ปลาดิบขึ้นฝั่งเกาหลีตัวที่ 703
แล่ซาชิมิ(สรุปเป็นภาษาอังกฤษ)โดย Yunhwayteriyaki (น่าจะเป็น jeewag เจ้าเดิมที่เปลี่ยนชื่อแหละ)
ลากซาซิมิมาให้ชิม(แปลเป็นไทย)โดยผมเอง
หากรสชาติมันเปลี่ยน(เน่า เพราะเอาซาชิมิไปดำน้ำส่วนหนึ่ง) ก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
ถ้าต้องการซาชิมิแบบสดๆ ก็ไปตามที่อยู่ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/rfuvnf/kingdom_chapter_703_korean_raw/
อันนี้เป็นภาพแผนที่แปลจากภาษจีน(คันจิ)โดยผู้ใช้ reddit magaxking ครับ
https://imgur.com/a/cSLiTML
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ณ เซียนหยาง:
ข้าราชบริพารฉิน: "ดี! ทัพหวนฉีตีปิงหยางและก็ทัพหวังเจี้ยนตีวู่เฉิง แลเห็นว่าทั้งคู่ต่างก็เริ่มปิดล้อมปราการเหล่านี้ในเพลาเดียวกัน.
เรากังวลว่าการประหารทหารแสนนายของหวนฉี อาจเป็นฉนวนให้มหาทัพจากหานตานจะตีโต้กลับ
แต่เหมือนว่าพวกนั้นจะส่งทหารให้ประจำการอยู่รอบนอกปราการปิงหยางกับวู่เฉิง.
บางทีผองชนชาวจ้าวจะเกิดหวาดกลัวหลังจากรับรู้ในสิ่งที่หวนฉีได้กระทำ.
ได้ยินมาว่าหลี่มู่กลับมายังหานตานแล้วหลังจากจ้าวสูญเสียหูเฺฺฉ่อ แต่พวกนั้นกลับมิได้แสดงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใดๆ.
ณ จุดนี้เอง แม้แต่หลี่หมู่ก็มิได้ลงมืออันใด.
แม้นว่าปิงหยางและวู่เฉิง สองปราการใหญ่นี้ จะมิได้แข็งแกร่งเทียบเท่าหานตานและเย่
ในที่สุดเราก็จักสามารถไปถึงเมืองหลวงของจ้าวได้ และเราก์จะเดินหน้าต่อแล้วก็ถล่มพวกมันให้ราบในคราวเดียว"
คนส่งสาส์นมาถึงและกล่าวว่า "ประทานอภ้ยด้วยขอรับ มีสาส์นนกพิราบส่งมา จากแม่ทัพหวังถึงผบ.ทบ.(ชางผิงจวิ้น).
ข้าราชบริพารคนนึงกล่าวขึ้นว่า "บางทีเขาจะยึดวู่เฉิงได้แล้วกระมั้ง?"
อีกคนก็กล่าว "ฮ่าฮ่า ช่างเร็วดีแท้" อีกคนนึงก็กล่าว "ไม่หรอก หากมันเป็นไปได้ ก็เป็นถึงแม่ทัพหวังเจี้ยนเลยนิ"
ชางเหวินจวิ้นอ่านสาส์น แล้วเจิ้งจึงตรัสถามว่าเป็นเช่นไร.
ชางเหวินจึงทูลกล่าว "สาส์นจากแม่ทัพหวัง: มีกำแพงขนาดใหญ่ขั้นกลางระหว่างสองปราการและหานตาน จึงเป็นการยากที่จะข้ามผ่าน"
เหล่าราชบริพารต่างตกใจและถามว่า "อะ..อะไรกัน? กำแพงขนาดใหญ่ของหลี่มู่เนี่ยนะ? หมายความว่าเรามิอาจไปถึงยังหานตานได้เทียวรึ?"
ชางเหวินจวิ้นจึงกล่าวกลับไปว่า "ทุกคนใจเย็น เรายังมิอาจรู้ชัดได้ว่าอันใดจักเกิดขึ้น นอกจากนี้ เขามิได้กล่าวว่าจักผ่านไปไม่ได้สักหน่อย"
เหล่าราชบริพารจึงกล่าวกลับไปว่า "มีป้อมปราการและกำแพงมากมายกระจัดกระจายอยู่ใกล้กับทางทิศทักษินของหานตาน หลี่มู่อาจเรียกพวกนั้นมา แต่มันคงมิใช่ปัญหาดอก ตราบใดที่พวกเขาฝ่ามันไปได้"
เจี้ยอี้จึงกล่าวขึ้นมา "ไม่ดอก..หากปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการข้ามมันไปได้ แม่ทัพหวังเจี้ยนคงไม่พยายามส่งพิราบสื่อสารมาดอก."
