อ่านแปลเป็นไทย(ไม่ฝังซับ)จากตัวแปลอิ้ง โดยกระผมเอง ในช่องกล่อง Spoiler (แบบมีประกอบภาพเป็นหน้าๆสามารถชมได้ที่เพจเฟสบุ๊ก SnakeFish Translator) หากใครที่จะนำไปฝังซับโดยใช้การแปลของผมรบกวนให้ credit ชื่อ Banzai_man ด้วยนะขอรับ
738 part 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน้า 1
หน่วยสอดแนมของฉิน ณ เนินเขาแห่งหนึ่งใกล้กับยี่อัน
คนจุดสัญญาณ
: "ให้ตายสิว่ะ ไอ้ที่เจ้าเห็นมั่นใจแน่นะ?"
คนสอดแนม
: "แน่นอน"
: "ถึงมันจะลางๆ แต่ธงที่สะบัดอยู่นั้น...ล้วนเป็นของจ้าว"
คนจุดสัญญาณ
: "
เอ้ย สามอันเลยนะเนี่ย พับพ่าสิ"
จากนั้นคนจุดสัญญาณก็ควบม้ากลับไปยังยิ่อันโดยเร็วเพราะอีกไม่ช้านาน ทัพจ้าวของหลี่มู่จะตรงดิ่งมาหาพวกตน
ข้อความ ["ข่าว" ลอยละล่อง ขึ้นสู่นภายามอรุณรุ่ง]
ชื่อตอน: "เศียรของหวนฉี"
หน้า 2
= ณ เมืองยิ่อัน=
เตียวเห็นสัญญาณควันแสดงสีหน้าถอดสี
ซิ่นจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เตียวจึงตอบไปว่า
: "สะ...สามอัน..."
: "พวกข้าได้ส่งคนสอดแนมให้ไปตรวจตราสอดส่องว่าฉือหลี่เป็นอย่างไรบ้าง...
: "และบอกให้พวกเขาใช้สัญญาณควัน เนื่องจากพวกเขาอาจถูกปิดล้อมโดยจ้าวระหว่างกลับมายี่อันได้"
นายกอง ยวน
: "สัญญาณควัน... ตรงโน้นนะรึ...?"
เฮยอิงจึงถามว่า
: "แล้ว?"
เตยจึงตอบว่า
: "สัญญาณหนึ่งอันหมายถึงฉือหลี่ยังปลอดภัยดี"
: "ทว่าเราบอกให้พวกเขาจุดสัญญาณสามตัว หากมันตกอยู่กับจ้าวแล้ว..."
หน้า 3
นายกอง ยวน
: "สะ...สามอัน..."
หลี่ซิ่น
: "ก็หมายความว่า..."
เหมิงเถียน
: "ฉือหลี่นั้น..."
: "โดนจ้าวยึดคืนเสียแล้ว..."
เตียวทำได้แต่สบทคำพูดด้วยความสิ้นหวัง
ยวน
: "นั่นน่ะ...ไม่จริงใช่ไหม..."
: "เช่นนั้นก็หมายความว่า"
เตียว
: "หมายความได้ว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องส่งทัพมายังฉือหลี่อีกต่อไป"
: "และนั้นก็ทำให้หลี่มู่ระดมสรรพกำลังทัพของเขาตรงดิ่งมาหาเราที่นี่"
หลุนอี้ว์
: "เป็นไอ้เจ้านั่น ยิ่งแย่สุดๆอะดิ"
เฮยอิง
: "งั้นก็หมายความทุกอย่างจบแห่แล้วละสิ?"
หลุนอี้ว์
: "เฮยอิง"
แล้วเฮยอิงก็ตะโกนกล่าวกับหวนฉีว่า
: "หัวหน้า ทิ้งพวกที่เหลือแล้วหนีไปกันแค่เราสองกันเถอะเจ้าคะ!"
