ก้าวไกล แชมป์ เงินบริจาคพรรคการเมือง มี.ค. 67 รับ 2.7 ล้าน.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4598733
ก้าวไกล แชมป์ เงินบริจาคพรรคการเมือง มี.ค. 67 รับ 2.7 ล้าน
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 11 พรรคการเมือง โดยมีผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 158 ราย เป็นจำนวนเงิน 6,574,688.84 บาท โดยพรรคก้าวไกล ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 53 ราย รวม 2,713,000 บาท และเป็นประโยชน์อื่นใด 11,000 บาท
พรรคภูมิใจไทย ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 93 ราย รวม 2,350,000 บาท
พรรคกล้าธรรม ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 465,000 บาท พรรคไทยภักดี ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 310,000 บาท พรรครักษ์ป่า (รักษ์ผืนป่าประเทศไทย) ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 240,000 บาท พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 200,000 บาท พรรคไทยสร้างไทย ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 127,000 บาท พรรคพลัง ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 112,688.84 บาท พรรคใหม่ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 26,000 บาท พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 10,000 บาท พรรคทางเลือกใหม่ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 10,000 บาท
ไอติม ชี้ กกต.พีอาร์ไม่ดี ทำผู้สมัครส.ว.ถูกปัดตก เสียเงินฟรี จ่อส่งกมธ.ร่วมสังเกตการณ์วันเลือก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4598311
‘ไอติม’ หวังกติกาเลือก ส.ว. บังคับใช้ครั้งเดียวพอเห็นใจคนถูกปัดตก เหตุระดับอำเภอคนสมัครน้อย มองไม่ได้ทำผิด-เสียค่าสมัครฟรี ชี้ กกต.ยังประชาสัมพันธ์ไม่ดีพอ มอง ระบบเลือก ส.ว. ควรสอดคล้องหลักประชาธิปไตยสากล เผย กมธ.พัฒนาการเมืองเตรียมส่งผู้สังเกตการณ์ ส่งเอกสารแจ้ง กกต.แล้ว
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 10 คน ใน 7 อำเภอ ถูกปัดตกรอบ เพราะผู้สมัครน้อยจนไม่สามารถเลือกไขว้สายได้ ว่า เป็นเรื่องใหญ่ เพราะในมุมหนึ่ง คือการทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก เขาต้องสูญเสียเงินค่าสมัครไปด้วย อาจจะไม่ได้รับคืน ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ตนคิดว่าพอไปดูต้นตอของปัญหานี้ ก็ต้องมองเป็น 2 ปัญหา คือ
• ปัญหาแรก คือ ตัวกฎหมาย เพราะการไปล็อกว่าอย่างน้อยต้องมีผู้สมัครขั้นต่ำ 3 กลุ่มอาชีพ ถึงสามารถดำเนินการเลือกไขว้ได้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา นอกจากนี้ กติกาการคัดเลือก ส.ว.สร้างความสับสนพอสมควร ทำให้เราจะไม่ได้มี ส.ว.ที่มาจากโครงสร้างอำนาจที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากล
• ปัญหาที่สอง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สะท้อนให้เห็นว่า กกต.ยังทำหน้าที่ไม่ดีพอในการประชาสัมพันธ์ให้มีคนมาเข้าสู่กระบวนการรับสมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการลิดรอนสิทธิของผู้สมัครหรือไม่ นาย
พริษฐ์กล่าวว่า แน่นอน เพราะทำให้ประชาชนที่สมัครเข้ามาสูญเสียทั้งสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก และสูญเสียเงินค่าสมัครไปฟรีๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ยังไม่นับเวลาในการเตรียมใบสมัครอีกด้วย ส่วนคนที่ถูกตัดสิทธิไปฟ้องร้องได้หรือไม่ นายพริษฐ์ระบุว่า ในเชิงกฎหมายต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ในเชิงการเมืองหรือสามัญสำนึก ตนก็เห็นใจคนที่โดนตัดสิทธิ
เมื่อถามว่ากติกาแบบนี้อาจได้คนที่ไม่ตรงสเปกของการเป็น ส.ว.หรือไม่ นาย
พริษฐ์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่คาดการณ์ยากมาก ว่า ส.ว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จะมีคุณสมบัติร่วมกันหรือทักษะ จุดเด่นเรื่องไหนบ้าง เพราะการคัดเลือกเป็นกระบวนการที่เพิ่งนำมาใช้เต็มรูปแบบครั้งแรก ขณะที่ไม่เคยใช้ที่ประเทศอื่น เนื่องจากมีความซับซ้อน ทำให้เราคาดการณ์ได้ยาก ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการทำให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ทันเวลา โปร่งใส และเป็นธรรมที่สุด โดย กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จะเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย ตนได้ทำหนังสือถึง กกต.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กกต.ก็ต้องการเปิดกว้างให้ภาคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ได้
เมื่อถามว่าหากการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก่อนเลือกครั้งหน้าต้องร่างกฎหมายใหม่หรือไม่ นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวหวังว่าจะไม่มีกระบวนการแบบนี้เกิดขึ้นอีก อยากให้การเลือกแบบนี้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ส่วนการแก้กฎหมายในอนาคตจำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาถกเถียง อาจจะมี 2 โจทย์หลักๆ คือ ประเทศเราจำเป็นต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีจะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลคือการมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน
‘ก้าวไกล’ เผย ความคืบหน้าข้อพิพาทเหมืองถ้ำทองหลาง ห้ามกั้นพื้นที่เพิ่ม-รอพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4597929
‘ก้าวไกล’ เผย ความคืบหน้าข้อพิพาทเหมืองถ้ำทองหลาง จ.พังงา หลังหมดอายุสัมปทานแต่มีมือดีปักป้ายห้าม ปชช.เข้าพื้นที่ ล่าสุด ‘รองผู้ว่าฯ’ สั่งห้ามกั้นพื้นที่เพิ่ม-รอการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน ชี้ เป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งที่ร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชุมชน
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นาย
วรวุฒิ ชัยธนะวิวรรธ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ และแกนนำพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จ.พังงา เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีได้รับร้องเรียนจากประชาชนกลุ่มรักษ์บ้านเกิด ถ้ำทองหลาง อ.ทับปุด จ.พังงา กรณีเหมืองโดโลไมท์เก่าที่หมดอายุสัมปทานไปแล้ว มีผู้อ้างสิทธิ นส.3 กั้นรั้วห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตประชาชนในบริเวณดังกล่าว
นาย
วรวุฒิกล่าวว่า ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าทาง จ.พังงา มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นพื้นที่เพิ่มเติมไปจากนี้อีกแล้ว รวมถึงเร่งให้มีการตรวจสอบสิทธิในที่ดินโดยเร็ว แม้จะยังไม่ได้คำตอบเรื่องระยะเวลาในการตรวจสอบสิทธิในที่ดินที่แน่ชัด แต่ถือเป็นความคืบหน้าที่น่าพึงพอใจ กระบวนการตรวจสอบสิทธิจากนี้เป็นการทำงานคู่ขนานกันไประหว่าง จ.พังงาและคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้เข้ามารับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่เมื่อครั้งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
นาย
วรวุฒิกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ประชาชนในพื้นที่เห็นตรงกันว่าอยากพัฒนาพื้นที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และไม่ต้องการเห็นการกลับมาของเหมืองอีก แต่จากแหล่งข่าวหลายแหล่งมีการระบุว่ามีความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะนำไปสู่การให้สัญญาสัมปทานเหมืองครั้งใหม่ จนนำมาสู่การคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่และการร้องเรียนให้ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
“
การห้ามกั้นพื้นที่เพิ่มเติมถือเป็นความสำเร็จเล็กๆ ก้าวหนึ่งของชาวบ้านที่ร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชุมชน แนวทางการพัฒนาพื้นที่ควรจะต้องมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเหล่านั้น ที่ผ่านมาไม่ว่ากระบวนการที่นำไปสู่การเกิดขึ้นของเหมืองจะเป็นมาอย่างไร แต่วันนี้ชาวบ้านในพื้นที่มีความชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่อยากได้เหมือง แต่พวกเขาอยากพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และนี่ควรเป็นข้อคำนึงสูงสุดที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรต้องรับนำมาพิจารณาก่อนที่จะให้มีการดำเนินการในขั้นต่อไปหลังจากนี้” นาย
วรวุฒิกล่าว
อสังหาฯทรุด ร้องรัฐคลอดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อด่วน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/401776
ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังคาดหวังรัฐบาลคลอดมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ หลังหดตัวหนัก
โดยนาย
อธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า วันนี้ภาคสังหาฯ โตแบบเปราะบาง ซึ่งเป็นผลจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่นในสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน มาตรากรที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้ช่วยกระตุกให้ตลาดฟื้นตัว
โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารชุด หรือ คอนโด ติดลบทั้งจำนวนหน่วยขายและการโอน ตลาดจีนก็ยังไม่กลับมา ส่วนบ้านจัดสรร ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มนี้ตามรายงานของสภาพัฒน์วานนี้ พบว่า หนี้เสียโตอย่างน่าตกใจ สูงถึง 7% จาก 1.7% ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัวบวกกับดอกเบี้ยสูง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ออกมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ คาดว่าปีนี้จะติดลบหนักถึง10% แต่ถ้ามีมาตรการมาช่วย ก็คาดจะโตได้แค่ 5%
โดยภาคอสังหาฯ ยังคาดหวังแบงก์ชาติจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในครึ่งปีหลัง และอยากเห็นดอกเบี้ยบ้าน ลดลง 0.25-0.50 % เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ถ้าไม่ลงคงแย่ และยังยืนยันอยากให้แบงก์ชาติทบทวน หรือ ผ่อนปรนมาตรากร LTV โดย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกร็งกำไร เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจุบัน ทำให้ไม่เห็นการเกร็งกำไรมานานแล้ว พร้อมเสนอรัฐจัดตั้งกองทุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เข้าค้ำประกันสินเชื่อบ้านให้ผู้มีรายได้น้อย ในอัตรา 20-30% และให้ปรับแก้มติคณะกรรมการจัดสรรกลาง ในการกำนดขนาดบ้ายนจัดสรรจาก 50 หรือ 40 ตจารางวา เพื่อให้ต้นทนลดลง คนซื้อได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องภาษีทีดินฯ เสนอให้จัดเก็บในอัตราเดียวทุกประเภท เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี
ขณะที่ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุม ครม. เศรษบกิจวานนี้ และได้ให้การบ้านหน่วยงานต่างๆ ไปหามาตรการกระตุ้นเศณษบกิจเร่งด่วนภายใน 2 สัปดาห์ เชื่อว่าจะมีมาตรากรออกมากระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้วย ส่วนการทบทวนภาษีที่ดินฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว และคากว่าจะสรุปผลได้ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายที่ต้องทบทวนทุกๆ 5 ปี
รับชมทางยูทูบที่ :
https://youtu.be/LfICjwmbaz4
JJNY : 5in1 ก้าวไกลแชมป์เงินบริจาค│ไอติมชี้กกต.พีอาร์ไม่ดี│‘ก้าวไกล’เผยความคืบหน้า│อสังหาฯทรุด│ยูเครนลงนามกับเบลเยียม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4598733
ก้าวไกล แชมป์ เงินบริจาคพรรคการเมือง มี.ค. 67 รับ 2.7 ล้าน
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 11 พรรคการเมือง โดยมีผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 158 ราย เป็นจำนวนเงิน 6,574,688.84 บาท โดยพรรคก้าวไกล ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 53 ราย รวม 2,713,000 บาท และเป็นประโยชน์อื่นใด 11,000 บาท
พรรคภูมิใจไทย ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 93 ราย รวม 2,350,000 บาท
พรรคกล้าธรรม ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 465,000 บาท พรรคไทยภักดี ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 310,000 บาท พรรครักษ์ป่า (รักษ์ผืนป่าประเทศไทย) ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 240,000 บาท พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 200,000 บาท พรรคไทยสร้างไทย ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 127,000 บาท พรรคพลัง ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 112,688.84 บาท พรรคใหม่ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 2 ราย รวม 26,000 บาท พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 10,000 บาท พรรคทางเลือกใหม่ได้รับบริจาคจากผู้บริจาค 1 ราย รวม 10,000 บาท
ไอติม ชี้ กกต.พีอาร์ไม่ดี ทำผู้สมัครส.ว.ถูกปัดตก เสียเงินฟรี จ่อส่งกมธ.ร่วมสังเกตการณ์วันเลือก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4598311
‘ไอติม’ หวังกติกาเลือก ส.ว. บังคับใช้ครั้งเดียวพอเห็นใจคนถูกปัดตก เหตุระดับอำเภอคนสมัครน้อย มองไม่ได้ทำผิด-เสียค่าสมัครฟรี ชี้ กกต.ยังประชาสัมพันธ์ไม่ดีพอ มอง ระบบเลือก ส.ว. ควรสอดคล้องหลักประชาธิปไตยสากล เผย กมธ.พัฒนาการเมืองเตรียมส่งผู้สังเกตการณ์ ส่งเอกสารแจ้ง กกต.แล้ว
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 10 คน ใน 7 อำเภอ ถูกปัดตกรอบ เพราะผู้สมัครน้อยจนไม่สามารถเลือกไขว้สายได้ ว่า เป็นเรื่องใหญ่ เพราะในมุมหนึ่ง คือการทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก เขาต้องสูญเสียเงินค่าสมัครไปด้วย อาจจะไม่ได้รับคืน ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ตนคิดว่าพอไปดูต้นตอของปัญหานี้ ก็ต้องมองเป็น 2 ปัญหา คือ
