กมธ.เชิญ กกต.แจงระเบียบเลือก ส.ว. หวั่นมีฮั้ว ชวนจับตา เปิดช่องส.ว.ชุดนี้รักษาการไร้กำหนด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497967
“กมธ.พัฒนาการเมือง” เชิญ “กกต.” แจงระเบียบเลือกตั้ง “สว.” ห่วงมีฮั้ว-ไม่โปร่งใส ชวน จับตาเกณฑ์ผู้สมัคร เม.ย.นี้ หวั่น ระเบียบไม่กำหนดกรอบเวลารับรองผล ทำสว.ชุดเดิมรักษาอำนาจไม่มีกำหนด
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองฯ แถลงถึงการติดตามตรวจสอบ กระบวนการคัดเลือก ส.ว.ชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า เราได้เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งทาง กมธ.มีความกังวลอยู่ 2 ประเภทคือ
1. ข้อมูลเชิงหลักการ เพราะอำนาจและที่มาของ ส.ว.ชุดใหม่ อาจจะยังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลที่ควรจะเป็น เพราะ ส.ว.ชุดใหม่ถึงแม้จะไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ แต่ยังคงมีอำนาจในการยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอำนาจพิจารณาหรือรับรองตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งถือว่ามีอำนาจสูง อาจมีที่มาจากกระบวนการไม่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรงผ่านการเลือกตั้ง
2. เชิงปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้กระบวนการที่เกิดขึ้นมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด ในเรื่องของการรับสมัครที่อาจจะยังไม่มีความชัดเจนมากนัก รวมถึงการตีความถือหุ้นสื่อที่เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครจะตีความระดับไหน รวมถึงคุณสมบัติของผู้รับรอง มีหลายส่วนที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งทาง กกต.ได้ชี้แจงว่าก่อนกลางเดือน เม.ย.จะมีประกาศเรื่องคุณสมบัติอีกครั้ง
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ หากมีการปฏิเสธผู้สมัครระดับอำเภอ ผู้สมัครสามารถยื่นคำโต้แย้งได้ ซึ่งเราได้ตั้งข้อสังเกตไปว่าหากตัวผู้สมัครมากในระดับหลักแสนคน เกรงว่าจำนวนคำโต้แย้งมากเช่นกัน กรอบเวลาที่วางไว้ถือว่าเป็นกรอบที่กระชั้นชิด ที่ศาลฎีกาต้องพิจารณาเรื่องโต้แย้งให้เสร็จทันก่อนที่จะเลือกระดับอำเภอ ทาง กมธ.จึงได้เสนอแนะว่าอยากให้ทำแผนรับรองในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะมีบุคลากร ว่าจะมีจำนวนบุคคลพิจารณาข้อโต้แย้งให้ทันก่อนกรอบเวลา ในการคัดเลือกระดับอำเภอได้อย่างไร ส่วนเรื่องของการแนะนำตัว รณรงค์ผู้สมัคร ทาง กกต.ชี้แจงว่าจะมีระเบียบมาช่วงกลางเดือน เม.ย.เช่นกัน และยืนยันว่าจะมีการทำแพลตฟอร์มที่จะเผยแพร่ข้อมูล และเอกสารแนะนำตัว 5 บรรทัดของผู้สมัครทุกคน ทุกอำเภอ ทุกอาชีพ
“
ทาง กมธ.จึงให้ข้อเสนอแนะว่าอยากให้เป็นระเบียบที่เปิดกว้าง เสรีภาพ กับประชาชนให้มากที่สุด รวมถึงมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล” นาย
พริษฐ์กล่าว
นาย
พริษฐ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีข้อสังเกตว่าบัตรเลือกตั้งถูกออกแบบมามีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทุจริต การฮั้ว การส่งสัญญาณผ่านบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเราได้รับคำยืนยันจาก กกต.ว่าจะมีการอนุญาตให้ผู้สังเกตการอิสระ สื่อมวลชน เข้าไปสังเกตการนับคะแนนได้ ส่วนเรื่องการรับรองผลที่ไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะต้องรับรองผลภายในกี่วัน แต่มีการระบุว่าให้ กกต.รับรองผลหากเห็นว่าการคัดเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม จึงทำให้เกิดคำถามว่า หากมีข้อร้องเรียนเยอะหรือ กกต.สงสัย อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการรับรองผลได้ ซึ่งจะทำให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันสามารถรักษาการต่อไป ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีกำหนดได้ เราจึงอยากให้ กกต.ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าจะสามารถรับรองผลได้ภายในกี่วัน
