JJNY : 5in1 กมธ.เชิญกกต.แจง│‘ยิ่งชีพ’แจงเหตุตะวันติดคุก│ก้าวไกลโวยชิ่งตอบ│หมดหวัง ไม่รอเงินดิจิทัล│รัสเซียจะไม่โจมตีนาโต

กมธ.เชิญ กกต.แจงระเบียบเลือก ส.ว. หวั่นมีฮั้ว ชวนจับตา เปิดช่องส.ว.ชุดนี้รักษาการไร้กำหน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497967
 
 
“กมธ.พัฒนาการเมือง” เชิญ “กกต.” แจงระเบียบเลือกตั้ง “สว.” ห่วงมีฮั้ว-ไม่โปร่งใส ชวน จับตาเกณฑ์ผู้สมัคร เม.ย.นี้ หวั่น ระเบียบไม่กำหนดกรอบเวลารับรองผล ทำสว.ชุดเดิมรักษาอำนาจไม่มีกำหน
 
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองฯ แถลงถึงการติดตามตรวจสอบ กระบวนการคัดเลือก ส.ว.ชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า เราได้เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งทาง กมธ.มีความกังวลอยู่ 2 ประเภทคือ
 
1. ข้อมูลเชิงหลักการ เพราะอำนาจและที่มาของ ส.ว.ชุดใหม่ อาจจะยังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลที่ควรจะเป็น เพราะ ส.ว.ชุดใหม่ถึงแม้จะไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ แต่ยังคงมีอำนาจในการยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอำนาจพิจารณาหรือรับรองตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งถือว่ามีอำนาจสูง อาจมีที่มาจากกระบวนการไม่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรงผ่านการเลือกตั้ง

2. เชิงปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้กระบวนการที่เกิดขึ้นมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด ในเรื่องของการรับสมัครที่อาจจะยังไม่มีความชัดเจนมากนัก รวมถึงการตีความถือหุ้นสื่อที่เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครจะตีความระดับไหน รวมถึงคุณสมบัติของผู้รับรอง มีหลายส่วนที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งทาง กกต.ได้ชี้แจงว่าก่อนกลางเดือน เม.ย.จะมีประกาศเรื่องคุณสมบัติอีกครั้ง
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ หากมีการปฏิเสธผู้สมัครระดับอำเภอ ผู้สมัครสามารถยื่นคำโต้แย้งได้ ซึ่งเราได้ตั้งข้อสังเกตไปว่าหากตัวผู้สมัครมากในระดับหลักแสนคน เกรงว่าจำนวนคำโต้แย้งมากเช่นกัน กรอบเวลาที่วางไว้ถือว่าเป็นกรอบที่กระชั้นชิด ที่ศาลฎีกาต้องพิจารณาเรื่องโต้แย้งให้เสร็จทันก่อนที่จะเลือกระดับอำเภอ ทาง กมธ.จึงได้เสนอแนะว่าอยากให้ทำแผนรับรองในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะมีบุคลากร ว่าจะมีจำนวนบุคคลพิจารณาข้อโต้แย้งให้ทันก่อนกรอบเวลา ในการคัดเลือกระดับอำเภอได้อย่างไร ส่วนเรื่องของการแนะนำตัว รณรงค์ผู้สมัคร ทาง กกต.ชี้แจงว่าจะมีระเบียบมาช่วงกลางเดือน เม.ย.เช่นกัน และยืนยันว่าจะมีการทำแพลตฟอร์มที่จะเผยแพร่ข้อมูล และเอกสารแนะนำตัว 5 บรรทัดของผู้สมัครทุกคน ทุกอำเภอ ทุกอาชีพ
 
ทาง กมธ.จึงให้ข้อเสนอแนะว่าอยากให้เป็นระเบียบที่เปิดกว้าง เสรีภาพ กับประชาชนให้มากที่สุด รวมถึงมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล” นายพริษฐ์กล่าว
 
