ๋องจะถูกผู้คนตราหน้า..."
"ข้าไม่สน!"
ชางเหวินจวินพยายามแย้งสิ่งที่ชางผิงจวินพูด ทว่าเจิ้งตะโกนแทรกขึ้นมาทำบรรยากาศการโต้เถียงสะดุดทันควัน
"แต่เดิมข้าก็เป็นอ๋องผู้จะนำมาซึ่งการชโลมเลือดล้างแผ่นดินทั่วไพรีรัฐ
ข้าเตรียมใจมาแต่แรกแล้วที่จะปกครองดั่งทรราชย์ไม่ว่าจะต่อผู้คนในรัฐหรือนอกรัฐเราก็ตาม
สิ่งสำคัญที่สุดในโมงยามนี้คือการไม่ปล่อยให้เส้นทางของการรวมจงหยวนต้องมลายหายสิ้นไป
เส้นทางนี้อันเป็นที่รู้แจ้งว่าจะต้องหลั่งเลือดทรมานผู้คนแสนสาหัสทั่วทั้งจงหยวนรวมซึ่งฉินด้วย
มันเป็นเส้นทางอันจะสร้างรัฐในอุดมคติที่ไร้ซึ่งสงคราม เพื่อการนั้นแล้วเราจักต้องมั่นใจว่าหนทางสู่การรวมจงหยวนจะต้องมีต่อไป"
ในระหว่างที่ชางเหวินจวินอื้ออึงกับการแสดงความเด็ดเดี่ยวของเจิ้ง เจิ้งได้สั่งการลงมือขั้นต่อไปในทันที
"ชางเหวินจวิน ข้ามีรับสั่ง เรียกหลี่ซือ เฝิงเฉียว และทุกคนที่เกี่ยวข้องมาให้หมด แล้วเริ่มเตรียมการทันที! นอกจากในดินแดนอาณัติของฉินแล้ว หมู่บ้านตามเขตชายแดนหรือเลยล้ำออกไปเพียงนิด ก็ต้องจัดแจงนำเข้าสำมะโนครัวให้หมด เราจะต้องทำให้สำเร็จโดยไม่มียกเว้น!"
"ข้าขอฝากด้วยล่ะ ชางเหวินจวิน"
เจิ้งกล่าวทิ้งท้ายเพื่อสร้างความชัดเจนอีกครั้ง ชางเหวินจินได้แต่รีบตอบรับทันที
"เช่นนั้นแล้วเราจะไปเรื่องถัดไป ชางผิงจวิน เราจะสร้างเสาหลักแรกตามที่เจ้าเสนอ ตอนนี้บอกเสาหลักที่สองมาได้เลย"
หลังจากหมดข้อกังขาในเสาหลักแรกแล้ว ชางผิงจวินจึงเริ่มสาธยายเสาหลักที่สองต่อ
"สำหรับเสาหลักที่สองนั้น คือการปฏิรูปโครงสร้างทางทหาร
ในสองปีที่ผ่านมา เราเสียหนึ่งในหกขุนศึกหวนฉี และความเสียหายใหญ่หลวงจากการพ่ายแพ้ของทัพหวังเจี๋ยน นั่นหมายถึงเราขาดกำลังสำคัญหลักไปสองส่วนที่จะใช้นำทัพใหญ่ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงต้องทำการอวยยศแม่ทัพบางคนขึ้นมาให้เทียบเคียงกับแม่ทัพใหญ่ และขยายขนาดทัพของพวกเขา
จากนั้นเราจักมอบหมายหน้าที่ โดยวางพวกเขาในตำแหน่งกลยุทธ์ที่สำคัญอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ที่เราจะใช้รุกรานไพรีรัฐ"
เจิ้งและชางเหวินจวินต่างอึงอื้อแนวคิดที่จะปฏิรูปโครงสร้างทางทหารใหม่
"แล้วแม่ทัพบางคนที่เจ้าว่านั้น...?"
เจิ้งกล่าวขึ้นหลังจากบรรยากาศเงียบไป
"เรียนต้าอ๋อง ข้าน้อยมั่นใจว่า แม้นไม่ต้องเอ่ยนามก็ย่อมรู้ว่าข้าพูดถึงใคร"
ภาพตัดมาที่สามแม่ทัพกำลังเดินทางมาเสียนหยาง หลังจากมีคำสั่งเรียกตัว
หลี่ซิ่น เหมิงเถียน และหวังเปินนั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ณ ท้องพระโรง เมืองหลวงเสียนหยาง
หลังจากสามแม่ทัพถูกเรียกกลับมา ชางผิงจวินจึงได้เล่าถึงแผนที่จะทำการปฏิรูปโครงสร้างทางทหาร
"ว่าไงนะ! จะบอกว่าพวกข้ากำลังได้รับการอวยยศขึ้นไปอีกเรอะ!?"
ซิ่น "เฮ้ย เดี๋ยวนะ!? นี่ก็แปลว่าพวกข้าได้เป็นแม่ทัพใหญ่ยังงั้นสิ!!"