“
แม้กระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการซับซ้อน และอาจจะยังขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เนื่องจากไม่ได้เป็นการเปิดเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง แต่เราคิดว่าภายใต้กติกาที่จำกัดอยู่นี้ สิ่งที่เราทำได้คือการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน เราจึงย้ำต่อ กกต.ว่าให้เร่งทำงานในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจรับคัดเลือกเป็น ส.ว.ได้เข้าถึงข้อมูลอย่างครบถ้วนที่สุด และให้กระบวนการดังกล่าว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ” นาย
พริษฐ์กล่าว
‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497428
‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
ตะวัน ไม่ได้อยู่ในคุกเพราะ #ม112 แต่เป็น #ม116
ตะวัน ไม่ได้ด่าในหลวง ไม่ได้ขวางขบวนพระเทพฯ แต่เขาเถียงกับตำรวจ
ตะวัน ไม่ได้อดอาหารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากศัตรู แต่เรียกร้องจากเพื่อนๆ กันเอง
ตะวัน ไม่ได้ดื้อรั้นให้คนรอบตัวต้องเอาใจ แต่เขาพยายามขัดขืนสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยเครื่องมือเท่าที่มี คือ ร่างกายตัวเอง
ตะวัน ไม่ได้ถูกใครจูงจมูกให้ออกไปตายแทน แต่มีคนห้ามมากมายแล้วเขาเลือกทางชีวิตของเขาเอง
ตะวัน ไม่ได้สุขสบาย เป็นฮีโร่ที่โด่งดัง แต่เขากำลังเจ็บปวดทรมาน เขาสูญเสียอนาคตและสิ่งต่างๆ ไปหมดแล้ว
แต่ยังไม่เคยสูญเสียความเชื่อของตัวเอง
และยังไม่สูญเสียลมหายใจ ในคืนนี้
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/7584149824948944?ref=embed_post
“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_696335/
“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง แซะน่าเสียดาย สส.เป็นได้อีกนาน แต่ตำแหน่ง รมต. จะหลุดเก้าอี้เมื่อไหร่ไม่รู้ เหน็บ นายกฯ ถ้าตกใจเสร็จแล้ว ช่วยจัดการให้ด้วย
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา วันนี้ประกอบไปด้วย 3 กระทู้ โดยหนึ่งในกระทู้เป็นของนางสาว
วรรณวิภา ไม้สนสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนาย
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้นาย
พิพัฒน์ไม่ได้มาตอบกระทู้ โดยนางสาว
วรรณวิภา กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายมาก ที่รัฐมนตรีมาตอบกระทู้สดทุกกระทู้ ยกเว้นของตนเพียงคนเดียว สัปดาห์หน้าก็ไม่มีกระทู้อีก แล้วก็จะปิดสมัยประชุมแล้ว
“
น่าเสียดายค่ะ อยากให้ท่านรีบมาตอบ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายก็ได้ที่ท่านจะได้มาตอบกระทู้ในสภาแห่งนี้ พวกเรายังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกันอีกนาน แต่ท่านจะเป็นรัฐมนตรีถึงวันไหนยังไม่รู้เลย ก็อยากให้มาตอบ”
นางสาว
วรรณวิภา กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว มีมติคณะกรรมการขึ้นค่าจ้าง ออกข่าวกันใหญ่โตว่าปรับขึ้นนำร่อง 10 จังหวัด แต่ประเด็นแรงงานสับสนเลย เพราะการปรับครั้งนี้ปรับเป็นกลุ่มธุรกิจ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้
ช่วงนี้ทำให้นาย
วันมูหะมัดนอร์ ปิดไมค์ และกล่าวว่า อภิปรายได้เล็กน้อย ขอรอรัฐมนตรีมาตอบ จากนั้น นางสาว
วรรณวิภา กล่าวต่อว่า ประชาชนรอฟังอยู่เรื่องการปรับค่าแรง เพราะปรับเพียงแค่กลุ่มธุรกิจโรงแรม 4 ดาว ที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไปเท่านั้น นอกจากนี้ยังปรับเป็นหย่อมๆด้วย จึงอยากทราบว่าใครได้ประโยชน์เรื่องนี้ และจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้านายกรัฐมนตรีได้ยิน แล้วท่านตกใจแล้ว ก็ช่วยให้รัฐมนตรีมาตอบในสภาด้วย