หมอหลุนจึงบอกกับนางไปว่า
: "แต่มันจักยังมีที่ไหนให้ไปกันเล่า..."
หน้า 4
เตียวกล่าวขึ้นว่า
: "มันยังไม่จบสักหน่อย..."
: "สภาพการณ์ถึงจะย่ำแย่ แต่ความหวังของเราก็ยังไม่เปลี่ยน"
ซิ่นเอ่ยขึ้นว่า
: "กำลังเสริมจากแคว้น..."
: "จนกว่าทัพนั้นจะมาถึง"
: "พวกเราจำต้องสู้ต่อไปสินะ..."
=นครหลวงแคว้นฉิน เซียนหยาง=
ชางเหวินจวิ๋นตะโกนในท้องพระโรงขึ้นว่า
: "หะ!?"
: "นี่ยังไม่มีรายงานการเคลื่อนไหนของหวนฉีอีกหรา!!?"
บริพารอีกคนจึงตอบกลับไปว่า
: "ใต้เท้าขอรับ..."
: "ข้อความจากบุรพาที่มาถึงก่อนหน้าแล้ว ทว่ารายงานกลับไม่เป็นที่ชัดแจ้ง"
หลี่สือ
: "เขามุ่งไปยังฉือหลี่ตลอดทางโดยไร้ศึกการต่อสู้ และขณะที่พวกเขาเคลื่อนพลออกจากที่แห่งนั้น ทัพจ้าวก็ปรากฎออกมายังชายแดนและปกปิดการรั่วไหลของข่าวคราว"
: "นี่มันชักจะไม่ปกติแล้วนะ ชางผิงจวิ๋น"
เหล่าข้าราชบริพาร
: "ชะ ใช่แล้ว! แม้เหล่าทัพจะถูกปิดกั้นเส้นทาง มันก็ยังเป็นอะไรที่ง่ายดายให้กองสอดแนมของเราเลี่ยงพวกมันและเข้าไปยังแคว้นจ้าวได้แล้ว แต่ความจริงครานี้กลับทำมิได้เลย"
: "นะ นั่นก็จริง"
: "จะ จากรายงาน บางหน่วยทำการสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ ทว่ากลับไม่มีใครกลับมาเลย"
: "จะ เจ้าว่าไงนะ?"
เจิ้งได้ลงมาจากพระที่นั่ง
: "ชางผิงจวิ้น"
หน้า 5
เจิ้งตรัสกับชางผิงจวิ้นขึ้นว่า
: "สัมพัสได้ถึงลางสังหรณ์อันรุนแรง"
: "เพื่อให้การส่งผ่านของข่าวสารจากแดนอุดรจ้าวถูกจำกัดอย่างสมบูรณ์
: "ยิ่งไปกว่านั้น"
: "หากผู้ที่บงการคือหลี่มู่อีก..."
ชางผิงจวิ้นจึงทูลกลับไปว่า
: "กระหม่อมอีกก็คิดเช่นนั้น"
: "คืนก่อน คราที่รูปขบวนทัพของหวนฉีนั้นได้ถูกตัดขาด กระหม่อมสันนิฐานได้ว่าจะเป็นไปได้"
: "พวกมัน(จ้าว)เตรียมการการมาถึงของพวกเรา... มากน้อยเพียงกัน..."
: "เอ๋อหยู หลางเหมิง"
: "เพราะสองเมืองนี้เอง การบุกติยี่อันของพวกเราจึงเริ่มน้อยลงกว่าของกำลังเราที่วางแผนเอาไว้..."
ทุกคนในท้องพระโรงก็ตกใจที่ได้ยิน
หลี่สือจึงเอ่ยว่า
: "เจ้าหมายความอย่างไรกัน ชางผิงจวิ้น!?"
หน้า 6
ชางผิงจวิ๋น
: "กระหม่อมขอกราบทูลว่า พวกเรา ถูกล่อให้ติดกับอย่างเต็มเปา"
: "พวกเรา... ไม่สิ เป็นกระหม่อมเอง..."