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีข้อสังเกตว่าบัตรเลือกตั้งถูกออกแบบมามีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทุจริต การฮั้ว การส่งสัญญาณผ่านบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเราได้รับคำยืนยันจาก กกต.ว่าจะมีการอนุญาตให้ผู้สังเกตการอิสระ สื่อมวลชน เข้าไปสังเกตการนับคะแนนได้ ส่วนเรื่องการรับรองผลที่ไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะต้องรับรองผลภายในกี่วัน แต่มีการระบุว่าให้ กกต.รับรองผลหากเห็นว่าการคัดเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม จึงทำให้เกิดคำถามว่า หากมีข้อร้องเรียนเยอะหรือ กกต.สงสัย อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการรับรองผลได้ ซึ่งจะทำให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันสามารถรักษาการต่อไป ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีกำหนดได้ เราจึงอยากให้ กกต.ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าจะสามารถรับรองผลได้ภายในกี่วัน
 
แม้กระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการซับซ้อน และอาจจะยังขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เนื่องจากไม่ได้เป็นการเปิดเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง แต่เราคิดว่าภายใต้กติกาที่จำกัดอยู่นี้ สิ่งที่เราทำได้คือการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน เราจึงย้ำต่อ กกต.ว่าให้เร่งทำงานในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจรับคัดเลือกเป็น ส.ว.ได้เข้าถึงข้อมูลอย่างครบถ้วนที่สุด และให้กระบวนการดังกล่าว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ” นายพริษฐ์กล่าว



‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497428

‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
 
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
 
ตะวัน ไม่ได้อยู่ในคุกเพราะ #ม112 แต่เป็น #ม116
ตะวัน ไม่ได้ด่าในหลวง ไม่ได้ขวางขบวนพระเทพฯ แต่เขาเถียงกับตำรวจ
ตะวัน ไม่ได้อดอาหารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากศัตรู แต่เรียกร้องจากเพื่อนๆ กันเอง
ตะวัน ไม่ได้ดื้อรั้นให้คนรอบตัวต้องเอาใจ แต่เขาพยายามขัดขืนสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยเครื่องมือเท่าที่มี คือ ร่างกายตัวเอง
ตะวัน ไม่ได้ถูกใครจูงจมูกให้ออกไปตายแทน แต่มีคนห้ามมากมายแล้วเขาเลือกทางชีวิตของเขาเอง
ตะวัน ไม่ได้สุขสบาย เป็นฮีโร่ที่โด่งดัง แต่เขากำลังเจ็บปวดทรมาน เขาสูญเสียอนาคตและสิ่งต่างๆ ไปหมดแล้ว
แต่ยังไม่เคยสูญเสียความเชื่อของตัวเอง
และยังไม่สูญเสียลมหายใจ ในคืนนี้

https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/7584149824948944?ref=embed_post



“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_696335/

“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง แซะน่าเสียดาย สส.เป็นได้อีกนาน แต่ตำแหน่ง รมต. จะหลุดเก้าอี้เมื่อไหร่ไม่รู้ เหน็บ นายกฯ ถ้าตกใจเสร็จแล้ว ช่วยจัดการให้ด้วย
 
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา วันนี้ประกอบไปด้วย 3 กระทู้ โดยหนึ่งในกระทู้เป็นของนางสาววรรณวิภา ไม้สนสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้นายพิพัฒน์ไม่ได้มาตอบกระทู้ โดยนางสาววรรณวิภา กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายมาก ที่รัฐมนตรีมาตอบกระทู้สดทุกกระทู้ ยกเว้นของตนเพียงคนเดียว สัปดาห์หน้าก็ไม่มีกระทู้อีก แล้วก็จะปิดสมัยประชุมแล้ว
 
น่าเสียดายค่ะ อยากให้ท่านรีบมาตอบ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายก็ได้ที่ท่านจะได้มาตอบกระทู้ในสภาแห่งนี้ พวกเรายังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกันอีกนาน แต่ท่านจะเป็นรัฐมนตรีถึงวันไหนยังไม่รู้เลย ก็อยากให้มาตอบ
 
นางสาววรรณวิภา กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว มีมติคณะกรรมการขึ้นค่าจ้าง ออกข่าวกันใหญ่โตว่าปรับขึ้นนำร่อง 10 จังหวัด แต่ประเด็นแรงงานสับสนเลย เพราะการปรับครั้งนี้ปรับเป็นกลุ่มธุรกิจ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้
 
