KNU แถลงหลังยึด “เมียวดี” มุ่งรักษาเสถียรภาพไทย-เมียนมา
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/221539
KNU ออกแถลงการณ์หลังยึด “เมียวดี” สำเร็จ กังวลความปลอดภัยผู้คนสองฝั่งไทย-เมียนมา ให้คำมั่นเร่งฟื้นฟูความมั่นคงและเสถียรภาพข้ามพรมแดน
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ออกแถลงการณ์ว่าด้วยเสถียรภาพ สันติภาพ ความปลอดภัยสาธารณะในเมืองเมียวดี และบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยระบุว่า KNU กังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของผู้คนทั้งสองฝั่งไทย-เมียนมา เสถียรภาพตามแนวชายแดน การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
KNU มุ่งมั่นที่จะก่อตั้งและรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงข้ามพรมแดน โดยในตอนนี้ KNU กำลังเตรียมการและการจัดการที่จำเป็นสำหรับความต่อเนื่องของกิจกรรมข้ามพรมแดน บนกฎเกณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกัน เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงปลอดภัยของผู้คนที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งไทย-เมียนมา KNU กำลังทำงาน เพื่อผลักดันให้เกิดการบรรลุความร่วมมือที่มีความหมายกับรัฐบาลไทย หน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรพันธมิตรระหว่างประเทศ รวมถึงองค์กรของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบนชายแดน และเชื่อมโยงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
KNU เคารพและให้เกียรติสหายทุกคนที่สละชีวิต เลือดเนื้อและหยาดเงื่อ ในการกำจัดเผด็จการทุกรูปแบบ รวมถึง เผด็จการทหาร และสถาปนาสหพันธรัฐประชาธิปไตยชุดใหม่ที่นำโดยพลเรือน ซึ่งเคารพความแตกต่างหลากหลายและรวมทุกฝ่าย KNU จะยังคงต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกับองค์กรชาติพันธุ์ฝ่ายต่อต้านและพันธมิตรประชาธิปไตย พร้อมเรียกร้องให้ชาวกอทูเลและเมียนมายังคงมีส่วนร่วมและต่อสู้ต่อไป
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลัง KNU นำกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมถึง กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง (KNDO) / กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDFs) เข้ายึดฐานบัญชาการยุทธวิธีติงกะหยิงหย่อง (Thingannyinaung) ภายใต้กองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพเมียนมา ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 4 เมษายน และยึดกองพันทหารราบที่ 275 ในเมืองเมียวดีได้ในวันที่ 10 เมษายน แต่กำลังพลบางส่วนของกองพันทหารราบที่ 275 ล่าถอยไปยังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 และหลบภัยอยู่ใกล้กับสะพาน
ขณะที่ยังมีเหตุโจมตีอยู่เป็นระยะ โดยเมื่อวานนี้มีรายงานว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้านใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิดใส่กำลังทหารเมียนมาที่หนีทัพถอยร่นมาอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ทำให้ทหารไทยและสื่อมวลชนที่ปักหลักรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าต้อถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย
ปะทะเดือด 12 ชั่วโมง ทหารคาเรนนี จับกุมทหารเมียนมา56คน พร้อมยึดค่ายพม่า9แห่ง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8185467
แม่ฮ่องสอน ปะทะเดือดนาน 12 ชั่วโมง กองกำลังทหารคาเรนนี KNDF-PDF จับกุมทหารเมียนมา 56 นาย พร้อมยึดค่ายพม่า 9 แห่ง เดินหน้ายึดเมืองผาซอง
13 เม.ย. 67 – แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของ กองกำลัง กะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยว่า ที่หมู่บ้านป่าปู ทางทิศเหนือ เมืองผาซอง รัฐคาเรนนี ทหารคาเรนนี KA และพันธมิตร KNDF และ PDF จับกุมทหารเมียนมาที่ถูกเสริมเข้ามาช่วยทหารในเมืองผาซอง รัฐคาเรนนี ได้จำนวน 56 นาย จาก 109 นาย ที่เหลือเสียชีวิตทั้งหมด
โดยกองกำลังคาเรนนีได้ทำการซุ่มโจมตีทหารเมียนมา สังกัดกองพันที่ 515 และ 516 ที่ถูกส่งมาสนับสนุนการช่วยรบให้กับทหารเมียนมา สังกัดกองพัน ทหารราบที่ 135 ที่ใกล้เพลี่ยงพล้ำต่อกองกำลังคาเรนนี โดยได้มีการปะทะกันตั้งแต่ เวลา 06.00 น. ไปจนถีง เวลา 17.00 น. ซึ่งทหารเมียนมาที่ถูกจับกุม นายทหารระดับสูง นายทหารฝ่ายยุทธการ ผู้บังคับกองพัน และระดับผบ.ร้อย รวมอยู่ด้วย
แหล่งข่าว กล่าวต่อไปว่า เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว นับตั้งแต่กองกำลังปฏิวัติได้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อยึดครอง เมืองผาซอง รัฐคาเรนนี และการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเมียนมา ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ มีทหารได้รับบาดเจ็บ อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา มีค่ายทหารของทหารเมียนมา จำนวน 9 แห่ง ในเมืองผาซองถูกกองกำลังผสมยึด ได้แก่ ค่ายเขาเจดีย์ (ปาปุ) ค่ายเขาเจดีย์ (2), ด่านตำรวจหัวสะพาน (2) ศาลากลางจังหวัด ฮิยาธา ด่านตรวจมอร์จิ และค่ายมอร์ชีกอน
ทางด้านองค์กรฟรีเบอร์ม่าแรงเจอร์ ได้แพร่คลิปการช่วยเหลือรักษาพยาบาลทหารของ กองกำลังคาเรนนี ที่ได้รับการบาดเจ็บจากการสู้รบในการเข้าโจมตี เพื่อยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมา พบว่ามีทหารบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้รับการดูแลรักษาจากองค์กรดังกล่าวเป็นอย่างดี
7วัน อันตราย สงกรานต์ 2 วันตายแล้ว 63 เจ็บ 550
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_703649/
7วัน อันตรายสงกรานต์ 2 วันตายแล้ว 63 เจ็บ 550 สาเหตุหลักขับรถเร็ว-เมาแล้วขับ สั่งเข้มใช้กฎหมายจริงจัง