: "ที่ประเมินหลี่มู่ต่ำเกินไป"
วาจาที่ยากจะเหลือเชื่อหลุดออกมาจากปากของชางผิงจวิ๋นทุกผู้ในท้องพระโรงต่างพากันวิตก
จากนั้นอิ๋งเจิ้งจึงตรัสขึ้นว่า
: "ในกรณีนี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งทัพเสริมไปโดยพลัน"
: "ทัพหวนฉีคงกำลังติดในวงล้อมของทัพอย่างช่วยไม่ได้ ดังที่เราว่ามา"
เจี้ยงอี้จึงทัดทานขึ้นว่า
: "ประเดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!"
: "เรามีรายงานว่า จำนวนกองกำลังของศัตรูนั้นที่รวมพลอยู่ ณ อุดรจ้าว มีกันมากโข"
: "การจะทะทวงเข้าไปเพื่อช่วยเหลือทัพหวนฉี จำเป็นต้องใช้กำลังพลมากถึงสิบหมื่น(แสนคน)ในการช่วยเหลือนะพ่ะย่ะค่ะ"
หน้า 7
ราชบริพาร
: "สะ สิปหมื่นรึ?"
: "เราจะไปแกนกำลังทัพที่ใหญ่ขนาดนั้นในเวลาไม่นานได้ยังไงกัน..."
: "หากทัพหวนฉีตกอยู่ในอันตรายตอนนี้ พวกเขา(ทัพเสริม)คงไปไม่ทันการดอก"
ชางผิงจวิ้นได้เอ่ยขึ้นว่า
: "ข้าได้ส่งสาส์นไปยังแม่ทัพหวังเจี้ยนที่อยู่เอ้อหยูเพื่อเร่งรุดส่งกำลังเสริมไปหาหวนฉีหากเขาตกอยู่ในอันตราย
ราชบริพาร
: "ใช่แล้ว! แม่ทัพหวังเจี้ยนอยู่นั้นด้วยนิ"
: "เอ้อหยูอยู่แนวหน้าอุดรจ้าว"
: "เขาย่อมส่งพวกเขา(ทัพของหวังเจี้ยน)ได้เร็วยิ่งกว่าพวกเราหลายขุม"
อิ๋งเจิ้งได้ตรัสถามขึ้นว่า
: "เรามีรายงานจากเอ๋อหยูว่ามีการเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่?"
ชางผิงจวื้นจึงทูลกลับไปว่า
: "ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ"
: "ไม่มีอะไรเลย"
เหล่าราชบริพารร้อนรนจึงถามกลับไปว่า
: "ท่านหมายความเช่นไร? แม้ว่าพวกเราที่อยู่เซียนหยางจะตื่นตระหนกถึงเพียงนี้"
: "กลับหวังเจี้ยนกลับมิได้เคลื่อนทัพอันใดแม้แต่น้อยรึ?"
: "เป็นไปได้หรือป่าวที่แม่ทัพหวังเจี้ยนจะสังเกตุการเคลื่อนไหนของทัพหวนฉีอยู่?"
: "...และคาดว่า มิจำเป็นต้องใช้กำลังเสริมน่ะ....?"
: "โอ้...คงเป็นงั้น..."