เจิ้งจึงถามชางเหวินจวิ้นว่าทั้งหมดมีแค่นี้รึ.
ชางเหวินจวิ้นจึงทูลอีกว่า "มีอีกพะยะค่ะ: ถือเป็นโอกาสอันดี. เราพึงจะตียี่อันและดินแดนติดทิศอุดร.
เจิ้งจึงคิดไตร่ตรองชั่วครู่และตรัสว่า "เขาหมายถึงการขจัดเส้นทางหลบหนีของราชวงศ์จ้าวงั้นรึ?"
ชางผิงจวิ้นเห็นด้วยกับเขา(สิ่งที่เจิ้งตรัส)และกล่าวว่า "แม้เราจะล้อมหานตานและยึดพระที่นั่งมาได้ พวกเขาก็อาจมีทางเดินลับใต้ดิน ทั้งจ้าวอ๋องและเชื้อพระวงศ์จักหลบหนีไปได้
หากเป็นเช่นนั้น มิสำคัญดอกว่าเราจะเอาชนะจ้าวได้หรือไม่นั้น อันเนื่องด้วยการที่พวกเขาป่าวประกาศเพียงว่าราชวงศ์อยู่หนใดก็ได้ และจะการสู้กลับก็จะดำเนินตามมา"
ชางเหวินจวิ้นจึงกล่าวขึ้นว่า "ทุกอย่างจักจบลงหากเราโชคดีจับตัวอ๋องจ้าวได้ แต่หากเขาหนีไปได้ ทหารที่เหลือก็จักรวมกลุ่มกันสู้กลับเป็นแน่"
ชางผิงจวิ้นจึงกล่าวขึ้นต่ออีกว่า "มันจักเป็นการยากมากขึ้นหาพวกเขาหนีไปยังดินแดนที่สามารรื้อฟื้นตนได้ง่าย.
นั้นอาจส่งผลให้การศึกยืดเยื้อออกไปนานอีก"
ชางเหวินจวิ้นจึงถามว่า เพราะงั้นจึงต้องเป็นอุดรสินะ แล้วชางผิงจวิ้นจึงกล่าวว่า ใช่ (ไอ้สองคนนี้ตามปวศ. เป็นพี่น้องกัน การพูดการจาเข้ากันดี ถึงแม้ใน kingdom จะไม่ได้เขียนให้เป็นพี่น้องกันก็เถอะ 555+)
ชางเหวินจวิ้นจึงเรียกให้นำแผนที่แทบอุดรของจ้าวออกมา
เหล่าราชบริพารกล่าวขึ้นว่า "รู้สึกเหมือนมิได้สังเกตุการพวกปราการทางอุดรของจ้าวมาสักระยะนึงแล้ว
ยี่อันอยู่ออกไปทางทิศอุดรไกลเกินว่าที่ดินแดนเราจะรับรู้
ข้าไม่คิดว่าจ้าวอ๋องจะไปไกลถึงเพียงนั้นได้ดอก"
เจิ้งจึงตรัสว่า "ไม่ เราต้องคิดว่านั้นเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา"
ชางเหวินจวิ้นจึงกล่าวว่า "ถูกต้องแล้วล่ะพะยะค่ะ สิ่งที่น่ารำคาญสุดก็คือทิศประจิมทางภาคอุดรของจ้าวคือเอี้ยนเหมิน ซึ่งเคยอยู่ในการปกครองของหลี่มู่
กระหม่อมไม่คิดดอกว่าจ้าวอ๋องจักปล่อยให้หลี่มู่จัดการทุกอย่างโดยอาศัยศีรษะของเขาเป็นเดิมพัน
แต่หากเกิดกาลนั้นขึ้น พวกเขาก็กักตัวเองอยู่ในเอี้ยนเหมิน แล้วมันจักลายเป็นสถานการณ์ทียากยวดยิ่ง"
ชางเหวินจวิ้นจึงสวนกลับไปว่า "ไม่ดอก ไม่มีทางที่ดินแดนชายขอบอุดรของจ้าว จักเป็นภัยคุกคามได้"
ชางผิงจวิ้นจึงกล่าวว่า "แม้มันจักดูไม่เป็นพิษภัยอันใด แต่เราจำเป็นต้องส่งกำลังพลไปยังที่แห่งนั้น"
นอกจากนี้ หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น (ราชวงศ์จ้าวกักตัวเองในเอี้ยนเหมือน) เราจักไม่สามารถเน้นกำลังทั้งหมดของเราไปยังฉู่ศัตรูตัวฉกาจตัวต่อไปของเราได้
และการที่มิเน้นกำลังทังหมดของเราไปยังแคว้นใหญ่เยี่ยงนั้น หมายความว่า เราจักสูญเสียสิ่งที่ทุ่มมาทั้งชีวิตของเรา"
เจิ้งจึงตรัสถามว่า "หมายความว่าที่หวังเจี้ยนจักตีแถบอุดรทิศ ก่อนที่กาลนั้นจักเกิดขึ้นสินะ?"