ช่วงนี้ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ปิดไมค์ และกล่าวว่า อภิปรายได้เล็กน้อย ขอรอรัฐมนตรีมาตอบ จากนั้น นางสาววรรณวิภา กล่าวต่อว่า ประชาชนรอฟังอยู่เรื่องการปรับค่าแรง เพราะปรับเพียงแค่กลุ่มธุรกิจโรงแรม 4 ดาว ที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไปเท่านั้น นอกจากนี้ยังปรับเป็นหย่อมๆด้วย จึงอยากทราบว่าใครได้ประโยชน์เรื่องนี้ และจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้านายกรัฐมนตรีได้ยิน แล้วท่านตกใจแล้ว ก็ช่วยให้รัฐมนตรีมาตอบในสภาด้วย


 
ประชาชนหลายคนหมดหวัง บอกไม่รอเงินดิจิทัลหมื่นบาท
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/220453

พีพีทีวีสำรวจความเห็นประชาชน ย่านอนุเสาวรีย์ชัยสรภูมิ พบว่า ประชาชนตอบหมดหวังไม่รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะถ้าได้จริงควรได้นานแล้ว

มาฟังความคิดเห็นของประชาชนกัน หลังมีการเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังรอกันมั้ย เพราะเลื่อนมาครั้ง ประชาชนเสียงแตก บางคนไม่รอแล้ว เพราะหมดหวัง ถ้าได้น่าจะได้นานแล้ว และหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลยุ่งยาก ต้องกลับไปใช้ตามทะเบียนบ้าน  ส่วนบางคนบอกยังรอเพื่อมาช่วยเหลือค่าครองชีพ  และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถได้ 

จากการสอบถามประชาชนย่านอนุเสาวรีย์ชัย หลายคนบอกว่า ไม่รอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแล้ว เพราะหมดความหวัง มองไม่เห็นความชัดเจน ทั้งการเลื่อนแจกเงิน และมองว่าควรปรับเงื่อนไขการใช้เงิน ให้ใช้ในพื้นที่ไหนก็ได้ เพราะเชื่อว่าคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะกลับไปใช้เงินที่บ้านเกิดของตัวเอง
 
"ความหวังก็ไม่ค่อยจะมีละครับ เพราะว่าหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน ทะเบียนบ้านอยู่เชียงใหม่ แต่มาทำงานกรุงเทพ ถ้าจะใช้ก็ต้องเดินทางก็จะเสียค่าใช้จ่ายอีก ก้อยากให้รัฐบาลปรับกฎเกณฑ์อะไรต่าง ๆ ให้มันง่ายขึ้นมา ให้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง เติมน้ำมัน เพราะค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ในกรุงเทพ ก็เดินทางส่วนใหญ่"   ณัฐพงษ์ แย้มตราการ ประชาชน กล่าว

"ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังแล้ว เพราะว่ามันนานแล้ว ถ้าจะได้จริง ๆ ควรน่าจะได้ตั้งนานแล้ว " วรพล พุทธระสุ  ประชาชน กล่าว 
 
แต่ก็ยังมีคนที่เห็นต่าง บอกว่ายังรอใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทอยู่ แม้จะเลื่อนแจก หากได้เงินตรงนี้มา ก็จะได้นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะช่วงนี้ค่าครองชีพแพงมาก และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันรถได้
 
"ก็อยากจะไปใช้ที่มันจำเป็นหลายอย่าง  เช่นน้ำมันรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ อยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นไปได้นะคะ ก้อยากให้รัฐบาลช่วยปรับให้หน่อย อะไรที่ปรับได้ ก็อยากให้รัฐบาลปรับนะคะอุบล ประเสริฐสังข์ ประชาชน กล่าว 
 
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้ความเห็นถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า หากเงินถึงมือประชาชนช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ตามที่รัฐบาลคาดไว้ จะทำให้การใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งไม่ทันกับการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ แต่จะไปมีผลกับตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้าแทน แต่การที่รัฐบาลมีการแถลงถึงความคืบหน้าและมีกรอบระยะเวลาชัดเจนขึ้น อาจเป็นผลดีกับการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน 500,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค
 
ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 นายสุกิจบอกว่าไม่ได้นำผลจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมาคำนวณ คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3% ปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ ขึ้นอยู่กับการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยในปีนี้ก็อาจจะขยายตัวเพียง 2.5%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่