กระนั้นหลี่สือก็แทรกขึ้นมาว่า
: "อย่างไรก็ตามแต่ เป็นไปได้ที่เขาเอง(หวังเจี้ยน)ก็ต้องการที่ส่งกำลังหนุนไป ทว่าสถานการณ์กลับมิเป็นใจให้ทำเช่นนั้น"
หน้า 8
หลี่สือ
: "ชางผิงจวิ้น"
: "ข้ามั่นใจว่าเจ้าย่อมต้องเข้าใจดี แต่หวนฉีไม่ได้เป็นแม่ทัพพื้นๆ"
: "เขาเป็นหนึ่งใน[หกขุน]อันไพรีแห่งฉิน"
: "หรืออีกคำพูดนึงคือ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอหังการของฉินนั่นเอง"
: "หากเขาพ่ายหรือถูกสังหาร"
: "จิตวิญญาณในการต่อสู้กับจักสะเทือนเขาได้"
: "ในขณะที่จ้าวและแคว้นอื่นๆ จะพลิกฟื้นกำลังของพวกมันเอา"
ชางผิงจวิ้นจึงตอบกลับไปว่า
: "เรื่องนั้นมิจำเป็นต้องเตือนข้าดอก"
แล้วจึงทูลกับอิ๋งเจิ้งกลับไปว่า
: "เพลานี้ กระหม่อมจักส่งสาส์นอีกฉบับไปยังแม่ทัพหวังที่เอ๋อหยู
: "อีกทั้งกระหม่อมจักออกคำสั่งไปยังพรมแดนของเราติดกับอุดรของจ้าวให้พวกเขาปลุกระดมทัพและเตรียมพร้อมให้เคลื่อนพลทันทีที่มีอะไรผิดสังเกตุ"
หลังจากนั้นเจิ้งจึงมอบบัญชาแก่ชางเหวินจวิ้นทันทีว่า
: "ชางเหวินจวิ้น ส่งสาส์นไปยังไท่หยวน"
: "บอกให้พวกเขาคอยสาดส่องหลางเหมิงอย่างใกล้ชิด และก็พยายามหาหนทางช่วยเหลือหวนฉีด้วย"
ชางเหวินจวิ้น
: "พ่ะย่ะค่ะ"
หน้า 9
ชางเหวินจวิ้น
: "ซื่อฉี เจ้ามีอิทธิพลในไท่หยวนพอตัว ข้ามอบหมายให้เจ้าจัดการได้หรือไม่?"
ซื่อฉี
: "ไว้ใจข้าน้อยได้เลยขอรับ"
อิ๋งเจิ้งก็ภาวนาอย่างห่วงๆ ให้แม่ทัพหลี่ซิ่น มิเป็นอันใด
=ตัดมาทางด้านเอ้อหยู 阏与 ซึ่งหวังเจี้ยนประจำการอยู่=
คนส่งสาส์นได้มายังห้องประชุมเพื่อรายงานสถานการณ์
: "เอ้อหยู! เหตุการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง! การเคลื่อนไหนของทัพหวนฉีก็ยังไม่แน่ชัดขอรับ!"
: "การพยายามแทรกซึมเข้าไปยังอุดรจ้าวถูกขัดความแทบทั้งสิ้น"
: "และที่เข้าไปได้ ก็ไม่มีใครสักคนกลับมาได้เลยขอรับ"
ชางยาง
: "ชิ ไอ้เจ้าหลี่มู่..."
หน้า 10
ชางยางที่ทนไม่ไหนจึงลุกขึ้นกล่าวว่า
: "ท่านหวังเจี้ยน"
: "โปรดยกทัพรี้พลแสนหนายให้กับข้าน้อยเถิด!"
: "ข้าน้อยจักเจาะค่ายกลภายนอกของทัพจ้าว และสังเกตุการณ์ที่นั่น แล้วส่งรายงานกลับมาขอรับ"
เทียนหลี่เว่ยจึงทักท้วงห้ามปรามชางยางขึ้นว่า
: "ทัพหวนฉีมีกำลังพลสิบสี่หมื่นคน
: "เจ้าคิดว่าแสนนึงจักไปตีพวกมันได้ง่ายๆงั้นรึ?"
ชางยางจึงเอ่ยขึ้นว่า
: "งั้น ข้าเอาไปห้าหมื่นละกัน"
เทียนหลี่เว่ย
: "ชางยาง!!!"