ชางผิงจวิ้นจึงทูลกลับไปว่า "ใช่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท ตามที่หวังเจี้ยวเอ่ยมาว่ามีกำแพงปรากฎขึ้นทางทักษินของหานตาน.
สื่งนี้ช่วยสกัดทัพเราจากการขึ้นอุดรทิศได้ แต่กระนั้นก็อธิบายได้ว่าการที่พวกเขาปิดเส้นทางที่จะทำให้พวกตนนั้นหลบหนีไปยังทักษินทิศด้วยตนเองได้เช่นกัน
ด้วยเหตุอันนี้ หวังเจี้ยนจึงแลเห็นเป็นโอกาสอันดี"
เจิ้งจึงตรัสว่า "งั้นเขาพึงต้องการโจมตีอุดรและปิดกั้นเส้นทางหลบหนีโดยสมบูรณ์"
เจี้ยอี้จึงทูลว่า "เนื้องจากเราไม่ต้องฝ่ากำแพงใหญ่ มันจักเป็นประโยชน์แก่เรา ในการที่เรามิต้ิงทำให้เกิดการสังเวยพะยะค่ะ"
ชากผิงจวิ้นจึงทูลไปอีกว่า "หากเราโจมตีอุดรทิศและมุ่งลงใต้ตีหานตาน ทุกอย่างจักถึงกาลอวสารในที่สุด"
ชางเหวินจวิ้นเลยกล่าวว่า "ฟังดูเป็นเผนที่ดี แต่ประเด็นสุดท้ายคือ แม่ทัพหวังเจี้ยนบอกเราถึงยี่อันซึ่งอยู่แถบอุดรออกไปไกลโข.
จะไม่เป็นไรหรือหากเราโจมตีแค่อาณาบริเวณที่อยู่ต่ำกว่ายี่อัน?"
ข้าราชบริพารจึงกล่าวว่า "ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องไปใหุ้ถึงยี่อัน.
นอกจากนี้ยังมีทางบูรพาให้ตีได้อย่างเจียงตงก็ได้นิขอรับ (เจียงตง อันนี้ผมดำน้ำจาก KR นะครับ ส่วนคนสรุปอิ้ง เขาพยายามดำให้เป็น JP จึงออกมาเป็น Atsuyo)
ชางผิงจวิ้นจึงตอบกลับไปว่า "ไม่ เราจำเป็นจักต้องมุ่งไปยังยี่อัน"
เจิ้งจึงสั่งให้ชางผิงจวิ้นเริ่มวางกลยุทธ์ในการบุกยี่อัน.
ณ ปราการวู่อัน:
เซิ่นหวังกล่าว "ฮะฮ่าฮ่า หากเราวางบนใดไปที่จุดๆเดียว เราก็ปีนขึ้นไปได้แล้ว"
ซือหลิงจึงเอ่ยขึ้นว่า "เป็นบันไดจำนวนเยอะเลยแหละ" (คือบันไดพาดอันเดียวทำมาต่อติดๆกันครับ เวลาทหารปีนขึ้นไปจะทำให้พลักลงมาได้ยากเพราะน้ำมันเยอะกว่าบันไดที่พาดอันเดียว
เซิ่นหวังหวังกล่าว "ฮ่าฮ่า บกบอกถึงนิสัยของเถียนลี่เหว่ยได้ดีซะจริง"
แม่พันนายจากทัพเถียนลี่เหว่ย "เร่งปีนขึ้นมาสิวะ! ศัตรูมันกำลังกลัวขี้หดตดหายแล้ว. เราต้องแสดงให้โลกรับรู้ถึงพลังแห่งหน่วยกระไดของแม่ทัพเถียนลี่เหว่ย.