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยมีพันตำรวจเอก
ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “
ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 307 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 299 คน ผู้เสียชีวิต 38 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 41.37 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 21.17 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20.20 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.91 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.32 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.07 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 25.73 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01 – 17.00 น. และเวลา 19.01 – 20.00 น.
ร้อยละ 7.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปีร้อยละ 18.69 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,762 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,496 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พะเยา 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์และพะเยา 14 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และเชียงราย 3 ราย
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (11 – 12 เม.ย. 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 541 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 550 คน ผู้เสียชีวิต รวม 63 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 42 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงรายและประจวบคีรีขันธ์ (21 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา (22 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 5 ราย
ศปถ. ได้ประสานจังหวัดบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดและจริงจัง โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุและผู้กระทำความผิดซ้ำตามกฎหมายจราจรทางบก รวมถึงเฝ้าระวังจุดเสี่ยงบริเวณถนนทางหลวง เส้นทางสายรองถนน อบต. หมู่บ้าน เน้นการจัดตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ และเตรียมความพร้อมด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งคุมเข้มการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และการจำหน่ายในลักษณะเร่ขายในบริเวณที่มีการพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ (Zoning) และสถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นดูแลความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำและแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย
JJNY : KNU แถลงหลังยึด “เมียวดี”│ทหารคาเรนนี จับทหารเมียนมาพร้อมยึดค่ายพม่า│สงกรานต์ 2วันตายแล้ว 63│รัสเซียขอให้ปชช.อพยพ
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/221539
KNU ออกแถลงการณ์หลังยึด “เมียวดี” สำเร็จ กังวลความปลอดภัยผู้คนสองฝั่งไทย-เมียนมา ให้คำมั่นเร่งฟื้นฟูความมั่นคงและเสถียรภาพข้ามพรมแดน
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ออกแถลงการณ์ว่าด้วยเสถียรภาพ สันติภาพ ความปลอดภัยสาธารณะในเมืองเมียวดี และบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยระบุว่า KNU กังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของผู้คนทั้งสองฝั่งไทย-เมียนมา เสถียรภาพตามแนวชายแดน การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
KNU มุ่งมั่นที่จะก่อตั้งและรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงข้ามพรมแดน โดยในตอนนี้ KNU กำลังเตรียมการและการจัดการที่จำเป็นสำหรับความต่อเนื่องของกิจกรรมข้ามพรมแดน บนกฎเกณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกัน เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงปลอดภัยของผู้คนที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งไทย-เมียนมา KNU กำลังทำงาน เพื่อผลักดันให้เกิดการบรรลุความร่วมมือที่มีความหมายกับรัฐบาลไทย หน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรพันธมิตรระหว่างประเทศ รวมถึงองค์กรของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบนชายแดน และเชื่อมโยงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
KNU เคารพและให้เกียรติสหายทุกคนที่สละชีวิต เลือดเนื้อและหยาดเงื่อ ในการกำจัดเผด็จการทุกรูปแบบ รวมถึง เผด็จการทหาร และสถาปนาสหพันธรัฐประชาธิปไตยชุดใหม่ที่นำโดยพลเรือน ซึ่งเคารพความแตกต่างหลากหลายและรวมทุกฝ่าย KNU จะยังคงต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกับองค์กรชาติพันธุ์ฝ่ายต่อต้านและพันธมิตรประชาธิปไตย พร้อมเรียกร้องให้ชาวกอทูเลและเมียนมายังคงมีส่วนร่วมและต่อสู้ต่อไป
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลัง KNU นำกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมถึง กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง (KNDO) / กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDFs) เข้ายึดฐานบัญชาการยุทธวิธีติงกะหยิงหย่อง (Thingannyinaung) ภายใต้กองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพเมียนมา ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 4 เมษายน และยึดกองพันทหารราบที่ 275 ในเมืองเมียวดีได้ในวันที่ 10 เมษายน แต่กำลังพลบางส่วนของกองพันทหารราบที่ 275 ล่าถอยไปยังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 และหลบภัยอยู่ใกล้กับสะพาน
