JJNY : แฉอีก จ.พังงา จัดซื้อ'รวงผึ้ง'│ครั้งแรก! เศรษฐาลงพื้นที่│ธนาธรช่วย ‘ก้าวไกล’ หาเสียง│กรุงศรี หั่นเป้า GDPไทย

แพงไหม ? แฉอีก จ.พังงา จัดซื้อ 'รวงผึ้ง' ต้นละ 2 หมื่น กระถางต้นไม้ชุดละ 2.7 หมื่น
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7548655

แพงไปไหม ? แฉอีก จ.พังงา จัดซื้อ ‘รวงผึ้ง’ ต้นละ 2 หมื่น แถมตายไปแล้ว 1 ต้น ขณะที่กระถางต้นไม้ชุดละ 2.7 หมื่น ในโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองจังหวัด
 
8 มี.ค. 2566 – เพจเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หน่วยงานที่ตีแผ่เรื่องราวโครงการจัดซื้อต่าง ๆ ในประเทศ ที่ไม่ชอบมาพากล

ล่าสุดแฟนเพจได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติม หลังจากที่นำเสนอข้อมูล จ.พังงา ในโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลอง หลังจัดซื้อ “ทองอุไร” ต้นละ 6 พันบาท
โดยหนนี้เป็น รวงผึ้ง ต้นละ 20,098.65 บาท ขนาดลำต้น 4 นิ้ว จัดซื้อมา 2 ต้น เป็นเงิน 40,197.30 บาท ล่าสุดสภาพยืนต้นตายหนึ่ง ใกล้มรณาอีกหนึ่ง
 
กระถางต้นไม้ ราคาชุดละ 26,843.90 บาท จัดซื้อมา 2 ชุด รวมเป็นเงิน 53,687.80 บาท จากการตรวจสอบหน้างานพบเป็นกระถางปูนเปลือยแบบยาว ขนาดยาว 3.5 เมตร กว้าง 0.60 เมตร สูง 45 ซม. หนา 8 ซม. ตั้งอยู่บริเวณหน้ารูปปั้นสามพระยาบริรักษ์ภูธร อดีตเจ้าเมืองพังงา ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่กระถาง ไม่มีต้นไม้สักต้น
 
แฟนเพจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วิศวกรของเราคำนวณค่างานทั้งวิธีหล่ออิฐมอญฉาบผิว กับหล่อปูน รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้แล้วราคาไม่เกินอันละ 2,000 บาท

https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/6274193799279303



ครั้งแรก! เศรษฐา ลงพื้นที่ชุมชน 70 ไร่คลองเตย ลุยนำปัญหาไปทำเป็นนโยบาย
https://www.matichon.co.th/election66/news_3862847
 
ครั้งแรก! เศรษฐา ลงพื้นที่ชุมชน 70 ไร่คลองเตย ลุยนำปัญหาไปทำเป็นนโยบาย
 
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่มูลนิธิดวงประทีป ชุมชน 70 ไร่คลองเตย พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายนวธันย์ ธวัชวงค์เดชากุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย พรรค พท. หาเสียง
  
เริ่มจากการรับฟังปัญหาในพื้นที่ 70 ไร่ จากนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา
 
นายเศรษฐากล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น ทราบมาว่าปัญหาพื้นที่คับแคบ แต่เมื่อได้มาฟังจากประชาชนเห็นว่าปัญหามีความซับซ้อน ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการ อีกปัญหาคือเรื่องค่าแรง นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2570 หากได้ฉันทามติจากประชาชนให้ พท.เป็นรัฐบาล มั่นใจว่าจะทำได้ ทุกอาชีพต้องได้ค่าแรงที่เหมาะสม

นโยบายภาคใหญ่ของพรรคเราต้องการให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่ำ 5% ในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และผมพร้อมทุ่มเทให้กับเรื่องการศึกษา เพราะเคยทำมาแล้วในพื้นที่ราชบุรี ในนามบริษัท แสนสิริ บริจาคเงิน 100 ล้านบาท เพราะนำเด็กนอกระบบการศึกษากลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษา
 
จากนั้น นายเศรษฐา และแกนนำพรรค พท. ลงพื้นที่เดินทักทายประชาชนในชุมชน 70 ไร่ โดยได้รับการตอบรับที่ดี โดยนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทักทายประชาชนในพื้นที่ว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกนี้ ต้องขอบคุณทีมงาน ทำให้ได้เห็นปัญหาจริงๆ ไม่ได้มีการจัดฉาก พบปัญหาหลายอย่าง ทั้งยาเสพติด การศึกษา สุขภาพ ซึ่งทุกมิติต้องแก้ไปด้วยกัน หลักการใหญ่อะไรทำได้ทำไปก่อน เชื่อว่าถ้าพรรค พท.ได้รับเลือกเข้ามาเราจะพยายามทำให้ได้

เมื่อถามว่า ปัญหาอะไรที่จะเลือกทำก่อน นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะเลือกทำก่อน เพราะทุกปัญหาคือเรื่องใหญ่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน
 
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะลงพื้นที่ทุกเวทีกับพรรค พท.เลยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า จะพยายามไปครบทุกเวทีทุกจังหวัด โดยจะไปรับฟังปัญหา รวบรวมข้อมูลแล้วนำมาถกกันภายในพรรค เพื่อหาทางแก้ปัญหาโดยนโยบายจะคลอดมาเรื่อยๆ
 