ประชาชนหลายคนหมดหวัง บอกไม่รอเงินดิจิทัลหมื่นบาท
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/220453
พีพีทีวีสำรวจความเห็นประชาชน ย่านอนุเสาวรีย์ชัยสรภูมิ พบว่า ประชาชนตอบหมดหวังไม่รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะถ้าได้จริงควรได้นานแล้ว
มาฟังความคิดเห็นของประชาชนกัน หลังมีการเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังรอกันมั้ย เพราะเลื่อนมาครั้ง ประชาชนเสียงแตก บางคนไม่รอแล้ว เพราะหมดหวัง ถ้าได้น่าจะได้นานแล้ว และหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลยุ่งยาก ต้องกลับไปใช้ตามทะเบียนบ้าน ส่วนบางคนบอกยังรอเพื่อมาช่วยเหลือค่าครองชีพ และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถได้
จากการสอบถามประชาชนย่านอนุเสาวรีย์ชัย หลายคนบอกว่า ไม่รอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแล้ว เพราะหมดความหวัง มองไม่เห็นความชัดเจน ทั้งการเลื่อนแจกเงิน และมองว่าควรปรับเงื่อนไขการใช้เงิน ให้ใช้ในพื้นที่ไหนก็ได้ เพราะเชื่อว่าคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะกลับไปใช้เงินที่บ้านเกิดของตัวเอง
"
ความหวังก็ไม่ค่อยจะมีละครับ เพราะว่าหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน ทะเบียนบ้านอยู่เชียงใหม่ แต่มาทำงานกรุงเทพ ถ้าจะใช้ก็ต้องเดินทางก็จะเสียค่าใช้จ่ายอีก ก้อยากให้รัฐบาลปรับกฎเกณฑ์อะไรต่าง ๆ ให้มันง่ายขึ้นมา ให้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง เติมน้ำมัน เพราะค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ในกรุงเทพ ก็เดินทางส่วนใหญ่"
ณัฐพงษ์ แย้มตราการ ประชาชน กล่าว
"
ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังแล้ว เพราะว่ามันนานแล้ว ถ้าจะได้จริง ๆ ควรน่าจะได้ตั้งนานแล้ว "
วรพล พุทธระสุ ประชาชน กล่าว
แต่ก็ยังมีคนที่เห็นต่าง บอกว่ายังรอใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทอยู่ แม้จะเลื่อนแจก หากได้เงินตรงนี้มา ก็จะได้นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะช่วงนี้ค่าครองชีพแพงมาก และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันรถได้
"
ก็อยากจะไปใช้ที่มันจำเป็นหลายอย่าง เช่นน้ำมันรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ อยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นไปได้นะคะ ก้อยากให้รัฐบาลช่วยปรับให้หน่อย อะไรที่ปรับได้ ก็อยากให้รัฐบาลปรับนะคะ"
อุบล ประเสริฐสังข์ ประชาชน กล่าว
ด้านนาย
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้ความเห็นถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า หากเงินถึงมือประชาชนช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ตามที่รัฐบาลคาดไว้ จะทำให้การใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งไม่ทันกับการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ แต่จะไปมีผลกับตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้าแทน แต่การที่รัฐบาลมีการแถลงถึงความคืบหน้าและมีกรอบระยะเวลาชัดเจนขึ้น อาจเป็นผลดีกับการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน 500,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค
ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 นายสุกิจบอกว่าไม่ได้นำผลจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมาคำนวณ คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3% ปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ ขึ้นอยู่กับการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยในปีนี้ก็อาจจะขยายตัวเพียง 2.5%
JJNY : 5in1 กมธ.เชิญกกต.แจง│‘ยิ่งชีพ’แจงเหตุตะวันติดคุก│ก้าวไกลโวยชิ่งตอบ│หมดหวัง ไม่รอเงินดิจิทัล│รัสเซียจะไม่โจมตีนาโต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497967
“กมธ.พัฒนาการเมือง” เชิญ “กกต.” แจงระเบียบเลือกตั้ง “สว.” ห่วงมีฮั้ว-ไม่โปร่งใส ชวน จับตาเกณฑ์ผู้สมัคร เม.ย.นี้ หวั่น ระเบียบไม่กำหนดกรอบเวลารับรองผล ทำสว.ชุดเดิมรักษาอำนาจไม่มีกำหนด
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองฯ แถลงถึงการติดตามตรวจสอบ กระบวนการคัดเลือก ส.ว.ชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า เราได้เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งทาง กมธ.มีความกังวลอยู่ 2 ประเภทคือ
1. ข้อมูลเชิงหลักการ เพราะอำนาจและที่มาของ ส.ว.ชุดใหม่ อาจจะยังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากลที่ควรจะเป็น เพราะ ส.ว.ชุดใหม่ถึงแม้จะไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ แต่ยังคงมีอำนาจในการยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอำนาจพิจารณาหรือรับรองตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งถือว่ามีอำนาจสูง อาจมีที่มาจากกระบวนการไม่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรงผ่านการเลือกตั้ง
2. เชิงปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้กระบวนการที่เกิดขึ้นมีประสิทธิภาพ โปร่งใส่ รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด ในเรื่องของการรับสมัครที่อาจจะยังไม่มีความชัดเจนมากนัก รวมถึงการตีความถือหุ้นสื่อที่เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครจะตีความระดับไหน รวมถึงคุณสมบัติของผู้รับรอง มีหลายส่วนที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งทาง กกต.ได้ชี้แจงว่าก่อนกลางเดือน เม.ย.จะมีประกาศเรื่องคุณสมบัติอีกครั้ง
นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ หากมีการปฏิเสธผู้สมัครระดับอำเภอ ผู้สมัครสามารถยื่นคำโต้แย้งได้ ซึ่งเราได้ตั้งข้อสังเกตไปว่าหากตัวผู้สมัครมากในระดับหลักแสนคน เกรงว่าจำนวนคำโต้แย้งมากเช่นกัน กรอบเวลาที่วางไว้ถือว่าเป็นกรอบที่กระชั้นชิด ที่ศาลฎีกาต้องพิจารณาเรื่องโต้แย้งให้เสร็จทันก่อนที่จะเลือกระดับอำเภอ ทาง กมธ.จึงได้เสนอแนะว่าอยากให้ทำแผนรับรองในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะมีบุคลากร ว่าจะมีจำนวนบุคคลพิจารณาข้อโต้แย้งให้ทันก่อนกรอบเวลา ในการคัดเลือกระดับอำเภอได้อย่างไร ส่วนเรื่องของการแนะนำตัว รณรงค์ผู้สมัคร ทาง กกต.ชี้แจงว่าจะมีระเบียบมาช่วงกลางเดือน เม.ย.เช่นกัน และยืนยันว่าจะมีการทำแพลตฟอร์มที่จะเผยแพร่ข้อมูล และเอกสารแนะนำตัว 5 บรรทัดของผู้สมัครทุกคน ทุกอำเภอ ทุกอาชีพ
“ทาง กมธ.จึงให้ข้อเสนอแนะว่าอยากให้เป็นระเบียบที่เปิดกว้าง เสรีภาพ กับประชาชนให้มากที่สุด รวมถึงมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีข้อสังเกตว่าบัตรเลือกตั้งถูกออกแบบมามีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทุจริต การฮั้ว การส่งสัญญาณผ่านบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเราได้รับคำยืนยันจาก กกต.ว่าจะมีการอนุญาตให้ผู้สังเกตการอิสระ สื่อมวลชน เข้าไปสังเกตการนับคะแนนได้ ส่วนเรื่องการรับรองผลที่ไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะต้องรับรองผลภายในกี่วัน แต่มีการระบุว่าให้ กกต.รับรองผลหากเห็นว่าการคัดเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม จึงทำให้เกิดคำถามว่า หากมีข้อร้องเรียนเยอะหรือ กกต.สงสัย อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการรับรองผลได้ ซึ่งจะทำให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันสามารถรักษาการต่อไป ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีกำหนดได้ เราจึงอยากให้ กกต.ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าจะสามารถรับรองผลได้ภายในกี่วัน