• ปัญหาแรก คือ ตัวกฎหมาย เพราะการไปล็อกว่าอย่างน้อยต้องมีผู้สมัครขั้นต่ำ 3 กลุ่มอาชีพ ถึงสามารถดำเนินการเลือกไขว้ได้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา นอกจากนี้ กติกาการคัดเลือก ส.ว.สร้างความสับสนพอสมควร ทำให้เราจะไม่ได้มี ส.ว.ที่มาจากโครงสร้างอำนาจที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากล
• ปัญหาที่สอง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สะท้อนให้เห็นว่า กกต.ยังทำหน้าที่ไม่ดีพอในการประชาสัมพันธ์ให้มีคนมาเข้าสู่กระบวนการรับสมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการลิดรอนสิทธิของผู้สมัครหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า แน่นอน เพราะทำให้ประชาชนที่สมัครเข้ามาสูญเสียทั้งสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก และสูญเสียเงินค่าสมัครไปฟรีๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ยังไม่นับเวลาในการเตรียมใบสมัครอีกด้วย ส่วนคนที่ถูกตัดสิทธิไปฟ้องร้องได้หรือไม่ นายพริษฐ์ระบุว่า ในเชิงกฎหมายต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ในเชิงการเมืองหรือสามัญสำนึก ตนก็เห็นใจคนที่โดนตัดสิทธิ
เมื่อถามว่ากติกาแบบนี้อาจได้คนที่ไม่ตรงสเปกของการเป็น ส.ว.หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่คาดการณ์ยากมาก ว่า ส.ว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จะมีคุณสมบัติร่วมกันหรือทักษะ จุดเด่นเรื่องไหนบ้าง เพราะการคัดเลือกเป็นกระบวนการที่เพิ่งนำมาใช้เต็มรูปแบบครั้งแรก ขณะที่ไม่เคยใช้ที่ประเทศอื่น เนื่องจากมีความซับซ้อน ทำให้เราคาดการณ์ได้ยาก ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการทำให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ทันเวลา โปร่งใส และเป็นธรรมที่สุด โดย กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จะเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย ตนได้ทำหนังสือถึง กกต.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กกต.ก็ต้องการเปิดกว้างให้ภาคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ได้
เมื่อถามว่าหากการเลือก ส.ว.ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก่อนเลือกครั้งหน้าต้องร่างกฎหมายใหม่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวหวังว่าจะไม่มีกระบวนการแบบนี้เกิดขึ้นอีก อยากให้การเลือกแบบนี้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ส่วนการแก้กฎหมายในอนาคตจำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาถกเถียง อาจจะมี 2 โจทย์หลักๆ คือ ประเทศเราจำเป็นต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีจะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลคือการมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน
‘ก้าวไกล’ เผย ความคืบหน้าข้อพิพาทเหมืองถ้ำทองหลาง ห้ามกั้นพื้นที่เพิ่ม-รอพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4597929
‘ก้าวไกล’ เผย ความคืบหน้าข้อพิพาทเหมืองถ้ำทองหลาง จ.พังงา หลังหมดอายุสัมปทานแต่มีมือดีปักป้ายห้าม ปชช.เข้าพื้นที่ ล่าสุด ‘รองผู้ว่าฯ’ สั่งห้ามกั้นพื้นที่เพิ่ม-รอการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน ชี้ เป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งที่ร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชุมชน
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายวรวุฒิ ชัยธนะวิวรรธ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ และแกนนำพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จ.พังงา เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีได้รับร้องเรียนจากประชาชนกลุ่มรักษ์บ้านเกิด ถ้ำทองหลาง อ.ทับปุด จ.พังงา กรณีเหมืองโดโลไมท์เก่าที่หมดอายุสัมปทานไปแล้ว มีผู้อ้างสิทธิ นส.3 กั้นรั้วห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตประชาชนในบริเวณดังกล่าว
นายวรวุฒิกล่าวว่า ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าทาง จ.พังงา มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นพื้นที่เพิ่มเติมไปจากนี้อีกแล้ว รวมถึงเร่งให้มีการตรวจสอบสิทธิในที่ดินโดยเร็ว แม้จะยังไม่ได้คำตอบเรื่องระยะเวลาในการตรวจสอบสิทธิในที่ดินที่แน่ชัด แต่ถือเป็นความคืบหน้าที่น่าพึงพอใจ กระบวนการตรวจสอบสิทธิจากนี้เป็นการทำงานคู่ขนานกันไประหว่าง จ.พังงาและคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้เข้ามารับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่เมื่อครั้งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
นายวรวุฒิกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ประชาชนในพื้นที่เห็นตรงกันว่าอยากพัฒนาพื้นที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และไม่ต้องการเห็นการกลับมาของเหมืองอีก แต่จากแหล่งข่าวหลายแหล่งมีการระบุว่ามีความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะนำไปสู่การให้สัญญาสัมปทานเหมืองครั้งใหม่ จนนำมาสู่การคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่และการร้องเรียนให้ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
“การห้ามกั้นพื้นที่เพิ่มเติมถือเป็นความสำเร็จเล็กๆ ก้าวหนึ่งของชาวบ้านที่ร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชุมชน แนวทางการพัฒนาพื้นที่ควรจะต้องมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเหล่านั้น ที่ผ่านมาไม่ว่ากระบวนการที่นำไปสู่การเกิดขึ้นของเหมืองจะเป็นมาอย่างไร แต่วันนี้ชาวบ้านในพื้นที่มีความชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่อยากได้เหมือง แต่พวกเขาอยากพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และนี่ควรเป็นข้อคำนึงสูงสุดที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรต้องรับนำมาพิจารณาก่อนที่จะให้มีการดำเนินการในขั้นต่อไปหลังจากนี้” นายวรวุฒิกล่าว
อสังหาฯทรุด ร้องรัฐคลอดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อด่วน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/401776
ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังคาดหวังรัฐบาลคลอดมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ หลังหดตัวหนัก
โดยนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า วันนี้ภาคสังหาฯ โตแบบเปราะบาง ซึ่งเป็นผลจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่นในสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน มาตรากรที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้ช่วยกระตุกให้ตลาดฟื้นตัว
โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารชุด หรือ คอนโด ติดลบทั้งจำนวนหน่วยขายและการโอน ตลาดจีนก็ยังไม่กลับมา ส่วนบ้านจัดสรร ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มนี้ตามรายงานของสภาพัฒน์วานนี้ พบว่า หนี้เสียโตอย่างน่าตกใจ สูงถึง 7% จาก 1.7% ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัวบวกกับดอกเบี้ยสูง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ออกมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ คาดว่าปีนี้จะติดลบหนักถึง10% แต่ถ้ามีมาตรการมาช่วย ก็คาดจะโตได้แค่ 5%
โดยภาคอสังหาฯ ยังคาดหวังแบงก์ชาติจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในครึ่งปีหลัง และอยากเห็นดอกเบี้ยบ้าน ลดลง 0.25-0.50 % เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ถ้าไม่ลงคงแย่ และยังยืนยันอยากให้แบงก์ชาติทบทวน หรือ ผ่อนปรนมาตรากร LTV โดย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกร็งกำไร เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจุบัน ทำให้ไม่เห็นการเกร็งกำไรมานานแล้ว พร้อมเสนอรัฐจัดตั้งกองทุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เข้าค้ำประกันสินเชื่อบ้านให้ผู้มีรายได้น้อย ในอัตรา 20-30% และให้ปรับแก้มติคณะกรรมการจัดสรรกลาง ในการกำนดขนาดบ้ายนจัดสรรจาก 50 หรือ 40 ตจารางวา เพื่อให้ต้นทนลดลง คนซื้อได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องภาษีทีดินฯ เสนอให้จัดเก็บในอัตราเดียวทุกประเภท เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี
ขณะที่ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุม ครม. เศรษบกิจวานนี้ และได้ให้การบ้านหน่วยงานต่างๆ ไปหามาตรการกระตุ้นเศณษบกิจเร่งด่วนภายใน 2 สัปดาห์ เชื่อว่าจะมีมาตรากรออกมากระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้วย ส่วนการทบทวนภาษีที่ดินฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว และคากว่าจะสรุปผลได้ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายที่ต้องทบทวนทุกๆ 5 ปี
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LfICjwmbaz4