หน้าร้อน ระวัง!... อาหารเป็นพิษ อาการแบบไหน? ที่ควรพบแพทย์ด่วน!!
อาหารเป็นพิษ ภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการท้องเสีย อาเจียน เวียนหัว
อาหารเป็นพิษเกิดจากการทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือไข่ตัวอ่อนของหนอนพยาธิที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร เช่น อาหารค้างคืน, เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก หรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด
เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไป ก็จะพยายามขับเอาเชื้อโรคออก ทำให้เกิดอาการต่างๆ ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค ปริมาณเชื้อโรคที่ได้รับ รวมถึงสุขภาพของตัวผู้ป่วยเองด้วย
อาหารเป็นพิษไม่ได้มีแค่อาการท้องเสียเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะ อาเจียน ปวดท้อง คอแห้งกระหายน้ำ ปวดหัว และมีไข้ อาการมักเกิดขึ้นทันทีหลังทานอาหาร หรือภายใน 4-30 ชั่วโมง หลังจากทานอาหารมื้อนั้น โดยทั่วไปอาหารเป็นพิษเป็นภาวะไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยการรักษาตามอาการเบื้องต้น เช่น
· ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
· งดทานอาหารรสจัด, นม หรือผลไม้
· ทานอาหารปรุงสุก สะอาด ย่อยง่าย
· ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อน และงดทำกิจกรรมหนักๆ
แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
* ท้องเสียเป็นน้ำหรือเป็นมูกปนเลือด ไข้สูง อ่อนเพลีย
* อาเจียนติดต่อกัน เลือดออกระหว่างอาเจียน
* หนังตาตก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจลำบาก
ช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ การทานอาหารควรยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด” เลือกทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืน หรืออาหารดิบ เลือกดื่มน้ำที่สะอาด และใช้ช้อนกลางเมื่อทานอาหารร่วมกัน ที่สำคัญควรล้างมือให้สะอาด ก่อนทานอาหารทุกครั้ง การป้องกันเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ รวมถึงป้องกันอาหารเป็นพิษได้
หน้าร้อน ระวัง!... อาหารเป็นพิษ อาการแบบไหน? ที่ควรพบแพทย์ด่วน!!
หน้าร้อน ระวัง!... อาหารเป็นพิษ อาการแบบไหน? ที่ควรพบแพทย์ด่วน!!
อาหารเป็นพิษ ภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการท้องเสีย อาเจียน เวียนหัว
อาหารเป็นพิษเกิดจากการทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือไข่ตัวอ่อนของหนอนพยาธิที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร เช่น อาหารค้างคืน, เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก หรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด
เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไป ก็จะพยายามขับเอาเชื้อโรคออก ทำให้เกิดอาการต่างๆ ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค ปริมาณเชื้อโรคที่ได้รับ รวมถึงสุขภาพของตัวผู้ป่วยเองด้วย
อาหารเป็นพิษไม่ได้มีแค่อาการท้องเสียเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะ อาเจียน ปวดท้อง คอแห้งกระหายน้ำ ปวดหัว และมีไข้ อาการมักเกิดขึ้นทันทีหลังทานอาหาร หรือภายใน 4-30 ชั่วโมง หลังจากทานอาหารมื้อนั้น โดยทั่วไปอาหารเป็นพิษเป็นภาวะไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยการรักษาตามอาการเบื้องต้น เช่น
· ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
· งดทานอาหารรสจัด, นม หรือผลไม้
· ทานอาหารปรุงสุก สะอาด ย่อยง่าย
· ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อน และงดทำกิจกรรมหนักๆ
แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
* ท้องเสียเป็นน้ำหรือเป็นมูกปนเลือด ไข้สูง อ่อนเพลีย
* อาเจียนติดต่อกัน เลือดออกระหว่างอาเจียน
* หนังตาตก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจลำบาก
ช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ การทานอาหารควรยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด” เลือกทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืน หรืออาหารดิบ เลือกดื่มน้ำที่สะอาด และใช้ช้อนกลางเมื่อทานอาหารร่วมกัน ที่สำคัญควรล้างมือให้สะอาด ก่อนทานอาหารทุกครั้ง การป้องกันเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ รวมถึงป้องกันอาหารเป็นพิษได้