JJNY : ชัยธวัชร่ายยาวบริหารปท.│‘กัณวีร์’ลั่นพร้อมลุยซักฟอก│หวั่นต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์│แผ่นดินไหวไต้หวันมีผู้เสียชีวิต

เริ่มแล้วเวทีซักฟอก ชัยธวัช ร่ายยาว บริหารปท.ไร้ประสิทธิภาพ ทำประชาชนสิ้นหวัง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8170161
 
 
ชัยธวัช อภิปรายเปิดญัตติ 152 ซัด บริหารประเทศปล่อยปะละเลย ไร้ประสิทธิภาพ เอื้อนายทุนกลุ่มใหญ่ ทำประชาชนสิ้นหวัง มีฉ้อฉลเชิงนโยบาย
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีนการอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายชัยธวัช ตุลาธน  หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้อภิปรายเสนอญัตติในภาพรวม
 
นายชัยธวัช อภิปรายว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้บริหารมากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการหรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา ที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพหรือความชัดเจนแน่นอน ยังไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายหรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
 
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หากปล่อยปะละเลยให้รัฐบาลบริหารอย่างไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ตามที่ประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา
 
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หลังเลือกตั้งประชาชนต่างคาดหวังว่าเราจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างไปจากผู้นำหลังการรัฐประหาร แต่เวลาผ่านไปเรากลับได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้วุฒิภาวะ หลายครั้งมีความสับสนว่ามีอำนาจทำอะไรได้บ้าง ขาดภาวะผู้นำในการสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนในทิศทางของรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแบบเดิมที่จัดสรรตามโควตา สมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ เมื่อประชาชนได้เห็นหน้ารัฐมนตรีหลายคนหลังประกาศจัดตั้ง ครม. ก็ต้องสิ้นหวัง
 
เมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารประเทศมากว่าครึ่งปี ประชาชนก็คาดหวังที่จะได้เห็นนโยบายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนพบคือการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธงของรัฐบาลขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม ตรงเป้าหมาย และแทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก เสมอภาคเท่าเทียม เป็นธรรม เรากลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาดหรือเอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้าแต่เบื้องหลังเนื้อในกลับเต็มไปด้วยการฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
 
นายชัยธวัช กล่าวว่า ประชาชนยังคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาลแถลงด้วยความมั่นใจว่า จะผลักดันให้เกิดการจัดทำประชามติเพื่อให้มีการจัดทำธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว วันนี้ผ่านไป 7 เดือนแล้วยังคงวนไปวนมา ประชาชนไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อ จนมีการวิเคราะห์กันว่าแม้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันจริงในรัฐบาลสมัยนี้ เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะยังคงไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม
 
ประชาชนยังคาดหวังว่าหลังมีรัฐบาลใหม่ จะได้เห็นการฟื้นฟูสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน จะเห็นการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สืบเนื่องมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่ากระบวนการนิติสงครามยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากหลังการรัฐประหาร สถานการณ์การปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มมีสัญญาณว่าจะถูกคุกคามแทรกแซง
 
นายชัยธวัช กล่าวว่าประชาชนยังคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรมนิติรัฐอย่างที่รัฐบาลแถลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นวิกฤตศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในวงการตำรวจรวมถึงในระบบราชการยังเต็มไปด้วยระบบตั๋ว ระบบส่วย จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจในกลไกการบริหาร ความเสมอภาคเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย และความเสมอภาคเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย วิกฤตศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
หลังเลือกตั้ง หลังมีรัฐบาลใหม่ ประชาชนคาดหวังจะเห็นระบบการเมืองที่นำพาชาติ และประชาชนเดินไปจข้างหน้า ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า แต่สิ่งที่เราเจอ สิ่งที่เราได้กลับกลายเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทั้งการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชั้นนำไม่กี่กลุ่ม
 
แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้า สกัดการเมืองแบบเก่าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมาทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์การเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองกับความคิดแบบใหม่ของประชาชน ในยุคสมัยใหม่ได้” นายชัยธวัช กล่าว


 
‘กัณวีร์’ ลั่น พร้อมลุยศึกซักฟอกรัฐบาล เตรียมจี้ถาม ‘นายกฯ-ปานปรีย์’ ผลงานการต่างประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4506646

‘กัณวีร์’ ลั่น ‘ฝ่ายค้าน’ พร้อมลุยศึกซักฟอกรัฐบาล เตรียมจี้ถาม ‘นายกฯ-ปานปรีย์’ ผลงานการต่างประเทศ
 
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาเลือกญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก ว่า ฝ่ายค้านมีความพร้อมเสมอ และอยากให้ฝ่ายรัฐบาลเตรียมความพร้อมว่าตลอด 7 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานอะไรไปบ้าง ซึ่งสิ่งที่เราจะสอบถามคือสิ่งที่รัฐบาลสัญญาไว้แล้วยังไม่ได้ทำ กับสิ่งที่ทำแล้วแต่ทำผิด ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ
 
นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการขอเวลาเพิ่ม ฝ่ายค้านไม่ว่าอะไร แต่ขออย่ากระทบกับฝ่ายค้าน เพราะเราอยากทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เราจึงไม่อยากให้การเพิ่มเวลาของฝ่ายรัฐบาลกระทบกับฝ่ายค้าน
 
ทั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายให้อภิปรายเรื่องการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะมีสอบถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.)


 
หวั่นนักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย กระทบเงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4506657

หวั่นนักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย กระทบเงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่า
 
วันที่ 3 เมษายน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.62 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.64 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.45-36.75 บาท/ดอลลาร์
 
นายพูนกล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.58-36.68 บาทต่อดอลลาร์) โดยเคลื่อนไหวผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมราคาทองคำ และทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งในส่วนของเงินดอลลาร์นั้น แม้ว่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด
 
ทว่า เงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนจากรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่ออกมาใกล้เคียงที่ตลาดคาดการณ์ไว้และยังอยู่ในระดับสูงราว 8.76 ล้านตำแหน่ง อีกทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงย้ำมุมมองว่าเฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ก็ยังทำให้ผู้เล่นในตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอยู่บ้าง
 
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี ISM ภาคการบริการ รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด ทำให้ตลาดการเงินอาจเคลื่อนไหวผันผวนไปตามมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดได้ไม่ยาก

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนมีนาคม ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ ที่จะช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการบริการ โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ของจีน
 
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่านั้นยังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ทว่า เริ่มเห็นสัญญาณโมเมนตัมการอ่อนค่าที่ชะลอลง จากการประเมินปัจจัยเชิงเทคนิคัล อาทิ สัญญาณ Bearish Divergence เมื่อประเมินจากภาพการเคลื่อนไหวของเงินบาทรายชั่วโมง และราย 4 ชั่วโมง อีกทั้งเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำสามารถรีบาวด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้เงินบาทอาจยังมีแนวต้านในโซน 36.70- 36.80 บาทต่อดอลลาร์
 
ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ เพราะหากออกมาดีกว่าคาด และสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจช่วยหนุนให้เงินหยวนพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้
อย่างไรก็ดี กังวลว่านักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ทำให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าจากโฟลว์ขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการเงินโดยรวมอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง และที่สำคัญควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
 
เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูงกว่าปกติ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” นายพูนกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่