ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย เป็นระยะเวลา 6 เดือน คาดลดภาระลูกหนี้ 2.4 แสนบัญชี วงเงินสินเชื่อรวม 1.10 แสนล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน 2567
วันที่ 30 เมษายน 2567 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่สมาคมธนาคารไทย (TBA) ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25%
สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐและสอดคล้องกับมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืนและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความมุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าและพร้อมสนับสนุนมาตราการของภาครัฐ ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ได้แก่
1.ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท
2.ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน) ลูกค้าต้องมียอดสินเชื่อเงินกู้กับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 และเป็นบัญชีสถานะ ปกติ (ไม่มีการค้างชำระ) โดยจะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน 2567
ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 240,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมประมาณ 110,000 ล้านบาท
ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน หรือติดต่อธนาคารแต่อย่างใด
ธนาคารไทยพาณิชย์ ตระหนักว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือและลดภาระให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อธนาคารฯ ได้ในช่องทางที่ลูกค้าติดต่ออยู่ หรือ สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า SCB Call Center 02-777-7777...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-1554002
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อบ้าน-สินเชื่อเอสเอ็มอี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 พร้อมเดินหน้าดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้หลักเกณฑ์ Responsible Lending
วันที่ 30 เมษายน 2567 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง
ซึ่งธนาคารเองไม่ได้นิ่งนอนใจและมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารมาโดยตลอด นอกเหนือจากมาตรการรวบหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ากลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม
ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 – 15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน
โดยลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้แก่
1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท
2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท
โดยมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า
ซึ่งธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินให้กับกลุ่มเปราะบางข้างต้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติโดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่มีภาระหนี้หลายก้อนให้ทำการรวบหนี้ ผ่าน“บริการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว” (ttb debt consolidation) ที่จะช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดต่อเดือนให้ต่ำลง และเสริมสภาพคล่องทางการเงินไปพร้อมกัน สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ในปัจจุบัน
ทีทีบี พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1553994
SCB ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% และ TTB ลดดอกเบี้ย 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เริ่ม 16 พ.ค. 67
วันที่ 30 เมษายน 2567 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่สมาคมธนาคารไทย (TBA) ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25%
สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐและสอดคล้องกับมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืนและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความมุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าและพร้อมสนับสนุนมาตราการของภาครัฐ ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ได้แก่
1.ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท
2.ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน) ลูกค้าต้องมียอดสินเชื่อเงินกู้กับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 และเป็นบัญชีสถานะ ปกติ (ไม่มีการค้างชำระ) โดยจะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน 2567
ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 240,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมประมาณ 110,000 ล้านบาท
ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน หรือติดต่อธนาคารแต่อย่างใด
ธนาคารไทยพาณิชย์ ตระหนักว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือและลดภาระให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อธนาคารฯ ได้ในช่องทางที่ลูกค้าติดต่ออยู่ หรือ สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า SCB Call Center 02-777-7777...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/breaking-news/news-1554002
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อบ้าน-สินเชื่อเอสเอ็มอี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 พร้อมเดินหน้าดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้หลักเกณฑ์ Responsible Lending
วันที่ 30 เมษายน 2567 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง
ซึ่งธนาคารเองไม่ได้นิ่งนอนใจและมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารมาโดยตลอด นอกเหนือจากมาตรการรวบหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ากลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม
ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 – 15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน
โดยลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้แก่
1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท
2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท
โดยมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า
ซึ่งธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินให้กับกลุ่มเปราะบางข้างต้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติโดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่มีภาระหนี้หลายก้อนให้ทำการรวบหนี้ ผ่าน“บริการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว” (ttb debt consolidation) ที่จะช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดต่อเดือนให้ต่ำลง และเสริมสภาพคล่องทางการเงินไปพร้อมกัน สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ในปัจจุบัน
ทีทีบี พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1553994