“แม้กระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการซับซ้อน และอาจจะยังขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เนื่องจากไม่ได้เป็นการเปิดเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง แต่เราคิดว่าภายใต้กติกาที่จำกัดอยู่นี้ สิ่งที่เราทำได้คือการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน เราจึงย้ำต่อ กกต.ว่าให้เร่งทำงานในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจรับคัดเลือกเป็น ส.ว.ได้เข้าถึงข้อมูลอย่างครบถ้วนที่สุด และให้กระบวนการดังกล่าว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ” นายพริษฐ์กล่าว
‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4497428
‘ยิ่งชีพ’ แจง เหตุตะวันติดคุก ยัน ไม่ได้ให้ใครออกไปตายแทน
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
ตะวัน ไม่ได้อยู่ในคุกเพราะ #ม112 แต่เป็น #ม116
ตะวัน ไม่ได้ด่าในหลวง ไม่ได้ขวางขบวนพระเทพฯ แต่เขาเถียงกับตำรวจ
ตะวัน ไม่ได้อดอาหารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากศัตรู แต่เรียกร้องจากเพื่อนๆ กันเอง
ตะวัน ไม่ได้ดื้อรั้นให้คนรอบตัวต้องเอาใจ แต่เขาพยายามขัดขืนสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยเครื่องมือเท่าที่มี คือ ร่างกายตัวเอง
ตะวัน ไม่ได้ถูกใครจูงจมูกให้ออกไปตายแทน แต่มีคนห้ามมากมายแล้วเขาเลือกทางชีวิตของเขาเอง
ตะวัน ไม่ได้สุขสบาย เป็นฮีโร่ที่โด่งดัง แต่เขากำลังเจ็บปวดทรมาน เขาสูญเสียอนาคตและสิ่งต่างๆ ไปหมดแล้ว
แต่ยังไม่เคยสูญเสียความเชื่อของตัวเอง
และยังไม่สูญเสียลมหายใจ ในคืนนี้
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/7584149824948944?ref=embed_post
“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_696335/
“วรรณวิภา-ก้าวไกล” โวย “พิพัฒน์” ชิ่งตอบขึ้นค่าแรง แซะน่าเสียดาย สส.เป็นได้อีกนาน แต่ตำแหน่ง รมต. จะหลุดเก้าอี้เมื่อไหร่ไม่รู้ เหน็บ นายกฯ ถ้าตกใจเสร็จแล้ว ช่วยจัดการให้ด้วย
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา วันนี้ประกอบไปด้วย 3 กระทู้ โดยหนึ่งในกระทู้เป็นของนางสาววรรณวิภา ไม้สนสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้นายพิพัฒน์ไม่ได้มาตอบกระทู้ โดยนางสาววรรณวิภา กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายมาก ที่รัฐมนตรีมาตอบกระทู้สดทุกกระทู้ ยกเว้นของตนเพียงคนเดียว สัปดาห์หน้าก็ไม่มีกระทู้อีก แล้วก็จะปิดสมัยประชุมแล้ว
“น่าเสียดายค่ะ อยากให้ท่านรีบมาตอบ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายก็ได้ที่ท่านจะได้มาตอบกระทู้ในสภาแห่งนี้ พวกเรายังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกันอีกนาน แต่ท่านจะเป็นรัฐมนตรีถึงวันไหนยังไม่รู้เลย ก็อยากให้มาตอบ”
นางสาววรรณวิภา กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว มีมติคณะกรรมการขึ้นค่าจ้าง ออกข่าวกันใหญ่โตว่าปรับขึ้นนำร่อง 10 จังหวัด แต่ประเด็นแรงงานสับสนเลย เพราะการปรับครั้งนี้ปรับเป็นกลุ่มธุรกิจ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้
ช่วงนี้ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ปิดไมค์ และกล่าวว่า อภิปรายได้เล็กน้อย ขอรอรัฐมนตรีมาตอบ จากนั้น นางสาววรรณวิภา กล่าวต่อว่า ประชาชนรอฟังอยู่เรื่องการปรับค่าแรง เพราะปรับเพียงแค่กลุ่มธุรกิจโรงแรม 4 ดาว ที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไปเท่านั้น นอกจากนี้ยังปรับเป็นหย่อมๆด้วย จึงอยากทราบว่าใครได้ประโยชน์เรื่องนี้ และจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้านายกรัฐมนตรีได้ยิน แล้วท่านตกใจแล้ว ก็ช่วยให้รัฐมนตรีมาตอบในสภาด้วย