กำลังเสริมกำลังตามมา มิต้องกังวงไรทั้งนั้น สู้ต้อไป. เรายึดกระไดลงได้เมื่อใด ทวารปราการจักถูกเปิดจากภายในทันที"
เขาโดนถูกลูกธนูยิงใส่แล้วทหารของเขาก็กล่าวว่าก็เคยบอกเขาไปแล้วไงว่าไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้
เขาทำท่าว่าจะตกจากกำแพง แต่เขาก็มิได้ร่วงลงไป และกล่าวว่า "นั้นทำอะไรข้ามิได้หรอก
ข้าคือแม่ทัพพันนายแห่งทัพเถียนลี่เหว่ย ผู้คือผู้มีกายาดุจเหล็กและความเพียรของข้า..."
แล้วเขาก็ถูกยิงด้วยธนูอีกครา (หมอนี่ฮาจริงๆ)
เซิ่นหวังจึงกล่าวขึ้นมาว่า "ฮ่าฮ่า ข้าขอบหมอนี่แฮะ.
มันเป็นคนตลกคนเดียวในทัพเถียนลี่เหว่ย ซึ่งมีแต่พวกเข้มขรึม"
ซือหลิงกล่าวว่า"ใต้เท้าเซิ่นหวัง ข้าน้อยคิดว่าเราจำเป็นต้องเคลื่อนพลได้แล้ว เนื่องจากพวกเขายึดบันไดได้แล้วล่ะเจ้าค่ะ"
ประตูถูกเปิดจากภายในและขบวนทัพของเซิ่นหวังจึงเข้ามาด้านในได้
เซิ่นหวังก็ยกยงย่องต่อความอุตสาหะของทหารเถียนลี่เหว่ยและสั่งให้ซือหลิงไปยังประตูทิศตะวันออกและให้ทัพอื่นๆเข้ามา.
เขายังพูดอีกว่า "ซือหลิง ราตรีนี้ข้าจะนอนกับเจ้าในห้องที่มีทิวทัศน์ดีที่สุดในปราการแห่งนี้แลยล่ะ"
ซือหลิงก็หน้าแดงและตอบกลับไปว่า เจ้าค่ะ (หวานเลี้ยนคู่นี้ 555+)
วู่เฉิงก็ถูกตีแตกในที่สุด และแม่ทัพพัสสายคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่รับเกาทัณฑ์ไปเป็นจำนวนมาก ทหารคนอื่นๆต่างก็สงสัยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ณ ปราการปิงหยาง:
หวนฉีสามารถยึดปราการปิงหยางได้หลังจากผ่านไป 10 วัน.
เหตุที่ใช้เวลามากกว่า 10 วัน นานกว่าปราการปิงหยาง อันเนื่องจากการสังหารหมู่ที่มีทหารถึงแสนนายของหวนฉี
ความเกลียดชังที่มีต่อหวนฉีเพิ่มขวัญกำลังใจของเหล่าทหารและความหวาดกลัวที่ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันหากพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาจึงต้องสู้อย่างสุดกำลังจนถุงที่สุด
เหล่าทหารและพลเรือนที่ถูกจับได้ต่างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
หวนฉีปล่อยให้หน่วยเฟ่ยซิ่นจัดการกับทหารและพลเรือนที่ถูกจับ
ในขณะที่พวกเขาจดจ่ออยู่กับการปล้นและรูดทรัพจากปราการ.
ฉะนั้น จึงมิได้กระทำการบาดเจ็บใดๆแก่ผู้คนในปราการปิงหยาง
ซิ่นกล่าว "มิต้องกังวลไป เรามิใช่ทหารของหวนฉีสักหน่อย.
พวกข้าหน่วยเฟ่ยซิ่น. เราจักมิทำอันใดต่อพวกเจ้าและเราจะมิให้อันใดเกิดขึ้นต่อพวกเจ้า.