ทันใดนั้นหวังเจี้ยนจึงเอ่ยขึ้นว่า
: "นั่งลงซะ ซางยาง"
ชางยางที่ไม่อาจทนไหวจึงถามขึ้นว่า
: "ทำไมล่ะขอรับ?"
: "ใยเราจึงไม่ระดมเสริมกำลังช่วยพวกเขา?"
: "เป็นไปมิได้ที่ทัพหวนฉีจะไม่ติดกับนิขอรับ?"
: "หากเราไม่รีบเร่ง ก็จะสายเกินแก้นะขอรับ"
แล้วหวังเจี้ยนได้กล่าวขึ้นว่า
: "หมากที่แรกที่เราควรจะเคลื่อนทัพตีควรจะเป็นหลางเหมิง 狼孟 แต่แรกแล้ว"
หน้า 11
เทียนหลี่เว่ยคิดในใจว่า หลางเหมิงคือทัพข้าศึกที่โจมตีทัพฉินจากไท่หยวนก่อนเปิดศึก
หวังเจี้ยนได้กล่าวต่อว่า
: "และเราจำเป็นต้องมุ่งปรับเปลี่ยนกำลังทัพที่ฟ่านหวู 番吾"
เทียนหลี่เว่ย(คิดในใจ)
: "ฟ่านหวู"
: "เมืองที่อยู่ทางฝั่งประจิมของยี่อัน... ที่นั้นเองมีกองทัพด้วยหรา!?"
หวังเจี้ยน
: "แผนการกรีธาทัพสู่อุดรจ้าว"
: "เห็นจะลุ้มลึกยิ่งกว่าสิ่งที่เป็นอยู่อย่างเห็นได้ชัด"
ทุกคนต่างพากันแปลกใจที่ได้ยินประโยคเช่นนี้จากปากของหวังเจี้ยนผู้เป็นจอมทัพ
และหวังเจี้ยนก็กล่าวว่า
: "ข้าสัมพัสได้ถึงความอึดอัดมาพักนึงแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะมากโขเสียนี่กระไร"
เหล่าแม่ทัพทุกคนก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อได้ยินจอมทัพหวังเจี้ยนผู้เป็นนายตน กล่าวประโยคเช่นนั้น
และหวังเจี้ยนก็เอ่ยประโยคที่คาดไม่ถึงว่า
: "เห็นทีพวกเราจะมองบุรุษ..."
หน้า 12
: "นามหลี่มู่ต่ำเกินไป..."
=ทัพหลักจ้าวของหลี่มู่=
หลี่มู่ซึ่งกำลังเคลื่อนพลไปยังยี่อันก็มีม้าใช้ควบม้ามารายงานตน
: "รายงานขอรับ"
: "ซากทัพที่กระจายตัวไปของหวนฉี"
: "ไม่แสดงทีท่าว่าจะไปรวมตัวกับหวนฉีที่ยี่อันเลยขอรับ"
ฟูตี้
: "ฮะ ดูท่าทัพหวนฉีไม่มีแม้แต่ความภักดีหรือวินัยทัพเลยแหะ"
: "ขนาดระหว่างการศึกกับหูเจ๋อ พวกมันกลับวิ่งหนีพอพวกมันได้ยินว่าพวกเขา(ทัพหูเจ๋อ)มีจำนวนมากกว่า"
หลี่มู่
: "ถึงกระนั้น ทัพหวนฉีก็ชนะศึกอยู่เสมอมา"
: "หากเราไม่ประมาท พวกมันก็จักขัดขาเราจนต้องตกเป็นรองไปได้"
ดำล้วนๆ)
ฟูตี้
; "ข้าน้อยก็พอจะเข้าใจ"
: "แต่กระนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจักทวนกระแสน้ำในเวลาเช่นนี้"
: "ไม่ใช่ตอนที่พวกมันถูกตรึงอยู่อย่างงี้"
สปอย Kingdom 738-39 แปลเป็นไทยแบบงูๆปลาๆ
738 part 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้