ซิ่นกล่าวอย่างตื่นเต้น
เหมิงเถียน "ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นหรอกนา"
เหมิงเถียนตอบพลางยิ้มประหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าต้องไม่ใช่การได้รับการอวยยศเป็นแม่ทัพใหญ่เป็นแน่
หวังเปิน "ท่านคงหมายความว่า พวกเราจะได้รับรี้พลเพิ่มอย่างงั้นหรือ?"
ด้านหวังเปินถามอย่างดูจะรู้อยู่แล้วว่าชางผิงจวินหมายถึงอะไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชางผิงจวิน "ข้าจะมอบรี้พลให้อวี้เฟิ่งและเล่อหัวทัพละ 50,000 ไปคุ้มกันเมืองเมืองลั่วสือและหวงตู"
ซิ่น "50,000 เชียวรึ!?"
ชางผิงจวิน "นอกจากนี้ เพื่อให้การสั่งการทัพเป็นไปอย่างราบลื่น ข้าจะอวยยศให้กับนายกองในแต่ละทัพ
สำหรับหน่วยอวี้เฟิ่ง กวนฉางและย่าฮวาอวิ๋นจะได้เลื่อนเป็นแม่ทัพ
ส่วนหน่วยเล่อหัว อ้ายส่านและลู่เซียนจะได้เลื่อนเป็นแม่ทัพเช่นกัน"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหมิงเถียนจับจ้องแผนที่บริเวณเมืองที่ได้รับมอบหมายแล้วครุ่นคิด
"เมืองลั่วสือและหวงตู... ท่านอาจารย์ เป้าหมายท่านคงจะเป็นสิ่งนั้นซีนะ.."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังเปิน ชางผิงจวิน ชางเหวินจวินจับจ้องไปบนกระดาน ประหนึ่งรู้เป้าหมายชัดเจน ยกเว้นซิ่นที่ดูจะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า
ซิ่น "ช้าก่อน แล้วข้าล่ะ! ชางผิงจวิน ท่านจะให้หน่วยเฟยซิ่นทำอะไร!?"
ชางผิงจวินจึงกล่าวต่อหลังจากโดนทวงถาม
"ทัพฉินได้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากการพ่ายศึกกับจ้าวอย่างต่อเนื่อง การเสียหวนฉีและความพ่ายแพ้ของหวังเจี๋ยนที่ต้องรับผิดชอบในฐานะแม่ทัพใหญ่จำต้องถอนตัวออกมาอย่างมิมีทางเลี่ยง ตอนนี้เป้าหมายที่จะรวมจงหยวนนั้นได้ตกไปสู่จุดที่ยากจะหวนคืน เรามีเวลาเพียงแค่สองปีเพื่อที่จะทำการย้อนกลับไปยังเส้นทางของการรวมจงหยวนอีกครั้ง หากเราพลาดครั้งนี้ ทุกอย่างล้วนจบสิ้น"
ทุกคนตีสีหน้าเครียด เพราะรู้ดีว่าโอกาสสุดท้ายที่จะทำศึกมีเพียงแค่สองปีอันสำคัญอย่างยิ่งยวด
ขณะที่ซิ่นร้อนรนพร้อมกับรีบคะยั้นคะยอชางผิงจวินต่อ
"เออ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถึงได้เรียกพวกเรากลับมานี่ไง
ชางผิงจวิน ท่านบอกมาเลยว่าจะให้หน่วยเฟยซิ่นทำอะไร จะไปปกป้องที่ไหนข้าพร้อมไปหมด เหมือนที่มอบหมายให้สองคนนี้"
เหมิงเถียนได้ยินจึงพยายามจะอธิบายวัตถุประสงค์ของชางผิงจวินให้ซิ่นขณะที่หวังเปินกล่าวลอยๆว่า อ้ายเซ่อเอ๊ย
"ซิ่น แม้นพวกข้าจะได้รับมอบหมายให้คุ้มกันเมือง แต่วัตถุประสงค์จริงๆแล้วมันคือการเข้าสกัดขัดขวางกำลังเสริมที่จะมาจากจ้าวและเว่ย"
"ขัดขวางกำลังเสริม!? กำลังเสริมนั่นจะไปยังที่ใด?"
ซิ่นถามด้วยความตกใจ
ชางผิงจวินจึงเริ่มตอบข้อสงสัยซิ่น
"ไปยังที่ที่เราจะมุ่งเป้าในปีหน้า ข้าจะมอบรี้พลให้หน่วยเฟยซิ่น 60,000 นาย
เพื่อการนั้น เชี่ยงฮุ่ยจะได้รับการอวยยศเป็นแม่ทัพ
ฉูสุ่ยและยวน จะได้เลื่อนเป็นนายกอง 5,000"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"จากนั้นให้หน่วยเฟยซิ่น นำกำลังเข้าสมทบกับทัพเถิง 100,000 นาย
แล้วจักกรีทาทัพเข้าทำลายรัฐหานให้เสียสิ้น!"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซิ่น "พวกเรา จะเข้าพิชิตหาน!?"
จบตอน