เราจักแก้มัดกับเหล่าสตรีทั้งหมด ดังนั้นจงมากับพวกเรา"
พลเรือนทุกคนต่างเคยได้ยินเรื่องของหน่วยเฟ่ยซิ่น และพวกเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะว่าหน่วยเฟ่ยซิ่นมีเสียงไม่แม้แต่จะอยู่ในสนามรบอย่างเดียว
ยวนจึงถาม "แบบนี้จักไม่เป็นไรเหรอ? แม้ต่อให้พวกนางเป็นสตรี พวกนางก็จักโจมตีเราได้หากพวกนางหยิบยกเรื่องที่พวกนางสูญเสียสามีและบิดาไป"
ซิ่นจึงตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไรหรอก ข้าสามารถมาบอกได้ว่าใครรู้สึกยังไงตอนที่ข้ามองไปยังนัยย์ตาของพวกเขา"
สือแก้มัดให้กับเด็กคนนึง แล้วกล่าวว่าพวกเขาไม่ควรจะผูกเชือกแน่นขนาดนนี้นะ.
เด็กน้อยก็กล่าวว่า "ศัตรูของพ่อข้า" แล้วกัดไปที่แขนของสือ
ทัพหวนฉีและหวังเจี้ยนที่ยึดปราการวู่อันและปิงหยางได้ จึงเน้นการฟื้นกำลังภายในปราการ
หลังจากผ่านไป 2 เดือน ผบ.ทบ. ชางผิงจวิ้นจึงได้ออกคำสั่งแก่ทัพหวังเจี้ยนและหวนฉีให้อ้อมกำแพงใหญ่เลาะไปตามเขาไท่หางและตรงดิ่งไปยังทางเหนือ
จากนั้น ทัพฉินทางเหนือและตะวันออกจะผนึกกำลังกันเป็นทัพใหญ่ ไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือของจ้าว เพื่อบุกยี่อัน และนี่คือกลยุทธ์ขั้นสูงสุด
ข้อความจากผู้สรุปอิ้ง: มีชื่อบางปราการ/สถานที่/เส้นทาง ทางตอนเหนือของเหนือของจ้าว ที่ไม่รู้ว่าผมจะแปลออกมายังไงดี ดังนั้นผมจึงต้องตัดบางอันทิ้งออกจากการแปล. ผมต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง (ในมุมมองของผมแปลสรุปไทย แม้ว่า kingdom การ์ตูนอิงปวศ.ยุคจ้านกว๋อของจีน จะเขียนโดยนักวาดชาวญี่ปุ่น อ.ยาซิฮิซะ ฮาระ จึงมีการออกเสียงเป็นสำเนียงญึ่ปุ่น แต่เหมือนฝั่งต่างชาติจะยึดติดการพิมพ์ชื่อญี่ปุ่นแทนที่จะเป็นจีน(เหมือนมีอคติอ่ะ)
ซึ่งสำหรับบางคนที่จะต้องการอ่านแบบมีอรรถรสจริงๆ จะพยายามเขียนให้เป็นจีน ทำให้ผมแปลออกมายากมาก จริงๆอย่างน้อยเขาควรเขียนจีนวงเล็บใว้ด้านหลัง แรกๆผมก็ชอบชื่อญี่ปุ่นนะฟังดูสมูตดีแต่ไปๆมาๆชื่อจีนมันกลับดีกว่า เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเราอ่านหนังสือปวศ.)
Spoil KINGDOM 703 แปลเป็นไทยจากคนสรุปอิ้งแบบงูๆปลาๆ
แล่ซาชิมิ(สรุปเป็นภาษาอังกฤษ)โดย Yunhwayteriyaki (น่าจะเป็น jeewag เจ้าเดิมที่เปลี่ยนชื่อแหละ)
ลากซาซิมิมาให้ชิม(แปลเป็นไทย)โดยผมเอง
หากรสชาติมันเปลี่ยน(เน่า เพราะเอาซาชิมิไปดำน้ำส่วนหนึ่ง) ก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
ถ้าต้องการซาชิมิแบบสดๆ ก็ไปตามที่อยู่ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/rfuvnf/kingdom_chapter_703_korean_raw/
อันนี้เป็นภาพแผนที่แปลจากภาษจีน(คันจิ)โดยผู้ใช้ reddit magaxking ครับ
https://imgur.com/a/cSLiTML
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้