ประชาชนหลายคนหมดหวัง บอกไม่รอเงินดิจิทัลหมื่นบาท
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/220453
พีพีทีวีสำรวจความเห็นประชาชน ย่านอนุเสาวรีย์ชัยสรภูมิ พบว่า ประชาชนตอบหมดหวังไม่รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะถ้าได้จริงควรได้นานแล้ว
มาฟังความคิดเห็นของประชาชนกัน หลังมีการเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังรอกันมั้ย เพราะเลื่อนมาครั้ง ประชาชนเสียงแตก บางคนไม่รอแล้ว เพราะหมดหวัง ถ้าได้น่าจะได้นานแล้ว และหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลยุ่งยาก ต้องกลับไปใช้ตามทะเบียนบ้าน ส่วนบางคนบอกยังรอเพื่อมาช่วยเหลือค่าครองชีพ และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถได้
จากการสอบถามประชาชนย่านอนุเสาวรีย์ชัย หลายคนบอกว่า ไม่รอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแล้ว เพราะหมดความหวัง มองไม่เห็นความชัดเจน ทั้งการเลื่อนแจกเงิน และมองว่าควรปรับเงื่อนไขการใช้เงิน ให้ใช้ในพื้นที่ไหนก็ได้ เพราะเชื่อว่าคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะกลับไปใช้เงินที่บ้านเกิดของตัวเอง
"ความหวังก็ไม่ค่อยจะมีละครับ เพราะว่าหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน ทะเบียนบ้านอยู่เชียงใหม่ แต่มาทำงานกรุงเทพ ถ้าจะใช้ก็ต้องเดินทางก็จะเสียค่าใช้จ่ายอีก ก้อยากให้รัฐบาลปรับกฎเกณฑ์อะไรต่าง ๆ ให้มันง่ายขึ้นมา ให้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง เติมน้ำมัน เพราะค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ในกรุงเทพ ก็เดินทางส่วนใหญ่" ณัฐพงษ์ แย้มตราการ ประชาชน กล่าว
"ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังแล้ว เพราะว่ามันนานแล้ว ถ้าจะได้จริง ๆ ควรน่าจะได้ตั้งนานแล้ว " วรพล พุทธระสุ ประชาชน กล่าว
แต่ก็ยังมีคนที่เห็นต่าง บอกว่ายังรอใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทอยู่ แม้จะเลื่อนแจก หากได้เงินตรงนี้มา ก็จะได้นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะช่วงนี้ค่าครองชีพแพงมาก และอยากให้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์นำไปใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันรถได้
"ก็อยากจะไปใช้ที่มันจำเป็นหลายอย่าง เช่นน้ำมันรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ อยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นไปได้นะคะ ก้อยากให้รัฐบาลช่วยปรับให้หน่อย อะไรที่ปรับได้ ก็อยากให้รัฐบาลปรับนะคะ" อุบล ประเสริฐสังข์ ประชาชน กล่าว
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้ความเห็นถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า หากเงินถึงมือประชาชนช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ตามที่รัฐบาลคาดไว้ จะทำให้การใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งไม่ทันกับการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ แต่จะไปมีผลกับตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้าแทน แต่การที่รัฐบาลมีการแถลงถึงความคืบหน้าและมีกรอบระยะเวลาชัดเจนขึ้น อาจเป็นผลดีกับการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน 500,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค
ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 นายสุกิจบอกว่าไม่ได้นำผลจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมาคำนวณ คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3% ปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ ขึ้นอยู่กับการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยในปีนี้ก็อาจจะขยายตัวเพียง 2.5%