เมื่อถามว่า ในฐานะนักธุรกิจจะสื่อสารและขายความเป็นตัวเองกับประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของการขาย แต่เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูล และเข้าใจว่าชาวบ้าน ชาวนา ชาวสวน หรือคนที่อยู่ชายขอบว่าต้องการอะไร ส่วนตัวจะไปขยายเรื่องนโยบาย ความเป็นตัวตน และแสดงความจริงใจให้ประชาชน เพื่อแก้ปัญหาความเป็นอยู่ให้ประชาชน
 
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ส่วนระยะเวลาจะไปอยู่ในใจประชาชนได้หรือไม่นั้นตอบลำบาก แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราว่าทำได้ดีขนาดไหน แต่ตน และพรรค พท.เต็มที่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาเราเจอปัญหาเยอะทำให้ประชาชนลำบาก จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะเสนอนโยบาย ส่วนกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้กำลังใจสำหรับการลงพื้นที่ครั้งแรกนั้น ก็ต้องขอบคุณ และถือเป็นกำลังใจให้กับตน
 
เมื่อถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาระบุรู้จักกับนายเศรษฐาอย่างดี กังวลจะถูกขุดคุ้ยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เรามีหน้าที่ต่างกันไป ตนมีหน้าที่ฐานะประธานที่ปรึกษา แต่ที่ผ่านมาเป็นนักธุรกิจมาก่อน การเข้ามาสู่มิติใหม่นี้จะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยก็คงจะเป็นการขู่ แต่จะทำให้ดีที่สุดหากมีคนมาแฉจะพยายามชี้แจงให้ดีที่สุด
 

 
ธนาธร ช่วย ‘ก้าวไกล’ หาเสียงลำพูน ชูนโยบายแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3862498

ธนาธร ช่วย ‘ก้าวไกล’ หาเสียงลำพูน ชูนโยบายแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด ชม พรรคพร้อมทำงานเพื่อ ปชช. จ่อดันผ่านสภาหลังเลือกตั้งกว่า 40 ฉบับ
 
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่บ้านสบเมย ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล  (ก.ก.) พร้อมนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลำพูน พรรค ก.ก. 2 คน คือ นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก และนายชัชพีร์ วรรณาพิรัชย์
 
นายธนาธรกล่าวว่า ต.ทาขุนเงิน เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประเด็นปัญหาการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนนับล้าน จากการที่พรรค ก.ก.ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ได้ข้อสรุปการแก้ไขปัญหาเป็นชุดร่างกฎหมายปฏิรูปที่ดินตามที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ เช่น ร่างกฎหมายเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด อันเป็นผลมาจากการตกผลึกร่วมกันว่าทางแก้ปัญหาไม่ใช่การออก ส.ป.ก.เพิ่ม แต่คือการทำให้ ส.ป.ก.เป็นโฉนด แก่ประชาชนที่ควรต้องได้รับสิทธินั้น ในกรณีที่ตามเอกสารยังเป็นชื่อผู้ใช้ประโยชน์เดิมหรือทายาทที่ได้รับสิทธิโดยชอบธรรม และจำกัดไม่ให้เปลี่ยนเกิน 50 ไร่ต่อเจ้าของสิทธิ เพื่อไม่ให้นายทุนฉวยโอกาส
 
นายธนาธรกล่าวต่อว่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรค ก.ก. ได้รับบทเรียนมาจากการทำงานตลอด 4 ปี คือนโยบายต่างๆ ที่ต้องการผลักดันผ่านสภา หากไม่มีการผลักดันตั้งแต่ปีแรก ก็มีโอกาสยากมากที่จะผ่าน เพราะวาระการประชุมของสภามีหลายเรื่อง เต็มไปด้วยการยื่นเข้ามาแทรกคิวที่วางลำดับไว้ ตนทราบจาก ส.ส.พรรค ก.ก. ว่าในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรค ก.ก.ได้เตรียมร่างกฎหมายสำหรับนโยบายของพรรคที่ต้องการผลักดันไว้แล้วราว 40 ฉบับ  หลังเปิดประชุมสภา พรรค ก.ก.พร้อมยื่นร่างกฎหมายทั้งหมดเข้าไปในสภาทันที เพื่อให้ทันพิจารณาภายในวาระ 4 ปีของสภาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมีร่างกฎหมายทั้งเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน การปฏิรูปกองทัพ เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การทำน้ำประปาดื่มได้ในระดับประเทศ การปลดล็อกท้องถิ่น การปฏิรูประบบราชการ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายแต่ละฉบับจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนในสภาว่าจะมีถึง 251 เสียงเป็นอย่างน้อยหรือไม่ 
 
4 ปีที่ผ่านมา จากอนาคตใหม่จนถึงก้าวไกล เรายึดมั่นในความเชื่อหนึ่งมาตลอด ที่ว่าประเทศไทยที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ และการลงทุนที่ถูกที่สุดคือการหย่อนบัตรเลือกตั้งของทุกท่าน เป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุดในการกำหนดอนาคตของประเทศ ถ้าท่านอยากเห็นประเทศไทยในอนาคตแบบเดียวกับที่เราอยากสร้าง ขอให้ใช้สิทธิเสรีภาพของท่านให้เป็นประโยชน์ ร่วมสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ไปด้วยกัน” นายธนาธรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่