ขณะที่ยังมีเหตุโจมตีอยู่เป็นระยะ โดยเมื่อวานนี้มีรายงานว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้านใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิดใส่กำลังทหารเมียนมาที่หนีทัพถอยร่นมาอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ทำให้ทหารไทยและสื่อมวลชนที่ปักหลักรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าต้อถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย
ปะทะเดือด 12 ชั่วโมง ทหารคาเรนนี จับกุมทหารเมียนมา56คน พร้อมยึดค่ายพม่า9แห่ง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8185467
แม่ฮ่องสอน ปะทะเดือดนาน 12 ชั่วโมง กองกำลังทหารคาเรนนี KNDF-PDF จับกุมทหารเมียนมา 56 นาย พร้อมยึดค่ายพม่า 9 แห่ง เดินหน้ายึดเมืองผาซอง
13 เม.ย. 67 – แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของ กองกำลัง กะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยว่า ที่หมู่บ้านป่าปู ทางทิศเหนือ เมืองผาซอง รัฐคาเรนนี ทหารคาเรนนี KA และพันธมิตร KNDF และ PDF จับกุมทหารเมียนมาที่ถูกเสริมเข้ามาช่วยทหารในเมืองผาซอง รัฐคาเรนนี ได้จำนวน 56 นาย จาก 109 นาย ที่เหลือเสียชีวิตทั้งหมด
โดยกองกำลังคาเรนนีได้ทำการซุ่มโจมตีทหารเมียนมา สังกัดกองพันที่ 515 และ 516 ที่ถูกส่งมาสนับสนุนการช่วยรบให้กับทหารเมียนมา สังกัดกองพัน ทหารราบที่ 135 ที่ใกล้เพลี่ยงพล้ำต่อกองกำลังคาเรนนี โดยได้มีการปะทะกันตั้งแต่ เวลา 06.00 น. ไปจนถีง เวลา 17.00 น. ซึ่งทหารเมียนมาที่ถูกจับกุม นายทหารระดับสูง นายทหารฝ่ายยุทธการ ผู้บังคับกองพัน และระดับผบ.ร้อย รวมอยู่ด้วย
แหล่งข่าว กล่าวต่อไปว่า เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว นับตั้งแต่กองกำลังปฏิวัติได้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อยึดครอง เมืองผาซอง รัฐคาเรนนี และการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเมียนมา ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ มีทหารได้รับบาดเจ็บ อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา มีค่ายทหารของทหารเมียนมา จำนวน 9 แห่ง ในเมืองผาซองถูกกองกำลังผสมยึด ได้แก่ ค่ายเขาเจดีย์ (ปาปุ) ค่ายเขาเจดีย์ (2), ด่านตำรวจหัวสะพาน (2) ศาลากลางจังหวัด ฮิยาธา ด่านตรวจมอร์จิ และค่ายมอร์ชีกอน
ทางด้านองค์กรฟรีเบอร์ม่าแรงเจอร์ ได้แพร่คลิปการช่วยเหลือรักษาพยาบาลทหารของ กองกำลังคาเรนนี ที่ได้รับการบาดเจ็บจากการสู้รบในการเข้าโจมตี เพื่อยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมา พบว่ามีทหารบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้รับการดูแลรักษาจากองค์กรดังกล่าวเป็นอย่างดี
7วัน อันตราย สงกรานต์ 2 วันตายแล้ว 63 เจ็บ 550
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_703649/
7วัน อันตรายสงกรานต์ 2 วันตายแล้ว 63 เจ็บ 550 สาเหตุหลักขับรถเร็ว-เมาแล้วขับ สั่งเข้มใช้กฎหมายจริงจัง
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยมีพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 307 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 299 คน ผู้เสียชีวิต 38 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 41.37 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 21.17 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20.20 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.91 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.32 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.07 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 25.73 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01 – 17.00 น. และเวลา 19.01 – 20.00 น.
ร้อยละ 7.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปีร้อยละ 18.69 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,762 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,496 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พะเยา 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์และพะเยา 14 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และเชียงราย 3 ราย
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (11 – 12 เม.ย. 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 541 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 550 คน ผู้เสียชีวิต รวม 63 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 42 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงรายและประจวบคีรีขันธ์ (21 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา (22 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 5 ราย
ศปถ. ได้ประสานจังหวัดบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดและจริงจัง โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุและผู้กระทำความผิดซ้ำตามกฎหมายจราจรทางบก รวมถึงเฝ้าระวังจุดเสี่ยงบริเวณถนนทางหลวง เส้นทางสายรองถนน อบต. หมู่บ้าน เน้นการจัดตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ และเตรียมความพร้อมด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งคุมเข้มการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และการจำหน่ายในลักษณะเร่ขายในบริเวณที่มีการพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ (Zoning) และสถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นดูแลความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำและแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย